เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 772 กระดิ่งวิญญาณอินทนิล
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 772 กระดิ่งวิญญาณอินทนิล
สมบัติในส่วนที่สามทั้งหมดมีคุณภาพสูงกว่ารายการสมบัติในส่วนที่สองมาก แต่ราคาของพวกมันก็ถือว่าไม่ได้สูงมากนัก ส่วนหวงฝูเทาเทียนก็ไม่ได้เสนอราคาอีกต่อไปและก้มหัวพร้อมกับหลับตาลง ส่วนทั้งสิบสามตระกูลและผู้มีอิทธิพลชั้นบนสุดก็ไม่ได้เสนอราคาเช่นกัน ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังรอรายการสุดท้ายอยู่
“ลูกพี่ ทำไมพวกเจ้าไม่ออกไปกันก่อน หลังจากนี้คนจะเยอะขึ้นและเราจะดึงดูดความสนใจคนอื่นได้ง่ายๆ ข้าจะอยู่จัดการเรื่องเงินที่ได้จากการประมูลเอง”
ในที่สุดเฉียนว่านก้วนก็สงบสติได้และพูดออกมา เฟิ่งหลวนและชิงหยีต่างมองหน้ากันและพยักหน้าเบาๆ ภาพวาดทั้งสามถูกขายไปในราคาที่เกินปกติไปมากและชื่อของอีเพียวเพียวจะต้องโด่งดังไปทั่วเผ่าเทพประทานและคงแพร่ไปถึงทวีปจักรพรรดิบูรพาหลังจากค่ำคืนนี้ด้วย พวกเขาได้เห็นทุกอย่างที่ต้องการจะเห็นแล้วและไม่มีความหมายให้อยู่ที่นี่อีกต่อไป
พวกเขาจะไม่ซื้อสมบัติใดๆและหากพวกเขารอจนจบการประมูล พวกเขาอาจถูกตระกูลใหญ่แกะรอยตามได้อย่างง่ายดาย อย่างน้อยที่สุด ตระกูลลู่ก็จะต้องส่งคนมาตามพวกเขาอย่างแน่นอน เนื่องจากเจียงอี้ได้ขึ้นราคาประมูลที่ลู่หลินประมูลก่อนหน้านี้ไป
“ฮึฮึ!”
เจียงอี้โบกมือและพูดว่า “แม้ว่าเราจะออกไปตอนนี้ เราก็จะโดนแกะรอยตามมาอยู่ดี ไม่ต้องรีบไปหรอก….ข้าต้องการดูว่าจะหาทางติดต่อเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและหวงฝูเทาเทียนได้หรือไม่”
หวงฝูเทาเทียนกล่าวว่าเขาจะคืนศิลาสวรรค์ที่เจียงอี้ให้เขาร้อยเท่า และเจียงอี้ไม่คิดจะขอศิลาสวรรค์อยู่แล้ว แต่เจียงอี้ชอบบุคลิกของหวงฝูเทาเทียนและอยากขอความช่วยเหลือจากเขา
คนผู้นี้อาจทรยศตระกูลหวงฝู แต่ด้วยพรสวรรค์ที่ท้าทายสวรรค์เช่นนี้ ตระกูลหวงฝูจะปล่อยเขาไปง่ายๆได้อย่างไร? และด้วยความช่วยเหลือจากหวงฝูเทาเทียน มันจะง่ายกับพวกเขามากที่จะอยู่ในเมืองเทพประทานอย่างสงบสุข นายน้อยอย่างลู่หลินแทบจะเทียบกับหวงฝูเทาเทียนไม่ได้เลย
ทั้งสี่ตระกูลใหญ่บนเกาะเทพประทานนั้นแข็งแกร่งกว่าอีกเก้าตระกูล หวงฝูเทาเทียนมีพรสวรรค์ที่ท้าทายสวรรค์และเขาสามารถปราบปรามขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดอย่างชิงหลงได้ตั้งแต่อายุยังน้อย อนาคตของเขานั้นจะไร้ข้อจำกัดและหากเขาช่วยเจียงอี้ หากไม่นับตระกูลหวงฝู ตระกูลอื่นๆอีกสิบสองตระกูลเองก็คงจะเคารพกันบ้างแน่นอน
เจียงอี้รู้อย่างชัดเจนว่าเขาทำให้ลู่หลินขุ่นเคืองก่อนหน้านี้และตระกูลลู่ให้คนมาแอบสอดส่องศาลาของเขาอยู่ในความมืด เมื่อพวกเขาออกจากที่นั่น พวกนั้นจะติดตามเจียงอี้และกลุ่มของเขาไปอย่างแน่นอน เจียงอี้รู้จักนายน้อยอย่างลู่หลินเป็นอย่างดีและเขาก็รู้ว่าลู่หลินจะต้องล้างแค้นอย่างแน่นอน
แต่เมื่อเจียงอี้ตัดสินใจแล้ว คนอื่นๆก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
ที่เคยรื่นรมย์ในตอนแรกกลับมาวิตกกันอีกครั้ง เมืองเทพประทานนั้นไม่เหมือนกับเมืองภายนอก เนื่องจากที่นี่มียอดฝีมือเยอะเกินไป สัตว์เก่าแก่บางตนยังมีความแข็งแกร่งใกล้เคียงเทพแล้วเลย หากมีอะไรเกิดขึ้น มันก็อาจจะเป็นไปได้ที่เจียงอี้จะไม่มีโอกาสใช้วิชาหลีกสวรรค์เลยด้วยซ้ำ
“อย่ากังวลไป อะไรๆยังไม่น่าวิตกขนาดนั้น และอยู่ดีๆยอดฝีมือคงไม่เคลื่อนไหวอะไรหรอก ตราบใดที่พวกเขายังไม่เปิดค่ายกลเก้ามังกรสยบเทพ เราก็จะหนีไปจากที่นี่ได้อย่างง่ายดาย”
เจียงอี้ปลอบทุกคนก่อนที่จะหันไปมองลูกแก้ว เขาเพลิดเพลินกับการประมูลอย่างสบายใจและทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “ใช่แล้ว ตอนนี้เรามีศิลาสวรรค์แสนล้านก้อนแล้วนี่ หากใครเห็นของที่ชอบ ก็ประมูลได้เลย เราไม่ขาดศิลาสวรรค์หรอก”
เมื่อทุกคนเห็นว่าเจียงอี้เพลิดเพลินกับมันเพียงใด พวกเขาก็ไม่รู้สึกแย่อีกต่อไป แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่สนใจสมบัติที่ประมูลเลยเพราะความแข็งแกร่งที่สุดที่พวกเขามีคือเจียงอี้ แม้ว่าคนอื่นจะสวมสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงไป แต่พวกเขาก็ยังคงไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรนัก
สมบัติล้ำค่าค่อยๆปรากฏขึ้นทีละชิ้น มีทั้งอาวุธ, ชุดเกราะและสมบัติทุกประเภท มีสมบัติมากมายที่มีความสามารถพิเศษซึ่งทำให้เจียงอี้และคนอื่นๆตื่นตาตื่นใจมาก ฝูงชนด้านล่างเองก็เริ่มคึกคักกันเรื่อยๆเมื่อราคาประมูลเริ่มสูงขึ้น
“เอาล่ะ!”
หลังจากประมูลสมบัติไปได้หลายชิ้น สีหน้าของซือถูอีเนี่ยนก็จริงจังขึ้นมาขณะที่นางกล่าวว่า “การประมูลครั้งนี้ เราได้ประมูลสินค้าไปกว่าร้อยชิ้นและใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว คราวนี้มีรายการสินค้าสามรายการที่อยู่ส่วนสุดท้ายของงานเจ้าค่ะและทุกชิ้นล้วนเป็นสมบัติล้ำค่า ทุกท่านตั้งตารอได้เลยเจ้าค่ะ”
ผู้คนทั้งหมดกลั้นหายใจเมื่อใกล้ถึงงานแสดงหลักแล้ว คุณภาพในการประมูลนั้นค่อนข้างสูงและราคาสมบัติชิ้นสุดท้ายจะแพงขนาดไหนกัน? ไอลีนโนเวล
กริ๊ง! กริ๊ง!
เมื่อซือถูอีเนี่ยนโบกมือ หญิงงามนางหนึ่งสวมกระดิ่งสีม่วงและเดินไปยังเวที ขณะที่นางเดิน เสียงกระดิ่งก็จะชัดเจนและทุกครั้งที่มันสั่น ทุกๆคนก็จะรู้สึกว่าดวงจิตวิญญาณของพวกเขาสั่นเทาเล็กน้อยขณะที่ดวงตาของพวกเขาพร่ามัว นัยน์ตาของจอมยุทธที่น่าเกรงขามบางคนก็สุกสว่างขึ้น เนื่องจากกระดิ่งนี้เป็นสมบัติการโจมตีดวงจิตวิญญาณและยังเป็นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงอีกด้วย
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ข้าคิดว่าหลายๆท่านคงเดาได้แล้ว!”
ซือถูอีเนี่ยนหยิบกระดิ่งที่คอของหญิงสาวมาและชูมันขึ้น “นี่คือสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง และมันเรียกว่า กระดิ่งวิญญาณอินทนิล นี่คือสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นการโจมตีดวงจิตวิญญาณและทุกๆการประมูลจะต้องเสนอราคาเพิ่มอย่างน้อยหนึ่งร้อยล้านเจ้าค่ะ”
“กระดิ่ง?”
เจียงอี้ตกตะลึง เจ๊ใหญ่เองก็มีกระดิ่งห้อยคอนางด้วยไม่ใช่หรือ? เป็นเพราะกระดิ่งนั้นนางจึงถูกเรียกว่า เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน แต่เจียงอี้ไม่รู้ว่ากระดิ่งของนางเป็นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงหรือเปล่า
“สองพันล้าน!”
เสียงหญิงสาวดังก้องมาจากตระกูลหนานกง เจียงอี้และคนอื่นๆต่างก็ตาลุกวาวเพราะพวกเขาคุ้นเคยกับเสียงนั้นเป็นอย่างดี มันคือเสียงของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน ดูเหมือนว่านางจะชอบกระดิ่งมากๆและกระดิ่งที่ห้อยอยู่ที่คอนางอาจไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง
“สองพันหนึ่งร้อยล้าน!”
“สองพันสามร้อยล้าน!”
“…”
หลังจากที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเสนอราคาแล้วก็ยังมีคนอื่นๆที่เสนอราคาด้วยเช่นกัน มีคนไม่น้อยเลยที่รู้วิธีการโจมตีดวงจิตวิญญาณและสิ่งนี้จะช่วยให้พวกเขาเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ได้ค่อนข้างมาก
“สามพันล้าน!” เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานตะโกนออกมาอีกครั้ง นางดูมีความมุ่งมั่นในกระดิ่งนี้เป็นอย่างมาก
แต่น่าเสียดายที่สมบัติชิ้นนี้หายากเกินไปและราคาก็เพิ่มขึ้นไปมาก เฟิ่งหลวนและคนอื่นๆเองก็รู้สึกตื่นตระหนกไปด้วยเนื่องจากพวกเขามีสัมพันธ์ที่ดีต่อเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน และนางเป็นดั่งพี่สาวสำหรับพวกเขา พวกเขาอยากให้เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานประมูลสิ่งประดิษฐ์นี้ให้ได้
“ห้าพันล้าน!”
หลังจากที่ราคาขึ้นไปสี่พันล้านแล้ว เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็กัดฟันและตะโกนออกมา เห็นได้ชัดว่าราคานี้มันถึงขีดสุดของนางแล้ว
“ห้าพันหนึ่งร้อยล้าน!”
เสียงอ่อนโยนของหญิงสาวดังก้องมาจากศาลาบนชั้นสาม เมื่อเจียงอี้และคนอื่นๆได้ยินเสียงนั้น พวกเขาก็ขมวดคิ้ว พวกเขาคุ้นเคยกับเสียงนี้มากเพราะมันเป็นแม่นางลู่หยี่แห่งตระกูลลู่ พวกเขาไม่คิดว่านางจะชอบเสียงกระดิ่งนี้ด้วย หรือบางทีนางอาจจะกำลังบ่มเพาะดวงจิตวิญญาณอยู่ก็ได้
ที่ชั้นแรกเงียบสนิทเพราะพวกเขาไม่สามารถจ่ายในราคาเช่นนั้นได้อีกต่อไป พวกเขาได้แต่เฝ้ามองตระกูลใหญ่แข่งกันเองเท่านั้น
มีเสียงคนชราดังขึ้นจากศาลชั้นสอง “ห้าพันห้าร้อยล้าน!”
“หกพันล้าน!”
ในศาลาตระกูลหนานกง เสียงของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็ดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เจียงอี้เท่านั้น ทุกคนที่อยู่ในโถงนั้นเองก็ได้ยินเสียงสั่นเทาของนาง พวกเขารู้ว่าราคานี้มันเกินความสามารถของนางแล้ว
เสียงของลู่หยี่ดังขึ้นอีกครั้งและฟังดูสบายๆมาก “แปดพันล้าน!”
ทั้งห้องโถงตกอยู่ในความเงียบงันขณะที่ศาลาตระกูลหนานกงเองก็ไม่มีเสียงตอบรับอีกต่อไป ศาลาอื่นๆเองก็เงียบไป ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่สามารถจ่ายได้ แต่จากน้ำเสียงของลู่หยี่ มันเป็นน้ำเสียงราวกับว่านางสามารถใช้จ่ายได้อีกหลายพันล้าน คนอื่นที่เหลือเองก็ไม่กล้าประมูลเพราะพวกเขาเองก็ไม่ต้องการรุกรานตระกูลลู่ด้วย
“แม่นางลู่หยี่งดงามราวกับเทพธิดา และมันคงจะงดงามยิ่งขึ้นเมื่อได้สวมกระดิ่งนี้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ แปดพันล้าน มีผู้ใดจะประมูลอีกไหมเจ้าคะ? หากไม่มีแล้ว กระดิ่งวิญญาณอินทนิลนี้จะเป็นของแม่นางลู่หยี่”
ซือถูอีเนี่ยนรออยู่ชั่วขณะและเมื่อนางเห็นว่าไม่มีใครเสนอราคาอีก นางจึง เสียงของลู่หลินดังก้องขึ้นมาอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยความเดือดดาล “หมื่นสองพันล้าน!”
ทั้งห้องโถงตกอยู่ในความโกลากล นี่จะมีการแสดงเกิดขึ้นอีกหรือไม่?
ศาลาหมายเลข ห้าห้าห้า เงียบไปครู่หนึ่ง และทันใดนั้น เสียงที่สุภาพก็ก้องกังวานไปทั่วทั้งห้องโถง “สองหมื่นล้าน!”
มจางๆแล้วพูดว่า “สาม, สอง!”
“หมื่นล้าน!”
เสียงที่ถูกเปลี่ยนไปเพราะข้อจำกัดดังขึ้นอีกครั้ง สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปที่ต้นเสียงและดวงตาของพวกเขาก็สว่างขึ้นทันที ศาลาหมายเลข ห้าห้าห้า เสนอราคาครั้งแรกในระหว่างที่ลู่หลินประมูลสินค้าชิ้นแรกไปและในคราวนี้พวกเขากำลังจะเสนอราคาอีกครั้ง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเพ่งเล็งตระกูลลู่ หรือว่าเขาจะบาดหมางกับตระกูลลู่หรือเปล่า?