เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 777 ความรู้คุณของข้าไม่สามารถแสดงออกมาเป็นคำพูดได้
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 777 ความรู้คุณของข้าไม่สามารถแสดงออกมาเป็นคำพูดได้
ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง!
น้ำตาหลั่งไหลอาบแก้มเฟิ่งหลวน, ชิงหยี และเจียงเสี่ยวนู๋และมันหยดลงบนเก้าอี้ไม้สีแดงขณะที่มันเกิดเสียงออกมาอย่างชัดเจน ผู้หญิงด้านล่างหลายคนเองก็ร้องไห้เช่นกัน ขณะที่ไหล่ของซือถูอีเนี่ยนเองก็สั่นสะท้านขณะที่นางสะอื้นอย่างเงียบๆ
หลังจากที่หวงฝูเทาเทียนพูดจบ เขาก็ปิดฝาโลงเบาๆและเทแก่นแท้พลังลงไปที่โลงศพขณะที่มันเริ่มฉายอักขระอีกครั้ง หลังจากที่ปิดฝาโลงศพแล้ว หวงฝูเทาเทียนก็เก็บโลงศพเข้าไปในแหวนและยืนขึ้น จากนั้นเขาก็เดินออกไปอย่างมั่นคงและภาคภูมิใจ
ใบหน้าของเขากลับมาสงบอีกครั้ง ดวงตาของเขามั่นคงและแน่วแน่ขณะที่ผมสีเขียวของเขาปลิวไสวเล็กน้อย หญิงสาวหลายคนมองไปที่เขาด้วยสายตาหลงใหลขณะที่ชายหนุ่มหลายคนถอนหายใจและรู้สึกต่ำต้อย
หวงฝูเทาเทียนไม่หันมามองศาลาหมายเลข ห้าห้าห้า อีกเลยและไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เขาเพียงแค่เดินออกไปจากโรงประมูลและหายไปจากสายตาของทุกคน
“ลูกพี่…”
เฉียนว่านก้วนกังวลเล็กน้อยเนื่องจากหวงฝูเทาเทียนคนนี้ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว ศิลาสวรรค์แปดหมื่นล้านก้อนจะปลิวลอยไปด้วยหรือไม่? หากเขาจะต้องกลับไปยังทะเลเทพประทาน แล้วพวกเขาจะไปเอาศิลาสวรรค์คืนจากที่ไหน? มันไม่เหมาะสมเกินไปหรือเปล่า อย่างน้อยเขาก็ควรจะขอบคุณหรือบอกว่าจะคืนศิลาสวรรค์ให้เจียงอี้ จริงไหม?
“ฮึฮึ!”
เจียงอี้โบกมือให้เฉียนว่านก้วนไม่ต้องพูด นิสัยของหวงฝูเทาเทียนคล้ายกับเขามากเกินไป และพวกเขาจะไม่ตอบแทนความกตัญญูด้วยคำขอบคุณง่ายๆ มันคงไม่มีเหตุผลจะขอบคุณเรื่องศิลาสวรรค์แปดหมื่นล้านก้อนที่ได้มาในช่วงเวลาสำคัญ ในภายภาคหน้า หวงฝูเทาเทียนจะหาทางคืนศิลาสวรรค์ให้เจียงอี้อย่างแน่นอน
อันที่จริงแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่จ่ายศิลาสวรรค์คืน เจียงอี้ก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน เขายังมีศิลาสวรรค์อีกแปดพันล้านก้อนและมันก็พอสำหรับเขาที่จะใช้ได้เป็นเวลานานแล้ว เจียงอี้มีนิสัยเช่นนี้เสมอและจะทำอะไรบางอย่างตราบเท่าที่เขารู้สึกว่าอยากทำ เขาไม่ได้กังวลเรื่องผลลัพธ์และหากฟ้าจะถล่ม เขาก็จะคิดหาทางแก้เมื่อมันเกิดขึ้นจริงๆ
“เอาล่ะ การประมูลครั้งนี้จบลงแล้วเจ้าค่ะ ค่ำคืนนี้จะเป็นประสบการณ์ที่ยากที่จะลืมสำหรับอีเนี่ยน ถือเป็นเกียรติของอีเนี่ยนอย่างยิ่งที่ได้เห็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์พร้อมกับทุกท่านในคืนนี้ ข้าหวังว่าข้าจะมีโอกาสที่จะช่วยจัดการประมูลอีกในอนาคตและหวังว่าคงได้พบทุกท่านอีกครั้งนะเจ้าคะ!”
เสียงของซือถูอีเนี่ยนสั่นเทาเล็กน้อยขณะที่นางเอาแขนพาดหน้าท้องและโค้งคำนับขณะที่ประกาศสิ้นสุดการประมูลในวันนี้ ผู้ดูแลการประมูลจากตระกูลซือถูเริ่มชำระรายการกับลูกค้าหลายรายและมอบศิลาสวรรค์ให้แก่ผู้ขาย
อาคมยับยั้งของศาลาที่เจียงอี้อยู่ฉายแสงขึ้นมา หลังจากที่เฉียนว่านก้วนยกเลิกข้อจำกัดของศาลาก็มีเสียงที่สุภาพดังมาจากด้านนอก “คารวะแขกผู้มีเกียรติ ข้ามีนามว่าซือถูอีเสี้ยว ท่านพ่อของข้า ซือถูอ้าว มีคำสั่งให้มาจัดการค่าใช้จ่ายกับทุกท่านโดยเฉพาะ”
“ซือถูอีเสี้ยว!”
เจียงอี้และเฉียนว่านก้วนมองหน้ากันและคิดว่าตระกูลซือถูแสดงความเคารพสูงสุดอย่างแท้จริง พวกเขาส่งนายน้อยอันดับหนึ่งมาชำระค่าใช้จ่ายด้วยตัวเองจริงหรือ? เฉียนว่านก้วนมองไปที่เจียงอี้ขณะที่เจียงอี้ส่งเฟิ่งหลวนและสาวๆคนอื่นเข้าไปในราชวังจักรพรรดิ จากนั้นเขาก็พยักหน้าให้เฉียนว่านก้วนและส่งข้อความว่า “ว่านก้วน เจ้าต้องปลอมเป็นอีเพียวเพียว ข้าและมังกรวารีสีทองจะเป็นผู้พิทักษ์เจ้าเอง”
“ลูกพี่ นี่มัน…”
เฉียนว่านก้วนมีสีหน้าบูดบึ้ง เจียงอี้โหดเหี้ยมเกินไปและผลักเขาไปรับหน้าจริงๆ? คนที่มีรูปลักษณ์ที่แย่ขนาดเขาจะเป็นอัจฉริยะที่วาดภาพวาดสวรรค์ยอดเยี่ยมเช่นนั้นได้อย่างไรกัน? ยังไงเขาก็ดูเหมือนของปลอม
“หยุดพูดไร้สาระเถอะหน่า ข้ามีเหตุผลของตัวเองในเรื่องนี้ แล้วข้าจะอธิบายให้ฟังทีหลัง”
เจียงอี้จ้องไปที่เฉียนว่านก้วนและส่งข้อความมาอีก ส่วนเจ้าอ้วนเฉียนก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคับแค้นที่ซ่อนอยู่ “นายน้อยอีเสี้ยว โปรดเข้ามาเถอะ”
ขณะที่ประตูค่อยๆเปิดออก ซือถูหงได้นำนายน้อยผู้สง่างามเข้ามา นายน้อยผู้นั้นสวมชุดคลุมสีขาวและผมของเขาก็ถูกหวีอย่างเรียบร้อย ร่างของเขาเผยความสะอาดและสดชื่นและใบหน้าของเขาที่มีรอยยิ้มซึ่งมันดูไม่เหมือนรอยยิ้มนั่นทำให้เขาดูสง่างามนัก
“ข้าน้อยซือถูหง หัวหน้าโรงประมูลนี้ และนี่คือนายน้อยอันดับหนึ่งของตระกูลเรา ซือถูอีเสี้ยวขอรับ เมื่อได้ยินว่าข้ากำลังจะมาชำระค่าใช้จ่าย นายน้อยก็ต้องการมาเยี่ยมเยียนด้วยตัวเองและสร้างสัมพันธ์กับท่านใต้เท้า”
ซือถูหงกวาดมองไปและสังเกตเห็นว่าเป็นเจ้าอ้วนเฉียนว่านก้วนที่กำลังนั่งอยู่? และมีคนสองคนยืนอยู่ข้างๆ และแม้ว่าเฉียนว่านก้วนจะใช้หินจันทร์มายาและยาแปลงกายเพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนร่างอ้วนของเขาได้ ซือถูหงจึงรู้ทันทีว่าเฉียนว่านก้วนเป็นคนที่นำภาพวาดมาประมูล แต่เขาไม่ได้คาดไว้ว่าเฉียนว่านก้วนจะเป็นนายน้อย ไอลีนโนเวล
ซือถูหงคำนับทั้งสามอย่างเคารพและยิ้มอย่างสอพลอ จากนั้นเขาก็หันไปข้างๆเพื่อแนะนำซือถูอีเสี้ยว ในขณะที่ซือถูอีเสี้ยวก็ยิ้มอ่อนๆเพื่อให้ซือถูหงเปิดข้อจำกัด จากนั้นซือถูอีเสี้ยวก็ป้องกำปั้นและกล่าวว่า “อีเสี้ยวทักทายแขกทั้งสาม โปรดอภัยให้อีเสี้ยวด้วยที่มาโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบก่อน ข้าปรารถนาอยากเป็นสหายกับอาจารย์อีเพียวเพียว ภาพวาดสวรรค์ทั้งหกร้อยภาพและภาพวาดทั้งสามภาพนั้นทำให้อีเสี้ยวได้เห็นสิ่งที่เรียกว่าอัจฉริยะอย่างแท้จริง การที่อีเสี้ยวได้พบกับท่าน ข้าก็สามารถตายโดยไม่เสียใจแล้ว”
เจียงอี้ไม่ได้พูดอะไร มังกรวารีสีทองเองก็ไม่กล้าพูดอะไรเช่นกัน ส่วนเฉียนว่านก้วนรู้สึกราวกับว่าเขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ถูกตรึงไว้ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกัดฟันตอบว่า “นายน้อยอีเสี้ยวสุภาพไปแล้ว ข้ารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้พบนายน้อยอันดับหนึ่งของตระกูลซือถู”
ซือถูอีเสี้ยวแลกสายตากับซือถูหง พวกเขาไม่ได้คาดเอาไว้ว่าเจ้าอ้วนคนนี้จะเป็นอีเพียวเพียวจริงๆ
คนที่พูดก่อนหน้านี้ใช้ข้อจำกัดเปลี่ยนเสียงไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าใครเป็นปรมาจารย์ที่แท้จริงในสามคนนี้ แต่เนื่องจากเจ้าอ้วนคนนี้รับมัน ซือถูอีเสี้ยวจึงต้องยอมรับเขา เขาป้องมืออีกครั้งแล้วพูดว่า “ท่านถ่อมตัวเกินไปแล้ว การได้เป็นสหายกับคนเช่นท่าน มันน่าจะเป็นเกียรติของอีเสี้ยวมากกว่า ข้ามาที่นี่เพื่อส่งป้ายให้แก่ท่านตามคำสั่งท่านพ่อ นี่คือป้ายที่สี่ตระกูลจะได้ร่วมกัน ท่านไม่จำเป็นต้องเสียภาษีในเมืองและสามารถซื้อทุกสิ่งได้ในสมาคมการค้าของสี่ตระกูลใหญ่ได้ในราคาเพียงครึ่งเดียว”
“ในขณะเดียวกัน ท่านสามารถเดินไปทั่วเมืองได้ในช่วงกลางคืนและท่านยังสามารถออกจากเมืองได้ด้วย นี่เป็นป้ายกิตติมศักดิ์จากสี่ตระกูลใหญ่ และมีเพียงผู้มีสถานะพิเศษเท่านั้นที่จะได้ป้ายนี้ ป้ายนี้จะได้รับก็ต่อเมื่อท่านพ่อของข้าขอความเห็นจากท่านลุงเหลย, ท่านลุงหนานกงและท่านลุงหวงฝูเท่านั้น โปรดรับความจริงใจเล็กน้อยจากสี่ตระกูลใหญ่เอาไว้ด้วยนะขอรับ เรายินดีอย่างยิ่งที่จะได้เป็นสหายกับท่าน นอกจากนี้…ป้ายนี้ ท่านไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบหรือแลกเปลี่ยนอะไรเลย”
“เอ่อ…”
เฉียนว่านก้วนตกใจและเหลือบไปมองเจียงอี้ แต่เขาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วและมองไปยังมังกรวารีสีทองอีกครั้งด้วยเช่นกัน เจียงอี้มีสีหน้าที่ว่างเปล่า แต่เขาก็ตอบด้วยการกระพริบตาโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้ ซึ่งทำให้เฉียนว่านก้วนเข้าใจในทันทีและยืนขึ้นมาเพื่อรับป้ายนั้นและตอบว่า “ประมุขซือถูถ่อมตัวไปแล้ว ข้าจะไปเยี่ยมเยียนท่านประมุขซือถูสักวันหนึ่งเพื่อขอบคุณในความกรุณาของเขา”
“ได้เลย อีเสี้ยวและท่านพ่อจะเป็นเกียรติมากนักที่ท่านมายังตำหนักซือถูของเรา!”
ซือถูอีเสี้ยวโค้งคำนับเล็กน้อยและกล่าวคำอำลาไป เขาบรรลุวัตถุประสงค์ของเขาและเมื่ออีกฝ่ายเองก็รับความช่วยเหลือ การรับสมัครเข้าตระกูลนั้นไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เพราะมันจะกลายเป็นผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามทันทีหากเขาเสนอให้เข้าร่วมตระกูลซือถูกะทันหัน การที่นายน้อยซือถูอีเสี้ยวเป็นนายน้อยอันดับหนึ่งของเขานั้นไม่เพียงแต่อยู่ที่พ่อของเขาเท่านั้น แต่เขาเองก็มีความสามารถมากเช่นกัน
ซือถูหงอยู่คอยชำระค่าใช้จ่ายกับเฉียนว่านก้วน ตระกูลซือถูไม่ได้ตั้งใจจะให้ศิลาสวรรค์มากขึ้นเนื่องจากป้ายนั้นมีค่ามากกว่าศิลาสวรรค์แล้ว นั่นเป็นสัญลักษณ์ของสถานะ และด้วยป้ายนี้ สถานะของเจียงอี้และกลุ่มข้องเขาจะต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงในเมืองเทพประทาน ตระกูลซือถูเองก็ยังแสดงความหมายที่ซ่อนเร้นเอาไว้ด้วยว่า…ตระกูลซือถูสามารถปกป้องพวกเขาได้ และด้วยป้ายนี้ ตระกูลเหลยจะไม่กล้าเคลื่อนไหวในเวลานี้ และตระกูลลู่เองก็ไม่กล้าแสดงความไม่พอใจที่ชัดเจนเกินไปด้วย
หลังจากที่จัดการเรื่องศิลาสวรรค์แปดพันล้านก้อนและได้ป้ายมาแล้ว เจียงอี้และกลุ่มของเขาก็จะสามารถซื้อยาเทพสะอื้นได้อีกนาน ทุกคนเตรียมออกไปด้วยความพอใจ หลังจากที่รอให้ทุกคนด้านล่างออกไปแล้ว ทั้งสามคนก็ลุกขึ้นและจากไป
เจียงอี้และมังกรวารีสีทองเดินตามเฉียนว่านก้วนไปขณะที่พวกเขาเดินออกจากโรงประมูล เมื่อพวกเขาเห็นว่าไม่มีใครสนใจพวกเขาที่ชั้นหนึ่งแล้ว ทั้งสามก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อพวกเขาเดินออกจากประตูมา ทั้งสามคนก็เห็นร่างที่คุ้นเคย บุคคลผู้นั้นโดดเด่นเกินไปเนื่องจากผมของเขาเป็นสีเขียว
หวงฝูเทาเทียนยืนอยู่ข้างนอกประตู เขาไม่ได้มองไปรอบๆและไม่มีสีหน้าใดๆเผยออกมา เมื่อเจียงอี้และอีกสองคนเดินไปที่ประตู ทันใดนั้นเขาก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วตะโกนว่า “ความรู้คุณของข้าไม่สามารถแสดงออกมาเป็นคำพูดได้ หวงฝูเทาเทียนไม่ได้เตรียมตัวมาขอบคุณเช่นกัน ข้ายินดีรับใช้ท่านสิบปีเพื่อตอบแทนความกตัญญูนี้!”
��