เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 781 หนานกงฉี่หลิง
เมื่อพูดถึงตระกูลหนานกง เจียงอี้ก็นึกถึงเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานที่ไม่ได้ติดต่อเขาตั้งแต่ต้นจนจบเลย เดิมทีเขาคิดว่าหลังจากที่ออกจากโรงประมูลแล้ว เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานจะส่งข้อความถึงเขาหรือให้คนส่งข้อความถึงเขา แต่เขาก็ไม่ได้รับข้อความใดๆเลยเนื่องจากเจอเหตุการณ์หวงฝูเทาเทียน เขาไม่ได้อยู่รอบๆจัตุรัส และเมื่อหวงฝูเทาเทียนพูดถึงตระกูลหนานกง เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย “พี่ใหญ่หวงฝู เจ้ารู้จักหนานกงฉี่หลิงไหม?”
“ข้าเคยได้ยินเรื่องนาง!”
หวงฝูเทาเทียนขมวดคิ้วและพูดว่า “นางดูเหมือนคุณหนูจากตระกูลหนานกง แต่ไม่ถือว่ามีชื่อเสียงและไม่ได้เป็นที่โปรดปรานด้วย ข้าจำได้ว่านางสมรสไปเมื่อหลายปีก่อน น้องเจียงถามเรื่องนี้ทำไมหรือ? อ้อใช่…ข้าจำได้แล้วว่าเจ้าประมูลกระดิ่งวิญญาณอินทนิลให้นางใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว”
เจียงอี้พยักหน้าและในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ข้อจำกัดในลานบ้านก็สั่นสะเทือนในทันใด ทุกคนค่อนข้างประหม่าแต่หวงฝูเทาเทียนไม่ได้กังวลเลย เขาปิดข้อจำกัดและเดินออกไป เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านนอก เขาก็ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นี่มันอะไร?”
“นายน้อยหวงฝู!”
คนที่มาคือขอบเขตเทียนจุนวัยกลางคนธรรมดา เขาป้องมือและไม่ได้พูดอะไรออกมาขณะที่สีหน้าของหวงฝูเทาเทียนเย็นลงและกวาดมองทั้งสองฝั่งและตะโกนด้วยกลิ่นอายสังการอย่างเอ่อล้น “หน่วยสอดแนมที่ซ่อนอยู่ใกล้ๆทั้งหมด ฟังข้าให้ดี เจ้าจะแอบตามเราก็ได้ตามที่ต้องการ แต่อย่ามาสอดแนมนายน้อยของข้าด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ไม่เช่นนั้น อย่าโทษข้าที่ไม่ไว้หน้าประมุขตระกูลเจ้า”
ตูมม!
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ฟาดฝ่ามือไปที่กำแพงลานข้างๆและมันก็ถล่มทันที และลานบ้านก็พังทลายลงเช่นกัน ชายชุดดำกระอักเลือกและบินออกมาขณะที่เขาถูกซากอาคารทับ
ฟึ่บ! ฟั่บ!
เจียงอี้พาทุกคนเข้าไปในราชวังจักรพรรดิขณะที่เขาเปิดใช้งานหินจันทร์มายาและแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกไป เขาอดไม่ได้ที่จะหายใจเย็นเยียบเมื่อเห็นฉากนี้และคิดเงียบๆว่าหวงฝูเทาเทียนผู้นี้บ้าคลั่งจริงๆและยังกล้าใช้ความรุนแรงในเมืองจริงๆ? เขาอาจไม่ได้สังหารผู้ใดเลย แต่มันจะเตือนทหารในเมืองแน่นอนใช่ไหม?
และใช่จริงๆ!
ทหารที่เมืองนี้บินมาแต่ไกลและตะโกนมาว่า “ใครบังอาจใช้กำลังในเมืองนี้? เจ้าอยากตาย เอ่อ……คารวะนายน้อยหวงฝู”
ผู้บัญชาการกลุ่มทหารนี้เป็นขอบเขตเทียนจุนระดับกลางและเมื่อเขาเห็นใบหน้าหวงฝูเทาเทียน เขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น และรีบลงมาป้องกำปั้นแล้วพูดว่า “นายน้อย ท่านน่าจะรู้กฎของเมืองนี้ดี โปรดอย่าทำเรื่องลำบากใจให้เราเลยขอรับ”
“ข้าไม่ได้ทำเรื่องลำบากใจ!”
หวงฝูเทาเทียนใช้สายตาที่เย็นชามองคนผู้นั้น “คนผู้นี้ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์สอดแนมเข้ามาในลานบ้านนายน้อยตระกูลข้า ข้าไว้หน้าพวกเจ้าโดยไม่สังหารคนผู้นี้แล้ว ตามกฎของเมือง ไม่มีใครควรสอดแนมลานบ้านอื่นแบบสุ่มสี่สุ่มห้าใช่ไหม? เอามันกลับไปซะ หากคิดว่าข้าทำอะไรผิด ก็จับข้าไปได้”
“ไม่เลย ไม่ผิดเลยขอรับ!”
ปากของผู้บัญชาการกระตุกขณะที่เขาฝืนยิ้ม ใครจะกล้าจับคนบ้าคนนี้กัน? ย้อนไปในตอนนั้น ศูนย์บัญชาการทหารรักษาเมืองเกือบถูกหวงฝูเทาเทียนทำลายลง นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนปัจจุบันยังเป็นสมาชิกตระกูลหวงฝูด้วย
ทหารสองสามคนรีบวิ่งไปที่ลานบ้านนั้นและอุ้มหน่วยสอดแนมออกไป เมื่อพวกเขาเห็นว่าคนผู้นี้มีเครื่องหมายตระกูลลู่อยู่ พวกเขาก็รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย หวงฝูเทาเทียนก็ยังยั้งตัวเองและไม่ทำให้หน่วยสอดแนมตระกูลเหลยหรืออีกสามตระกูลอื่นเป็นอัมพาตไป ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์นี้จะสร้างความลำบากใจแน่นอน
“หากไม่มีอะไรแล้ว พวกเจ้าก็ไปกันได้แล้ว!”
หวงฝูเทาเทียนพูดด้วยน้ำเสียงขรึมๆและโบกมือ ผู้บัญชาการทหารไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจากไปพร้อมกับคนของเขา หวงฝูเทาเทียนหันไปมองขอบเขตเทียนจุนวัยกลางคนแล้วถามว่า “เจ้าต้องการอะไร?”
คนผู้นั้นตัวสั่นเทาเมื่อเขาถูกหวงฝูเทาเทียนจ้องมอง เขาไม่กล้าพูดไร้สาระและรีบหยิบกล่องหยกจากแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณออกมาและยื่นให้ด้วยความเคารพ “ข้าเป็นหัวหน้าฝ่ายกิจการภายนอกของตระกูลหนานกง หนานกงลู่ขอรับ ข้าได้รับคำสั่งจากคุณหนูหนานกงฉี่หลิงให้นำกระดิ่งวิญญาณอินทนิลมาคืน นางกล่าวว่าสมบัตินี้มีค่าเกินไปและนางไม่กล้ารับมันไว้ ลูกหลานตระกูลหนานกงจะต้องไม่ยอมรับของจากผู้อื่นอย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม คุณหนูซาบซึ้งในความกรุณาของท่านและตระกูลหนานกงเองก็ขอบคุณเช่นกัน นอกจากนี้…ท่านประมุขได้เชิญท่านไปเยี่ยมตระกูลหนานกงเมื่อท่านมีเวลา ตระกูลหนานกงยินดีต้อนรับทุกเมื่อนะขอรับ”
หัวหน้าผู้นั้นคำนับและจากไปทันที หวงฝูเทาเทียนเก็บกล่องหยกเอาไว้และเหลือบมองลานรอบๆอย่างเย็นชาอีกครั้งและสูดลมหายใจก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในลานบ้านและเปิดใช้ข้อจำกัดอีกรั้ง
เจียงอี้เดินไปหยิบกล่องหยกและเมื่อเขาเปิดกล่องออกมา เขาก็ขมวดคิ้วและพึมพำอย่างประหลาดใจ “เป็นไปได้อย่างไรกัน? ทำไมเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานถึงปฏิเสธของขวัญจากข้านะ?”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้?” ไอลีนโนเวล
หวงฝูเทาเทียนตอบกลับพร้อมกับประหลาดใจ “หนานกงหยุนยี่นั้นหัวโบราณมาก ตระกูลหนานกงมีกฎการเลี้ยงดูที่เข้มงวดและมันเป็นเรื่องปกติที่หนานกงฉี่หลิงจะไม่รับของขวัญจากเจ้า ยังไงเสีย กระดิ่งวิญญาณอินทนิลนี้ก็ไม่ใด้มีมูลค่าเพียงหลักสิบล้าน ยิ่งตระกูลมีอิทธิพลมากเท่าใด ก็ยิ่งยากที่พวกเขาจะยอมรับผลประโยชน์จากผู้อื่นเพราะมันอาจกลายเป็นบุญคุณ”
“ไม่ มันไม่ใช่แบบนั้น”
เจียงอี้ส่ายหัว หวงฝูเทาเทียนไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานกับเขา เขาเชื่อว่านางรู้ว่าเขาเป็นคนที่มอบของขวัญให้นางและนางจะซาบซึ้ง แต่นางจะไม่ส่งกระดิ่งคืนมา แถมยังกล่าวด้วยว่าตระกูลหนานกงจะต้องไม่รับของจากผู้อื่นง่ายๆ นี่มันเป็นพิธีมากเกินไปและไม่ใช่สิ่งที่นางจะเป็นคนพูด บางที…นางอาจจะกำลังมีปัญหาบางอย่างอยู่
“เหมือนว่าข้าจะต้องหาโอกาสไปเยี่ยมตระกูลหนานกงและเจอเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานแล้ว”
เจียงอี้ตัดสินใจเงียบๆว่าเขาจะต้องไปเจอนางให้ได้เนื่องจากมันแปลกเกินไปที่นางจะคืนกระดิ่งวิญญาณอินทนิล นางไม่ได้ส่งคืนด้วยตัวเองและมีคนอื่นส่งคืนมาให้? หรือนางจะมีความลำบากใจบางอย่าง?
“พี่ใหญ่หวงฝู”
เจียงอี้นิ่งไปรู่หนึ่งแล้วถามว่า “เจ้ามีช่องทางหาข้อมูลหรือไม่? ท่านช่วยข้าตรวจสอบสถานการณ์ในเมืองได้ไหม? ตอนนี้เหมือนข้าเป็นคนตาบอดไม่รู้เรื่องและมันก็รู้สึกไม่ค่อยดีนัก แล้ว…ถ้าหากเป็นไปได้ เจ้าช่วยข้าหาข้อมูลของหนานกงฉี่หลิงให้ข้าได้หรือไม่?”
“อื้ม ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง!”
หวงฝูเทาเทียนพยักหน้าและพูดว่า “ข้าอยู่ที่เมืองเทพประทานมากว่ายี่สิบปีแล้วและข้ายังพอมีช่องทางอยู่ ข้าจะหาความเคลื่อนไหวของตระกูลต่างๆได้”
หวงฝูเทาเทียนรับบทเป็นลูกน้องของเจียงอี้อย่างสบายๆ เขาเป็นคนรักษาคำพูด เจียงอี้อาจสุภาพกับเขามาก แต่เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะเป็นทาสของเจียงอี้สิบปีอย่างแน่นอน แม้ว่าเจียงอี้จะขอให้เขาสังหารคนตระกูลหนานกง เขาก็จะไม่ลังเลเลย
หลังจากที่หวงฝูเทาเทียนออกไปแล้ว เจียงอี้ก็นำเฉียนว่านก้วนและคนอื่นๆออกมา ทุกคนตัดสินใจกันและจะซื้อลานบ้านที่ใหญ่ขึ้น เฉียนว่านก้วนจะปลอมตัวเป็นอีเพียวเพียวเพื่อทำข้อตกลงกับสี่ตระกูลใหญ่ เมื่อไม่มีผู้ใดรู้ว่าอีเพียวเพียวเป็นใคร พวกเขาคงไม่สามารถขอให้เฉียนว่านก้วนวาดภาพได้ทันทีหรอกใช่ไหม?
พวกเขายังจะให้เฉียนว่านก้วนเผยตัวตนปลอมออกไปและให้หวงฝูเทาเทียนรับคนเข้ามาเพื่อที่จะวางตัวเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ที่ดี
ด้วยทางนี้ เหลยฉีเหยียนและลู่หลินจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่จะพยายามกำจัดพวกเขา จะไม่มีการใช้กำลังในเมืองเทพประทานและมันเป็นกฎที่อยู่มานับแสนปีแล้ว กฎข้อนี้ไม่เคยถูกทำลายลง อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในที่สาธารณะ หากเจียงอี้และกลุ่มของเขาเปิดเผยตัวตนในที่สาธารณะ อีกฝ่ายจะต้องระมัดระวังมากขึ้น
การมีหวงฝูเทาเทียนอยู่ใกล้ๆ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คนทั่วไปจะมาลอบสังหารพวกเขาได้ ตระกูลหวงฝูอาจดูไร้หัวใจ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่หวงฝูฉีจะไม่สนใจบุตรชายผู้นี้ เขาเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมและมันเป็นไปได้ที่หวงฝูเทาเทียนจะเทียบเคียงกับเทพ ดังนั้นตระกูลหวงฝูจึงไม่มีวันทอดทิ้งเขา
ส่วนเจียงอี้ก็กำลังจะซ่อนตัวอยู่ข้างหลังและฝึกฝนอย่างขันแข็ง เขาเป็นเสาหลักของทุกคนและทุกคนจะรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นหากเขาแข็งแกร่งขึ้น จากนั้น พวกเขาก็จะมีความหวังที่จะได้กลับไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพา
เฉียนว่านก้วนแอบขุ่นเคืองอยู่ในใจ แต่เมื่อเฟิ่งหลวนและเจียงอี้ตัดสินใจไปแล้ว เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับเรื่องนี้ โชคดีที่มันเป็นเรื่องง่ายที่จะปลอมตัวเป็นอีเพียวเพียว เขาเกิดในตระกูลที่มีอิทธิพลซึ่งเคยชินกับการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมซึ่งมันทำให้เขาสามารถปลอมตัวและสนทนากับผู้อื่นได้ค่อนข้างง่าย มันเป็นเพราะว่าเจียงอี้ไม่ต้องการมีปฏิสัมพันธ์มากเกินไปและเขาก็ไม่เก่งเรื่องเหล่านี้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจให้เฉียนว่านก้วนปลอมตัวเป็นเขาเพื่อที่เขาจะได้มีสมาธิฝึกฝนได้อย่างเต็มที่
“ลูกพี่ ข้าเข้าใจความต้องการของเจ้าแล้ว!”
หลังจากที่เจียงอี้อธิบายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เฉียนว่านก้วนก็พยักหน้าและตอบว่า “นอกจากการเข้าร่วมสี่ตระกูลใหญ่แล้ว เรื่องอื่นๆก็สามารถเจรจากันได้ใช่ไหม? แล้วหากคุณหนูจากสี่ตระกูลหลงใหลข้าและต้องการกระทำชำเราข้าล่ะ? ข้าจะขัดขืนดีไหมนะ? แล้วถ้าข้าต้านพวกนางไม่ได้ล่ะ? ข้าจะทำอย่างไรดี?”