เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 783 กึ่งเทพ
ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเจียงอี้นั้นทรงพลังมากและสามารถสังหารขอบเขตเทียนจุนระดับกลางได้ แต่เขาต้องใช้เปลวเพลิงอัสนี หากไม่มีเปลวเพลิงอัสนีแล้ว เขาก็จะต้องตายหากเขาไม่ใช้วิชาหลีกสวรรค์หลบหนีไป
ขอบพลังของเจียงอี้นั้นยังค่อนข้างอ่อนแออยู่ แม้ว่าการศึกษาเต๋าของเขาจะไปถึงขอบเขตเทียนจุนได้แล้ว แต่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ยังไม่แข็งแกร่งพอ เขาเข้าใจเพียงแค่รูปแบบเต๋าระดับต่ำ และมีระดับกลางเพียงรูปแบบเดียวเท่านั้น เขายังไม่ได้หลอมรวมรูปแบบเต๋าระดับสูงนั้นและไม่รู้ถึงพลังของมัน
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา การหลอมรวมรูปแบบเต๋าของเขาก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ แต่สวรรค์สยบเพลิงอเวจีของเขาก็ยังถือว่าคืบหน้าไปบ้าง และหลังจากที่ผ่านคืนเทพสะอื้นไปสองครั้ง เขาก็มีดาบวิญญาณเพิ่มขึ้นมาอีกหกเล่ม รวมเป็นสี่สิบแปดเล่มแล้ว
“ได้เวลาเสียที ข้าจะพักผ่อนก่อนครู่หนึ่งแล้วค่อยออกไปดูสถานการณ์แล้วกัน”
เจียงอี้แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาและมองดูเสี่ยวนู๋และเสี่ยวเฟย เมื่อเขาเห็นว่านางเข้าสู่สันโดษและเสี่ยวเฟยหลับอยู่ เขาก็ย้ายร่างออกไป
“ลูกพี่!”
“นายน้อย!”
ที่ด้านนอก, เฉียนว่านก้วนและคนอื่นๆรับรู้ทันทีและพวกเขามารวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่ เมื่อพวกเขาเห็นเจียงอี้ย้ายร่างออกมา พวกเขาก็ยืนขึ้นอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยความปิติยินดี
เจียงอี้พยักหน้าและถามเฉียนว่านก้วนว่า “สถานการณ์ในเมืองเป็นเช่นไรบ้าง?”
“ดีมาก!”
เฉียนว่านก้วนลูบใบหน้าที่ภาคภูมิใจของเขาและยิ้ม “ตอนนี้ข้าถือเป็นผู้โด่งดังในเมืองแล้ว และตระกูลต่างๆก็สุภาพกับข้ามาก ลู่หลินและเหลยฉีเหยียนจะไม่กล้าทำอะไรเรา ตราบใดที่เราไม่ออกจากเมือง และเมื่อมีพี่ใหญ่เทาเทียนอยู่ด้วย ก็ไม่มีผู้ใดกล้ายุ่งกับเราเลย”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว”
เจียงอี้ยิ้มและในขณะที่เขาจะออกไปคุยกับหวงฝูเทาเทียน เฉียนว่านก้วนก็พูดออกมาด้วยความลำบากใจ “ลูกพี่ ข้าขออะไรเจ้าหน่อยได้ไหม?”
“มีอะไรหรือ?” เจียงอี้เอียงหัวและถามเขา
เฉียนว่านก้วนลูบจมูกของตัวเองอย่างเขินอายและพูดว่า “เจ้าช่วยวาดภาพวาดสวรรค์ให้ข้าได้ไหม? ข้าสัญญาว่าจะให้ภาพวาดสวรรค์แก่คนผู้หนึ่ง”
“ใครกัน?” เจียงอี้มองเฉียนว่านก้วนด้วยความสงสัยและยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที “จะต้องเป็นสตรีแน่ๆ ใช่ไหม? คุณหนูตระกูลไหนล่ะ?”
“ฮ่าฮ่า ไม่มีสิ่งใดหลบซ่อนสายตาอันเฉียบแหลมของลูกพี่ได้จริงๆ!” เฉียนว่านก้วนประจบเจียงอี้และยิ้มอย่างไร้เดียงสาพร้อมกับพูดว่า “นางคือแม่นางซือถูอีเนี่ยน นางบอกว่านางต้องการภาพวาดทิวทัศน์ที่ไม่เหมือนผู้ใดซึ่งจะเป็นของที่ระลึกสำหรับนางเพียงผู้เดียว”
“ซือถูอีเนี่ยน?”
เจียงอี้ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “นางก็ดูไม่เลวเลย แต่น่าเสียดายที่นางเป็นสมาชิกตระกูลซือถู ว่านก้วน เจ้าอย่ามีความปรารถนาใดๆดีกว่า คุณหนูของตระกูลใหญ่ๆเช่นนั้นจะไม่สามารถตัดสินใจเรื่องการสมรสของตัวเองได้”
“ข้าเข้าใจ!”
เฉียนว่านก้วนยิ้มอย่างขมขื่น หากเขาเป็นศิลปินขั้นเทพจริงๆ เรื่องต่างๆอาจจะง่ายกว่านี้ แต่เขาไม่ใช่ และเขายังเป็นผู้พิการที่ปรับแต่งชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณและไม่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองได้ตลอดชีวิตด้วย เขาไม่คู่ควรกับซือถูอีเนี่ยน และหากตระกูลซือถูรู้ความจริง พวกเขาจะไม่มีวันเห็นด้วยแน่นอน
“เอาล่ะๆ ถ้าข้ากลับมาแล้ว ข้าจะวาดภาพให้เจ้า”
เจียงอี้ตบบ่าเฉียนว่านก้วนและเดินออกไป และด้านนอกก็กลับสู่ความสงบแล้วและหวงฝูเทาเทียนก็ยิ้มอยู่ที่ลานด้านหน้าแล้ว เมื่อเขาเห็นเจียงอี้เดินมา เขาก็ยิ้มและส่งข้อความว่า “ข้าขอแสดงความยินดีกับน้องเจียงกับการบรรลุพลังได้ พลังเก้าดาราสวรรค์นั้นล้ำค่ายิ่งนัก เจ้าต้องใช้มันอย่างรอบคอบด้วย”
“เอ่อ?”
เจียงอี้ไม่เข้าใจเรื่องพลังเก้าดาราสวรรค์จริงๆ คำพูดของหวงฝูเทาเทียนทำให้เขารู้สึกมีพลังและเขาก็ถามออกมาอย่างรวดเร็ว “พี่ใหญ่หวงฝู พลังนี้มีประโยชน์อะไรหรือ?”
หวงฝูเทาเทียนนิ่งไปชั่วขณะก่อนที่จะกวาดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ภายในลาน และหลังจากที่มั่นใจแล้วว่าไม่มีใครกล้าแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้ามา เขาก็เดินนำเจียงอี้ไปที่ห้องโถงเล็กๆภายในลานด้านหน้า จากนั้นเขาก็เปิดข้อจำกัดแล้วพูดว่า “พลังของมันนั้นพูดได้ว่าเป็นพลังของเหล่าทวยเทพและมีประโยชน์มากมายไม่รู้จบ สวรรค์และโลกาจะประทานพลังเช่นนี้ให้ก็ต่อเมื่อคนผู้หนึ่งเข้าถึงรูปแบบเต๋าที่สูงกว่าห้าดาว และคนผู้หนึ่งอาจได้พลังดารามาได้หากสามารถเข้าถึงรูปแบบเต๋าพิเศษได้ จอมยุทธเองก็จะได้รับพลังนี้เมื่อพวกเขาทะลวงขอบเขตเทียนจุนไปยังขอบเขตกึ่งเทพ”
“กึ่งเทพ? เป็นขอบเขตที่เทียบเทียมได้กับทวยเทพหรือ? เป็นระดับขอบเขตของเหล่าเก้าจักรพรรดิหรือ?” เจียงอี้ถามอย่างสงสัย ไอรีนโนเวล
“ถูกต้อง!”
หวงฝูเทาเทียนอธิบายว่า “ยอดฝีมือกำหนดขอบเขตนี้เป็นกึ่งเทพ ซึ่งหมายถึงการเป็นกึ่งอมตะ ขอบเขตที่เหนือจากขอบเขตเทียนจุนจะเป็นขอบเขตกึ่งเทพ และที่เหนือกว่านั้นจะเป็นขอบเขตที่จักรพรรดิลี้ลับทะลวงไปถึง คือการทะลวงความว่างเปล่าและขึ้นสู่สรวงสวรรค์ ในปฐพีนี้มีเหล่ากึ่งเทพไม่มากนัก แม้จะรวมราชันปีศาจด้วยแล้ว ก็ยังมีน้อยกว่าร้อยคน จักรพรรดิลี้ลับเป็นผู้เดียวที่ทลายความว่างเปล่าและขึ้นสู่สรวงสวรรค์ได้”
“กึ่งอมตะ”
เจียงอี้หายใจแรง จักรพรรดิอุดรหวู่ซางเป็นกึ่งอมตะ เนื่องจากเขาเชื่อมกับความอมตะได้แล้ว ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในระดับที่ไม่สามารถจินตนาการได้แน่ๆ เจียงอี้คิดว่าหวู่ซางจะบดขยี้ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดได้ด้วยนิ้วเดียว และศัตรูของเจียงอี้คือจักรพรรดิอุดรหวู่ซาง ในตอนที่เจียงเปี๋ยหลีตกตายไปเป็นช่วงเวลาที่เจียงอี้สาบานว่าเขาจะกำจัดโถงวรยุทธให้หมด!
“น้องเจียงไม่ต้องท้อใจไป”
เหมือนว่าหวงฝูเทาเทียนจะเห็นความกังวลของเจียงอี้ได้ เขาจึงยิ้มและปลอบโยนว่า “เหล่าพวกกึ่งเทพไม่ใช่ทวยเทพ และตราบใดที่พวกเขาไม่ใช่ทวยเทพ พวกเขาก็ยังถูกสังหารได้! นอกจากนี้….แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเทพอย่างแท้จริงแล้ว มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะถูกสังหารไม่ได้ ยังไงเสีย พวกเขาก็บ่มเพาะพลังจากมนุษย์เหมือนกัน และในเมื่อพวกเขาทำได้ แล้วทำไมเราจะทำแบบเดียวกันไม่ได้ล่ะ? ตราบใดที่จิตใจของเราแข็งแกร่งพอ เราเองก็จะสามารถท้าทายสวรรค์ได้!”
“อื้ม!”
ดวงตาของเจียงอี้เป็นประกาย เขานิ่งไปครู่หนึ่งและป้องมือให้หวงฝูเทาเทียนพร้อมกับกล่าวว่า “ขอบคุณพี่ใหญ่ที่ชี้แนะ อ้อใช่สิ….เจ้ายังไม่ได้พูดถึงพลังของเก้าดาราสวรรค์เลย”
หวงฝูเทาเทียนยิ้มและพยักหน้าก่อนที่จะอธิบาย “พลังนั้นเป็นพลังที่พิเศษมาก มันสามารถใช้โจมตีได้ แต่มันก็จะน่าเสียไปเปล่าๆ มันสามารถใช้หล่อและปรับสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงได้ ทำให้สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงมีโอกาสเชื่อมดวงจิตได้สูงขึ้น ในขณะเดียวกัน มันก็ยังสามารถใช้เพิ่มพลังแก่นแท้ได้ หากผู้ใดรวมพลังเก้าดาราสวรรค์เข้าไปด้วย การโจมตีนั้นก็จะเพิ่มขึ้นมากอย่างแน่นอน และมันก็ง่ายดายมากที่จะทำลายโล่ศักดิ์สิทธิ์ของขอบเขตเทียนจุนและสังหารพวกเขาได้ในครั้งเดียว!”
“โอ้…ก่อนหน้านี้ที่ทะเลเทพประทาน เจ้าน่าจะได้เห็นการต่อสู้ของข้ากับชิงหลงแล้วใช่ไหมล่ะ? ข้าใช้สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงที่เชื่อมดวงจิตกับรูปแบบเต๋าระดับห้าดาวของข้าและยังหลอมพลังดาราไปเพียงเล็กน้อยด้วย นั่นจึงเป็นเหตุที่ชิงหลงยอมรับความพ่ายแพ้ไปเพราะเขาอาจตายได้หากเขาไม่ทำเช่นนั้น แต่ชิงหลงเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก เขาอาจจะอยู่ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดแล้ว แต่เขาไม่ได้หลอมรวมรูปแบบเต๋าระดับสูงใดๆได้ และพลังเก้าดาราสวรรค์เองก็ใช้ทำอย่างอื่นได้อีกมากมาย เจ้าลองสำรวจมันด้วยตัวเองได้เลย”
“โอ้ ได้เลย”
เจียงอี้พยักหน้าเห็นด้วยขณะที่เขาเจอการทำงานของมันอย่างหนึ่งด้วยตัวเองแล้ว ซึ่งก็คือการปรับแต่งเปลวเพลิง เปลวเพลิงที่ถูกปรับแต่งด้วยพลังดาราทั้งหมดจะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นมาหลายเท่า
“พลังดาราสามารถหล่อเลี้ยงสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงและเชื่อมดวงจิตได้ง่ายขึ้นจริงหรือ?”
เจียงอี้คิดอะไรบางอย่างออก หากเขาสามารถเชื่อมดวงจิตกับเกราะเมฆาอัคคีได้ การป้องกันของเขาก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่าอย่างแน่นอน เขาจึงตัดสินใจเงียบๆว่าเมื่อเขาเข้าสู่สันโดษอีกเมื่อไหร่ เขาจะหมุนเวียนพลังแห่งดาราเพื่อหล่อเลี้ยงเกราะเมฆาอัคคี
หลังจากที่เข้าสู่สันโดษมาสองเดือน เขาก็ไม่มีความคืบหน้าในการหลอมรวมรูปแบบเต๋าเลย และเมื่อหวงฝูเทาเทียนอยู่ที่นี่ เจียงอี้ก็นิ่งไปชั่วขณะและถามอย่างนอบน้อมว่า “พี่ใหญ่หวงฝู ข้ามีรูปแบบเต๋าระดับสูงซึ่งข้าได้หลอมรวมรูปแบบเต๋าระดับต่ำไปหกแบบแล้ว แต่ข้ายังไม่สามารถรวมรูปแบบเต๋าอีกสามแบบได้หลังจากที่มันผ่านมาเนิ่นนาน มันมีวิธีใดที่ดีกว่านี้หรือไม่?”
“เจ้าเพิ่งหลอมรวมรูปแบบเต๋าได้ก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือ?”
หวงฝูเทาเทียนมองเจียงอี้อย่างสงสัยและรู้สึกว่าเจียงอี้เป็นคนประหลาด ที่เจียงอี้ได้รับพลังดารามานั้นไม่ใช่เพราะเขาหลอมรวมรูปแบบเต๋าระดับสูงได้หรอ? หรือว่าเขาเข้าถึงรูปแบบเต๋าพิเศษบางอย่างได้?
เมื่อเขาเห็นเจียงอี้ลังเลที่จะพูดบางอย่างออกมา เขาก็รีบยกมือเพื่อแสดงไม่ให้เจียงอี้พูดอะไร ทุกคนมีความลับของตัวเองและเขาจะไม่ถามมันอีก เขาพึมพำอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “มันไม่มีทางอื่นที่จะหลอมรวมรูปแบบเต๋าได้และมันขึ้นอยู่กับความเข้าใจของแต่ละคน ข้าแนะนำให้เจ้าใช้ศิลาสวรรค์พันล้านก้อนไปยังแดนลึกลับของตระกูลหนานกงเพื่อลองดูก็ได้ เจ้าอาจจะเข้าใจบางอย่างได้”
“ได้เลย!”
เจียงอี้ยืนขึ้นและกล่าวว่า “ทำเช่นนั้นแหละพี่ใหญ่ พักผ่อนเสียหน่อยเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะไปแดนลึกลับตระกูลหนานกง”