เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 790 ยาโลหิตเก้าโคจร
มันเป็นสมบัติเชื่อมดวงจิตจริงๆ!
เจียงอี้และลู่หลินอยู่ในพื้นที่ประหลาด และเขตแดนนี้ไม่ถือว่าใหญ่นักและน่าจะมีระยะไม่กี่แสนกิโลเมตร มันเต็มไปด้วยความรกร้างและเห็นได้ชัดว่ามันมีแต่ร่องรอยการต่อสู้นับไม่ถ้วนตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
ดาบเหล็กปฐมกาลไม่ได้ปล่อยการโจมตีพิเศษใดๆออกมา มันยาวหลายร้อยเมตรและมีความกว้างประมาณสิบสามเมตร มันผ่าไปยังเจียงอี้ด้วยกลิ่นอายของความดุร้ายและเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ลู่หลินไม่ได้โจมตีเต็มกำลังเพราะเขากลัวเจียงอี้และไม่กล้าโจมตีเต็มกำลังอย่างประมาท
บรึฟ!
ความเร็วของเจียงอี้นั้นเร็วมาก ก่อนที่ดาบเหล็กปฐมกาลจะผ่าลงมา ร่างของเขาก็ส่องสว่างด้วยแสงสีขาวขณะที่เขาย้ายร่างออกไปไกลทันที เจียงอี้ปรากฏตัวขึ้นทางด้านซ้ายของลู่หลินห่างไปสามกิโลเมตรขณะที่เขาควบเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ในมือและปล่อยฝ่ามือไปทางลู่หลิน
โล่ศักดิ์สิทธิ์!
ลู่หลินใช้งานโล่ศักดิ์สิทธิ์ทันที ทำให้ร่างของเขาเปล่งแสงออกมา เมื่อรวมกับรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาเป็นพิเศษของเขาขณะที่มือของเขาจับดาบยักษ์ด้วยมือทั้งสอง มันยิ่งทำให้คนอื่นรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นเทพ
ตูม!
เมื่อดาบยักษ์ผ่าลงมา ยอดเขาก็ถูกผ่ากลางทันที จากนั้นก็เกิดแผ่นดินถล่มหลังจากที่ภูเขาถูกแยกออกจากกัน เศษหินฟุ้งกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังของดาบเหล็กปฐมกาลช่างน่าตกตะลึงจริงๆ และลู่หลินปรับแต่งมันเพียงชั่วครู่เท่านั้น หากเขาขัดเกลามันอย่างสมบูรณ์ พลังนี้จะเพิ่มขึ้นหลายเท่าแน่นอน
ฮึ่ม! อุณหภูมิของเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์สูงมาก แต่ลู่หลินก็ไม่สนใจมันหลังจากที่เขาเปิดโล่ศักดิ์สิทธิ์ เขาจับดาบเหล็กปฐมกาลไว้แน่นและเหวี่ยงมันเป็นแนวนอน คราวนี้เขาใช้รูปแบบเต๋าของเขาด้วย สายสีทองถูกยิงออกมาจากดาบเหล็กปฐมกาลซึ่งทำให้ห้วงอากาศผันผวนและกระจายออกไปเป็นระลอกคลื่น แสงสีทองนั้นแยกออกเป็นสอง, สี่ จนมันกลายเป็นเส้นสีทองนับหมื่นเส้นอย่างรวดเร็วซึ่งห่อหุ้มพื้นที่รอบๆเจียงอี้เอาไว้หมด
วายุคณานับ? พลังแห่งโลหะ? ความผันผวนห้วงมิติ?
เจียงอี้เหลือบมองและพยักหน้าเงียบๆ นี่น่าจะเป็นรูปแบบเต๋าระดับกลางที่มีพลังปานกลาง แต่เมื่อมันรวมเข้ากับสมบัติที่เชื่อมดวงจิตแล้ว พลังของมันจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า หากเจียงอี้ไม่มีเกราะศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนี เขาคงต้องรอเพียงความตายแล้ว
เปลวเพลิงอัสนี!
เจียงอี้ไม่ปกปิดความแข็งแกร่งของเขาอีกต่อไป ห้วงอากาศผันผวนและเจียงอี้ไม่สามารถย้ายร่างฉับพลันได้ มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหนีไปเว้นแต่เขาจะใช้วิชาหลีกสวรรค์ ดาบมังกรเพลิงปรากฏขึ้นในมือของเขาขณะที่เปลวเพลิงอัสนีพุ่งออกมาซึ่งมันปกคลุมทั่วรัศมีสามร้อยเมตรจากร่างของเขาในทันที ในเวลาเดียวกัน เขาก็ควบคุมเปลวเพลิงอัสนีให้เคลื่อนไปตามลายเส้นมนุษย์มด และก่อนที่สายสีทองนับหมื่นสายจะฉวัดเฉวียนมา โล่ของเขาก็ก่อตัวขึ้นมา
ปึง ปัง ปึง!
การโจมตีของรวงแสงดาบสีทองที่สามารถฉีกห้วงอากาศได้มันได้ตัดผ่านท้องฟ้าและโจมตีโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีของเจียงอี้อย่างต่อเนื่อง….แต่ลู่หลินก็ต้องตกตะลึงมากเมื่อ….การโจมตีของเขานั้นลื่นออกไปหมดเลย เมื่อแสงดาบสีทองนับพันปะทะกับโล่ของเจียงอี้ มันกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆและไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
เหอ… ที่ด้านนอก เหลยฉีเหยียนและคนอื่นๆต่างส่งเสียงประหลาดใจออกมาขณะที่พวกเขาจ้องไปที่โล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีด้วยดวงตาที่ไม่เชื่อ แม้ว่าจะเห็นภาพ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ เมื่อเห็นแสงดาบสีทองที่ถูกปล่อยออกมาจากดาบเหล็กปฐมกาลที่สามารถฉีกห้วงอากาศได้ โล่ศักดิ์สิทธิ์นั้นก็ยังไม่เป็นอะไรแม้ว่ามันจะถูกการโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้? หรือขอบเขตแก่นแท้พลังของเจียงอี้จะอยู่ที่ขอบเขตเทียนจุนระดับสูงกัน?
นี่มันไม่ถูกต้อง นี่ไม่ใช่โล่ศักดิ์สิทธิ์หรือเปล่า? มันเป็นความสามารถในการป้องกันพิเศษ!
เหลยฉีเหยียนรู้ดี แต่ทุกคนกลับรู้สึกแปลกยิ่งกว่าเดิมเพราะความแข็งแกร่งของเจียงอี้อยู่ที่ขอบเขตจินกังเท่านั้น ความสามารถแบบใดกันที่จะมีพลังป้องกันที่ทรงพลังถึงเพียงนี้?
ชื่อเสียงของเขานั้นไม่ใช่เพียงแค่คำร่ำลือ! ดวงตาของหวงฝูเทาเทียนเป็นประกาย ตามที่คาดเอาไว้ เจียงอี้ไม่ใช่คนธรรมดาเพราะเขาสามารถหลบการไล่ล่าของสมาชิกเก้าตระกูลจักรพรรดิได้ เขายังสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างและยังสร้างภาพวาดสวรรค์ได้อีก
ฮึฮึ!
เจียงอี้ยิ้ม หากความแข็งแกร่งของลู่หลินอยู่ที่ระดับนี้ การประลองนี้ก็จะจบลงในไม่ช้า
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง…
เฉียนว่านก้วนพึมพำด้วยความสงสัย ลู่หลินอยู่ใกล้เจียงอี้ซึ่งเขาอยู่ห่างออกไปเพียงสามกิโลเมตร แต่ดูเหมือนว่าลู่หลินไม่รู้สึกถึงการแผดเผาใดๆเลย?
เกราะพระแม่ธรณี!
เฉียนว่านก้วนตอบสนองอย่างรวดเร็ว น่าจะเป็นเพราะเกราะพระแม่ธรณีที่เหลยฉีเหยียนให้ลู่หลินยืม ไม่เช่นนั้นลู่หลินคงหนีไปด้วยความกลัวแล้ว …
เจียงอี้เองก็สังเกตเห็นปัญหานี้ ตามหลักเหตุผลแล้ว เมื่อเปลวเพลิงอัสนีปรากฏขึ้น ลู่หลินก็น่าจะรู้สึกถึงความร้อนในทันทีและน่าจะถอยกลับไปอย่างรวดเร็วแล้ว แต่ลู่หลินกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แต่กลับมองดูโล่ของเจียงอี้ด้วยความประหลาดใจ
ข้าไม่เชื่อหรอก!
ร่างของเจียงอี้กลายเป็นมังกรคลั่งขณะที่เขาระเบิดออกไป เขาไม่มีความกลัวอยู่แล้วขณะที่เขาได้ทดสอบแล้วว่าการโจมตีของลู่หลินนั้นไม่สามารถทำลายโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีได้ จากนั้นเขาก็บินไปทางลู่หลินด้วยความเร็วขณะที่ดาบมังกรเพลิงส่องแสงสีแดงก่อนที่เขาจะฟาดมันออกไปข้างหน้าและส่งมังกรสองตัวออกไปพร้อมกับเปลวเพลิงอัสนี
เอ๊ะ?
ในที่สุดลู่หลินก็ตระหนักได้ว่าแก่นแท้พลังของโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขากำลังจางหายไปราวกับน้ำรั่ว เมื่อมังกรเพลิงที่มาพร้อมกับเปลวเพลิงอัสนีของเจียงอี้เข้ามาใกล้ๆ โล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
บรึฟ!
ในเวลาเดียวกัน พื้นผิวร่างกายของลู่หลินก็ปรากฏชุดเกราะสีเหลืองหม่นขึ้นมา ซึ่งมันหุ้มร่างเขาเอาไว้ทั้งหมด เกราะต่อสู้นั้นแข็งแกร่งมากและที่ไหล่, เข่าและข้อต่อล้วนเต็มไปด้วยหนามเหล็กที่แผ่กลิ่นอายอันเย็นเยียบออกมา หมวกของเขาเองก็ยังมีหนามแหลมขนาดยักษ์ที่เหมือนกับเขาของสัตว์อสูรด้วย และในตอนนี้ เกราะก็ส่องแสงอักขระนับไม่ถ้วน อันที่จริงแล้วมันคือสมบัติที่เชื่อมดวงจิตอีกชิ้น!
เปลวเพลิงอัสนีของเจียงอี้ใช้ไม่ได้ผลอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากสมบัติที่เชื่อมดวงจิต ลู่หลินไม่รู้สึกถึงความร้อนที่แผดเผาเลยและความร้อนก็ถูกเกราะพระแม่ธรณีกันออกไป
บ้าเอ้ย…
เจียงอี้ตะลึงงัน การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขาคือเปลวเพลิงอัสนีและตอนนี้มันกลับถูกเกราะพระแม่ธรณีกีดกันเอาไว้ แล้วยังจำเป็นต้องสู้อีกหรือ?
ปัง!
มังกรเพลิงทั้งสองที่นำเปลวเพลิงอัสนีออกไปหลายก้อนปะทะเข้ากับลู่หลิน แต่มันเหมือนกับศรเพลิงที่กระทบกับโลหะแล้วถูกเบี่ยงไปทางอื่นอย่างง่ายดายขณะที่ลู่หลินไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!
ลู่หลินหัวเราะดังลั่นขึ้นไปบนฟ้าและยกดาบเหล็กปฐมกาลด้วยทั้งสองมือ จากนั้นเขาก็เหวี่ยงมันเป็นครึ่งวงกลมและฟาดไปที่เจียงอี้ด้วยเสียงของสายลมที่หนักแน่น แสงดาบสีทองนับหมื่นตัดผ่านอากาศและปกคลุมท้องฟ้าครึ่งหนึ่ง
เจียงอี้ไม่สามารถสังหารลู่หลินได้ขณะที่การโจมตีของลู่หลินเองก็ไม่สามารถทำลายโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีได้ แสงดาบทองนับหมื่นสายนั้นกระทบเข้ากับโล่ของเจียงอี้ราวกับเม็ดฝน แต่ทุกสายก็หลุดออกไปอย่างง่ายดาย
ฮึ่ม!
ยาโลหิตเก้าโคจรปรากฏขึ้นในมือของลู่หลินและเขาก็กินมันเข้าไปอย่างรวดเร็ว เขาเผยร่องรอยของความเย็นชาออกมาที่มุมปากขณะที่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธว่า ไอ้สารเลว เตรียมตัวตายเสียเถอะ!
บรึฟ!
กลิ่นอายของลู่หลินเพิ่มขึ้นสองสามเท่าขณะที่เขาฟาดการโจมตีอีกครั้ง แสงของใบมีดสีทองมีขนาดใหญ่ขึ้นสามเท่าและความผันผวนของห้วงอากาศก็รุนแรงขึ้นมา ระลอกคลื่นแผ่ออกมาเป็นคลื่นใหญ่ขณะที่ห้วงอากาศมีรอยแตกซึ่งดูเหมือนรอยแผลที่น่าสยดสยอง มีเสียงที่เจาะผ่านหูที่ดังก้องอยู่ในหูทำให้เกิดความรู้สึกคลื่นไส้เหมือนกับเสียงวิญญาณในแดนลึกลับของตระกูลหนานกง
ยาโลหิตเก้าโคจร! ที่นอกลานประลอง หวงฝูเทาเทียนอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจและมีสีหน้าที่โกรธเคือง เขากวาดสายตาที่เยือกเย็นไปยังเหลยฉีเหยียนขณะที่ยานั้นเป็นยาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของตระกูลเหลย ตระกูลเหลยอาจแจกจ่ายบางส่วนให้กับตระกูลลู่ทุกๆปี แต่มันจะไม่มีวันแจกจ่ายให้กับทายาทอย่างลู่หลิน
หวงฝูเทาเทียน เจ้ามองข้าทำไม? ไอรีนโนเวล
เหลยฉีเหยียนกางมือของเขาและพูดว่า ตระกูลเราจะแจกจ่ายยานี้ให้ตระกูลอื่นๆทุกปีและจะประมูลมันด้วย ข้าไม่ได้เป็นคนจ่ายยานี้ให้ลู่หลิน
ร่างอ้วนๆของเฉียนว่านก้วนสั่นเทาขณะที่เขาส่งข้อความหาหวงฝูเทาเทียนด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก พี่ใหญ่หวงฝู ยานี้วิเศษมากเลยหรือ?
หวงฝูเทาเทียนกัดฟันตอบว่า มันสามารถเพิ่มแก่นแท้พลังได้ถึงสามเท่าในเวลาสองชั่วโมง นอกจากนี้ แก่นแท้พลังจะมีคุณสมบัติกัดกร่อน และหากเป็นโล่ศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปนั้นจะแตกง่ายๆเลย
บ้าเอ้ย!
สีหน้าของเฉียนว่านก้วนเปลี่ยนไป หากโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีของเจียงอี้ถูกทำลายลง เขาจะต้องตาย เว้นแต่เขาจะใช้วิชาหลีกสวรรค์เพื่อหนีไป แต่….เขาจะทิ้งทุกคนแล้วหนีไปหรือ?
เห็นได้ชัดว่า ไม่มีทาง!
…