เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 791 มังกรวายุกลืนนภา
บัดซบ ลู่หลินกินยาอะไรเข้าไป? ทำไมจู่ๆการโจมตีของเขาถึงได้รุนแรงขนาดนี้?
เจียงอี้ถูกฟาดปลิวกลับไปด้วยคลื่นระเบิด เขาสาปแช่งอยู่เงียบๆขณะที่ถูกใบมีดสีทองฟาดมากว่าร้อยสายและรู้สึกราวกับว่าเปลวเพลิงอัสนีของเขาจะถูกใช้ออกไปราวกับน้ำไหล
การโจมตีครั้งนี้มันเทียบได้พอๆกับหัวหน้าเหลิ่งแน่ๆ มันอาจจะไม่สามารถทำลายโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีได้ในเวลาอันสั้น แต่เปลวเพลิงอัสนีก็จะหมดลงไปอย่างรวดเร็ว หากเจียงอี้ไม่หนีและยังยืนทนการโจมตีอยู่ โล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีของเขาจะต้องแตกสลายอย่างแน่นอน และเขาก็จะต้องพึ่งพาเกราะเมฆาอัคคี
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเกราะเมฆาอัคคีนั้นทรงพลัง แต่ถึงแม้ว่าเกราะเมฆาอัคคีจะทนการโจมตีได้ แต่ร่างกายของเจียงอี้นั้นไม่สามารถทนได้ หากเจียงอี้ได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทกอย่างต่อเนื่อง ผลที่ตามมาคงไม่อาจจินตนาการได้ นอกจากนี้เจียงอี้ก็ยังไม่ต้องการเผยเกราะเมฆาอัคคีเนื่องจากมีคนดูจากภายนอกอยู่มากมายและตัวตนที่แท้จริงของเขาอาจถูกเปิดเผยได้
เขาหลับตาและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์และคอยมองการโจมตีพร้อมกับหลบการโจมตีอย่างหนัก
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง การโจมตีนี้มีพลังความมืดที่กำลังกัดกร่อนโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีของข้า
เจียงอี้พยายามเลี่ยงแสงดาบสีทองนับร้อย และเขารู้สึกได้ว่าโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีของเขาจางลงแล้วและมันมีร่องรอยความมืดที่ยังคงกัดกร่อนเปลวเพลิงอัสนีอยู่ โล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีของเขาไม่ได้สร้างด้วยแก่นแท้พลังและมันก็ยังคงกร่อนไป?
ตูม! ตูม! ตูม! ยอดเขานับไม่ถ้วนและพื้นผิวของพื้นดินรอบๆถูกแสงใบมีดกระทบ ทำให้เกิดแผ่นดินถล่มหลังจากที่ภูเขาถูกผ่าออก เศษหินนั้นปลิวไปทั่วทุกสารทิศ ฝุ่นละอองปะทุขึ้นสู่ท้องฟ้าและได้ยินเสียงระเบิดไม่รู้จบ เจียงอี้หลบหลีกไปทางซ้ายและทางขวาราวกับปลาตัวเล็กๆที่แหวกว่ายอยู่ในคลื่นที่โหมกระหน่ำและพยายามหนีอย่างสิ้นหวัง
ฮ่าฮ่าฮ่า หนีต่อไปเถอะ!
ลู่หลินหัวเราะเสียงดังขณะที่เขาฟาดดาบเหล็กปฐมกาลออกมา จากนั้นแสงดาบสีทองนับหมื่นก็ถูกปล่อยออกมาและเจาะผ่านอากาศมา
เสื้อคลุมเงาวายุ!
เสื้อคลุมปรากฏขึ้นที่หลังของเจียงอี้ซึ่งทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่า หากเขายังซ่อนความแข็งแกร่งของเขาในสถานการณ์เช่นนี้ต่อไป โล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีของเขาจะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน ฟรึ่บ!
เมื่อเสื้อคุลมเงาวายุปรากฏขึ้น เจียงอี้ก็กลายเป็นมังกรที่ว่ายเวียนขณะที่เขาเลี่ยงแสงดาบสีทองนับไม่ถ้วนไป เสื้อคลุมเงาวายุนี้ไม่เหมือนเกราะเมฆาอัคคีที่ได้รับการขัดเกลาโดยเจียงอี้และกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายโดยสมบูรณ์และมันจะไม่ถูกเปลวเพลิงอัสนีเผา
ปึง ปึง ปัง!
แม้ว่าเจียงอี้จะใช้เสื้อคลุมเงาวายุและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ที่ทำให้เขากำหนดทิศทางและความเร็วของใบมีดสีทองได้ แต่ใบมีดนั้นก็มีมากเกินไป ลู่หลินโจมตีเขาอย่างต่อเนื่องและเจียงอี้ก็ถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทำให้เปลวเพลิงอัสนีของเขาค่อยๆหมดลง
โล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีกำลังจะแตกแล้ว!
ดวงตาของเจียงอี้เป็นเหมือนน้ำแข็ง แหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณของเขาเปล่งแสงขึ้นมาและหม้อขนาดเล็กสีเขียวก็ปรากฏขึ้น และเพียงแค่ผลักออกไปเบาๆ หม้อนั้นก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วและขยายใหญ่ออกไปเรื่อยๆ ในชั่วพริบตา มันแผ่ขยายออกมาสามร้อยเมตรและมีกลิ่นอายราวกับภูเขายักษ์ ที่ปากหม้อมีกลิ่นอายสีเขียวแผ่ออกมาซึ่งมันหมุนไปรอบๆหม้อ และลวดลายอักขระก็เปล่งประกายอยู่บนหม้อ และก่อนที่หม้อขนาดยักษ์จะกดทับลงไป ลู่หลินก็รู้สึกแทบจะหายใจไม่ออกอยู่ด้านล่าง
สมบัติเชื่อมดวงจิต!
ลู่หลินร้องออกมาด้วยความประหลาดใจและไม่กล้าโจมตีต่อ เขาบินหนีไปแต่หม้อขนาดยักษ์นั้นก็ได้กดทับลงมาแล้ว เมื่อกลิ่นอายอันน่าสยดสยองห้อมล้อมเขาเอาไว้ ความเร็วของเขาจึงช้ามาก และยิ่งไปกว่านั้น หม้อขนาดใหญ่นั้นเร็วเกินไปและทุบเขาลงไปยังยอดเขาด้านล่าง
ตูม! ตูม! ตูม!
ยอดเขาเล็กๆที่ด้านล่างถูกหม้อขนาดยักษ์ทับลงไปและกลายเป็นฝุ่น ฝุ่นและควันลอยขึ้นมาในรัศมีสามกิโลเมตร ทำให้ผู้ที่ชมอยู่มองไม่เห็นไปโดยสิ้นเชิง
หัวหน้าเจียงผู้นี้มีสมบัติเชื่อมดวงจิตจริงๆ? ลู่หลินจะไม่ถูกสังหารไปเช่นนี้ใช่ไหม?
สมบัติเชื่อมดวงจิตนี้มีส่วนหนึ่งหายไป พลังมันไม่น่ามากเกินไปและลู่หลินก็สวมเกราะพระแม่ธรณีด้วยและเขาคงไม่ตายหรอก
แม้ว่าเขาจะไม่ตาย แต่เขาก็น่าจะบาดเจ็บสาหัส…
นายน้อยและคุณหนูต่างพูดคุยกันและรู้สึกประทับใจในเจียงอี้อีกครั้งขณะที่เขาครอบครองสมบัติเชื่อมดวงจิต แม้ว่ามันจะหายไปส่วนหนึ่ง แต่มันก็ยังถือเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง พวกเขาทุกตระกูลครอบครองสมบัติที่เชื่อมดวงจิต แต่นายน้อยและคุณหนูบางคนเองก็ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะใช้พวกมัน ฮึฮึ!
เหลยฉีเหยียนหัวเราะเบาๆเมื่อเขาได้ยินการสนทนา ลู่หลินอาจจะขัดเกลาเกราะพระแม่ธรณีได้เพียงเวลาสั้นๆ แต่หากเขาตายอย่างง่ายดายเช่นนั้นการสวมเกราะพระแม่ธรณีที่เป็นสมบัติที่เชื่อมดวงจิตก็คงจะไม่มีค่ามากนัก
ฟรึ่บ!
และมันก็จริงมากพอ!
เมื่อหม้อเวหาสลาตันหดตัวและกลับไปที่มือของเจียงอี้ ลู่หลินก็พุ่งออกมาจากพื้น นอกจากสีหน้าที่สยดสยองของเขาแล้ว เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย ดูจากสารรูปแล้ว กระดูกเขาไม่หักเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว?
พลังป้องกันของเกราะที่เชื่อมดวงจิตนั้นทรงพลังนัก! มันคงจะดีหากเกราะเมฆาอัคคีของข้าบรรลุการเชื่อมดวงจิตได้
เจียงอี้ถอนหายใจด้วยความเสียดายและกระจายโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีก่อนที่เขาจะควบคุมเปลวเพลิงอัสนีมาเพิ่มเพื่อสร้างโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีใหม่
ไอ้สารเลว ตายซะ!
ลู่หลินมีการแสดงออกที่น่ากลัว เขาบินไปที่เจียงอี้ราวกับสายรุ้งและจับดาบเหล็กปฐมกาลไว้แน่นและผ่ามันอีกครั้งขณะที่แสงใบมีสีทองนับหมื่นจะพุ่งออกมา
หลังจากนั้น ลู่หลินก็ไม่ได้หยุดพักและเหวี่ยงดาบเหล็กปฐมกาลออกมาอีกทีขณะที่เขาหมุนตัวไปรอบๆ จากนั้นลมรอบๆก็รวมตัวกันที่นอกร่างกายของลู่หลิน ขณะที่มังกรวายุนับไม่ถ้วนหมุนวนรอบตัวเขา หลังจากที่เจียงอี้หลบเลี่ยงแสงดาบสีทองไปมากกว่าครึ่ง การโจมตีถัดไปของลู่หลินก็ก่อร่างขึ้นเรียบร้อยแล้ว และลู่หลินก็ผ่าดาบยักษ์ออกมาและตะโกนว่า มังกรวายุกลืนนภา!
จี๊! จี๊!
มังกรวายุนับไม่ถ้วนมาบรรจบกันและก่อตัวขึ้นเป็นมังกรวายุขนาดยักษ์ ลู่หลินยิงแก่นแท้พลังจากดาบยักษ์ไปยังมังกรวายุ ซึ่งทำให้มันกลายเป็นมังกรทองที่มีขนาดใหญ่และยาวกว่าสามร้อยเมตร และร่างของมันก็เหมือนกับถูกหลอมด้วยทองซึ่งปล่อยกลิ่นอายที่น่าสยดสยองออกมา
โฮกก!
หางของมังกรยักษ์สั่นก่อนที่มันจะพุ่งไปที่เจียงอี้ ความเร็วนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าความเร็วของหม้อเวหาสลาตันเลยและมันก็ไล่ตามเจียงอี้ได้ในทันที กรามของมังกรยักษ์อ้าปากกว้างออกมาและกลืนเจียงอี้เข้าไปทั้งตัว
นี่คือลวดลายเต๋าอะไรกัน?
เจียงอี้ต้องการที่จะหนี แต่ร่างของมังกรยักษ์นั้นใหญ่เกินไปและความเร็วของมันก็เร็วเกินไปทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถูกมังกรยักษ์กลืนกิน เจียงอี้รู้ดีว่ามังกรยักษ์ตนนี้ไม่ใช่ของจริงแต่เป็นเพียงสิ่งที่เกิดจากแก่นแท้พลังและรูปแบบเต๋า แต่ตอนนี้เขารับรู้ถึงอันตรายถึงชีวิต เขาจึงไม่ลังเลอีกต่อไปและตะโกนว่า เกราะเมฆาอัคคี!
บรึฟ! เกราะเมฆาอัคคีปรากฏขึ้นบนผิวของเจียงอี้ เขาเทแก่นแท้พลังเข้าไปซึ่งทำให้เกราะเมฆาอัคคีเปล่งแสงสีแดงเจิดจ้าในทันที ทำให้โล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีของเขาเปล่งแสงสีน้ำเงินอมแดงและทำให้เขาดูเหมือนภาพลวงตาราวกับเทพเจ้า
บูม! ตูม! ตูม!
ภาพนั้นสลายไปในทันทีเมื่อมังกรยักษ์ระเบิดซึ่งฉีกห้วงอากาศรอบๆทำให้เกิดการบิดเบี้ยวของพื้นที่อย่างน่าสยดสยอง โล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีของเจียงอี้เองก็ระเบิดในทันทีขณะที่ร่างของเขาปลิวออกไปและกระอักเลือดออกมาในเวลาเดียวกัน
ลูกพี่!
เฉียนว่านก้วนอุทานออกมาโดยสัญชาตญาณด้วยความตกตะลึงขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวลที่ไม่สามารถปกปิดเอาไว้ได้ ทำให้เขาสูญเสียการเป็นผู้มีฐานะอาจารย์ไป
โชคดีที่หวงฝูเทาเทียนส่งข้อความถึงเขาในทันที อย่าเอะอะไป น้องเจียงไม่เป็นอะไรหรอก เขาสวมเกราะเมฆาอัคคีใช่ไหมล่ะ? สมบัติล้ำค่าจากราชวังลี้ลับนั้นน่าสะพรึงอย่างแท้จริงในด้านการป้องกัน หากมันเชื่อมดวงจิตได้ พลังป้องกันของมันจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าแน่นอน
เกราะเมฆาอัคคี! ไอรีนโนเวล
มีเสียงอุทานขึ้นมาอย่างกะทันหันขณะที่ดวงตาของเหลยฉีเหยียนกระพริบ เขาพูดออกมาทันที แซ่เจียง? ผมแดง? เกราะเมฆาอัคคี? ข้าน่าจะเดาได้แล้ว หัวหน้าเจียงน่าจะเป็นเจียงอี้ ใช่ไหม?
ลู่หยี่พยักหน้าเสริม เป็นเขา ก่อนหน้านี้ข้าเองก็ไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้น่าจะใช่แล้ว
เจียงอี้?
นายน้อยและคุณหนูหลายคนตกตะลึง แต่ดวงตาของพวกนางก็สว่างขึ้นทันที พวกเขาเป็นทายาทสิบสามตระกูลและตระกูลต่างๆก็ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเจียงอี้มาอย่างละเอียด ท้ายที่สุดแล้ว เจียงอี้ก็เป็นคนที่ทำให้สี่ตระกูลของเก้าตระกูลจักรพรรดิไล่ล่าเขา
วิชาหลีกสวรรค์ หญ้ามังกรยาจก…
ดวงตาของเหลยฉีเหยียนส่องประกายด้วยความโลภขณะที่เขาพึมพำด้วยเสียงที่มีแต่เขาเท่านั้นที่ได้ยิน เจียงอี้ เจ้าเป็นเพียงวัชพืชแต่กลับครอบครองสมบัติเช่นนั้น มันทำให้สมบัติเสียของเปล่าๆไม่ใช่หรือ? ทำไมไม่ให้นายน้อยผู้นี้ได้ใช้มันล่ะ?