เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 796 ทะเยอทะยานราวพยัคฆ์
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 796 ทะเยอทะยานราวพยัคฆ์
แม้ว่าทักษะวิชาเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แทบจะไม่ส่งผลต่อขอบเขตเทียนจุนระดับสูง แต่เจียงอี้ก็รู้สึกดีเป็นอย่างยิ่ง มันมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างขอบเขตเทียนจุนระดับสูงและระดับกลาง นอกจากนี้ เขาเองก็ไม่ได้พึ่งพาวิชาเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ในการสังหารศัตรูเพียงอย่างเดียว แต่อาวุธหลักของเขาคือดาบวิญญาณ แต่แน่นอนว่าเขาจะศึกษามันมากกว่านี้หากเขามีเวลาในภายภาคหน้า เพราะหากมันส่งผลต่อขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดได้ มันก็จะสมบูรณ์แบบมาก
ทั้งสองออกมาจากราชวังจักรพรรดิและเจียงอี้ก็เก็บราชวังจักรพรรดิเข้าไปและโบกมือให้คนอื่นๆเข้าไปพักผ่อนกันในโถงใหญ่ ในอีกทางหนึ่ง เจียงอี้ก็นั่งขัดสมาธิและกำลังจะหมุนเวียนแก่นแท้พลังของเขาเพื่อพักฟื้น แต่ในขณะนั้นเอง โล่ด้านนอกก็ส่องประกายแวววับทำให้เจียงอี้และหวงฝูเทาเทียนมองหน้ากันและตื่นตัว คนของตระกูลเหลยมาที่นี่แล้วหรือ?
บรึฟ!
เจียงอี้นำราชวังจักรพรรดิออกมาและนำทุกคนเข้าไปข้างในทันที ส่วนหวงฝูเทาเทียนก็ส่งข้อความเสียงไปยังทหารและกล่าวว่า “เปิดอาคมยับยั้งและดูว่าผู้ใดมา”
ทหารเปิดข้อจำกัดก่อนที่จะส่งข้อความเสียงมาว่า “นายน้อยเทียน เป็นนายน้อยอีเสี้ยวและคุณหนูอีเนี่ยนขอรับ”
“ซือถูอีเสี้ยว? ซือถูอีเนี่ยน?”
หวงฝูเทาเทียนขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ตระกูลซือถูนั้นเร็วนัก เราออกไปต้อนรับพวกเขากันไหม?”
“ก็ได้!”
เจียงอี้ลุกขึ้นมาและเดินออกไปพร้อมกับหวงฝูเทาเทียน เขาเห็นซือถูอีเสี้ยวในชุดคลุมสีขาวและซือถูอีเนี่ยนในชุดสีดำ พวกเขาไม่ได้นำทหารเข้ามาด้วยและขอให้พวกนั้นรออยู่ด้านนอก
“เจียงอี้ทักทายนายน้อยอีเสี้ยวและคุณหนูอีเนี่ยน” เมื่อตัวตนของเขาถูกเปิดเผยไปแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนมันอีกต่อไป เจียงอี้ป้องกำปั้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เชิญเข้ามาข้างในก่อน”
“น้องเจียงปิดบังพวกเราไว้นานเหลือเกิน!” ซือถูอีเสี้ยวยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ผู้มีพรสวรรค์ที่หายากยิ่งที่ทำให้ทั้งทวีปจักรพรรดิบูรพาสั่นคลอนและซ่อนตัวอยู่ในเมืองเทพประทานอยู่หลายเดือน แต่เราเพิ่งจะรู้ว่าเจ้าคือคนผู้นั้นในคืนนี้ ผู้อาวุโสที่รับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลในตระกูลของเราเพิ่งจะถูกตำหนิอย่างรุนแรงจากประมุขของเรา”
“ฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะเสียงดังและเดินเข้าไปในตำหนักด้านในข้างๆพวกเขา เขาอธิบายว่า “ศัตรูของเจียงอี้มีอยู่ทุกหนแห่ง หากข้าไม่ปิดบังตัวตน ข้าเกรงว่าข้าคงไม่ได้พบพวกท่านในตอนนี้แล้ว”
“มีแต่พวกที่มีพรสวรรค์ในระดับธรรมดาเท่านั้นแหละที่ไม่ถูกอิจฉา!”
ซือถูอีเสี้ยวยักไหล่แล้วพูดว่า “ผู้ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ผู้ใดไม่มีศัตรูทั่วปฐพีบ้าง? น้องเจียงสามารถบรรลุความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย มันทำให้อีเสี้ยวอับอายยิ่งนัก”
ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน พวกเขาก็เข้ามาข้างในกันแล้วและหวงฝูเทาเทียนก็ยืนเคียงข้างเจียงอี้อยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะดูเหมือนว่าซือถูอีเสี้ยวและน้องสาวของเขาไม่ได้จะทำร้ายเจียงอี้ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะระมัดระวังตัว
ในลานด้านในนี้ไม่มีสาวใช้เลยและเฟิ่งหลวนและคนอื่นๆก็อยู่ในราชวังจักรพรรดิกันหมด ดังนั้นเจียงอี้จึงชงชาให้ทั้งสองคนก่อนที่จะถามว่า “ที่พวกท่านมาที่ลานบ้านของข้ากลางดึกนี้มีธุระสำคัญอันใดหรือ?”
ซือถูอีเนี่ยนยิ้มจางๆและกลอกตาอันงดงามของนางแล้วพูดต่อ “เราไม่ได้มีสิ่งใดเป็นสำคัญ แค่หลังจากที่เรารายงานเรื่องที่เกิดขึ้นกับท่านประมุขของเราในคืนนี้แล้ว เขาก็ขอให้พวกเรามาอยู่กับน้องเจียงสักสองสามวัน เขากังวลว่าเมืองนั้นจะไม่ปลอดภัย”
“เอ่อ…”
เจียงอี้และหวงฝูเทาเทียนต่างก็เคลื่อนไหว หวงฝูเทาเทียนรู้สึกทึ่งกับการตัดสินใจที่แน่วแน่ของซือถูอ้าว นี่คือความจริงใจอย่างแท้จริง ในการจะรับเจียงอี้เข้าพวก ซือถูอ้าวถึงกับเสี่ยงที่จะขุ่นเคืองกับพยัคฆ์เหลยอย่างโจ่งแจ้งและยัง…ไม่คำนึงเลยว่าเจียงอี้จะเข้าร่วมกับพวกเขาหรือไม่
เจียงอี้ตะลึงงัน จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นมาและโค้งคำนับ เขาพูดด้วยความซาบซึ่งว่า “ความกรุณาอันยิ่งใหญ่ของประมุขซือถูทำให้เจียงอี้ละอายนัก เจียงอี้จะจำการสนับสนุนของพี่อีเสี้ยวและแม่นางอีเนี่ยนเอาไว้เสมอ”
“ฮ่าฮ่า!” Aileen-novel
ซือถูอีเสี้ยวหัวเราะออกมาและกล่าวว่า“น้องเจียงสุภาพเกินไปแล้ว อันที่จริงมันเป็นเกียรติของอีเสี้ยวมากกว่าที่มีโอกาสได้รู้จักผู้ยิ่งใหญ่อย่างน้องเจียง ท่านเอาชนะรุ่นเยาว์ของเก้าตระกูลจักรพรรดิด้วยตัวเองและได้สมบัติสำคัญมา หลังจากนั้นท่านยังทำให้การไล่ล่าของเจี้ยนอู๋อิงและเสียเฟยต้องพินาศไปทั้งหมดและยังรอดพ้นจากการตามล่าจากสี่ตระกูลใหญ่มาได้ อีเสี้ยวอดไม่ได้ที่จะชื่นชมคนเช่นน้องเจียง ผู้ที่สามารถทำได้ทุกอย่างที่ต้องการและท่องไปทั่วปฐพีและเป็นวีรบุรุษตัวจริง เราซ่อนตัวอยู่ในเมืองเทพประทานและพึ่งพาพลังของตระกูลเรา เรานั้นเป็นเหมือนมังกรที่ไหลหลากเมื่อเทียบกับน้องเจียงที่เป็นมังกรที่แท้จริง”
แม้แต่หวงฝูเทาเทียนเองก็ยังแอบปรบมือให้กับคำพูดของซือถูอีเสี้ยวอยู่เงียบๆ ในอดีตเขาเคยดูถูกนายน้อยของสี่ตระกูลมาตลอด แต่ในตอนนี้ เขาเปลี่ยนความประทับใจที่มีต่อซือถูอีเสี้ยวไปอย่างมาก หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นว่า “ซือถูอีเสี้ยว เจ้าเป็นลูกผู้ชายที่แท้จริง หวงฝูเทาเทียนจะนับว่าเจ้าเป็นสหาย”
ซือถูอีเสี้ยวตกตะลึงก่อนที่จะลุกขึ้นและโค้งคำนับเขาทันที “เป็นเกียรติยิ่งนักที่ได้เป็นสหายกับพี่หวงฝู ฮ่าฮ่าฮ่า อีเสี้ยวคงเป็นนายน้อยเพียงคนเดียวในเหล่าสิบสามตระกูลของเผ่าเทพประทานที่ได้รับเกียรตินี้ เราน่าจะดื่มฉลองให้กับเรื่องนี้กัน”
เจียงอี้ไม่ได้ไปหาไวน์ แต่เขากลับนิ่งไปชั่วขณะและพูดอย่างจริงจังว่า “นายน้อยอีเสี้ยว เจียงอี้ไม่อาจปิดบังความจริงจากท่านได้ ข้ามีหนี้เลือดที่ต้องชำระอยู่ที่ทวีปจักรพรรดิบูรพา ข้าเคยสาบานว่าจะไม่เป็นชายหากข้าไม่ทำลายโถงวรยุทธ ดังนั้น…ข้าจึงไม่สามารถร่วมตระกูลซือถูได้ แต่ข้าต้องการจะทำข้อตกลงกับท่าน เจียงอี้หวังว่าตระกูลซือถูจะช่วยต้านแรงกดดันบางอย่างได้ พี่หวงฝูรู้ว่าข้ากำลังจะประสบความสำเร็จกับรูปแบบเต๋าระดับสูงได้ และข้าจะขอเสนอภาพวาดสวรรค์ระดับสูงสิบภาพให้แก่ตระกูลซือถู”
ซือถูอีเสี้ยวและซือถูอีเนี่ยนมองหน้ากันและไม่ได้ดูแปลกใจเลย ตามที่คาดไว้ เจียงอี้เป็นผู้วาดภาพวาดสวรรค์เหล่านั้นและเขาปฏิเสธที่จะเข้าร่วมตระกูลซือถู
ซือถูอีเสี้ยวเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “น้องเจียงมีความทะเยอทะยานราวพยัคฆ์และยังต้องการทำลายตระกูลหวู่ของจักรพรรดิอุดร! หากไม่พูดถึงเรื่องภาพวาดสวรรค์แล้ว ตระกูลซือถูจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเจ้า และตระกูลอื่นๆทั้งหมดจะปล่อยให้อดีตเป็นอดีตไปหากพวกเขาได้ยินเรื่องนี้ เก้าตระกูลจักรพรรดินั้นถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของทั้งสิบสามตระกูลของเราเลย!”
หวงฝูเทาเทียนพยักหน้า ไม่ว่าตระกูลซือถูจะจริงแท้หรือไม่ก็ตาม แต่อย่างน้อยคติของพวกเขาก็จริงใจมาก ซือถูอีเสี้ยวนั้นเป็นผู้มีพรสวรรค์ หากเขากลายเป็นประมุขตระกูลซือถูขึ้นมา เขาจะสามารถยกระดับอิทธิพลของตระกูลซือถูได้อย่างแน่นอน ซือถูอีเสี้ยวนั้นไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดแจ้ง แต่มันก็ชัดเจนแล้วว่าตอนนี้พวกเขาได้ทำข้อตกลงกันแล้ว
ซือถูอีเนี่ยนยังกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “น้องเจียงเป็นอาจารย์ที่แท้จริง เจ้าปิดบังเรามานานนัก น้องเจียง ตระกูลซือถูของเรามีลานตำหนักเล็กๆที่งดงามมากซึ่งมันเหมาะสำหรับการบ่มเพาะพลังและการวาดภาพที่เงียบสงบ เราจะย้ายไปที่นั่นกันตอนนี้เลยไหม? มันอาจมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอด ยิ่งเราเคลื่อนไหวเร็วเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น”
เจียงอี้เหลือบมองไปที่หวงฝูเทาเทียนที่พยักหน้าและเจียงอี้ก็ลุกขึ้นและพูดว่า “ก็ได้ ข้าจะให้คนเก็บของต่างๆ ข้าเกรงว่าข้าจะต้องรบกวนพี่อีเสี้ยวและแม่นางอีเนี่ยนในภายภาคหน้าแล้ว”
หวงฝูเทาเทียนเรียกทหารมาเริ่มเก็บข้าวของ จากนั้นซือถูอีเสี้ยวก็ออกมาจากลานบ้านและออกคำสั่ง และขอบเขตเทียนจุนระดับกลางก็รีบออกไปทันที เมื่อเจียงอี้และกลุ่มของเขาเก็บของเสร็จแล้วและเดินออกมา พวกเขาก็พบรถม้าหลายสิบคัน ทหารอารักขาหลายร้อยคนและผู้อาวุโสขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดสิบคน!
“นี่มัน….”
เจียงอี้และหวงฝูเทาเทียนมองหน้ากันและแอบประทับใจกับความตั้งใจของตระกูลซือถู เห็นได้ชัดว่ามันแสดงให้ตระกูลเหลยและตระกูลลู่เห็นว่าพวกเขาตั้งใจจะปกป้องเจียงอี้จนถึงที่สุด
ผู้คนรอบๆตัวพวกเขานั้นเป็นหน่วยสอดแนมจากตระกูลต่างๆ ซึ่งเจียงอี้และหวงฝูเทาเทียนก็ขึ้นรถม้าหรูของตระกูลซือถูไปและมันก็สังเกตเห็นได้ง่ายๆ จากนั้นในไม่ช้า ฝูงชนทั้งหมดก็เริ่มระเบิดความโกลาหล
ตึก ตึก ตึก!
เมื่อรถม้ามาถึงลานจัตุรัสเมืองเทพประทาน ทหารนับร้อยก็บินมาจากตระกูลเหลยและทุกคนก็ปลดปล่อยกลิ่นอายสังหารออกมา
เหลยฉีเหยียนยืนอย่างภาคภูมิท่ามกลางฝูงชน เขาจ้องไปที่เจียงอี้และเห่าอย่างโกรธแค้น “เจียงอี้ หากเจ้าไม่มอบ ดาบเหล็กปฐมกาลและเกราะพระแม่ธรณีมาในวันนี้ เช่นนั้นก็อย่าโทษตระกูลเหลยของเราที่ไร้ปรานี อีเสี้ยว นี่เป็นความแค้นส่วนตัวของข้ากับเจียงอี้ ข้าหวังว่าตระกูลซือถูจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่เช่นนั้น….เราก็จะทำให้ความปรองดองระหว่างตระกูลเราปั่นป่วนไป”
…
ทั้งสองออกมาจากราชวังจักรพรรดิและเจียงอี้ก็เก็บราชวังจักรพรรดิเข้าไปและโบกมือให้คนอื่นๆเข้าไปพักผ่อนกันในโถงใหญ่ ในอีกทางหนึ่ง เจียงอี้ก็นั่งขัดสมาธิและกำลังจะหมุนเวียนแก่นแท้พลังของเขาเพื่อพักฟื้น แต่ในขณะนั้นเอง โล่ด้านนอกก็ส่องประกายแวววับทำให้เจียงอี้และหวงฝูเทาเทียนมองหน้ากันและตื่นตัว คนของตระกูลเหลยมาที่นี่แล้วหรือ?
บรึฟ!
เจียงอี้นำราชวังจักรพรรดิออกมาและนำทุกคนเข้าไปข้างในทันที ส่วนหวงฝูเทาเทียนก็ส่งข้อความเสียงไปยังทหารและกล่าวว่า “เปิดอาคมยับยั้งและดูว่าผู้ใดมา”
ทหารเปิดข้อจำกัดก่อนที่จะส่งข้อความเสียงมาว่า “นายน้อยเทียน เป็นนายน้อยอีเสี้ยวและคุณหนูอีเนี่ยนขอรับ”
“ซือถูอีเสี้ยว? ซือถูอีเนี่ยน?”
หวงฝูเทาเทียนขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ตระกูลซือถูนั้นเร็วนัก เราออกไปต้อนรับพวกเขากันไหม?”
“ก็ได้!”
เจียงอี้ลุกขึ้นมาและเดินออกไปพร้อมกับหวงฝูเทาเทียน เขาเห็นซือถูอีเสี้ยวในชุดคลุมสีขาวและซือถูอีเนี่ยนในชุดสีดำ พวกเขาไม่ได้นำทหารเข้ามาด้วยและขอให้พวกนั้นรออยู่ด้านนอก
“เจียงอี้ทักทายนายน้อยอีเสี้ยวและคุณหนูอีเนี่ยน” เมื่อตัวตนของเขาถูกเปิดเผยไปแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนมันอีกต่อไป เจียงอี้ป้องกำปั้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เชิญเข้ามาข้างในก่อน”
“น้องเจียงปิดบังพวกเราไว้นานเหลือเกิน!” ซือถูอีเสี้ยวยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ผู้มีพรสวรรค์ที่หายากยิ่งที่ทำให้ทั้งทวีปจักรพรรดิบูรพาสั่นคลอนและซ่อนตัวอยู่ในเมืองเทพประทานอยู่หลายเดือน แต่เราเพิ่งจะรู้ว่าเจ้าคือคนผู้นั้นในคืนนี้ ผู้อาวุโสที่รับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลในตระกูลของเราเพิ่งจะถูกตำหนิอย่างรุนแรงจากประมุขของเรา”
“ฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะเสียงดังและเดินเข้าไปในตำหนักด้านในข้างๆพวกเขา เขาอธิบายว่า “ศัตรูของเจียงอี้มีอยู่ทุกหนแห่ง หากข้าไม่ปิดบังตัวตน ข้าเกรงว่าข้าคงไม่ได้พบพวกท่านในตอนนี้แล้ว”
“มีแต่พวกที่มีพรสวรรค์ในระดับธรรมดาเท่านั้นแหละที่ไม่ถูกอิจฉา!”
ซือถูอีเสี้ยวยักไหล่แล้วพูดว่า “ผู้ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ผู้ใดไม่มีศัตรูทั่วปฐพีบ้าง? น้องเจียงสามารถบรรลุความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย มันทำให้อีเสี้ยวอับอายยิ่งนัก”
ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน พวกเขาก็เข้ามาข้างในกันแล้วและหวงฝูเทาเทียนก็ยืนเคียงข้างเจียงอี้อยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะดูเหมือนว่าซือถูอีเสี้ยวและน้องสาวของเขาไม่ได้จะทำร้ายเจียงอี้ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะระมัดระวังตัว
ในลานด้านในนี้ไม่มีสาวใช้เลยและเฟิ่งหลวนและคนอื่นๆก็อยู่ในราชวังจักรพรรดิกันหมด ดังนั้นเจียงอี้จึงชงชาให้ทั้งสองคนก่อนที่จะถามว่า “ที่พวกท่านมาที่ลานบ้านของข้ากลางดึกนี้มีธุระสำคัญอันใดหรือ?”
ซือถูอีเนี่ยนยิ้มจางๆและกลอกตาอันงดงามของนางแล้วพูดต่อ “เราไม่ได้มีสิ่งใดเป็นสำคัญ แค่หลังจากที่เรารายงานเรื่องที่เกิดขึ้นกับท่านประมุขของเราในคืนนี้แล้ว เขาก็ขอให้พวกเรามาอยู่กับน้องเจียงสักสองสามวัน เขากังวลว่าเมืองนั้นจะไม่ปลอดภัย”
“เอ่อ…”
เจียงอี้และหวงฝูเทาเทียนต่างก็เคลื่อนไหว หวงฝูเทาเทียนรู้สึกทึ่งกับการตัดสินใจที่แน่วแน่ของซือถูอ้าว นี่คือความจริงใจอย่างแท้จริง ในการจะรับเจียงอี้เข้าพวก ซือถูอ้าวถึงกับเสี่ยงที่จะขุ่นเคืองกับพยัคฆ์เหลยอย่างโจ่งแจ้งและยัง…ไม่คำนึงเลยว่าเจียงอี้จะเข้าร่วมกับพวกเขาหรือไม่
เจียงอี้ตะลึงงัน จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นมาและโค้งคำนับ เขาพูดด้วยความซาบซึ่งว่า “ความกรุณาอันยิ่งใหญ่ของประมุขซือถูทำให้เจียงอี้ละอายนัก เจียงอี้จะจำการสนับสนุนของพี่อีเสี้ยวและแม่นางอีเนี่ยนเอาไว้เสมอ”
“ฮ่าฮ่า!” Aileen-novel
ซือถูอีเสี้ยวหัวเราะออกมาและกล่าวว่า“น้องเจียงสุภาพเกินไปแล้ว อันที่จริงมันเป็นเกียรติของอีเสี้ยวมากกว่าที่มีโอกาสได้รู้จักผู้ยิ่งใหญ่อย่างน้องเจียง ท่านเอาชนะรุ่นเยาว์ของเก้าตระกูลจักรพรรดิด้วยตัวเองและได้สมบัติสำคัญมา หลังจากนั้นท่านยังทำให้การไล่ล่าของเจี้ยนอู๋อิงและเสียเฟยต้องพินาศไปทั้งหมดและยังรอดพ้นจากการตามล่าจากสี่ตระกูลใหญ่มาได้ อีเสี้ยวอดไม่ได้ที่จะชื่นชมคนเช่นน้องเจียง ผู้ที่สามารถทำได้ทุกอย่างที่ต้องการและท่องไปทั่วปฐพีและเป็นวีรบุรุษตัวจริง เราซ่อนตัวอยู่ในเมืองเทพประทานและพึ่งพาพลังของตระกูลเรา เรานั้นเป็นเหมือนมังกรที่ไหลหลากเมื่อเทียบกับน้องเจียงที่เป็นมังกรที่แท้จริง”
แม้แต่หวงฝูเทาเทียนเองก็ยังแอบปรบมือให้กับคำพูดของซือถูอีเสี้ยวอยู่เงียบๆ ในอดีตเขาเคยดูถูกนายน้อยของสี่ตระกูลมาตลอด แต่ในตอนนี้ เขาเปลี่ยนความประทับใจที่มีต่อซือถูอีเสี้ยวไปอย่างมาก หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นว่า “ซือถูอีเสี้ยว เจ้าเป็นลูกผู้ชายที่แท้จริง หวงฝูเทาเทียนจะนับว่าเจ้าเป็นสหาย”
ซือถูอีเสี้ยวตกตะลึงก่อนที่จะลุกขึ้นและโค้งคำนับเขาทันที “เป็นเกียรติยิ่งนักที่ได้เป็นสหายกับพี่หวงฝู ฮ่าฮ่าฮ่า อีเสี้ยวคงเป็นนายน้อยเพียงคนเดียวในเหล่าสิบสามตระกูลของเผ่าเทพประทานที่ได้รับเกียรตินี้ เราน่าจะดื่มฉลองให้กับเรื่องนี้กัน”
เจียงอี้ไม่ได้ไปหาไวน์ แต่เขากลับนิ่งไปชั่วขณะและพูดอย่างจริงจังว่า “นายน้อยอีเสี้ยว เจียงอี้ไม่อาจปิดบังความจริงจากท่านได้ ข้ามีหนี้เลือดที่ต้องชำระอยู่ที่ทวีปจักรพรรดิบูรพา ข้าเคยสาบานว่าจะไม่เป็นชายหากข้าไม่ทำลายโถงวรยุทธ ดังนั้น…ข้าจึงไม่สามารถร่วมตระกูลซือถูได้ แต่ข้าต้องการจะทำข้อตกลงกับท่าน เจียงอี้หวังว่าตระกูลซือถูจะช่วยต้านแรงกดดันบางอย่างได้ พี่หวงฝูรู้ว่าข้ากำลังจะประสบความสำเร็จกับรูปแบบเต๋าระดับสูงได้ และข้าจะขอเสนอภาพวาดสวรรค์ระดับสูงสิบภาพให้แก่ตระกูลซือถู”
ซือถูอีเสี้ยวและซือถูอีเนี่ยนมองหน้ากันและไม่ได้ดูแปลกใจเลย ตามที่คาดไว้ เจียงอี้เป็นผู้วาดภาพวาดสวรรค์เหล่านั้นและเขาปฏิเสธที่จะเข้าร่วมตระกูลซือถู
ซือถูอีเสี้ยวเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “น้องเจียงมีความทะเยอทะยานราวพยัคฆ์และยังต้องการทำลายตระกูลหวู่ของจักรพรรดิอุดร! หากไม่พูดถึงเรื่องภาพวาดสวรรค์แล้ว ตระกูลซือถูจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเจ้า และตระกูลอื่นๆทั้งหมดจะปล่อยให้อดีตเป็นอดีตไปหากพวกเขาได้ยินเรื่องนี้ เก้าตระกูลจักรพรรดินั้นถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของทั้งสิบสามตระกูลของเราเลย!”
หวงฝูเทาเทียนพยักหน้า ไม่ว่าตระกูลซือถูจะจริงแท้หรือไม่ก็ตาม แต่อย่างน้อยคติของพวกเขาก็จริงใจมาก ซือถูอีเสี้ยวนั้นเป็นผู้มีพรสวรรค์ หากเขากลายเป็นประมุขตระกูลซือถูขึ้นมา เขาจะสามารถยกระดับอิทธิพลของตระกูลซือถูได้อย่างแน่นอน ซือถูอีเสี้ยวนั้นไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดแจ้ง แต่มันก็ชัดเจนแล้วว่าตอนนี้พวกเขาได้ทำข้อตกลงกันแล้ว
ซือถูอีเนี่ยนยังกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “น้องเจียงเป็นอาจารย์ที่แท้จริง เจ้าปิดบังเรามานานนัก น้องเจียง ตระกูลซือถูของเรามีลานตำหนักเล็กๆที่งดงามมากซึ่งมันเหมาะสำหรับการบ่มเพาะพลังและการวาดภาพที่เงียบสงบ เราจะย้ายไปที่นั่นกันตอนนี้เลยไหม? มันอาจมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอด ยิ่งเราเคลื่อนไหวเร็วเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น”
เจียงอี้เหลือบมองไปที่หวงฝูเทาเทียนที่พยักหน้าและเจียงอี้ก็ลุกขึ้นและพูดว่า “ก็ได้ ข้าจะให้คนเก็บของต่างๆ ข้าเกรงว่าข้าจะต้องรบกวนพี่อีเสี้ยวและแม่นางอีเนี่ยนในภายภาคหน้าแล้ว”
หวงฝูเทาเทียนเรียกทหารมาเริ่มเก็บข้าวของ จากนั้นซือถูอีเสี้ยวก็ออกมาจากลานบ้านและออกคำสั่ง และขอบเขตเทียนจุนระดับกลางก็รีบออกไปทันที เมื่อเจียงอี้และกลุ่มของเขาเก็บของเสร็จแล้วและเดินออกมา พวกเขาก็พบรถม้าหลายสิบคัน ทหารอารักขาหลายร้อยคนและผู้อาวุโสขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดสิบคน!
“นี่มัน….”
เจียงอี้และหวงฝูเทาเทียนมองหน้ากันและแอบประทับใจกับความตั้งใจของตระกูลซือถู เห็นได้ชัดว่ามันแสดงให้ตระกูลเหลยและตระกูลลู่เห็นว่าพวกเขาตั้งใจจะปกป้องเจียงอี้จนถึงที่สุด
ผู้คนรอบๆตัวพวกเขานั้นเป็นหน่วยสอดแนมจากตระกูลต่างๆ ซึ่งเจียงอี้และหวงฝูเทาเทียนก็ขึ้นรถม้าหรูของตระกูลซือถูไปและมันก็สังเกตเห็นได้ง่ายๆ จากนั้นในไม่ช้า ฝูงชนทั้งหมดก็เริ่มระเบิดความโกลาหล
ตึก ตึก ตึก!
เมื่อรถม้ามาถึงลานจัตุรัสเมืองเทพประทาน ทหารนับร้อยก็บินมาจากตระกูลเหลยและทุกคนก็ปลดปล่อยกลิ่นอายสังหารออกมา
เหลยฉีเหยียนยืนอย่างภาคภูมิท่ามกลางฝูงชน เขาจ้องไปที่เจียงอี้และเห่าอย่างโกรธแค้น “เจียงอี้ หากเจ้าไม่มอบ ดาบเหล็กปฐมกาลและเกราะพระแม่ธรณีมาในวันนี้ เช่นนั้นก็อย่าโทษตระกูลเหลยของเราที่ไร้ปรานี อีเสี้ยว นี่เป็นความแค้นส่วนตัวของข้ากับเจียงอี้ ข้าหวังว่าตระกูลซือถูจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่เช่นนั้น….เราก็จะทำให้ความปรองดองระหว่างตระกูลเราปั่นป่วนไป”
…