เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 805 หนุ่มคลั่งสงคราม
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
เรือลิขิตสวรรค์เพิ่มความเร็วขึ้นอย่างรวดเร็วและเมื่อมันผ่านยอดเขามาแล้ว เจียงอี้และหวงฝูเทาเทียนก็ได้นำยอดฝีมือขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดไปยังยอดเขาและใต้ดินทันที
“ตั้งค่ายกลแบบพัดและกางกระจายออกไป อีกฝ่ายอยู่ใต้ดินและพวกนั้นมีทักษะการหลบหลีกที่เก่งกาจมาก ถ้าจับเป็นได้ก็จับเป็นมา และห้ามสังหารคนจากตระกูลหวงฝู ข้าจะรออยู่ที่นี่ ส่วนคนอื่น ออกโจมตี!”
หลังจากที่พวกเขาลงไปใต้พื้นดินสามกิโลเมตร เจียงอี้ก็นั่งขัดสมาธิและตะโกนออกมา ส่วนหวงฝูเทาเทียนและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอีกยี่สิบเก้าคนก็เผยความเย็นชาออกมาจากดวงตาขณะที่พวกเขาแผ่ออกไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
หากหน่วยสอดแนมยังคงตามเรือลิขิตสวรรค์มา พวกเขาก็จะอยู่ใต้การเฝ้าระวังของผู้อื่น มันไม่สำคัญว่าจะมีหน่วยสอดแนมจากเกาะจอมมารหรือไม่ พวกเขาเพียงแค่ต้องขจัดคนเหล่านี้ออกไปก่อน ส่วนการไม่สังหารหน่วยสอดแนมตระกูลหวงฝูนั้นเป็นคำสั่งจากเจียงอี้เอง พวกเขาเป็นคนตระกูลเดียวกับหวงฝูเทาเทียนและแม้ว่าหวงฝูเทาเทียนจะไม่พูดอะไร แต่เจียงอี้ก็ยังต้องไว้หน้าเขาบ้าง
เจียงอี้ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร เพราะเมื่อมีขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดมากมายที่สังหารหน่วยสอดแนมไปสิบกว่าคนได้แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องลงมือ แล้วเจียงอี้ก็ยังมีสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการสอดแนมตำแหน่งของหน่วยสอดแนมและส่งข้อมูลให้ผู้อาวุโสของสมาคมการค้าวิหคมรกตทันทีด้วย ผู้อาวุโสจะส่งข้อความไปยังคนอื่นๆและทำให้แน่ใจว่าไม่มีหน่วยสอดแนมคนใดหลีกหนีไปได้
จี๊! จี๊!
หวงฝูเทาเทียนและคนอื่นๆเหมือนมังกรมุดดินสามสิบตนที่วิ่งแล่นอยู่ใต้พื้น ความเร็วของพวกเขารวดเร็วราวกับสายลม พวกเขาใช้ความเร็วดุจสายฟ้าฟาดฟันหน่วยสอดแนมและทุกๆคนก็แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เพื่อค้นหาหน่วยสอดแนมที่ซ่อนตัวอยู่
เจียงอี้เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ก่อนที่จะปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมา หลังจากที่คอยสำรวจมาได้หลายวัน เขาก็ค้นพบว่าญาณศักดิ์สิทธิ์จะยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเมื่อเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ หากไม่มีอาคมยับยั้งอันทรงพลังอยู่ใกล้ๆ มันก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่สามารถหนีจากการสอดแนมของเจียงอี้ได้เลย
“ผู้อาวุโสปู้ มีหน่วยสอดแนมทางซ้ายห่างไปสองหมื่นกิโลเมตรที่รู้ตัวและกำลังเตรียมตัวหนี เขากำลังหนีกลับไปทางซ้าย”
“ผู้อาวุโสปู้, ผู้อาวุโสตู้เพิ่งบินผ่านตรงนั้นไป มีผู้ที่ครอบครองสมบัติพิเศษซึ่งทำให้เขาเหมือนก้อนหิน มีคนอยู่ในหินก้อนนั้น!”
“ผู้อาวุโสปู้ รีบพาผู้อาวุโสชิงรื่อเปลี่ยนทิศไปทางขวาเลย มีสามคนกำลังหนี!” “ผู้อาวุโสปู้ ให้พี่เทาเทียนระวังตัวด้วย หน่วยสอดแนมที่น่าเกรงขามอยู่ตรงหน้าเขา!”
“ผู้อาวุโสปู้….”
เจียงอี้ตะโกนออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่ผู้อาวุโสปู้ใช้ป้ายข้อความส่งข้อความต่อไปยังทุกคนและควบคุมการต่อสู้จากระยะไกล และจากที่ไกลๆก็มีคลื่นกระทบอย่างต่อเนื่องและมีเสียงสะท้อนออกมา เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้วและพวกเขายังได้ยินเสียงกรีดร้องขึ้นมาในบางครั้ง
ผู้อาวุโสปู้มองไปที่เจียงอี้ที่กำลังหลับตาอย่างประหลาดใจอยู่เงียบๆ เด็กคนนี้น่าทึ่งเกินไป ไม่เพียงแต่เขาจะมีเปลวเพลิงอัสนีที่น่าสยดสยอง แต่เขายังสามารถสร้างภาพวาดสวรรค์ได้และตอนนี้เขายังมีความสามารถเร้นลับเช่นนี้อีก เขาเพิ่งจะอายุเพียงยี่สิบต้นๆเท่านั้น แล้วเขาจะโตมากขึ้นเพียงใดเมื่อเขาอายุห้าสิบปี, แปดสิบปี หรือสองร้อยปี?
“เอาล่ะ!” Aileen-novel
สามสิบนาทีต่อมา เจียงอี้ก็ลืมตาขึ้นมาและลุกขึ้นยืน เขายิ้มและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสปู้ คนของสมาคมการค้าของท่านทุกคนล้วนแต่มีกำลังรบที่น่าเกรงขามนัก หน่วยสอดแนมทั้งหมดถูกสังหารหรือไม่ก็ถูกจับกุมหมดแล้ว ตระกูลเหลย, ตระกูลลู่และตระกูลหนานกงได้ส่งหน่วยสอดแนมมาอย่างที่คิดไว้จริงๆ ยังมีของตระกูลหวงฝูด้วย แต่พวกเขาทั้งหมดก็ถูกจับไว้และไม่ถูกสังหาร”
“เป็นเพราะความสามารถของนายน้อยที่น่าทึ่งเกินไปขอรับ!” ผู้อาวุโสปู้พยักหน้าและรู้สึกโล่งใจ เฟิงปู้ชีได้ห้ามไม่ให้พวกเขาสังหารหน่วยสอดแนมจากสามตระกูลหลัก เพราะแม้ว่าซือถูอีเสี้ยวจะสั่งการลงมาแล้ว แต่ทั้งสามตระกูลหลักก็จะยังจดจำความไม่พอใจต่อสมาคมการค้าวิหคมรกตไว้อยู่ดี และมันจะทำให้ชีวิตของพวกเขาลำบากมากในเมืองเทพประทาน
พื้นผิวดินสั่นสะเทือนขณะที่คนทั้งสามสิบคนค่อยๆพากันกลับมา หลายคนแบกหน่วยสอดแนมไว้ในมือและหน่วยสอดแนมทั้งหมดก็มีสีหน้าสลดใจและมีสายตาที่สับสนเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาถูกพบได้อย่างไร
“กลับกันเถอะ!”
เสื้อคลุมเงาวายุปรากฏขึ้นที่หลังของเจียงอี้ขณะที่มันเรืองรองด้วยแสงสีเขียวเข้ม เจียงอี้ยืนขึ้นมาและพุ่งไปราวกับมังกรที่ดุร้าย ส่วนคนที่เหลือก็ตามหลังเขาไปทันที หวงฝูเทาเทียนแบกหน่วยสอดแนมไว้คนหนึ่งและหลังจากที่เขาตามเจียงอี้ทันเขาก็พึมพำด้วยความไม่พอใจ “น่าเบื่อ หน่วยสอดแนมเหล่านี้อ่อนแอเกินไป ข้ายังไม่ได้ไล่เตะใครเลย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะอย่างเต็มที่และพูดว่า “พี่ใหญ่หวงฝู เมื่อเราไปถึงเกาะจอมมาร มันจะเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่และเจ้าจะได้สู้อย่างเต็มที่เลย แล้วก็ระวังตัวด้วย…มียอดฝีมือมากมายอยู่ในเกาะจอมมาร ข้าไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า”
“ไม่ต้องห่วง ข้ารู้ขีดจำกัดตัวเองดี” หวงฝูเทาเทียนส่ายมือ ทันใดนั้นเขาก็ส่งข้อความว่า “เจียงอี้ อันที่จริงแล้วข้ามีความสามารถพิเศษที่ไม่เคยปล่อยออกมาก่อน เมื่อเราอยู่ที่เกาะจอมมารแล้ว ข้าจะให้เจ้าได้เปิดหูเปิดตา ฮึฮึ พวกขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดปกติจะไม่สามารถสังหารข้าได้ ครั้งนี้ ข้าจะสังหารจนกว่าข้าจะพอใจเลย”
“เจ้านี้มันบ้าคลั่งจริงๆ หนุ่มคลั่งสงคราม!”
เจียงอี้มองไปยังดวงตาที่ลุกโชนของหวงฝูเทาเทียนและส่ายหัวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น หวงฝูเทาเทียนชอบสงครามเกินไป แต่หากเขาไม่ได้เป็นคนเช่นนี้ เขาจะบรรลุขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดตั้งแต่ยังเยาว์วัยขนาดนี้ได้อย่างไร?
เจียงอี้มีประสบการณ์การต่อสู้นับไม่ถ้วนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและเขารู้ดีว่านักสู้จะก้าวหน้าได้ง่ายๆเมื่ออยู่ในการสู้เพื่อเอาชีวิตรอดในช่วงความเป็นความตาย ผู้ที่ไม่กล้าเสี่ยงชีวิตและไม่เตรียมใจที่จะตายก็จะไม่มีวันได้เป็นยอดฝีมือเลยตลอดชีวิต
ทุกคนเร็วมากและพวกเขาใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงก็ตามเรือลิขิตสวรรค์ทันแล้ว และหน่วยสอดแนมกว่าสิบคนก็ถูกส่งต่อไปยังเฟิงปู้ชี พวกเขานั้นรู้ว่าเฟิงปู้ชีจะไม่สังหารหน่วยสอดแนมเหล่านี้และอย่างมากที่สุดก็เพียงแค่จะกักขังพวกเขาและปล่อยพวกเขาไปเงียบๆในภายหลัง พวกเขารู้ดีว่าสมาคมการค้าวิหคมรกตยังต้องหาเลี้ยงชีพในเมืองเทพประทานต่อไป
หลังจากที่พวกเขากลับมา เจียงอี้ก็ใช้ญาณศักดิ์สิทธิ์สำรวจแถวๆนั้น และหลังจากที่มั่นใจแล้วว่าไม่มีหน่วยสอดแนมแล้ว เขาก็หลับตาพักผ่อนด้วยความเหนื่อยล้า การสอดแนมอย่างต่อเนื่องทำให้พลังดวงจิตของเขาเหน็ดเหนื่อยมาก เมื่อหวงฝูเทาเทียนเห็นเช่นนี้ เขาก็รีบให้เจียงอี้ไปพักก่อนครึ่งวัน และหลังจากนั้นเขาก็ส่งข้อความให้เฟิงปู้ชีส่งคนออกไปยืนเฝ้าขณะที่เขาคอยขยายสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปมองรอบๆ การเดินทางเป็นไปอย่างสงบสุขและหลังจากที่พักผ่อนได้ครึ่งวัน เจียงอี้ก็กลับมาทำหน้าที่สอดแนมและหลบเลี่ยงกองโจรตลอดทาง พวกเขาหลีกเลี่ยงเรือลิขิตสวรรค์ต่างๆและมุ่งหน้าไปยังทะเลเทพประทาน
สี่วันต่อมา เมื่อเรือลิขิตสวรรค์มาถึงทะเลเทพประทานแล้ว เจียงอี้ก็อดถอนหายใจไม่ได้เมื่อเขาสำรวจพื้นที่ทะเลอันกว้างใหญ่ ย้อนไปในตอนนั้นที่เขานำเฉียนว่านก้วนและคนอื่นๆเดินทางไปยังเกาะเทพประทานจากเมืองมังกรอินทนิล ทุกคนรู้สึกกระสับกระส่ายและรู้สึกว่าอนาคตช่างมืดมน วันนี้ เขากลับมายังทะเลเทพประทานแล้ว แต่กลับมาพร้อมกับขอบเขตเทียนจุนนับหมื่นและยังมีขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดอีกนับร้อยและกำลังจะมาจัดการกองโจรที่ทรงพลัง
เจียงอี้ถอนหายใจดังขึ้นเมื่อเขานึกถึงเรื่องที่เขากลัวว่าโถงวรยุทธจะส่งยอดฝีมือขอบเขตเทียนจุนมายังทวีปเทียนชิง เขาพาทุกคนละทิ้งบ้านของตนมาและหนีมาด้วยความหวาดกลัว หากเขานำขอบเขตเทียนจุนนับหมื่นเหล่านี้กลับไปยังทวีปเทียนชิง เฉียนกุ้ย, จ้านอีหมิงและคนอื่นๆจะมีปฏิกิริยาเช่นไรกันนะ?
แน่นอนว่า!
นี่มันเป็นแค่ความคิดของเขาเพราะเหล่าขอบเขตเทียนจุนเหล่านี้ไม่ใช่คนของเขา และมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะตามเจียงอี้ออกจากเกาะแห่งบาป ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเขาจะนำคนหมื่นคนออกจากเกาะแห่งบาป พวกเขาก็จะต้องถูกกำจัดโดยเก้าตระกูลจักรพรรดิแน่นอน
“ข้าจะได้กลับทวีปจักรพรรดิบูรพาอย่างมีเกียรติได้ตอนไหนกัน? ข้าจะกลับไปยังทวีปเทียนชิงได้เมื่อใดกัน? ข้าสงสัยจังว่าลุงเฉียนกุ้ย, ลุงจ้านอีหมิง, ท่านปู่, สุ่ยโย่วหลานและคนอื่นๆจะเป็นเช่นไรบ้าง”
เจียงอี้ถอนหายใจออกมาราวกับว่าการเดินทางของเขานั้นยังยาวไกลนัก
…
เรือลิขิตสวรรค์เพิ่มความเร็วขึ้นอย่างรวดเร็วและเมื่อมันผ่านยอดเขามาแล้ว เจียงอี้และหวงฝูเทาเทียนก็ได้นำยอดฝีมือขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดไปยังยอดเขาและใต้ดินทันที
“ตั้งค่ายกลแบบพัดและกางกระจายออกไป อีกฝ่ายอยู่ใต้ดินและพวกนั้นมีทักษะการหลบหลีกที่เก่งกาจมาก ถ้าจับเป็นได้ก็จับเป็นมา และห้ามสังหารคนจากตระกูลหวงฝู ข้าจะรออยู่ที่นี่ ส่วนคนอื่น ออกโจมตี!”
หลังจากที่พวกเขาลงไปใต้พื้นดินสามกิโลเมตร เจียงอี้ก็นั่งขัดสมาธิและตะโกนออกมา ส่วนหวงฝูเทาเทียนและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอีกยี่สิบเก้าคนก็เผยความเย็นชาออกมาจากดวงตาขณะที่พวกเขาแผ่ออกไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
หากหน่วยสอดแนมยังคงตามเรือลิขิตสวรรค์มา พวกเขาก็จะอยู่ใต้การเฝ้าระวังของผู้อื่น มันไม่สำคัญว่าจะมีหน่วยสอดแนมจากเกาะจอมมารหรือไม่ พวกเขาเพียงแค่ต้องขจัดคนเหล่านี้ออกไปก่อน ส่วนการไม่สังหารหน่วยสอดแนมตระกูลหวงฝูนั้นเป็นคำสั่งจากเจียงอี้เอง พวกเขาเป็นคนตระกูลเดียวกับหวงฝูเทาเทียนและแม้ว่าหวงฝูเทาเทียนจะไม่พูดอะไร แต่เจียงอี้ก็ยังต้องไว้หน้าเขาบ้าง
เจียงอี้ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร เพราะเมื่อมีขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดมากมายที่สังหารหน่วยสอดแนมไปสิบกว่าคนได้แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องลงมือ แล้วเจียงอี้ก็ยังมีสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการสอดแนมตำแหน่งของหน่วยสอดแนมและส่งข้อมูลให้ผู้อาวุโสของสมาคมการค้าวิหคมรกตทันทีด้วย ผู้อาวุโสจะส่งข้อความไปยังคนอื่นๆและทำให้แน่ใจว่าไม่มีหน่วยสอดแนมคนใดหลีกหนีไปได้
จี๊! จี๊!
หวงฝูเทาเทียนและคนอื่นๆเหมือนมังกรมุดดินสามสิบตนที่วิ่งแล่นอยู่ใต้พื้น ความเร็วของพวกเขารวดเร็วราวกับสายลม พวกเขาใช้ความเร็วดุจสายฟ้าฟาดฟันหน่วยสอดแนมและทุกๆคนก็แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เพื่อค้นหาหน่วยสอดแนมที่ซ่อนตัวอยู่
เจียงอี้เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ก่อนที่จะปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมา หลังจากที่คอยสำรวจมาได้หลายวัน เขาก็ค้นพบว่าญาณศักดิ์สิทธิ์จะยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเมื่อเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ หากไม่มีอาคมยับยั้งอันทรงพลังอยู่ใกล้ๆ มันก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่สามารถหนีจากการสอดแนมของเจียงอี้ได้เลย
“ผู้อาวุโสปู้ มีหน่วยสอดแนมทางซ้ายห่างไปสองหมื่นกิโลเมตรที่รู้ตัวและกำลังเตรียมตัวหนี เขากำลังหนีกลับไปทางซ้าย”
“ผู้อาวุโสปู้, ผู้อาวุโสตู้เพิ่งบินผ่านตรงนั้นไป มีผู้ที่ครอบครองสมบัติพิเศษซึ่งทำให้เขาเหมือนก้อนหิน มีคนอยู่ในหินก้อนนั้น!”
“ผู้อาวุโสปู้ รีบพาผู้อาวุโสชิงรื่อเปลี่ยนทิศไปทางขวาเลย มีสามคนกำลังหนี!” “ผู้อาวุโสปู้ ให้พี่เทาเทียนระวังตัวด้วย หน่วยสอดแนมที่น่าเกรงขามอยู่ตรงหน้าเขา!”
“ผู้อาวุโสปู้….”
เจียงอี้ตะโกนออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่ผู้อาวุโสปู้ใช้ป้ายข้อความส่งข้อความต่อไปยังทุกคนและควบคุมการต่อสู้จากระยะไกล และจากที่ไกลๆก็มีคลื่นกระทบอย่างต่อเนื่องและมีเสียงสะท้อนออกมา เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้วและพวกเขายังได้ยินเสียงกรีดร้องขึ้นมาในบางครั้ง
ผู้อาวุโสปู้มองไปที่เจียงอี้ที่กำลังหลับตาอย่างประหลาดใจอยู่เงียบๆ เด็กคนนี้น่าทึ่งเกินไป ไม่เพียงแต่เขาจะมีเปลวเพลิงอัสนีที่น่าสยดสยอง แต่เขายังสามารถสร้างภาพวาดสวรรค์ได้และตอนนี้เขายังมีความสามารถเร้นลับเช่นนี้อีก เขาเพิ่งจะอายุเพียงยี่สิบต้นๆเท่านั้น แล้วเขาจะโตมากขึ้นเพียงใดเมื่อเขาอายุห้าสิบปี, แปดสิบปี หรือสองร้อยปี?
“เอาล่ะ!” Aileen-novel
สามสิบนาทีต่อมา เจียงอี้ก็ลืมตาขึ้นมาและลุกขึ้นยืน เขายิ้มและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสปู้ คนของสมาคมการค้าของท่านทุกคนล้วนแต่มีกำลังรบที่น่าเกรงขามนัก หน่วยสอดแนมทั้งหมดถูกสังหารหรือไม่ก็ถูกจับกุมหมดแล้ว ตระกูลเหลย, ตระกูลลู่และตระกูลหนานกงได้ส่งหน่วยสอดแนมมาอย่างที่คิดไว้จริงๆ ยังมีของตระกูลหวงฝูด้วย แต่พวกเขาทั้งหมดก็ถูกจับไว้และไม่ถูกสังหาร”
“เป็นเพราะความสามารถของนายน้อยที่น่าทึ่งเกินไปขอรับ!” ผู้อาวุโสปู้พยักหน้าและรู้สึกโล่งใจ เฟิงปู้ชีได้ห้ามไม่ให้พวกเขาสังหารหน่วยสอดแนมจากสามตระกูลหลัก เพราะแม้ว่าซือถูอีเสี้ยวจะสั่งการลงมาแล้ว แต่ทั้งสามตระกูลหลักก็จะยังจดจำความไม่พอใจต่อสมาคมการค้าวิหคมรกตไว้อยู่ดี และมันจะทำให้ชีวิตของพวกเขาลำบากมากในเมืองเทพประทาน
พื้นผิวดินสั่นสะเทือนขณะที่คนทั้งสามสิบคนค่อยๆพากันกลับมา หลายคนแบกหน่วยสอดแนมไว้ในมือและหน่วยสอดแนมทั้งหมดก็มีสีหน้าสลดใจและมีสายตาที่สับสนเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาถูกพบได้อย่างไร
“กลับกันเถอะ!”
เสื้อคลุมเงาวายุปรากฏขึ้นที่หลังของเจียงอี้ขณะที่มันเรืองรองด้วยแสงสีเขียวเข้ม เจียงอี้ยืนขึ้นมาและพุ่งไปราวกับมังกรที่ดุร้าย ส่วนคนที่เหลือก็ตามหลังเขาไปทันที หวงฝูเทาเทียนแบกหน่วยสอดแนมไว้คนหนึ่งและหลังจากที่เขาตามเจียงอี้ทันเขาก็พึมพำด้วยความไม่พอใจ “น่าเบื่อ หน่วยสอดแนมเหล่านี้อ่อนแอเกินไป ข้ายังไม่ได้ไล่เตะใครเลย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะอย่างเต็มที่และพูดว่า “พี่ใหญ่หวงฝู เมื่อเราไปถึงเกาะจอมมาร มันจะเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่และเจ้าจะได้สู้อย่างเต็มที่เลย แล้วก็ระวังตัวด้วย…มียอดฝีมือมากมายอยู่ในเกาะจอมมาร ข้าไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า”
“ไม่ต้องห่วง ข้ารู้ขีดจำกัดตัวเองดี” หวงฝูเทาเทียนส่ายมือ ทันใดนั้นเขาก็ส่งข้อความว่า “เจียงอี้ อันที่จริงแล้วข้ามีความสามารถพิเศษที่ไม่เคยปล่อยออกมาก่อน เมื่อเราอยู่ที่เกาะจอมมารแล้ว ข้าจะให้เจ้าได้เปิดหูเปิดตา ฮึฮึ พวกขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดปกติจะไม่สามารถสังหารข้าได้ ครั้งนี้ ข้าจะสังหารจนกว่าข้าจะพอใจเลย”
“เจ้านี้มันบ้าคลั่งจริงๆ หนุ่มคลั่งสงคราม!”
เจียงอี้มองไปยังดวงตาที่ลุกโชนของหวงฝูเทาเทียนและส่ายหัวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น หวงฝูเทาเทียนชอบสงครามเกินไป แต่หากเขาไม่ได้เป็นคนเช่นนี้ เขาจะบรรลุขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดตั้งแต่ยังเยาว์วัยขนาดนี้ได้อย่างไร?
เจียงอี้มีประสบการณ์การต่อสู้นับไม่ถ้วนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและเขารู้ดีว่านักสู้จะก้าวหน้าได้ง่ายๆเมื่ออยู่ในการสู้เพื่อเอาชีวิตรอดในช่วงความเป็นความตาย ผู้ที่ไม่กล้าเสี่ยงชีวิตและไม่เตรียมใจที่จะตายก็จะไม่มีวันได้เป็นยอดฝีมือเลยตลอดชีวิต
ทุกคนเร็วมากและพวกเขาใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงก็ตามเรือลิขิตสวรรค์ทันแล้ว และหน่วยสอดแนมกว่าสิบคนก็ถูกส่งต่อไปยังเฟิงปู้ชี พวกเขานั้นรู้ว่าเฟิงปู้ชีจะไม่สังหารหน่วยสอดแนมเหล่านี้และอย่างมากที่สุดก็เพียงแค่จะกักขังพวกเขาและปล่อยพวกเขาไปเงียบๆในภายหลัง พวกเขารู้ดีว่าสมาคมการค้าวิหคมรกตยังต้องหาเลี้ยงชีพในเมืองเทพประทานต่อไป
หลังจากที่พวกเขากลับมา เจียงอี้ก็ใช้ญาณศักดิ์สิทธิ์สำรวจแถวๆนั้น และหลังจากที่มั่นใจแล้วว่าไม่มีหน่วยสอดแนมแล้ว เขาก็หลับตาพักผ่อนด้วยความเหนื่อยล้า การสอดแนมอย่างต่อเนื่องทำให้พลังดวงจิตของเขาเหน็ดเหนื่อยมาก เมื่อหวงฝูเทาเทียนเห็นเช่นนี้ เขาก็รีบให้เจียงอี้ไปพักก่อนครึ่งวัน และหลังจากนั้นเขาก็ส่งข้อความให้เฟิงปู้ชีส่งคนออกไปยืนเฝ้าขณะที่เขาคอยขยายสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปมองรอบๆ การเดินทางเป็นไปอย่างสงบสุขและหลังจากที่พักผ่อนได้ครึ่งวัน เจียงอี้ก็กลับมาทำหน้าที่สอดแนมและหลบเลี่ยงกองโจรตลอดทาง พวกเขาหลีกเลี่ยงเรือลิขิตสวรรค์ต่างๆและมุ่งหน้าไปยังทะเลเทพประทาน
สี่วันต่อมา เมื่อเรือลิขิตสวรรค์มาถึงทะเลเทพประทานแล้ว เจียงอี้ก็อดถอนหายใจไม่ได้เมื่อเขาสำรวจพื้นที่ทะเลอันกว้างใหญ่ ย้อนไปในตอนนั้นที่เขานำเฉียนว่านก้วนและคนอื่นๆเดินทางไปยังเกาะเทพประทานจากเมืองมังกรอินทนิล ทุกคนรู้สึกกระสับกระส่ายและรู้สึกว่าอนาคตช่างมืดมน วันนี้ เขากลับมายังทะเลเทพประทานแล้ว แต่กลับมาพร้อมกับขอบเขตเทียนจุนนับหมื่นและยังมีขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดอีกนับร้อยและกำลังจะมาจัดการกองโจรที่ทรงพลัง
เจียงอี้ถอนหายใจดังขึ้นเมื่อเขานึกถึงเรื่องที่เขากลัวว่าโถงวรยุทธจะส่งยอดฝีมือขอบเขตเทียนจุนมายังทวีปเทียนชิง เขาพาทุกคนละทิ้งบ้านของตนมาและหนีมาด้วยความหวาดกลัว หากเขานำขอบเขตเทียนจุนนับหมื่นเหล่านี้กลับไปยังทวีปเทียนชิง เฉียนกุ้ย, จ้านอีหมิงและคนอื่นๆจะมีปฏิกิริยาเช่นไรกันนะ?
แน่นอนว่า!
นี่มันเป็นแค่ความคิดของเขาเพราะเหล่าขอบเขตเทียนจุนเหล่านี้ไม่ใช่คนของเขา และมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะตามเจียงอี้ออกจากเกาะแห่งบาป ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเขาจะนำคนหมื่นคนออกจากเกาะแห่งบาป พวกเขาก็จะต้องถูกกำจัดโดยเก้าตระกูลจักรพรรดิแน่นอน
“ข้าจะได้กลับทวีปจักรพรรดิบูรพาอย่างมีเกียรติได้ตอนไหนกัน? ข้าจะกลับไปยังทวีปเทียนชิงได้เมื่อใดกัน? ข้าสงสัยจังว่าลุงเฉียนกุ้ย, ลุงจ้านอีหมิง, ท่านปู่, สุ่ยโย่วหลานและคนอื่นๆจะเป็นเช่นไรบ้าง”
เจียงอี้ถอนหายใจออกมาราวกับว่าการเดินทางของเขานั้นยังยาวไกลนัก
…