เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 817 ความคิดบ้าๆ
เก้าตระกูลจักรพรรดิรู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนเกาะแห่งบาปอย่างชัดเจน แต่เจียงอี้ไม่ได้เข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเก้าตระกูลจักรพรรดิเลย แม้แต่ซือถูอีเสี้ยวเองก็ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะรู้เรื่องนี้ ดังนั้นเจียงอี้จึงไม่รู้ว่าสตรีที่เกลียดเขาเข้ากระดูกดำนั้นโน้มน้าวหวู่นี่สำเร็จและกลายเป็นประมุขโถงวรยุทธคนใหม่ของโถงสาขาแห่งบาป
เจียงอี้ค่อนข้างมีช่วงเวลาที่ดีขณะที่เขาไม่ต้องกังวลอะไรเมื่ออยู่ในตำหนักซือถู เขาฝึกฝนแก่นแท้พลังของเขา, เข้าถึงศาสตร์เวทย์ และผสานรูปแบบเต๋าขณะที่คอยพัฒนาฝีมือการวาดภาพและคอยพูดคุยกับคนอื่นๆในยามกลางคืน
สิ่งเดียวที่เขารู้สึกเสียใจก็คือซูรั่วเสวี่ยยังคงอยู่ในทวีปจักรพรรดิบูรพา แม้มันจะผ่านมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่เขาเองก็ยังไม่ได้ข่าวของอีเพียวเพียวเลย มันทำให้เจียงอี้รู้สึกท้อแท้ใจเมื่อพวกนึกถึงพวกนาง
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เฉียนว่านก้วนกลับมาเพียงครั้งเดียว ทุกๆคนต่างประหลาดใจที่เฉียนว่านก้วนน้ำหนักลดลงไปมาก เดิมทีเขาหนักเกือบร้อยกิโลกรัม แต่ในตอนนี้เขาเหลือเพียงแปดสิบกิโลกรัมเท่านั้น เจ้าอ้วนเฉียนดูเหนื่อยล้า แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความมั่นใจ ในขณะที่ร่างกายของเขาเผยกลิ่นอายผู้นำออกมา ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เขาได้ออกคำสั่งมากมายมาเป็นเวลานาน
เจียงอี้รู้สึกพอใจมากและเขาไม่ได้ถามว่าเฉียนว่านก้วนเป็นอย่างไร อย่างน้อยๆ จากกลิ่นอายของเฉียนว่านก้วนนั้น มันก็เผยถึงความขันแข็งและการเติบโตของเขาซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้ว ส่วนเฉียนว่านก้วนเองก็ไม่ได้พูดอะไรมากและพูดคุยกับเจียงอี้เพียงเล็กน้อย เขารู้ว่าเจียงอี้ไม่ได้ชอบคุยเรื่องการค้าและเรื่องนี้ก็ไม่สามารถอธิบายได้เพียงแค่ประโยคหรือสองประโยคเช่นกัน เฟิ่งหลวน, ชิงหยี และหยุนเฟยได้ชี้แนะให้เฉียนว่านก้วนลดน้ำหนักต่อไป หากเขาต้องการจะพิชิตใจซือถูอีเนี่ยน ความสามารถและความสำเร็จนั้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่รูปลักษณ์ของเขาต้องไม่เพียงแค่พอได้เท่านั้น ใบหน้าของเฉียนว่านก้วนนั้นถือว่าดูดี แต่เขาเพียงแค่อ้วนเท่านั้น สตรีคนอื่นๆจึงไม่คิดว่าเขาน่าดึงดูดนัก
เฉียนว่านก้วนก้มหน้าก้มตาเดินออกไปขณะที่ดวงตาของจ้านอู๋ซวงเผยความขมขื่นออกมา เจียงอี้และเฉียนว่านก้วนกำลังเฟื่องฟู แต่เขาผู้ซึ่งเป็นผู้สืบทอดเผ่าพันธ์เทพสงครามกลับยังอยู่ขอบเขตจินกังขั้นที่ห้าเท่านั้น พรสวรรค์เช่นนี้อาจทรงพลังมากในทวีปเทียนชิง แต่สำหรับในแดนเทียนชิงนั้นไม่ใช่เลย
เจียงอี้พบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับความรู้สึกของจ้านอู๋ซวง แต่เขาก็ไม่ได้แนะนำอะไรจ้านอู๋ซวงเพราะเรื่องนี้เขาจะต้องพึ่งพาตัวเองและเจียงอี้ก็เชื่อว่าผู้สืบทอดเผ่าพันธุ์เทพสงครามนั้นจะไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เจียงอี้เดินกลับเข้าไปในห้องและฝึกฝนต่อ ไม่นานมานี้ ตำหนักดาวในตันเทียนของเขามีความจุได้ครึ่งหนึ่งแล้ว และเขาคิดว่ามันจะปฏิรูปได้ในครึ่งปีหลัง หลังจากที่หญ้ามังกรยาจกได้ชำระกายเขาแล้ว การพัฒนาของเขาก็ไม่ติดที่คอขวดใดๆเลย หากเขาสามารถปฏิรูปตำหนักดาวต่อไปได้ และเมื่อดาวทั้งเก้าดวงของเขาปฏิรูปหมดแล้ว แม้ว่ารูปแบบเต๋าของเขาจะไม่คืบหน้า แต่เขาก็จะสามารถบดขยี้ผู้คนมากมายได้ด้วยแก่นแท้อันทรงพลังของเขา
เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อการหลอมรวมรูปแบบเต๋าไม่คืบหน้าเลย ส่วนสวรรค์สยบเพลิงอเวจีก็คืบหน้าอยู่บ้าง แต่เกราะเมฆาอัคคีของเขาไม่มีสัญญาณว่าจะเชื่อมดวงจิตได้เลยแม้ว่าเขาจะหล่อเลี้ยงมันด้วยพลังดาราเก้าสวรรค์ก็ตาม
เจียงอี้มีเกราะพระแม่ธรณีและดาบเหล็กปฐมกาลซึ่งเขาขัดเกลามัน แต่ก็เชื่อมดวงจิตกับพวกมันไม่ได้เลย เมื่อเขาขอคำแนะนำจากหวงฝูเทาเทียน อีกฝ่ายก็บอกว่าอย่างเรื่องเชื่อมดวงจิตนั้น จริงๆแล้ว….มันขึ้นอยู่กับโชค มันไม่มีวิธีการหรือทักษะใดๆ ดังนั้นเจียงอี้จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปล่อยเรื่องนี้ไว้ก่อน
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เจียงอี้ได้ดาบวิญญาณจากช่วงคืนเทพสะอื้นมามากกว่าสิบสองเล่ม หลังจากหักล้างกับดาบวิญญาณที่ถูกทำลายไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขามีดาบวิญญาณอยู่มากกว่าสามสิบเล่ม และเจียงอี้ก็จะคอยเรียนรู้ทักษะวิชาเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เป็นครั้งคราว แต่สิ่งนี้เป็นเรื่องท้าทายสวรรค์มากแล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องยากที่จะก้าวสู่ระดับต่อไปได้
หลังจากที่ไตร่ตรองแล้ว เขาก็กลับสู่ห้วงชีวิตประจำวันและฝึกฝนแก่นแท้พลังขณะที่เข้าถึงศาสตร์สวรรค์สยบเพลิงอเวจี และค่อยวางแผนตัดสินใจอีกครั้งหลังจากที่ดาวดวงที่ห้าของเขาเปลี่ยนรูปแล้ว
…. ในช่วงนี้ เมืองเทพประทานค่อนข้างสงบ และสิ่งเดียวที่ทุกคนพูดคุยกันอย่างทั่วถึงคือการก่อตั้งสมาคมการค้าซือถู
หลังจากที่สมาคมการค้าวิหคมรกตรวมเป็นสมาคมการค้าซือถูแล้ว กิจการทั้งหมดก็ถูกตระกูลซือถูยึดครอง เรือลิขิตสวรรค์ทั้งหมดถูกแขวนธงตระกูลซือถูและลดราคาลงครึ่งส่วนขณะที่จำนวนเรือลิขิตสวรรค์เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
เนื่องจากกองกำลังทหารของตระกูลซือถูและการทำลายกองโจรทั้งสี่แล้ว ความปลอดภัยของเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลซือถูนั้นถือว่าใช้ได้ ตระกูลซือถูไม่ต้องจ่ายค่าผ่านทางใดๆให้แก่กองโจร ดังนั้นกำไรจึงจะยังคงมีอยู่แม้ว่าราคาจะลดลง
ในเวลาเดียวกัน ตระกูลซือถูก็ได้ติดประกาศมาว่าผู้ที่นั่งเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลซือถูนั้นไม่จำเป็นต้องจ่ายศิลาสวรรค์เพื่อเข้าเมืองเทพประทาน หรือกล่าวอีกนัยคือ….ศิลาสวรรค์ที่ต้องจ่ายตอนเข้าเมืองนั้นตระกูลซือถูเป็นผู้จ่ายให้เอง!
หลังจากข่าวนี้เผยแพร่ออกไป เผ่าเทพประทานทั้งหมดก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อพวกเขาคิดว่าตระกูลซือถูนั้นบ้าไปแล้ว พวกเขาลดราคาลงครึ่งหนึ่งและยังจ่ายค่าเข้าเมืองให้ด้วยหรือ? นี่ไม่ใช่การให้โจรเข้าเมืองเทพประทานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายหรอกหรือ?
ความจริงได้รับการพิสูจน์แล้ว!
นี่เป็นแนวคิดที่ชาญฉลาด เนื่องจากเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลซือถูมีความปลอดภัยเป็นอย่างยิ่งและราคาถูกมากในขณะที่ให้เข้าเมืองโดยไม่มีค่าเข้าเมืองด้วย โจรนับไม่ถ้วนได้นั่งเรือลิขิตสวรรค์และเข้ามาเดินชมเมืองเทพประทาน เมื่อไม่นึกถึงทุกสิ่ง….แค่เพียงการเข้ามาเมืองเทพประทานนั้นก็นับว่าเป็นเกียรติแล้วใช่ไหม? ยิ่งไปกว่านั้น แก่นพลังฟ้าดินในเกาะเทพประทานนั้นก็หนาแน่นมาก การที่พวกเขาได้ฝึกฝนในเรือลิขิตสวรรค์นั้นก็เร็วมากกว่าภายนอกแล้ว ดังนั้น การค้าเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลซือถูนั้นก็ดีมากและผู้ที่ต้องการนั่งเรือลิขิตสวรรค์ก็จะต้องต่อแถวจองล่วงหน้า
หลังจากที่เข้าเมืองมาแล้ว ทุกคนก็ต้องใช้จ่ายอะไรสักอย่างใช่ไหมล่ะ? เมื่อเห็นว่าตระกูลซือถูใจกว้างเพียงใด ทุกคนก็เชื่อในสมาคมการค้าของตระกูลซือถู เป็นผลให้สมาคมการค้าของตระกูลซือถูมีการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นหลายเท่า
สมาคมการค้าตระกูลซือถูนั้นจะมีกลเม็ดมากมาย เช่นวันขอบคุณที่จะจัดขึ้นทุกเดือนและทุกสิ่งในสมาคมการค้าซือถูจะลดราคาลงครึ่งหนึ่ง อีกตัวอย่างที่ปรากฏขึ้นก็จะเป็นธนาคารเงินซือถูที่ซึ่งทุกคนสามารถฝากศิลาสวรรค์และสมบัติไว้กับธนาคารได้ และตระกูลซือถูจะมอบป้ายให้แก่ลูกค้าและนอกเหนือจากบุคคลที่ฝากไว้ จะมีเฉพาะผู้ที่เป็นสายเลือดโดยตรงกับบุคคลเหล่านี้เท่านั้นที่จะนำศิลาสวรรค์และสมบัติภายในออกมาได้ นอกจากนี้ เมื่อมีคนฝากศิลาสวรรค์และสมบัติของพวกเขาไว้ พวกเขาก็จะได้ดอกเบี้ยเป็นจำนวนมาก
หลังจากที่ธนาคารซือถูปรากฏขึ้น โจรทั้งหมดก็บ้าคลั่ง!
เมื่อโจรอยู่ข้างนอก พวกเขาอาจตกตายได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าพวกเขาจะมีศิลาสวรรค์และสมบัติมากเพียงใด พวกเขาก็ไม่ได้ปลอดภัยและสิ่งเหล่านั้นอาจกลายเป็นสมบัติของผู้อื่นได้ หากพวกเขาเก็บศิลาสวรรค์และสมบัติไว้ในธนาคารซือถูและหากพวกเขาถูกสังหารไป ลูกหลานของพวกเขาก็จะยังสามารถมาเอาสมบัติจากที่นี่ได้ และมันยังมีแม้กระทั่งดอกเบี้ยด้วย? นี่เป็นสิ่งที่ดึงดูดพวกเขาเอามากๆ
แต่แน่นอนว่า…บางคนก็คิดว่าตระกูลซือถูอาจหลอกเอาศิลาสวรรค์และสมบัติของพวกเขาไปก็ได้ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น หลังจากที่ข่าวลือแพร่กระจายออกไป หลายๆคนก็เลือกที่จะวางใจตระกูลซือถู
มีข่าวลือเล็กๆน้อยๆอีกมากมายเช่น ซือถูอ้าวที่ทำสัญญาเลือด โดยบอกว่านอกจากตระกูลซือถูจะถูกทำลายลง ธนาคารซือถูจะไม่มีวันปิดตัวลง หรือข่าวลือเช่นตระกูลซือถูที่มีมานานกว่าเจ็ดแสนปีและในฐานะที่เป็นหนึ่งในเทพพิทักษ์เผ่าเทพประทาน พวกเขาไม่เคยผิดสัญญา….หรือข่าวลือว่าสามสัตว์อสูรเก่าแก่ของตระกูลซือถูเป็นของขวัญการรับประกันจากพวกเขา
ไม่จำเป็นต้องเดาก็รู้ว่าเป็นเฉียนว่านก้วนที่ส่งคนออกไปแพร่ข่าวลือเหล่านี้ เรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลซือถูและกลเม็ดมากมายล้วนแต่เป็นความคิดของเขาทั้งสิ้น หลังจากที่มีผู้คนมากมายรวบรวมศิลาสวรรค์และสมบัติมาและไม่พบปัญหาใดๆ ผู้คนจำนวนมากในเผ่าเทพประทานก็ได้ยอมรับธนาคารซือถูแล้ว
เฉียนว่านก้วนใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนและทำให้สมาคมการค้าซือถูได้กำไรมหาศาลซึ่งทำให้เขายืนหยัดอยู่ในตระกูลซือถูได้อย่างมั่นคงในที่สุด ชื่อของเฉียนว่านก้วนนั้นดังก้องไปทั่วเผ่าเทพประทาน มีบางอย่างที่น่าอัศจรรย์กว่านั้น….เฉียนว่านก้วนใช้เวลาหนึ่งเดือนในการโน้มน้าวแปดในสิบสามตระกูลได้สำเร็จ ขณะที่พวกเขากำลังเตรียมที่จะร่วมงานกันก่อตั้งสมาคมการค้าใหม่ และหนึ่งในบรรดาแปดตระกูลนั้นคือตระกูลหวงฝู เป้าหมายของสมาคมการค้าใหม่นี้คือทวีปจักรพรรดิบูรพา
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เฉียนว่านก้วนรู้สึกว่าเงินที่ได้จากเผ่าเทพประทานนั้นไม่พอและเขาต้องการเงินจากทวีปจักรพรรดิบูรพา หลังจากที่พวกเขาได้มันมา พวกเขาก็จะซื้อสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงและรับสมัครยอดฝีมือมามากขึ้น จากนั้นพวกเขาก็จะโค่นล้มระบอบการปกครองของเก้าตระกูลจักรพรรดิที่ทวีปจักรพรรดิบูรพาได้และจะทำให้สิบสามตระกูลได้อาศัยอยู่ในทวีปจักรพรรดิบูรพาและครอบครองแดนเทียนชิง
ความคิดนี้บ้ามาก แต่แปดตระกูลเองก็บ้าไปกับเฉียนว่านก้วนด้วย
….
เจียงอี้ค่อนข้างมีช่วงเวลาที่ดีขณะที่เขาไม่ต้องกังวลอะไรเมื่ออยู่ในตำหนักซือถู เขาฝึกฝนแก่นแท้พลังของเขา, เข้าถึงศาสตร์เวทย์ และผสานรูปแบบเต๋าขณะที่คอยพัฒนาฝีมือการวาดภาพและคอยพูดคุยกับคนอื่นๆในยามกลางคืน
สิ่งเดียวที่เขารู้สึกเสียใจก็คือซูรั่วเสวี่ยยังคงอยู่ในทวีปจักรพรรดิบูรพา แม้มันจะผ่านมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่เขาเองก็ยังไม่ได้ข่าวของอีเพียวเพียวเลย มันทำให้เจียงอี้รู้สึกท้อแท้ใจเมื่อพวกนึกถึงพวกนาง
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เฉียนว่านก้วนกลับมาเพียงครั้งเดียว ทุกๆคนต่างประหลาดใจที่เฉียนว่านก้วนน้ำหนักลดลงไปมาก เดิมทีเขาหนักเกือบร้อยกิโลกรัม แต่ในตอนนี้เขาเหลือเพียงแปดสิบกิโลกรัมเท่านั้น เจ้าอ้วนเฉียนดูเหนื่อยล้า แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความมั่นใจ ในขณะที่ร่างกายของเขาเผยกลิ่นอายผู้นำออกมา ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เขาได้ออกคำสั่งมากมายมาเป็นเวลานาน
เจียงอี้รู้สึกพอใจมากและเขาไม่ได้ถามว่าเฉียนว่านก้วนเป็นอย่างไร อย่างน้อยๆ จากกลิ่นอายของเฉียนว่านก้วนนั้น มันก็เผยถึงความขันแข็งและการเติบโตของเขาซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้ว ส่วนเฉียนว่านก้วนเองก็ไม่ได้พูดอะไรมากและพูดคุยกับเจียงอี้เพียงเล็กน้อย เขารู้ว่าเจียงอี้ไม่ได้ชอบคุยเรื่องการค้าและเรื่องนี้ก็ไม่สามารถอธิบายได้เพียงแค่ประโยคหรือสองประโยคเช่นกัน เฟิ่งหลวน, ชิงหยี และหยุนเฟยได้ชี้แนะให้เฉียนว่านก้วนลดน้ำหนักต่อไป หากเขาต้องการจะพิชิตใจซือถูอีเนี่ยน ความสามารถและความสำเร็จนั้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่รูปลักษณ์ของเขาต้องไม่เพียงแค่พอได้เท่านั้น ใบหน้าของเฉียนว่านก้วนนั้นถือว่าดูดี แต่เขาเพียงแค่อ้วนเท่านั้น สตรีคนอื่นๆจึงไม่คิดว่าเขาน่าดึงดูดนัก
เฉียนว่านก้วนก้มหน้าก้มตาเดินออกไปขณะที่ดวงตาของจ้านอู๋ซวงเผยความขมขื่นออกมา เจียงอี้และเฉียนว่านก้วนกำลังเฟื่องฟู แต่เขาผู้ซึ่งเป็นผู้สืบทอดเผ่าพันธ์เทพสงครามกลับยังอยู่ขอบเขตจินกังขั้นที่ห้าเท่านั้น พรสวรรค์เช่นนี้อาจทรงพลังมากในทวีปเทียนชิง แต่สำหรับในแดนเทียนชิงนั้นไม่ใช่เลย
เจียงอี้พบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับความรู้สึกของจ้านอู๋ซวง แต่เขาก็ไม่ได้แนะนำอะไรจ้านอู๋ซวงเพราะเรื่องนี้เขาจะต้องพึ่งพาตัวเองและเจียงอี้ก็เชื่อว่าผู้สืบทอดเผ่าพันธุ์เทพสงครามนั้นจะไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เจียงอี้เดินกลับเข้าไปในห้องและฝึกฝนต่อ ไม่นานมานี้ ตำหนักดาวในตันเทียนของเขามีความจุได้ครึ่งหนึ่งแล้ว และเขาคิดว่ามันจะปฏิรูปได้ในครึ่งปีหลัง หลังจากที่หญ้ามังกรยาจกได้ชำระกายเขาแล้ว การพัฒนาของเขาก็ไม่ติดที่คอขวดใดๆเลย หากเขาสามารถปฏิรูปตำหนักดาวต่อไปได้ และเมื่อดาวทั้งเก้าดวงของเขาปฏิรูปหมดแล้ว แม้ว่ารูปแบบเต๋าของเขาจะไม่คืบหน้า แต่เขาก็จะสามารถบดขยี้ผู้คนมากมายได้ด้วยแก่นแท้อันทรงพลังของเขา
เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อการหลอมรวมรูปแบบเต๋าไม่คืบหน้าเลย ส่วนสวรรค์สยบเพลิงอเวจีก็คืบหน้าอยู่บ้าง แต่เกราะเมฆาอัคคีของเขาไม่มีสัญญาณว่าจะเชื่อมดวงจิตได้เลยแม้ว่าเขาจะหล่อเลี้ยงมันด้วยพลังดาราเก้าสวรรค์ก็ตาม
เจียงอี้มีเกราะพระแม่ธรณีและดาบเหล็กปฐมกาลซึ่งเขาขัดเกลามัน แต่ก็เชื่อมดวงจิตกับพวกมันไม่ได้เลย เมื่อเขาขอคำแนะนำจากหวงฝูเทาเทียน อีกฝ่ายก็บอกว่าอย่างเรื่องเชื่อมดวงจิตนั้น จริงๆแล้ว….มันขึ้นอยู่กับโชค มันไม่มีวิธีการหรือทักษะใดๆ ดังนั้นเจียงอี้จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปล่อยเรื่องนี้ไว้ก่อน
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เจียงอี้ได้ดาบวิญญาณจากช่วงคืนเทพสะอื้นมามากกว่าสิบสองเล่ม หลังจากหักล้างกับดาบวิญญาณที่ถูกทำลายไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขามีดาบวิญญาณอยู่มากกว่าสามสิบเล่ม และเจียงอี้ก็จะคอยเรียนรู้ทักษะวิชาเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เป็นครั้งคราว แต่สิ่งนี้เป็นเรื่องท้าทายสวรรค์มากแล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องยากที่จะก้าวสู่ระดับต่อไปได้
หลังจากที่ไตร่ตรองแล้ว เขาก็กลับสู่ห้วงชีวิตประจำวันและฝึกฝนแก่นแท้พลังขณะที่เข้าถึงศาสตร์สวรรค์สยบเพลิงอเวจี และค่อยวางแผนตัดสินใจอีกครั้งหลังจากที่ดาวดวงที่ห้าของเขาเปลี่ยนรูปแล้ว
…. ในช่วงนี้ เมืองเทพประทานค่อนข้างสงบ และสิ่งเดียวที่ทุกคนพูดคุยกันอย่างทั่วถึงคือการก่อตั้งสมาคมการค้าซือถู
หลังจากที่สมาคมการค้าวิหคมรกตรวมเป็นสมาคมการค้าซือถูแล้ว กิจการทั้งหมดก็ถูกตระกูลซือถูยึดครอง เรือลิขิตสวรรค์ทั้งหมดถูกแขวนธงตระกูลซือถูและลดราคาลงครึ่งส่วนขณะที่จำนวนเรือลิขิตสวรรค์เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
เนื่องจากกองกำลังทหารของตระกูลซือถูและการทำลายกองโจรทั้งสี่แล้ว ความปลอดภัยของเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลซือถูนั้นถือว่าใช้ได้ ตระกูลซือถูไม่ต้องจ่ายค่าผ่านทางใดๆให้แก่กองโจร ดังนั้นกำไรจึงจะยังคงมีอยู่แม้ว่าราคาจะลดลง
ในเวลาเดียวกัน ตระกูลซือถูก็ได้ติดประกาศมาว่าผู้ที่นั่งเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลซือถูนั้นไม่จำเป็นต้องจ่ายศิลาสวรรค์เพื่อเข้าเมืองเทพประทาน หรือกล่าวอีกนัยคือ….ศิลาสวรรค์ที่ต้องจ่ายตอนเข้าเมืองนั้นตระกูลซือถูเป็นผู้จ่ายให้เอง!
หลังจากข่าวนี้เผยแพร่ออกไป เผ่าเทพประทานทั้งหมดก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อพวกเขาคิดว่าตระกูลซือถูนั้นบ้าไปแล้ว พวกเขาลดราคาลงครึ่งหนึ่งและยังจ่ายค่าเข้าเมืองให้ด้วยหรือ? นี่ไม่ใช่การให้โจรเข้าเมืองเทพประทานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายหรอกหรือ?
ความจริงได้รับการพิสูจน์แล้ว!
นี่เป็นแนวคิดที่ชาญฉลาด เนื่องจากเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลซือถูมีความปลอดภัยเป็นอย่างยิ่งและราคาถูกมากในขณะที่ให้เข้าเมืองโดยไม่มีค่าเข้าเมืองด้วย โจรนับไม่ถ้วนได้นั่งเรือลิขิตสวรรค์และเข้ามาเดินชมเมืองเทพประทาน เมื่อไม่นึกถึงทุกสิ่ง….แค่เพียงการเข้ามาเมืองเทพประทานนั้นก็นับว่าเป็นเกียรติแล้วใช่ไหม? ยิ่งไปกว่านั้น แก่นพลังฟ้าดินในเกาะเทพประทานนั้นก็หนาแน่นมาก การที่พวกเขาได้ฝึกฝนในเรือลิขิตสวรรค์นั้นก็เร็วมากกว่าภายนอกแล้ว ดังนั้น การค้าเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลซือถูนั้นก็ดีมากและผู้ที่ต้องการนั่งเรือลิขิตสวรรค์ก็จะต้องต่อแถวจองล่วงหน้า
หลังจากที่เข้าเมืองมาแล้ว ทุกคนก็ต้องใช้จ่ายอะไรสักอย่างใช่ไหมล่ะ? เมื่อเห็นว่าตระกูลซือถูใจกว้างเพียงใด ทุกคนก็เชื่อในสมาคมการค้าของตระกูลซือถู เป็นผลให้สมาคมการค้าของตระกูลซือถูมีการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นหลายเท่า
สมาคมการค้าตระกูลซือถูนั้นจะมีกลเม็ดมากมาย เช่นวันขอบคุณที่จะจัดขึ้นทุกเดือนและทุกสิ่งในสมาคมการค้าซือถูจะลดราคาลงครึ่งหนึ่ง อีกตัวอย่างที่ปรากฏขึ้นก็จะเป็นธนาคารเงินซือถูที่ซึ่งทุกคนสามารถฝากศิลาสวรรค์และสมบัติไว้กับธนาคารได้ และตระกูลซือถูจะมอบป้ายให้แก่ลูกค้าและนอกเหนือจากบุคคลที่ฝากไว้ จะมีเฉพาะผู้ที่เป็นสายเลือดโดยตรงกับบุคคลเหล่านี้เท่านั้นที่จะนำศิลาสวรรค์และสมบัติภายในออกมาได้ นอกจากนี้ เมื่อมีคนฝากศิลาสวรรค์และสมบัติของพวกเขาไว้ พวกเขาก็จะได้ดอกเบี้ยเป็นจำนวนมาก
หลังจากที่ธนาคารซือถูปรากฏขึ้น โจรทั้งหมดก็บ้าคลั่ง!
เมื่อโจรอยู่ข้างนอก พวกเขาอาจตกตายได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าพวกเขาจะมีศิลาสวรรค์และสมบัติมากเพียงใด พวกเขาก็ไม่ได้ปลอดภัยและสิ่งเหล่านั้นอาจกลายเป็นสมบัติของผู้อื่นได้ หากพวกเขาเก็บศิลาสวรรค์และสมบัติไว้ในธนาคารซือถูและหากพวกเขาถูกสังหารไป ลูกหลานของพวกเขาก็จะยังสามารถมาเอาสมบัติจากที่นี่ได้ และมันยังมีแม้กระทั่งดอกเบี้ยด้วย? นี่เป็นสิ่งที่ดึงดูดพวกเขาเอามากๆ
แต่แน่นอนว่า…บางคนก็คิดว่าตระกูลซือถูอาจหลอกเอาศิลาสวรรค์และสมบัติของพวกเขาไปก็ได้ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น หลังจากที่ข่าวลือแพร่กระจายออกไป หลายๆคนก็เลือกที่จะวางใจตระกูลซือถู
มีข่าวลือเล็กๆน้อยๆอีกมากมายเช่น ซือถูอ้าวที่ทำสัญญาเลือด โดยบอกว่านอกจากตระกูลซือถูจะถูกทำลายลง ธนาคารซือถูจะไม่มีวันปิดตัวลง หรือข่าวลือเช่นตระกูลซือถูที่มีมานานกว่าเจ็ดแสนปีและในฐานะที่เป็นหนึ่งในเทพพิทักษ์เผ่าเทพประทาน พวกเขาไม่เคยผิดสัญญา….หรือข่าวลือว่าสามสัตว์อสูรเก่าแก่ของตระกูลซือถูเป็นของขวัญการรับประกันจากพวกเขา
ไม่จำเป็นต้องเดาก็รู้ว่าเป็นเฉียนว่านก้วนที่ส่งคนออกไปแพร่ข่าวลือเหล่านี้ เรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลซือถูและกลเม็ดมากมายล้วนแต่เป็นความคิดของเขาทั้งสิ้น หลังจากที่มีผู้คนมากมายรวบรวมศิลาสวรรค์และสมบัติมาและไม่พบปัญหาใดๆ ผู้คนจำนวนมากในเผ่าเทพประทานก็ได้ยอมรับธนาคารซือถูแล้ว
เฉียนว่านก้วนใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนและทำให้สมาคมการค้าซือถูได้กำไรมหาศาลซึ่งทำให้เขายืนหยัดอยู่ในตระกูลซือถูได้อย่างมั่นคงในที่สุด ชื่อของเฉียนว่านก้วนนั้นดังก้องไปทั่วเผ่าเทพประทาน มีบางอย่างที่น่าอัศจรรย์กว่านั้น….เฉียนว่านก้วนใช้เวลาหนึ่งเดือนในการโน้มน้าวแปดในสิบสามตระกูลได้สำเร็จ ขณะที่พวกเขากำลังเตรียมที่จะร่วมงานกันก่อตั้งสมาคมการค้าใหม่ และหนึ่งในบรรดาแปดตระกูลนั้นคือตระกูลหวงฝู เป้าหมายของสมาคมการค้าใหม่นี้คือทวีปจักรพรรดิบูรพา
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เฉียนว่านก้วนรู้สึกว่าเงินที่ได้จากเผ่าเทพประทานนั้นไม่พอและเขาต้องการเงินจากทวีปจักรพรรดิบูรพา หลังจากที่พวกเขาได้มันมา พวกเขาก็จะซื้อสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงและรับสมัครยอดฝีมือมามากขึ้น จากนั้นพวกเขาก็จะโค่นล้มระบอบการปกครองของเก้าตระกูลจักรพรรดิที่ทวีปจักรพรรดิบูรพาได้และจะทำให้สิบสามตระกูลได้อาศัยอยู่ในทวีปจักรพรรดิบูรพาและครอบครองแดนเทียนชิง
ความคิดนี้บ้ามาก แต่แปดตระกูลเองก็บ้าไปกับเฉียนว่านก้วนด้วย
….