เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 822 หนานกงฉี่หลิง
เหลยฉีเหยียนมีความสุขเป็นอย่างมากขณะที่เขาดื่มไวน์ไปสามแก้วรวดหลังจากที่เจียงอี้ออกไป จากนั้นเขาก็มองหนานกงฉี่หลิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยตัณหาและหวังจะกลืนกินนางและจงใจทำให้นางอับอายในที่สาธารณะเพื่อระบายความอับอายที่เจียงอี้เคยมอบให้เขาในอดีต
หนานกงฉี่หลิงเองก็แปลกมาก นางยังคงนิ่งเงียบอยู่ราวกับว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานผู้ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว นางไม่พูดอะไรเลยจนกระทั่งสิ้นสุดงานเลี้ยงและจากไปพร้อมกับหนานกงมู่หยีเงียบๆ
ในอีกไม่กี่วันต่อมา เจียงอี้ก็ฝึกฝนอยู่ในปราสาทเจียงและไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร ซึ่งทำให้นายน้อยและคุณหนูมากมายผิดหวังยิ่งขึ้น แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ พวกเขาก็เข้าใจว่าทำไม หนานกงฉี่หลิงนั้นเป็นทายาทตระกูลหนานกงและนางเองก็ไม่ได้ค้านการหมั้นนี้ด้วย เว้นแต่เจียงอี้พร้อมที่จะทำสงครามกับตระกูลหนานกงและตระกูลเหลย เขาจะไม่เคลื่อนไหวอย่างประมาท ไม่เช่นนั้น ตระกูลซือถูจะไม่สามารถปกป้องเขาได้
“ลูกพี่ ข้ารู้เหตุผลแล้ว!”
ในวันที่แปด เฉียนว่านก้วนปรากฏตัวขึ้นที่ปราสาทเจียง ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ มันง่ายมากที่จะหาข้อมูลพวกนี้ได้ หากเขาอยากจะทำอะไรบางอย่าง แม้แต่ซือถูอีเสี้ยวก็ไม่รู้เรื่องนี้แน่นอน
เจียงอี้กำลังฝึกฝีมือการวาดภาพของเขา เขารีบโยนแปรงในมือออกและโบกมือให้ชิงหยีที่ยืนอยู่ข้างๆเขา จากนั้นเขาก็หันกลับมาและพูดว่า “ว่ามา!”
ชิงหยีเดินออกไปอย่างเชื่อฟังขณะที่เฉียนว่านก้วนเปิดข้อจำกัดในห้องและค่อยๆพูด “เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเป็นธิดาของหนานกงหยุนเฮ่อซึ่งเป็นน้องชายของหนานกงหยุนยี่ อย่างไรก็ตาม หนานกงหยุนเฮ่อตกตายไปในสนามรบเมื่อเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอายุได้เพียงสองขวบ นอกจากนี้ มารดาของนางยังเป็นสาวใช้ด้วย เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอาจเป็นทายาทสายตรงที่มีพรสวรรค์ที่น่าประทับใจ แต่สถานะของนางในตระกูลหนานกงก็ยังไม่ได้สูงส่งนัก เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานฝึกฝนอย่างขันแข็งมาตั้งแต่เด็กและต้องการพูดแทนแม่ของนางและให้แม่ของนางมีชีวิตที่ดีขึ้น”
“นางฝึกฝนวิชาลับดวงจิตวิญญาณซึ่งมีพลังโจมตีที่ดุดัน แต่น่าเสียดายที่นางถูกนายน้อยจากตระกูลลู่หลงใหลในช่วงระหว่างงานเลี้ยง นายน้อยผู้นั้นเป็นพี่ชายของลู่หลิน, ลู่ฉวิน เขามีพรสวรรค์ที่ล้นหลามและเป็นอัจฉริยะที่หวังว่าจะได้เป็นประมุขตระกูลลู่คนต่อไป ตระกูลหนานกงจึงตกลงในการหมั้นแน่อยู่แล้วเนื่องจากเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานไม่ได้ถือว่าเป็นคนใหญ่โตในตระกูลหนานกง”
“แต่ลู่ฉวินกลับพบกับโศกนาฏกรรม เมื่อเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานออกเดินทางเพื่อทำพิธี เขาก็ได้นำคนของเขาไปรับนาง ระหว่างการเดินทาง แต่ลูกน้องของเขากลับเห็นแดนลึกลับ และแดนลึกลับนี้หายากและมีค่านัก ดังนั้นเขาจึงนำคนของเขาไปสอดแนมทันที และผลก็คือ นอกจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดทั้งสองคนที่หลบหนีมาได้แล้ว ทุกคนก็ตกตายกันหมดและเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็กลายเป็นม่าย!”
“หากเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเป็นธิดาของหนานกงหยุนยี่ หรือบางทีหากแม่ของนางไม่ใช่สาวใช้ งานแต่งนี้จะถูกยกเลิกไป น่าเสียดายที่หนานกงหยุนยี่เป็นคนหัวโบราณและดื้อรั้นและยืนกรานให้เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานแต่งงาน เป็นที่ลือกันว่า… เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเข้าห้องหอไปพร้อมกับป้ายวิญญาณ”
“นี่ยังไม่เท่าไหร่ ที่เลวร้ายที่สุดคือลู่ฉวินและลู่หลินมีลูกพี่ลูกน้องนามฉินกัง ผู้ซึ่งหลงใหลในตัวเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอย่างลึกซึ้ง เขารู้สึกว่าเมื่อนางเป็นม่ายและไม่ได้มีสถานะอะไรในตระกูลหนานกง และการเป็นม่ายในตระกูลลู่ก็สูญเปล่า เขาจึงคิดจะล่วงเกินเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน หลังจากที่เมาแล้ว ฉินกังก็บุกเข้าไปในลานตำหนักของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและสังหารสาวใช้สองคนจากตระกูลหนานกงผู้ที่เจ๊ใหญ่ปฏิบัติต่อพวกนางราวกับพี่น้อง เมื่อเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเดือดดาล นางก็เคลื่อนไหวและทำให้ฉินกังได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่นางกำลังจะสังหารฉินกัง ผู้อาวุโสตระกูลลู่ก็ปรากฏขึ้นมาเพื่อช่วยฉินกังและตั้งใจบิดเบือนความจริง เขากล่าวหาว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานล่อลวงฉินกัง ส่วนเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็ไม่ได้อธิบายอะไรเลยและทำศพสาวใช้ทั้งสองออกจากเมืองมังกรขาวไป”
“เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอยากกลับไปที่เกาะเทพประทานและขอให้ตระกูลหนานกงช่วยแก้แค้น แต่เมื่อนางคิดว่าหนานกงหยุนยี่เป็นคนเช่นไร นางก็คิดว่านางคงไม่สามารถแก้แค้นได้แม้ว่านางจะกลับมาและจะทำให้แม่ของนางต้องทุกข์มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นนางจึงไปเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างคนเดียวและเตรียมบ่มเพาะพลังเพื่อแก้แค้นให้สาวใช้ของนาง! นี่จึงน่าจะเป็นเหตุผลที่ลู่ผิงดูแลเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอย่างดีด้วย”
“ลูกพี่น่าจะคาดเดาเรื่องหลังจากนี้ได้ หลังจากที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานฝึกฝนสำเร็จ นางก็กลับไปที่เมืองมังกรขาวและสังหารฉินกังเอง นางเข้าไปในตระกูลฉินและเกือบถูกพวกเขาสังหาร และในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่นางจะตาย ประมุขตระกูลลู่ ลู่หลีก็ส่งข้อความมาและช่วยชีวิตเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเอาไว้เนื่องจากนางยังคงเป็นทายาทตระกูลหนานกงด้วยและนางจะต้องไม่ตายในเมืองมังกรขาว จากนั้นลู่หลีก็ส่งคนไปคุ้มกันให้เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานกลับไปยังเมืองเทพประทาน!”
“ส่วนเรื่อง….ที่เราไปเยี่ยมตระกูลหนานกง หนานกงหยุนยี่ไม่อนุญาตให้เราพบนางเพราะเขากลัวว่าคนนอกจะนินทาพวกเขา เพราะท้ายที่สุดแล้ว การกระทำของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานในตระกูลลู่นั้นถือเป็นการละเมิดศีลธรรมของผู้หญิงคนหนึ่งและได้ทำลายชื่อเสียงตระกูลหนานกง ตอนที่ลูกพี่พูดกับนางระหว่างการประมูลในที่สาธารณะที่เจ้าบอกว่าเจ้าชื่นชมนางมาก ตาเฒ่าหนานกงหยุนยี่ก็คงจะอับอายมาก”
“เขาไม่จำเป็นต้องพิจารณาข้อเสนอของเหลยฉีเหยียนในการจะแต่งงานเลยเพราะเขาต้องการล้างแค้นลูกพี่อย่างแน่นอน ส่วนที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานตกลงเรื่องการแต่งงานในครั้งนี้และว่าง่ายในงานเลี้ยงวันเกิดของอีเสี้ยว มันเห็นได้ชัดว่า…เนื่องจากกลัวว่าตระกูลหนานกงจะทำเรื่องบางอย่างกับแม่ของนาง หลังจากที่บิดาของนางตกตายไป ตอนนั้นแม่ของนางเป็นเพียงสาวใช้และถูกทิ้งไว้เป็นเครื่องมือ หากเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานไม่ปฏิบัติตาม แม่ของนางก็จะพบจุดจบที่น่าเศร้าอย่างแน่นอน”
ปัง!
หลังจากที่เฉียนว่านก้วนพูดจบ เจียงอี้ก็กระแทกโต๊ะหินอย่างแรงจนพู่กันและที่บดหมึกหายากที่ซือถูอ้าวมอบให้เขากลายเป็นฝุ่นผง เขาหน้าซีดเผือกและหลับตาลงขณะที่ร่างกายของเขาสั่นเทาเล็กน้อย
เฉียนว่านก้วนเองก็ไม่กล้าพูดอะไรขณะที่เขารู้ว่าเจียงอี้กำลังโกรธสุดขีดแล้ว เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเป็นเหมือนพี่น้องที่รักยิ่งและนางช่วยเหลือพวกเขามากมาย และตอนนี้นางกำลังทรมานเพราะเหลยฉีเหยียนต้องการแก้แค้นพวกเขา มันจินตนาการได้เลยว่าเจียงอี้เดือดดาลมากเพียงใดในตอนนี้
ฮู่ ฮู่!
เจียงอี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วลืมตาขึ้นมา “มีโอกาสได้เจรจากับตระกูลหนานกงไหม? ที่จะให้ยกเลิกการหมั้นหมายไป? ข้าสามารถมอบชุดเกราะพระแม่ธรณี, ดาบเหล็กปฐมกาล, ภาพวาดสวรรค์พันถึงหมื่นภาพ หรือแม้จะขอมากกว่านี้ก็ได้ ข้าแค่อยากให้ตระกูลหนานกงปล่อยเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและแม่ของนางไป!” “เฮ้อ…”
เฉียนว่านก้วนถอนหายใจและส่ายหัวเบาๆ “มันคงยากมาก หากเป็นหวงฝูฉีหรือเหลยถิงเวยนั้นคงง่ายกว่า แต่อารมณ์ของหนานกงหยุนยี่ไม่เปลี่ยนแปรเลย ข้าจะลองทำให้สุดสามารถนะลูกพี่ ตระกูลหนานกงต้องการเข้าร่วมสมาคมการค้ามังกรโผบินจริงๆ แต่พวกเขาไม่ได้ถูกล่อด้วยสมบัติ ข้าจะติดต่อเจรจากับหนานกงมู่หยีและทดสอบความตั้งใจของหนานกงมู่หยีก่อน อย่าใจร้อนไปลูกพี่ เรายังมีเวลาอีกหนึ่งปีและเราอาจจะเปลี่ยนแปลงเรื่องต่างๆได้ก็ได้”
“ก็ได้ ไปจัดการเรื่องนี้ซะ”
เจียงอี้ตบบ่าเฉียนว่านก้วนและไม่ได้พูดจาสุภาพใดๆ เขารู้ดีว่าแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยก็ตาม ยังไงเฉียนว่านก้วนก็จะทำให้สุดฝีมือด้วยเช่นกัน
หลังจากที่เฉียนว่านก้วนเดินออกไป เจียงอี้ก็ยืนเงียบอยู่ในห้องขณะที่จิตใจของเขาเต็มไปด้วยฉากที่เขาได้พบกับเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานครั้งแรก
“หัวหน้าเจียง ท่านกลับมาแล้วหรือ? สาวใช้ผู้นี้รอท่านอยู่นานแล้ว”
“หัวหน้าเจียง ข้าน้อยมีนามว่าฉี่หลิง ตราบใดที่หัวหน้าเจียงเต็มใจที่จะปกป้องข้าในอนาคต ฉี่หลิงก็จะเป็นของท่าน แล้วท่านก็จะทำอะไรกับข้าก็ได้…”
“ช่างปากหวานอะไรเช่นนี้ เอาล่ะ ข้าจะปฏิบัติเหมือนเจ้าเป็นน้องเล็กของข้า และข้าจะพาเจ้าไปพบเจ้าเมืองหลังจากที่เรากลับมา!”
เมื่อนึกถึงการพบกันครั้งแรกของพวกเขาและท่าทางที่มีเสน่ห์ของนาง เจียงอี้ก็รู้สึกปวดใจเมื่อเขานึกถึงการปรากฏตัวที่เหมือนร่างไร้วิญญาณของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานที่งานเลี้ยงวันเกิดอีเสี้ยว
จากนั้นเขาก็นึกถึงความจริงที่ว่าสตรีผู้นี้มีความทุกข์ยากแต่เด็ก เป็นไปได้ว่านางน่าจะมีวันที่มีความสุขที่สุดเมื่อนางอยู่ในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หากนางจะแต่งงานกับเหลยฉีเหยียน นางคงอยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่และจะทำให้เจียงอี้วิตกมากขึ้นไปอีก
เจียงอี้กำหมัดแน่นและพูดด้วยดวงตาที่แน่วแน่ว่า “ข้าจะต้องช่วยให้เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานหลุดพ้นจากขุมนรกนี่ซะ ข้าต้องทำให้ได้!”
หนานกงฉี่หลิงเองก็แปลกมาก นางยังคงนิ่งเงียบอยู่ราวกับว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานผู้ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว นางไม่พูดอะไรเลยจนกระทั่งสิ้นสุดงานเลี้ยงและจากไปพร้อมกับหนานกงมู่หยีเงียบๆ
ในอีกไม่กี่วันต่อมา เจียงอี้ก็ฝึกฝนอยู่ในปราสาทเจียงและไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร ซึ่งทำให้นายน้อยและคุณหนูมากมายผิดหวังยิ่งขึ้น แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ พวกเขาก็เข้าใจว่าทำไม หนานกงฉี่หลิงนั้นเป็นทายาทตระกูลหนานกงและนางเองก็ไม่ได้ค้านการหมั้นนี้ด้วย เว้นแต่เจียงอี้พร้อมที่จะทำสงครามกับตระกูลหนานกงและตระกูลเหลย เขาจะไม่เคลื่อนไหวอย่างประมาท ไม่เช่นนั้น ตระกูลซือถูจะไม่สามารถปกป้องเขาได้
“ลูกพี่ ข้ารู้เหตุผลแล้ว!”
ในวันที่แปด เฉียนว่านก้วนปรากฏตัวขึ้นที่ปราสาทเจียง ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ มันง่ายมากที่จะหาข้อมูลพวกนี้ได้ หากเขาอยากจะทำอะไรบางอย่าง แม้แต่ซือถูอีเสี้ยวก็ไม่รู้เรื่องนี้แน่นอน
เจียงอี้กำลังฝึกฝีมือการวาดภาพของเขา เขารีบโยนแปรงในมือออกและโบกมือให้ชิงหยีที่ยืนอยู่ข้างๆเขา จากนั้นเขาก็หันกลับมาและพูดว่า “ว่ามา!”
ชิงหยีเดินออกไปอย่างเชื่อฟังขณะที่เฉียนว่านก้วนเปิดข้อจำกัดในห้องและค่อยๆพูด “เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเป็นธิดาของหนานกงหยุนเฮ่อซึ่งเป็นน้องชายของหนานกงหยุนยี่ อย่างไรก็ตาม หนานกงหยุนเฮ่อตกตายไปในสนามรบเมื่อเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอายุได้เพียงสองขวบ นอกจากนี้ มารดาของนางยังเป็นสาวใช้ด้วย เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอาจเป็นทายาทสายตรงที่มีพรสวรรค์ที่น่าประทับใจ แต่สถานะของนางในตระกูลหนานกงก็ยังไม่ได้สูงส่งนัก เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานฝึกฝนอย่างขันแข็งมาตั้งแต่เด็กและต้องการพูดแทนแม่ของนางและให้แม่ของนางมีชีวิตที่ดีขึ้น”
“นางฝึกฝนวิชาลับดวงจิตวิญญาณซึ่งมีพลังโจมตีที่ดุดัน แต่น่าเสียดายที่นางถูกนายน้อยจากตระกูลลู่หลงใหลในช่วงระหว่างงานเลี้ยง นายน้อยผู้นั้นเป็นพี่ชายของลู่หลิน, ลู่ฉวิน เขามีพรสวรรค์ที่ล้นหลามและเป็นอัจฉริยะที่หวังว่าจะได้เป็นประมุขตระกูลลู่คนต่อไป ตระกูลหนานกงจึงตกลงในการหมั้นแน่อยู่แล้วเนื่องจากเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานไม่ได้ถือว่าเป็นคนใหญ่โตในตระกูลหนานกง”
“แต่ลู่ฉวินกลับพบกับโศกนาฏกรรม เมื่อเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานออกเดินทางเพื่อทำพิธี เขาก็ได้นำคนของเขาไปรับนาง ระหว่างการเดินทาง แต่ลูกน้องของเขากลับเห็นแดนลึกลับ และแดนลึกลับนี้หายากและมีค่านัก ดังนั้นเขาจึงนำคนของเขาไปสอดแนมทันที และผลก็คือ นอกจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดทั้งสองคนที่หลบหนีมาได้แล้ว ทุกคนก็ตกตายกันหมดและเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็กลายเป็นม่าย!”
“หากเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเป็นธิดาของหนานกงหยุนยี่ หรือบางทีหากแม่ของนางไม่ใช่สาวใช้ งานแต่งนี้จะถูกยกเลิกไป น่าเสียดายที่หนานกงหยุนยี่เป็นคนหัวโบราณและดื้อรั้นและยืนกรานให้เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานแต่งงาน เป็นที่ลือกันว่า… เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเข้าห้องหอไปพร้อมกับป้ายวิญญาณ”
“นี่ยังไม่เท่าไหร่ ที่เลวร้ายที่สุดคือลู่ฉวินและลู่หลินมีลูกพี่ลูกน้องนามฉินกัง ผู้ซึ่งหลงใหลในตัวเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอย่างลึกซึ้ง เขารู้สึกว่าเมื่อนางเป็นม่ายและไม่ได้มีสถานะอะไรในตระกูลหนานกง และการเป็นม่ายในตระกูลลู่ก็สูญเปล่า เขาจึงคิดจะล่วงเกินเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน หลังจากที่เมาแล้ว ฉินกังก็บุกเข้าไปในลานตำหนักของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและสังหารสาวใช้สองคนจากตระกูลหนานกงผู้ที่เจ๊ใหญ่ปฏิบัติต่อพวกนางราวกับพี่น้อง เมื่อเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเดือดดาล นางก็เคลื่อนไหวและทำให้ฉินกังได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่นางกำลังจะสังหารฉินกัง ผู้อาวุโสตระกูลลู่ก็ปรากฏขึ้นมาเพื่อช่วยฉินกังและตั้งใจบิดเบือนความจริง เขากล่าวหาว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานล่อลวงฉินกัง ส่วนเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็ไม่ได้อธิบายอะไรเลยและทำศพสาวใช้ทั้งสองออกจากเมืองมังกรขาวไป”
“เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอยากกลับไปที่เกาะเทพประทานและขอให้ตระกูลหนานกงช่วยแก้แค้น แต่เมื่อนางคิดว่าหนานกงหยุนยี่เป็นคนเช่นไร นางก็คิดว่านางคงไม่สามารถแก้แค้นได้แม้ว่านางจะกลับมาและจะทำให้แม่ของนางต้องทุกข์มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นนางจึงไปเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างคนเดียวและเตรียมบ่มเพาะพลังเพื่อแก้แค้นให้สาวใช้ของนาง! นี่จึงน่าจะเป็นเหตุผลที่ลู่ผิงดูแลเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอย่างดีด้วย”
“ลูกพี่น่าจะคาดเดาเรื่องหลังจากนี้ได้ หลังจากที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานฝึกฝนสำเร็จ นางก็กลับไปที่เมืองมังกรขาวและสังหารฉินกังเอง นางเข้าไปในตระกูลฉินและเกือบถูกพวกเขาสังหาร และในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่นางจะตาย ประมุขตระกูลลู่ ลู่หลีก็ส่งข้อความมาและช่วยชีวิตเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเอาไว้เนื่องจากนางยังคงเป็นทายาทตระกูลหนานกงด้วยและนางจะต้องไม่ตายในเมืองมังกรขาว จากนั้นลู่หลีก็ส่งคนไปคุ้มกันให้เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานกลับไปยังเมืองเทพประทาน!”
“ส่วนเรื่อง….ที่เราไปเยี่ยมตระกูลหนานกง หนานกงหยุนยี่ไม่อนุญาตให้เราพบนางเพราะเขากลัวว่าคนนอกจะนินทาพวกเขา เพราะท้ายที่สุดแล้ว การกระทำของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานในตระกูลลู่นั้นถือเป็นการละเมิดศีลธรรมของผู้หญิงคนหนึ่งและได้ทำลายชื่อเสียงตระกูลหนานกง ตอนที่ลูกพี่พูดกับนางระหว่างการประมูลในที่สาธารณะที่เจ้าบอกว่าเจ้าชื่นชมนางมาก ตาเฒ่าหนานกงหยุนยี่ก็คงจะอับอายมาก”
“เขาไม่จำเป็นต้องพิจารณาข้อเสนอของเหลยฉีเหยียนในการจะแต่งงานเลยเพราะเขาต้องการล้างแค้นลูกพี่อย่างแน่นอน ส่วนที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานตกลงเรื่องการแต่งงานในครั้งนี้และว่าง่ายในงานเลี้ยงวันเกิดของอีเสี้ยว มันเห็นได้ชัดว่า…เนื่องจากกลัวว่าตระกูลหนานกงจะทำเรื่องบางอย่างกับแม่ของนาง หลังจากที่บิดาของนางตกตายไป ตอนนั้นแม่ของนางเป็นเพียงสาวใช้และถูกทิ้งไว้เป็นเครื่องมือ หากเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานไม่ปฏิบัติตาม แม่ของนางก็จะพบจุดจบที่น่าเศร้าอย่างแน่นอน”
ปัง!
หลังจากที่เฉียนว่านก้วนพูดจบ เจียงอี้ก็กระแทกโต๊ะหินอย่างแรงจนพู่กันและที่บดหมึกหายากที่ซือถูอ้าวมอบให้เขากลายเป็นฝุ่นผง เขาหน้าซีดเผือกและหลับตาลงขณะที่ร่างกายของเขาสั่นเทาเล็กน้อย
เฉียนว่านก้วนเองก็ไม่กล้าพูดอะไรขณะที่เขารู้ว่าเจียงอี้กำลังโกรธสุดขีดแล้ว เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเป็นเหมือนพี่น้องที่รักยิ่งและนางช่วยเหลือพวกเขามากมาย และตอนนี้นางกำลังทรมานเพราะเหลยฉีเหยียนต้องการแก้แค้นพวกเขา มันจินตนาการได้เลยว่าเจียงอี้เดือดดาลมากเพียงใดในตอนนี้
ฮู่ ฮู่!
เจียงอี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วลืมตาขึ้นมา “มีโอกาสได้เจรจากับตระกูลหนานกงไหม? ที่จะให้ยกเลิกการหมั้นหมายไป? ข้าสามารถมอบชุดเกราะพระแม่ธรณี, ดาบเหล็กปฐมกาล, ภาพวาดสวรรค์พันถึงหมื่นภาพ หรือแม้จะขอมากกว่านี้ก็ได้ ข้าแค่อยากให้ตระกูลหนานกงปล่อยเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและแม่ของนางไป!” “เฮ้อ…”
เฉียนว่านก้วนถอนหายใจและส่ายหัวเบาๆ “มันคงยากมาก หากเป็นหวงฝูฉีหรือเหลยถิงเวยนั้นคงง่ายกว่า แต่อารมณ์ของหนานกงหยุนยี่ไม่เปลี่ยนแปรเลย ข้าจะลองทำให้สุดสามารถนะลูกพี่ ตระกูลหนานกงต้องการเข้าร่วมสมาคมการค้ามังกรโผบินจริงๆ แต่พวกเขาไม่ได้ถูกล่อด้วยสมบัติ ข้าจะติดต่อเจรจากับหนานกงมู่หยีและทดสอบความตั้งใจของหนานกงมู่หยีก่อน อย่าใจร้อนไปลูกพี่ เรายังมีเวลาอีกหนึ่งปีและเราอาจจะเปลี่ยนแปลงเรื่องต่างๆได้ก็ได้”
“ก็ได้ ไปจัดการเรื่องนี้ซะ”
เจียงอี้ตบบ่าเฉียนว่านก้วนและไม่ได้พูดจาสุภาพใดๆ เขารู้ดีว่าแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยก็ตาม ยังไงเฉียนว่านก้วนก็จะทำให้สุดฝีมือด้วยเช่นกัน
หลังจากที่เฉียนว่านก้วนเดินออกไป เจียงอี้ก็ยืนเงียบอยู่ในห้องขณะที่จิตใจของเขาเต็มไปด้วยฉากที่เขาได้พบกับเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานครั้งแรก
“หัวหน้าเจียง ท่านกลับมาแล้วหรือ? สาวใช้ผู้นี้รอท่านอยู่นานแล้ว”
“หัวหน้าเจียง ข้าน้อยมีนามว่าฉี่หลิง ตราบใดที่หัวหน้าเจียงเต็มใจที่จะปกป้องข้าในอนาคต ฉี่หลิงก็จะเป็นของท่าน แล้วท่านก็จะทำอะไรกับข้าก็ได้…”
“ช่างปากหวานอะไรเช่นนี้ เอาล่ะ ข้าจะปฏิบัติเหมือนเจ้าเป็นน้องเล็กของข้า และข้าจะพาเจ้าไปพบเจ้าเมืองหลังจากที่เรากลับมา!”
เมื่อนึกถึงการพบกันครั้งแรกของพวกเขาและท่าทางที่มีเสน่ห์ของนาง เจียงอี้ก็รู้สึกปวดใจเมื่อเขานึกถึงการปรากฏตัวที่เหมือนร่างไร้วิญญาณของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานที่งานเลี้ยงวันเกิดอีเสี้ยว
จากนั้นเขาก็นึกถึงความจริงที่ว่าสตรีผู้นี้มีความทุกข์ยากแต่เด็ก เป็นไปได้ว่านางน่าจะมีวันที่มีความสุขที่สุดเมื่อนางอยู่ในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หากนางจะแต่งงานกับเหลยฉีเหยียน นางคงอยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่และจะทำให้เจียงอี้วิตกมากขึ้นไปอีก
เจียงอี้กำหมัดแน่นและพูดด้วยดวงตาที่แน่วแน่ว่า “ข้าจะต้องช่วยให้เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานหลุดพ้นจากขุมนรกนี่ซะ ข้าต้องทำให้ได้!”