เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 825 ทุกสิ่งไร้ความหมาย
บรึฟ!
ทันใดนั้น ซือถูอีเสี้ยวก็ปล่อยแก่นแท้พลังของเขา และท้องฟ้าก็สว่างขึ้นในทันที หลังจากนั้นชายทั้งสามคนก็ถูกย้ายออกมา แม้ว่าจะมีบันทึกการต่อสู้อีกหลายสิบรอบ แต่ก็ดูเหมือนว่าเจียงอี้จะไม่มีอารมณ์ดูแล้ว
“เจียงอี้ ออกไปกันก่อนเถอะ!”
เมื่อพวกเขาถูกส่งออกมา ซือถูอีเสี้ยวก็ส่งข้อความเสียงและส่งสัญญาณให้เจียงอี้อดทน หลังจากที่พวกเขาออกจากปราสาทสงครามไป เขาก็ส่งข้อความเสียงอีกครั้ง “บันทึกพวกนี้น่าจะอยู่มาหลายปีแล้ว ข้าไม่รู้ตัวตนของนางผู้นั้น ข้าจะต้องลองไปดูข้อมูลบางอย่างก่อน เจ้ากลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะตามไปทีหลัง”
“อื้ม!”
เจียงอี้พยักหน้าและส่งข้อความอย่างรวดเร็ว “ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับชายชราที่อยู่กับนางด้วย การสู้รบกันเกิดขึ้นที่เกาะอัสนีฟ้ากระจ่าง นอกจากนี้ สมาชิกตระกูลลู่จำนวนมากก็ถูกชายชราผู้นั้นทุบจนตาย ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาน่าจะสูงมาก ข้าแน่ใจว่ามันน่าจะถูกบันทึกไว้โดยตระกูลหลักทั้งหมด เจ้าต้องหาข้อมูลทั้งหมดมา ข้าคงต้องรบกวนเจ้าในเรื่องนั้นด้วย”
เมื่อเห็นว่าเจียงอี้จริงจังมาก ซือถูอีเสี้ยวก็หันมาเคร่งขรึมพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ!”
จากนั้นซือถูอีเสี้ยวก็จากไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเจียงอี้ยังคงสั่นเทาเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น อีเพียวเพียวเคยมายังเกาะแห่งบาปนี้มาก่อน?! ดูเหมือนว่านางยังเด็กมากเมื่อตอนที่นางมาที่นี่และอาจยังไม่เคยไปทวีปเทียนชิง ผู้เฒ่าที่อยู่ข้างๆนางเองก็ทรงพลังนัก หากพวกเขาค้นหาได้ว่าใครคือผู้เฒ่าคนนี้ ตัวตนของอีเพียวเพียวก็จะชัดเจนยิ่งขึ้น
หวงฝูเทาเทียนหันมามองและส่งข้อความเสียงอีกว่า “เจียงอี้ กลับไปก่อนเถอะ เนื่องจากชายชราผู้นี้สังหารขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดนับสิบได้ด้วยฝ่ามือเดียว ข้าคิดว่าเขาน่าจะอยู่ขอบเขตกึ่งเทพแล้ว หากไม่ใช่ อย่างไรเขาก็น่าจะเป็นที่เลื่องลือมากในทวีปจักรพรรดิบูรพา แม้ว่าข้าจะไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน แต่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดจะต้องเก็บบันทึกเอาไว้ มันน่าจะง่ายที่จะตามตัวเขาได้”
“อื้อ เราค่อยปรึกษากันตอนเรากลับไปเถอะ!”
เจียงอี้พยักหน้าและเดินกลับไปพร้อมกับหวงฝูเทาเทียน ด้านนอกก็มืดมากแล้ว เฟิ่งหลวนและชิงหยีกำลังรอเจียงอี้กลับมา เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นความตื่นเต้นของเขา เฟิ่งหลวนก็ถามเหตุผล แต่เจียงอี้ก็ไม่ได้ตอบนางตรงๆและขอให้พวกเขาอดทนไปก่อน จากนั้นเขาก็เดินอยู่ในลานบ้านตัวเองและรอซือถูอีเสี้ยวกลับมา
สองชั่วโมงต่อมา…! ซือถูอีเสี้ยวกลับมา แต่ดูเหมือนเขาไม่ได้ดูมีความสุขมากนัก และเมื่อเห็นเจียงอี้ที่มองมาที่เขาด้วยสายตาคาดหวัง เขาก็ถอนหายใจเบาๆและพูดว่า “เจียงอี้ ข้าดูบันทึกมากมายและพยายามถามพ่อของข้ากับผู้อาวุโสบางท่านแล้ว เรื่องนั้นเป็นที่โจ่งแจ้งมาก เพราะในตอนนั้นมันเกิดคลื่นสาดครั้งใหญ่ แต่…ไม่มีผู้ใดรู้ว่าสองคนนั้นเป็นใคร ไม่เพียงแต่ข้าจะไม่เจอข้อมูลใดๆเกี่ยวกับพวกเขาทั้งสอง แต่ทุกคนในเผ่าเทพประทานทั้งหมดไม่มีใครรู้เลย”
“อะไรนะ?”
ใบหน้าของเจียงอี้เปลี่ยนไปมากและถามอย่างจริงจังว่า “ผู้เฒ่าผู้นั้นทรงพลังอย่างน่าทึ่ง จะไม่มีผู้ใดรู้จักเขาได้อย่างไร? ที่นี่เองก็รู้จักยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่ของทวีปจักรพรรดิบูรพาด้วยใช่ไหม?”
“อดทนไว้ก่อน ข้าจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียด!”
ซือถูอีเสี้ยวยิ้มอย่างโกรธเคืองก่อนจะพูดว่า “สตรีลึกลับและชายชราผู้นี้ปรากฏขึ้นในเผ่ามานานกว่ายี่สิบปีแล้ว พวกเขามาจากทางตะวันตกและตรงไปยังหมู่เกาะมังกรขาว ในตอนแรก พวกเขาจ่ายศิลาสวรรค์และมีอิสระที่จะเดินทางในเผ่า แต่ดูเหมือนจะถูกดึงดูดโดยค่ายกลกักอัสนีบนเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างและนั่นคือเหตุผลที่พวกเขาไปยังเกาะอัสนีฟ้ากระจ่าง”
“สตรีนางนั้นงดงามมาก แต่ชายชราได้ซ่อนพละกำลังของเขาเอาไว้และดูเหมือนว่าจะเป็นคนดูแลนาง ทาสบนเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างเกิดความคิดชั่วร้าย ดังนั้นนางจึงสังหารคนในเมืองไปหลายสิบคน! ในขณะที่อยู่ในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง จะไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้เกิดการต่อสู้ในเมือง และเป็นไปตามที่คาดไว้ สมาชิกตระกูลลู่เดือดดาลมาก ดังนั้นจึงเกิดการบันทึกภาพเอาไว้ ในขณะนั้น ผู้อาวุโสตระกูลลู่มากกว่าสิบสองคนได้รวบรวมค่ายกลกักอัสนี แต่พวกเขาทั้งหมดก็ได้รับบาดเจ็บจากฝ่ามือเดียวของชายชราผู้นั้น ตอนนั้นไม่มีผู้ใดเสียชีวิต ซึ่งมันเหมือนกับว่าชายชราผู้นั้นแสดงความเมตตาต่อพวกเขา”
หลังจากที่ชายชราทุบพวกเขาไป แทนที่เขาจะตื่นตระหนก แต่เขากลับเดินทางเข้าไปในเผ่าเทพประทานอย่างเปิดเผยแทน ผู้อาวุโสของตระกูลลู่เองก็ได้รับการแจ้งเตือนเหมือนกับตระกูลอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ยอดฝีมือที่ทรงพลังสองคนบุกเข้ามาในอาณาเขตของพวกเขา หากพวกเขาทั้งสองเป็นคนในเก้าตระกูลจักรพรรดินั่นล่ะ?
“ผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลลู่หยุดสตรีผู้นั้นและผู้อาวุโสในทะเลเทพประทาน แม้แต่ประมุขตระกูลเหลยและประมุขหนานกงเองก็ยังดูการต่อสู้ และในตอนสุดท้าย….ผู้อาวุโสตระกูลลู่ก็ถูกฟาดเหมือนกัน!แต่พวกเขาไม่ตาย ไม่มีผู้ใดรู้ว่าชายชรานั้นแสดงความเมตตาหรือไม่สามารถสังหารพวกเขาได้ และเมื่อประมุขตระกูลเหลยกำลังจะเปิดใช้งานค่ายกลเก้ามังกรสยบเทพเพื่อหยุดชายชราเอาไว้ เขาก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับสตรีผู้นั้นด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ และพวกเขาออกจากเผ่าเทพประทานและหายลับไปก่อนที่ค่ายกลจะเปิดขึ้น”
“หลังจากนั้น ทั้งสิบสามตระกูลก็ค้นหาข้อมูลและบันทึกมากมายและส่งหน่วยสอดแนมจำนวนมากไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาและเขตแดนลึกลับ แต่ทว่า….ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสตรีและชายชราเลย แต่เรามั่นใจได้อย่างหนึ่ง…พวกเขาไม่ใช่ทายาทเก้าตระกูลจักรพรรดิแน่นอน มันเหมือนกับว่าพวกเขาปรากฏตัวขึ้นมาจากที่ใดก็ไม่รู้และไม่เคยปรากฏตัวบนทวีปจักรพรรดิบูรพาหรือเผ่าเทพประทานเลย ดังนั้นเรื่องนี้จึงถูกทิ้งไว้เช่นนี้ ย้อนไปในตอนนั้น ทั้งสิบสามตระกูลยังถูกห้ามไม่ให้พูดคุยกันเรื่องนี้หมด อย่างไรเสีย มันก็ไม่เป็นผลดีกับชื่อเสียงของทั้งสิบสามตระกูล มีคนนอกรู้เรื่องนี้น้อยมาก และหากข้าไม่ค้นบันทึกในครั้งนี้ ข้าเองก็เกรงว่าข้าคงจะไม่รู้ประวัติเรื่องนี้ด้วยซ้ำ”
“เอ่อ…” นี่เป็นครั้งแรกที่หวงฝูเทาเทียนได้ยินเรื่องนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสน สิ่งที่แปลกนั้นไม่ใช่เรื่องของพลังของชายชราผู้นี้ แต่มันคือความจริงที่ว่าทั้งสิบสามตระกูลไม่สามารถค้นหาตัวตนของผู้ที่ทรงพลังเช่นนี้ได้
เจียงอี้ก็ตกตะลึงเช่นกัน เขาคิดว่าตัวเองจะตามหาตัวตนของอีเพียวเพียวได้อย่างง่ายดายและเจอนาง แต่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าความหวังของเขาจะไร้ความหมายไปหมด
เมื่อซือถูอีเสี้ยวเห็นความผิดหวังอยู่ในดวงตาของเจียงอี้ เขาก็ถอนหายใจเบาๆและปลอบโยนว่า “เจียงอี้ พลังการต่อสู้ของชายชราผู้นั้นทรงพลังมาก เขาทะลวงไปสู่ขอบเขตกึ่งเทพแล้วและจะมีชีวิตอยู่ได้ห้าร้อยปีอย่างง่ายดาย นอกจากนี้ เขาว่องไวมากจนแม้แต่ประมุขตระกูลเหลยก็ไม่สามารถหยุดยั้งเขาไว้ได้ ดังนั้นเขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่ และตราบใดที่เขายังไม่ตายมันก็ยังมีหวังที่จะเจอเขา โอ้ ใช่แล้ว…เจ้ากับสตรีนางนั้นเป็นอะไรกัน?”
หวงฝูเทาเทียนมองเจียงอี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน ความสัมพันธ์ระหว่างสตรีนางนั้นกับชายชราขอบเขตกึ่งเทพนั้นผิดปกติอย่างยิ่ง และหากเจียงอี้มีอดีตกับนาง เขาอาจจะเชื่อมโยงกับชายชราขอบเขตกึ่งเทพคนนั้นด้วย
เจียงอี้เหลือบมองพวกเขา เขานิ่งงันไปครู่หนึ่งก่อนจะกระซิบว่า “นางผู้นั้นคือ…แม่ของข้า ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะเก็บความลับของข้าไว้!”
“เหอ!”
ซือถูอีเสี้ยวและหวงฝูเทาเทียนมองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าเจียงอี้จะมีภูมิหลังเช่นนี้ และในไม่ช้า ซือถูอีเสี้ยวก็นึกบางอย่างขึ้นได้และถามว่า “แม่นางผู้นั้นคงไม่ใช่อีเพียวเพียวใช่ไหม?”
“ใช่ นั่นแหละนาง!” เจียงอี้พยักหน้าและดูสิ้นหวัง ชื่อของอีเพียวเพียวเป็นที่รู้จักไปทั่วทวีปจักรพรรดิบูรพาเนื่องจากความพยายามของเฉียนว่านก้วน หากนางกำลังซ่อนอยู่ในทวีปจักรพรรดิบูรพา นางจะได้รับข้อมูลนี้อย่างแน่นอนเนื่องจากนางรู้จักยอดฝีมือด้านการต่อสู้ขอบเขตกึ่งเทพ แต่หลังจากที่เวลาล่วงเลยมานานถึงเพียงนี้ นางก็น่าจะมาที่เผ่าเทพประทานแล้ว หรือหากนางไม่ได้มาที่นี่เอง นางก็คงจะส่งคนมาติดต่อเขา!
แต่เฉียนว่านก้วนก็ไม่ได้รับข้อมูลใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ซึ่งมันหมายความว่ามีโอกาสสูงที่อีเพียวเพียวจะตายแล้ว หรือไม่นางก็ไม่ได้อยู่ที่ทวีปจักรพรรดิบูรพา
“หยูเวิน?”
จู่ๆความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัวเจียงอี้ หรือว่าชายชราผู้นี้จะเป็นหยูเวิน? ไฟที่ลุกโชนถูกจุดขึ้นในใจเขาอีกครั้ง ตอนนี้เขากำลังจะออกจากเผ่าเทพประทานและเดินทางไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาเพื่อตามหาหยูเวินและถามเขาเรื่องอีเพียวเพียว
ทันใดนั้น ซือถูอีเสี้ยวก็ปล่อยแก่นแท้พลังของเขา และท้องฟ้าก็สว่างขึ้นในทันที หลังจากนั้นชายทั้งสามคนก็ถูกย้ายออกมา แม้ว่าจะมีบันทึกการต่อสู้อีกหลายสิบรอบ แต่ก็ดูเหมือนว่าเจียงอี้จะไม่มีอารมณ์ดูแล้ว
“เจียงอี้ ออกไปกันก่อนเถอะ!”
เมื่อพวกเขาถูกส่งออกมา ซือถูอีเสี้ยวก็ส่งข้อความเสียงและส่งสัญญาณให้เจียงอี้อดทน หลังจากที่พวกเขาออกจากปราสาทสงครามไป เขาก็ส่งข้อความเสียงอีกครั้ง “บันทึกพวกนี้น่าจะอยู่มาหลายปีแล้ว ข้าไม่รู้ตัวตนของนางผู้นั้น ข้าจะต้องลองไปดูข้อมูลบางอย่างก่อน เจ้ากลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะตามไปทีหลัง”
“อื้ม!”
เจียงอี้พยักหน้าและส่งข้อความอย่างรวดเร็ว “ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับชายชราที่อยู่กับนางด้วย การสู้รบกันเกิดขึ้นที่เกาะอัสนีฟ้ากระจ่าง นอกจากนี้ สมาชิกตระกูลลู่จำนวนมากก็ถูกชายชราผู้นั้นทุบจนตาย ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาน่าจะสูงมาก ข้าแน่ใจว่ามันน่าจะถูกบันทึกไว้โดยตระกูลหลักทั้งหมด เจ้าต้องหาข้อมูลทั้งหมดมา ข้าคงต้องรบกวนเจ้าในเรื่องนั้นด้วย”
เมื่อเห็นว่าเจียงอี้จริงจังมาก ซือถูอีเสี้ยวก็หันมาเคร่งขรึมพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ!”
จากนั้นซือถูอีเสี้ยวก็จากไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเจียงอี้ยังคงสั่นเทาเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น อีเพียวเพียวเคยมายังเกาะแห่งบาปนี้มาก่อน?! ดูเหมือนว่านางยังเด็กมากเมื่อตอนที่นางมาที่นี่และอาจยังไม่เคยไปทวีปเทียนชิง ผู้เฒ่าที่อยู่ข้างๆนางเองก็ทรงพลังนัก หากพวกเขาค้นหาได้ว่าใครคือผู้เฒ่าคนนี้ ตัวตนของอีเพียวเพียวก็จะชัดเจนยิ่งขึ้น
หวงฝูเทาเทียนหันมามองและส่งข้อความเสียงอีกว่า “เจียงอี้ กลับไปก่อนเถอะ เนื่องจากชายชราผู้นี้สังหารขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดนับสิบได้ด้วยฝ่ามือเดียว ข้าคิดว่าเขาน่าจะอยู่ขอบเขตกึ่งเทพแล้ว หากไม่ใช่ อย่างไรเขาก็น่าจะเป็นที่เลื่องลือมากในทวีปจักรพรรดิบูรพา แม้ว่าข้าจะไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน แต่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดจะต้องเก็บบันทึกเอาไว้ มันน่าจะง่ายที่จะตามตัวเขาได้”
“อื้อ เราค่อยปรึกษากันตอนเรากลับไปเถอะ!”
เจียงอี้พยักหน้าและเดินกลับไปพร้อมกับหวงฝูเทาเทียน ด้านนอกก็มืดมากแล้ว เฟิ่งหลวนและชิงหยีกำลังรอเจียงอี้กลับมา เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นความตื่นเต้นของเขา เฟิ่งหลวนก็ถามเหตุผล แต่เจียงอี้ก็ไม่ได้ตอบนางตรงๆและขอให้พวกเขาอดทนไปก่อน จากนั้นเขาก็เดินอยู่ในลานบ้านตัวเองและรอซือถูอีเสี้ยวกลับมา
สองชั่วโมงต่อมา…! ซือถูอีเสี้ยวกลับมา แต่ดูเหมือนเขาไม่ได้ดูมีความสุขมากนัก และเมื่อเห็นเจียงอี้ที่มองมาที่เขาด้วยสายตาคาดหวัง เขาก็ถอนหายใจเบาๆและพูดว่า “เจียงอี้ ข้าดูบันทึกมากมายและพยายามถามพ่อของข้ากับผู้อาวุโสบางท่านแล้ว เรื่องนั้นเป็นที่โจ่งแจ้งมาก เพราะในตอนนั้นมันเกิดคลื่นสาดครั้งใหญ่ แต่…ไม่มีผู้ใดรู้ว่าสองคนนั้นเป็นใคร ไม่เพียงแต่ข้าจะไม่เจอข้อมูลใดๆเกี่ยวกับพวกเขาทั้งสอง แต่ทุกคนในเผ่าเทพประทานทั้งหมดไม่มีใครรู้เลย”
“อะไรนะ?”
ใบหน้าของเจียงอี้เปลี่ยนไปมากและถามอย่างจริงจังว่า “ผู้เฒ่าผู้นั้นทรงพลังอย่างน่าทึ่ง จะไม่มีผู้ใดรู้จักเขาได้อย่างไร? ที่นี่เองก็รู้จักยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่ของทวีปจักรพรรดิบูรพาด้วยใช่ไหม?”
“อดทนไว้ก่อน ข้าจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียด!”
ซือถูอีเสี้ยวยิ้มอย่างโกรธเคืองก่อนจะพูดว่า “สตรีลึกลับและชายชราผู้นี้ปรากฏขึ้นในเผ่ามานานกว่ายี่สิบปีแล้ว พวกเขามาจากทางตะวันตกและตรงไปยังหมู่เกาะมังกรขาว ในตอนแรก พวกเขาจ่ายศิลาสวรรค์และมีอิสระที่จะเดินทางในเผ่า แต่ดูเหมือนจะถูกดึงดูดโดยค่ายกลกักอัสนีบนเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างและนั่นคือเหตุผลที่พวกเขาไปยังเกาะอัสนีฟ้ากระจ่าง”
“สตรีนางนั้นงดงามมาก แต่ชายชราได้ซ่อนพละกำลังของเขาเอาไว้และดูเหมือนว่าจะเป็นคนดูแลนาง ทาสบนเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างเกิดความคิดชั่วร้าย ดังนั้นนางจึงสังหารคนในเมืองไปหลายสิบคน! ในขณะที่อยู่ในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง จะไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้เกิดการต่อสู้ในเมือง และเป็นไปตามที่คาดไว้ สมาชิกตระกูลลู่เดือดดาลมาก ดังนั้นจึงเกิดการบันทึกภาพเอาไว้ ในขณะนั้น ผู้อาวุโสตระกูลลู่มากกว่าสิบสองคนได้รวบรวมค่ายกลกักอัสนี แต่พวกเขาทั้งหมดก็ได้รับบาดเจ็บจากฝ่ามือเดียวของชายชราผู้นั้น ตอนนั้นไม่มีผู้ใดเสียชีวิต ซึ่งมันเหมือนกับว่าชายชราผู้นั้นแสดงความเมตตาต่อพวกเขา”
หลังจากที่ชายชราทุบพวกเขาไป แทนที่เขาจะตื่นตระหนก แต่เขากลับเดินทางเข้าไปในเผ่าเทพประทานอย่างเปิดเผยแทน ผู้อาวุโสของตระกูลลู่เองก็ได้รับการแจ้งเตือนเหมือนกับตระกูลอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ยอดฝีมือที่ทรงพลังสองคนบุกเข้ามาในอาณาเขตของพวกเขา หากพวกเขาทั้งสองเป็นคนในเก้าตระกูลจักรพรรดินั่นล่ะ?
“ผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลลู่หยุดสตรีผู้นั้นและผู้อาวุโสในทะเลเทพประทาน แม้แต่ประมุขตระกูลเหลยและประมุขหนานกงเองก็ยังดูการต่อสู้ และในตอนสุดท้าย….ผู้อาวุโสตระกูลลู่ก็ถูกฟาดเหมือนกัน!แต่พวกเขาไม่ตาย ไม่มีผู้ใดรู้ว่าชายชรานั้นแสดงความเมตตาหรือไม่สามารถสังหารพวกเขาได้ และเมื่อประมุขตระกูลเหลยกำลังจะเปิดใช้งานค่ายกลเก้ามังกรสยบเทพเพื่อหยุดชายชราเอาไว้ เขาก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับสตรีผู้นั้นด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ และพวกเขาออกจากเผ่าเทพประทานและหายลับไปก่อนที่ค่ายกลจะเปิดขึ้น”
“หลังจากนั้น ทั้งสิบสามตระกูลก็ค้นหาข้อมูลและบันทึกมากมายและส่งหน่วยสอดแนมจำนวนมากไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาและเขตแดนลึกลับ แต่ทว่า….ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสตรีและชายชราเลย แต่เรามั่นใจได้อย่างหนึ่ง…พวกเขาไม่ใช่ทายาทเก้าตระกูลจักรพรรดิแน่นอน มันเหมือนกับว่าพวกเขาปรากฏตัวขึ้นมาจากที่ใดก็ไม่รู้และไม่เคยปรากฏตัวบนทวีปจักรพรรดิบูรพาหรือเผ่าเทพประทานเลย ดังนั้นเรื่องนี้จึงถูกทิ้งไว้เช่นนี้ ย้อนไปในตอนนั้น ทั้งสิบสามตระกูลยังถูกห้ามไม่ให้พูดคุยกันเรื่องนี้หมด อย่างไรเสีย มันก็ไม่เป็นผลดีกับชื่อเสียงของทั้งสิบสามตระกูล มีคนนอกรู้เรื่องนี้น้อยมาก และหากข้าไม่ค้นบันทึกในครั้งนี้ ข้าเองก็เกรงว่าข้าคงจะไม่รู้ประวัติเรื่องนี้ด้วยซ้ำ”
“เอ่อ…” นี่เป็นครั้งแรกที่หวงฝูเทาเทียนได้ยินเรื่องนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสน สิ่งที่แปลกนั้นไม่ใช่เรื่องของพลังของชายชราผู้นี้ แต่มันคือความจริงที่ว่าทั้งสิบสามตระกูลไม่สามารถค้นหาตัวตนของผู้ที่ทรงพลังเช่นนี้ได้
เจียงอี้ก็ตกตะลึงเช่นกัน เขาคิดว่าตัวเองจะตามหาตัวตนของอีเพียวเพียวได้อย่างง่ายดายและเจอนาง แต่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าความหวังของเขาจะไร้ความหมายไปหมด
เมื่อซือถูอีเสี้ยวเห็นความผิดหวังอยู่ในดวงตาของเจียงอี้ เขาก็ถอนหายใจเบาๆและปลอบโยนว่า “เจียงอี้ พลังการต่อสู้ของชายชราผู้นั้นทรงพลังมาก เขาทะลวงไปสู่ขอบเขตกึ่งเทพแล้วและจะมีชีวิตอยู่ได้ห้าร้อยปีอย่างง่ายดาย นอกจากนี้ เขาว่องไวมากจนแม้แต่ประมุขตระกูลเหลยก็ไม่สามารถหยุดยั้งเขาไว้ได้ ดังนั้นเขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่ และตราบใดที่เขายังไม่ตายมันก็ยังมีหวังที่จะเจอเขา โอ้ ใช่แล้ว…เจ้ากับสตรีนางนั้นเป็นอะไรกัน?”
หวงฝูเทาเทียนมองเจียงอี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน ความสัมพันธ์ระหว่างสตรีนางนั้นกับชายชราขอบเขตกึ่งเทพนั้นผิดปกติอย่างยิ่ง และหากเจียงอี้มีอดีตกับนาง เขาอาจจะเชื่อมโยงกับชายชราขอบเขตกึ่งเทพคนนั้นด้วย
เจียงอี้เหลือบมองพวกเขา เขานิ่งงันไปครู่หนึ่งก่อนจะกระซิบว่า “นางผู้นั้นคือ…แม่ของข้า ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะเก็บความลับของข้าไว้!”
“เหอ!”
ซือถูอีเสี้ยวและหวงฝูเทาเทียนมองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าเจียงอี้จะมีภูมิหลังเช่นนี้ และในไม่ช้า ซือถูอีเสี้ยวก็นึกบางอย่างขึ้นได้และถามว่า “แม่นางผู้นั้นคงไม่ใช่อีเพียวเพียวใช่ไหม?”
“ใช่ นั่นแหละนาง!” เจียงอี้พยักหน้าและดูสิ้นหวัง ชื่อของอีเพียวเพียวเป็นที่รู้จักไปทั่วทวีปจักรพรรดิบูรพาเนื่องจากความพยายามของเฉียนว่านก้วน หากนางกำลังซ่อนอยู่ในทวีปจักรพรรดิบูรพา นางจะได้รับข้อมูลนี้อย่างแน่นอนเนื่องจากนางรู้จักยอดฝีมือด้านการต่อสู้ขอบเขตกึ่งเทพ แต่หลังจากที่เวลาล่วงเลยมานานถึงเพียงนี้ นางก็น่าจะมาที่เผ่าเทพประทานแล้ว หรือหากนางไม่ได้มาที่นี่เอง นางก็คงจะส่งคนมาติดต่อเขา!
แต่เฉียนว่านก้วนก็ไม่ได้รับข้อมูลใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ซึ่งมันหมายความว่ามีโอกาสสูงที่อีเพียวเพียวจะตายแล้ว หรือไม่นางก็ไม่ได้อยู่ที่ทวีปจักรพรรดิบูรพา
“หยูเวิน?”
จู่ๆความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัวเจียงอี้ หรือว่าชายชราผู้นี้จะเป็นหยูเวิน? ไฟที่ลุกโชนถูกจุดขึ้นในใจเขาอีกครั้ง ตอนนี้เขากำลังจะออกจากเผ่าเทพประทานและเดินทางไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาเพื่อตามหาหยูเวินและถามเขาเรื่องอีเพียวเพียว