เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 831 เจียงอี้เคลื่อนไหว
ยอดเขานทีสวรรค์มีชีวิตชีวามาก ทั่วทั้งยอดเขานี้ถูกทำเอาไว้โดยดาบเดียวจากจักรพรรดิหนานกง เขาใช้เวลาปีสุดท้ายมาอยู่ที่กระท่อมบนยอดเขานี้ และตอนนี้บนยอดเขาก็มีกองไฟหลายร้อยกองที่ล้อมรอบกระท่อมและทำให้ยอดเขาสว่างจ้าราวกับมันคือช่วงกลางวัน
สถานที่มากมายที่ยอดเขาถูกปูด้วยพรมแดงและมีโต๊ะจำนวนมากตั้งอยู่รอบๆกองไฟ โต๊ะนั้นเต็มไปด้วยอาหารอันโอชะและไวน์ชั้นดี กองไฟที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่ตรงกลาง มีโต๊ะเกือบร้อยโต๊ะล้อมรอบอยู่และนักระบำหญิงก็แสดงการเต้นรอบกองไฟอย่างยอดเยี่ยม พวกเขาร่ายรำไปพร้อมกับนักดนตรีที่บรรเลงเพลงไพเราะออกมาและมีสายลมแผ่วๆพัดผ่าน ค่ำคืนนี้จันทราเต็มดวงและมีดวงดาวระยิบระยับและทิวทัศน์ก็ดูน่าหลงใหล
คืนนี้ บนยอดเขาเต็มไปด้วยนายน้อยและหญิงงามมากมาย ทุกคนต่างสวมชุดที่วิจิตรสวยงาม เหล่าบุรุษต่างก็ดูดีขณะที่สตรีเองก็ดูมีเสน่ห์ แค่มองดูพวกเขาก็แทบจะมัวเมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องดื่มไวน์เลย
ยอดเขานี้ล้อมไปด้วยผู้คุ้มกันของตระกูลซือถูเนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอยู่อย่างน้อยห้าร้อยคนในขณะที่รอบๆนี้มีการลาดตระเวนกันอย่างต่อเนื่อง ในรัศมีพันกิโลเมตรนี้ มีผู้คุ้มกันลับของตระกูลซือถูอีกด้วย อย่าว่าแต่โจรเลย แม้แต่ยุงตัวเล็กๆก็ไม่สามารถเล็ดรอดเข้ามาใกล้ยอดเขานทีสวรรค์ได้
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
รถม้าศึกหรูหราบินขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำพานายน้อยและคุณหนูมากมายมามากขึ้นเรื่อยๆ ในโอกาสเช่นคืนนี้ ตระกูลต่างๆจะให้รุ่นหนุ่มสาวเข้าร่วมงานโดยเฉพาะสตรีจากตระกูลเล็กๆ ส่วนนายน้อยจากตระกูลใหญ่ก็มักจะตกเป็นเหยื่อของงานเลี้ยงอย่างนี้เสมอและเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะเสาะหางานแต่งงาน
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
คนรับใช้ของตระกูลซือถูจะบินไปเป็นกลุ่มๆเป็นครั้งคราวและนำอาหารร้อนๆมานับไม่ถ้วน ที่ยอดเขานี้ เสียงหัวเราะที่มีเสน่ห์ของคุณหนูจะดังขึ้นเป็นครั้งคราวขณะที่คนใช้จะเดินไปมาเพื่อคอยดูแลทุกคน หากเหลือบมองเพียงแวบเดียวก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากผู้คนซึ่งทำให้ที่นี่มีชีวิตชีวามาก
ฟรึ่บ!
กลุ่มทหารบินขึ้นไปพร้อมกับรถม้าหรูหราสองคันทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างลุกขึ้นยืนหลังจากที่กวาดตามองไป นี่เป็นรถม้าของตระกูลซือถูและซือถูอีเสี้ยวกับคุณหนูและนายน้อยมากมายจากตระกูลซือถูก็อยู่ที่นี่ ส่วนผู้อาวุโสตระกูลต่างๆจะไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้และทุกคนกำลังรอผู้นำอยู่ นั่นคือ เฉียนว่านก้วน, เจียงอี้และคนอื่นๆ
เป็นไปตามคาด! เฉียนว่านก้วนสวมชุดสีแดงเต็มรูปแบบขณะที่ซือถูอีเนี่ยนที่มีเสน่ห์เหลือล้นก็ลงมาจากรถม้าด้วย นายน้อยมากมายล้อมรอบเฉียนว่านก้วนและเจียงอี้ขณะที่พวกเขาคอยประจบสอพลอทั้งสอง
เจียงอี้พูดคุยอย่างเป็นกันเองและกวาดตาไปมองที่กองไฟตรงกลางและเห็นองค์หญิงเชียนเชียนข้างซือถูอีเสี้ยว พร้อมด้วยเหลยฉีเหยียนและเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาขณะที่เหลยฉีเหยียนไม่ได้เผยจุดอ่อนใดๆออกมาและมองเจียงอี้กลับ ปากของเขาโค้งขึ้นราวกับว่าเขาเป็นผู้กุมชัยชนะ
ลูกพี่ ไปนั่งกันเถอะ
เฉียนว่านก้วนตบบ่าเจียงอี้ขณะที่ฝ่ายหลังคืนสติและไม่มองเหลยฉีเหยียนอีกต่อไป เจียงอี้, หวงฝูเทาเทียนและเหล่านายน้อยที่รายล้อมต่างพากันเดินไปนั่งที่ที่นั่งผู้มีเกียรติทางด้านขวา
ส่วนเจียงเสี่ยวนู๋สวมชุดสีขาวธรรมดาในวันนี้และเมินเฉยทุกสายตาที่จับจ้องมาที่นางและเดินตามเจียงอี้ไป หลายๆคนต่างถอนหายใจที่สตรีดีๆนั้นเป็นของเจียงอี้ไปหมดแล้ว
เฉียนว่านก้วนนั่งอยู่บนที่นั่งเจ้าภาพขณะที่ซือถูอีเนี่ยนอยู่ด้านหลัง ทั้งสองลุกขึ้นยืนเพื่ออวยพรและทุกคนก็ตอบรับอย่างเคารพ แม้แต่เหลยฉีเหยียนเองก็ไม่กล้าหาเรื่องและตอบรับอย่างสุภาพ
จากนั้นเฉียนว่านก้วนก็พาซือถูอีเนี่ยนและซือถูอีเสี้ยวไปรอบๆกองไฟอื่นและอวยพรตลอดทาง โชคดีที่เฉียนว่านก้วนนั้นเป็นเหมือนถังไวน์ หากเป็นเจียงอี้ เขาคงเมาแน่นอนเพราะไม่มีใครใช้แก่นแท้พลังขับสุราในโอกาสเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงเป็นพวกน่าขัน
ส่วนเจียงอี้ก็ก้มหน้าก้มตาอยู่เงียบๆ ขณะที่เจียงเสี่ยวนู๋นั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆและไม่ขยับเขยื้อนใดๆ ส่วนหวงฝูเทาเทียนก็ไม่แตะต้องไวน์เลย นายน้อยและคุณหนูที่อยู่ใกล้ๆเองก็ไม่ได้หาเรื่องทั้งสามคนขณะที่พวกเขายกแก้วอวยพรให้ผู้อื่นและบรรยากาศยังคงรื่นเริงอยู่
เหลยฉีเหยียนดื่มมาเป็นชั่วโมงแล้วและดูเหมือนว่าเขาจะเมาเล็กน้อย เขามองไปที่เจียงอี้อยู่เรื่อยๆด้วยสายตาที่ยั่วยุ
แต่น่าเสียดายที่เจียงอี้ไม่ตอบสนองอะไรเลยขณะที่เขายังคงก้มหน้าดื่มไวน์เงียบๆโดยทำเหมือนเหลยฉีเหยียนเป็นอากาศ หลังจากที่เหลยฉีเหยียนยั่วยุไม่ได้ผล ดวงตาของเขาก็เป็นประกายและเริ่มชนแก้วกับเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน ฝ่ายหลังไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ดีนัก หลังจากที่นางถูกบังคับให้ดื่มไปหนึ่งแก้ว นางก็ไม่ดื่มมันอีก
แต่ใครจะรู้….? ไม่รู้ว่าเหลยฉีเหยียนดื่มมากเกินไปหรือเขาจงใจยั่วโมโหเจียงอี้ แต่เขาบังคับให้เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานชนแก้วและเริ่มลูบคลำนางโดยไม่ยับยั้งชั่งใจใดๆ ด้านเจียงอี้ก็โกรธมากแต่เฉียนว่านก้วนไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร นั่นหมายความว่าแม่ของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานยังไม่ถูกช่วยออกมาเจียงอี้จึงไม่มีทางอื่นอีกนอกจากต้องอดทนต่อไป
เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ? เหลยฉีเหยียน ให้เกียรติกันด้วย!
เมื่อเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเห็นว่ามือข้างหนึ่งของเหลยฉีเหยียนกำลังเข้ามาโอบรัดเอวของนางขณะที่อีกมือกำลังเตรียมรินไวน์ ในที่สุดนางก็โกรธขึ้นมา นางเหวี่ยงมือและปัดแก้วไวน์ออกขณะที่ยืนขึ้นมาด้วยความโกรธ
ฮึฮึ!
เหลยฉีเหยียนกลายเป็นคนโกรธแทนและเย้ยหยัน หญิงชั่วเยี่ยงเจ้าจะแสร้งทำตัวเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ไปเพื่ออะไร? ถ้าไม่พูดถึงเรื่องที่เจ้าไปป้อล้อชายอื่นตอนที่เจ้าเป็นม่าย เจ้ายังเที่ยวเตร่ไปเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างเพื่ออ่อยทาส แล้ววันนี้เจ้าจะมาทำตัวบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอยู่อีก?
เสียงของเหลยฉีเหยียนไม่ได้ดังหรือเบาไป แต่ทุกคนที่นั่นก็ได้ยินเขา ทำให้บรรดานายน้อยและคุณหนูที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนานพากันเงียบมองไปที่นั่นทันที องค์หญิงเชียนเชียนเองก็ยังเผยความรังเกียจออกมาและก้มหน้าลง
ดวงตาของเจียงอี้เผยกลิ่นอายสังหารออกมา แต่เขาไม่ได้มองไปที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน เขามองไปยังเฉียนว่านก้วนที่ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นเนื่องจากยังไม่มีข้อความใดๆจากเมืองเลย
หรือจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?
ใจของเจียงอี้เต้นแรงขณะที่แม่ของนางควรถูกช่วยเหลือตามแผนการแล้ว แต่ทำไมยังไม่มีสัญญาณใดๆเลยจนถึงตอนนี้? เฉียนว่านก้วนเองก็มีสีหน้ามืดมนเช่นกันขณะที่เขาส่งสัญญาณมือไปที่คนข้างๆและบุคคลผู้นั้นก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ฟรึ่บ!
ส่วนร่างของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเองก็สั่นสะท้านไปด้วยความโกรธ นางจึงทะยานขึ้นไปในอากาศและกำลังจะไปจากที่นี่ แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อเหลยฉีเหยียนขยับตัวเล็กน้อยและส่งข้อความที่ทำให้ร่างอันบอบบางของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานสั่นสะท้านขึ้นมา จากนั้นนางก็บินกลับมาและนั่งอยู่ข้างเหลยฉีเหยียนอย่างเชื่อฟัง ดวงตาของนางไร้ชีวิตชีวาราวกับว่านางยอมรับชะตากรรมของนางไปจนสิ้น
เหลยฉีเหยียนรินไวน์อีกสามแก้วและหัวเราะอย่างภาคภูมิ ฮ่าฮ่า แบบนี้แหละ เจ้าน่ะเป็นหญิงชั่วอยู่แล้วและไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นแม่พระหรอก! มา ดื่มสามแก้วให้นายน้อยคนนี้หน่อย!
ปัง!
หวงฝูเทาเทียนที่นั่งอยู่ข้างเจียงอี้ไม่สามารถทนมองได้อีกต่อไปขณะที่เขาทุบโต๊ะและพูดขึ้นขณะที่จ้องไปยังเหลยฉีเหยียนด้วยความขุ่นเคือง เหลยฉีเหยียน เจ้าเป็นผู้ชายแบบไหนกันที่ทำให้ผู้หญิงมีความลำบากใจ เจ้าเอาหน้าตระกูลเหลยไปไว้ไหนหมดเมื่อเจ้าเป็นคนโยนมันทิ้งไปเอง? หากเจ้าไม่ชอบใจ เช่นนั้นก็ออกมาประมือกันสักรอบไหมล่ะ? ข้าตบเจ้าให้ได้ด้วยฝ่ามือเดียวยังได้เลย!
เจ้า…
การแสดงออกของเหลยฉีเหยียนมืดมนมาก แต่เขาก็เชื่อว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวงฝูเทาเทียน ดังนั้นเขาแค่เย้ยหยันและพูดว่า หวงฝูเทาเทียน ข้าจะสั่งสอนผู้หญิงของข้าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า? เจ้าก็เป็นแค่ลูกนอกคอกที่ถูกตระกูลหวงฝูขับไล่ออกมา แล้วเจ้าคิดว่าเจ้ามีคุณสมบัติที่จะสั่งสอนข้าได้หรอ?
ข้าเพียงแค่อารมณ์ไม่ดีนักเมื่อมองเจ้าและข้าอยากจะสั่งสอนเจ้าแทนตาเฒ่าเหลย ว่ายังไงล่ะ? หวงฝูเทาเทียนมีอารมณ์ที่รุนแรงและเมื่อเขาได้ยินคำพูดนี้ กระบี่อัสนีก็ปรากฏขึ้นที่มือของเขาขณะที่แก่นแทพลังหมุนเวียนอยู่รอบๆตัวเขาและเขากำลังจำเคลื่อนไหว
ร่างของเหลยฉีเหยียนแข็งทื่อเมื่อกลิ่นอายสังหารของหวงฝูเทาเทียนจับจ้องไปที่เขาเขารีบยืนขึ้นมาอย่างรวดเร็วขณะที่องครักษ์ลับขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดสองคนปรากฏขึ้นมาด้านหลังเขา และเงาดำก็ปรากฏขึ้นข้างหลังหวงฝูเทาเทียนด้วยซึ่งเห็นได้ชัดว่านั่นเป็นทหารลับผู้ที่ถูกเรียกว่าเงา
แขกผู้มีเกียรติทั้งสอง วันนี้เป็นวันดีของว่านก้วนและอีเนี่ยน พวกท่านทั้งสองช่วยไว้หน้าอีเสี้ยวและว่านก้วนได้ไหม? ซือถูอีเสี้ยวรีบพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็วและเป็นสื่อกลางเมื่อเขาเห็นว่าสถานการณ์เลยเถิด
แต่ใครจะไปคิด?!
ในตอนนั้นเอง เจียงอี้ก็บินขึ้นไปกลางอากาศขณะที่เขาพลิกฝ่ามือ และดาบมังกรเพลิงก็ปรากฏขึ้นในเวลาเดียวกันขณะที่ทักษะเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ถูกปลดปล่อยออกมา ดาบวิญญาณหลายสิบเล่มพุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของเจียงอี้ขณะที่ไข่มุกวิญญาณเพลิงหลั่งไหลเปลวเพลิงอัสนีออกมา ความร้อนอันน่าสยดสยองปกคลุมยอดเขาทั้งหมดและนายน้อยและคุณหนูนับไม่ถ้วนคิดว่าพวกเขากำลังจะตายในตอนนี้
ฟรึ่บ!
ในเวลาเดียวกัน ชุดด้านหลังของเจียงเสี่ยวนู๋ก็ฉีกขาดขณะที่ปีกของนางปรากฏขึ้นและผมสีดำของนางเปลี่ยนเป็นสีเขียว นิ้วทั้งสิบของนางเปล่งประกายด้วยแสงสีเขียวขณะที่นางกลายเป็นเงาร่างสีเขียว ก่อนที่ทุกคนจะทันได้โต้ตอบ นางก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเหลยฉีเหยียนและมือของนางก็จับไปที่คอของเขาอย่างง่ายดาย นางยกเขาขึ้นมาขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของนางแทงไปที่หน้าอกของเขา และใช้กำลังแค่เล็กน้อยก็เพียงพอที่จะบดขยี้ใจเหลยฉีเหยียนได้แล้ว
ทำให้ฝูงชนทั้งหมดต่างพากันตกอยู่ในความโกลาหล!