เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 838 เสียงกดวิญญาณ
“ระฆังหลอมศักดิ์สิทธิ์!”
ซือถูอีเสี้ยวเพิ่งบินกลับมาที่เมืองเทพประทานและเขาก็ได้ยินเสียงระฆังจากยอดเขานทีสวรรค์ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีเพราะเขารู้ถึงพลังของระฆังหลอมศักดิ์สิทธิ์อย่างชัดเจน ระฆังนี้ไม่เพียงแต่จะสามารถผนึกเขตพื้นที่ทำให้หนีไม่ได้เท่านั้น แต่มันยังมีเปลวเพลิงที่ร้อนแรงอยู่ในนั้นด้วย แม้แต่คนที่สวมชุดเกราะเชื่อมวิญญาณก็จะถูกหลอมละลายไปเป็นขี้เถ้าและเหลือเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของมันคือเสียงของระฆัง เสียงกดวิญญาณ!
เมืองเทพประทานอยู่ห่างจากยอดเขานทีสวรรค์ไปกว่าร้อยกิโลเมตรและเมื่อผู้คนในเมืองได้ยินเสียงระฆัง จิตวิญญาณขอพวกเขาก็สั่นสะท้าน แม้กระทั่งเด็กเล็กๆยังล้มลงไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวด มันจินตนาการได้เลยว่าเสียงระฆังนี้น่ากลัวเพียงใด เสียงกดวิญญาณจะทำให้ดวงจิตวิญญาณของเขาแตกสลายแน่นอน
“อ๊ากกก!”
ในตอนนี้เจียงอี้กำลังทรมานอยู่จริงๆ เขตห้วงมิติถูกผนึกไว้ไม่ให้เขาใช้วิชาหลีกสวรรค์และเขาก็ไม่สามารถย้ายร่างฉับพลันได้ด้วยเช่นกัน แม้แต่พื้นที่ใต้ดินก็ยังถูกผนึกไว้ด้วยทำให้เขาไม่มีทางรอดไปได้ ผิวของระฆังยักษ์ถูกสลักไว้ด้วยอสูรลึกลับต่างๆและราวกับว่าพวกมันยังมีชีวิตอยู่ สัตว์อสูรแต่ละตนพุ่งออกมาพร้อมกับเปลวเพลิงและเปลวเพลิงเหล่านี้ก็ร้อนแรงกว่าเปลวเพลิงอัสนีที่ปรับแต่งแล้ว ทำให้ภายในระฆังนั้นกลายเป็นโลกแห่งอัคคีเลยก็ว่าได้
แต่แน่นอนว่า….
เปลวเพลิงนี้ไม่เป็นผลกับเจียงอี้!
ไข่มุกวิญญาณเพลิงทำให้เขาไม่รู้สึกถึงอุณหภูมิที่สูงขนาดนี้เลย เปลวเพลิงอาจจะทำลายโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีและทำลายโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาไปทันที แม้แต่เกราะเมฆาอัคคีเองก็ยังไม่สามารถต้านทานมันได้ หากเขาไม่เก็บเกราะเข้าไปในร่างกายของเขา มันอาจจะละลายไปแล้วก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม เปลวเพลิงนี้ไม่สามารถทำร้ายอะไรเขาได้ด้วยซ้ำ
แต่สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดอย่างยิ่งก็คือ…เสียงระฆังที่น่าสะพรึงนี้ ทุกครั้งที่เกิดเสียงสะท้อน ดวงจิตวิญญาณของเขาจะเจ็บปวดรวดร้าว เขาจับหัวแล้วแด้ดิ้นอยู่ที่พื้นขณะที่เขาทรมานมากจนชนกำแพงระฆังตลอดเวลา ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไป ดวงตาของเขาขยายและหดตัวราวกับว่ามันจะถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว
กึง กึง กึง!
ขณะที่เหลยถิงเวยยังคงโจมตีด้วยแก่นแท้พลังเรื่อยๆ ทำให้เสียงระฆังดังอย่างไม่หยุดหย่อนและมันก็เริ่มเร็วขึ้น ทำให้ดวงจิตหลักของเจียงอี้สั่นสะเทือนครั้งแล้วครั้งเล่าจนทำให้เกิดรอยร้าวบนพื้นผิว หากไม่ใช่เพราะพลังงานของไข่มุกวิญญาณเพลิงที่พุ่งเข้ามาในดวงจิตวิญญาณของเขาและช่วยฟื้นฟูจิตวิญญาณของเขา เขาอาจจะตายไปแล้วในตอนนี้
ข้ากำลังจะตาย?
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในส่วนลึกของดวงจิตวิญญาณของเจียงอี้ เขาไม่สามารถทนกับเสียงระฆังนี้ได้ แล้วหากเขาทนได้ล่ะ? เขาจะหนีไปได้หรอ?
ข้างนอกมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนมากกว่าหมื่นคนและคนอีกหลายร้อยคนที่เป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด เขาใช้อัสนีพิโรธมาก่อนหน้านี้และมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะสังหารขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดธรรมดาๆ แต่เขาจะไม่สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดที่ทรงพลังได้ ยิ่งกับคนเยี่ยงเหลยถิงเวยที่ไม่เพียงแต่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่เขายังมีสมบัติเชื่อมดวงจิตด้วย
หนีหรอ?
แม้จะไม่มีระฆังนี้ เจียงอี้ก็ใช้วิชาหลีกสวรรค์หนีไปไม่ได้อยู่ดี เขาจะถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนที่จะเข้าไปในห้วงมิติด้วยซ้ำ และถึงแม้ว่าเขาจะเข้าไปในห้วงมิติได้ แต่ผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลเหลยก็จะปล่อยวิชาทลายมิติออกมา ซึ่งมันจะทำให้เขาถูกส่งกลับมาจากรอยแยกของห้วงมิติได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น วันนี้จึงเป็นเหมือนวันตายของเขาแล้ว
ความตายเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยกลัว!
แต่หากเขาตกตายไป จะเกิดอะไรขึ้นกับเจียงเสี่ยวนู๋, เฟิ่งหลวน, เฉียนว่านก้วน, จ้านอู๋ซวง, เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและคนอื่นๆกัน?
ข้อสรุปของพวกเขานั้นคือการตายไปพร้อมกับเจียงอี้หรือไม่ก็ถูกจับและต้องทนทุกข์ทรมาน ก่อนหน้านี้เขาได้เหลือบมองเหลยฉีเหยียนที่ถูกผู้อาวุโสตระกูลเหลยช่วยไป เขามีดวงตาที่ขุ่นเคืองอย่างขมขื่นซึ่งทำให้เจียงอี้ตัวสั่นแม้ว่ามันจะไม่ได้หนาวก็ตาม หากคนของเขาตกไปอยู่ในมือของเหลยฉีเหยียน ชีวิตของพวกเขาคงจะเลวร้ายยิ่งกว่าความตายเป็นหมื่นเท่า
“ไม่ ไม่ ข้าจะตายไม่ได้!”
เนื่องจากความเจ็บปวดที่ฉีกทึ้งจากดวงจิตวิญญาณของเขา เขาจึงจับหัวและโขกระฆังซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเลือดไหลอาบไปทั้งร่างและเสียงนั้นก็ทำให้หูของเขาเลือดออกด้วย
“ข้าจะทำยังไงดี? ข้าจะทำยังไงดี?”
เจียงอี้ฝืนตัวเองให้ลืมความเจ็บปวดในจิตวิญญาณของเขาและลืมทุกอย่างเพื่อที่จะหาทางเอาตัวรอดให้ได้ ดวงจิตของเขาที่ใกล้จะพังทลายกำลังหมุนเวียนอย่างรวดเร็วและความคิดนับร้อยก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา แต่มันก็ถูกกลบไป ครั้งนี้เขาตกอยู่ในอันตรายที่หนักหนากว่าทั้งชีวิตที่เขาเจอมานับร้อยเท่าหมื่นเท่า
กึง!
ระฆังนี้สั่นสะเทือนอีกครั้งทำให้เสียงดังก้องขึ้นมาอีก และเจียงอี้ก็จับหัวของเขาและเกลือกกลิ้งอยู่ที่พื้น เสียงนี้ไม่ได้ดังอยู่ที่หูของเขา แต่มันเป็นการเขย่าดวงจิตของเขาโดยตรง นี่คือประเภทของการโจมตีดวงจิตวิญญาณ!
“พลังโจมตีดวงจิตวิญญาณ?”
เจียงอี้ที่กำลังเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นมีสายตาที่ว่างเปล่า การโจมตีด้วยเสียง? ไม่ใช่ว่ามันคือทักษะวิชาเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์หรอกหรือ? ไม่ใช่ว่าเขาเข้าถึงทักษะวิชาเสียงสวรรค์ประเภทหนึ่งด้วยหรือ?
แล้วถ้าหากว่า…เขาเข้าถึงเสียงระฆังนี้ได้ มันจะยังสร้างความเสียหายให้เขาอยู่หรือเปล่า?
คำตอบก็คือไม่รู้!
อย่างไรก็ตาม เจียงอี้เองก็หมดปัญญาแล้วอละเขาทำได้เพียงคว้าฟางเส้นสุดท้ายนี้เอาไว้และรีบหาทางเอาตัวรอดให้ได้ก่อน เจียงอี้หลับตาและไม่ได้นั่งขัดสมาธิขณะที่เขาเพียงแค่นอนลงไปและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ เขาไม่สนใจว่าดวงจิตของเขาจะพังทลายลงในขณะที่เขาจะพยายามเข้าถึงเสียงระฆังนี้หรือไม่
หลังจากที่เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์แล้ว เขาก็ผสานตัวเองเข้าสู่สวรรค์และโลกาและยังสามารถผสานกับระฆังยักษ์นี้ได้ เขาสัมผัสได้ถึงความหนานและความเรียบง่ายของระฆังนี้และเขายังค้นพบอาคมมากมายภายในระฆังอีก เขายังสัมผัสได้ถึงการหมุนเวียนอย่างรวดเร็วของอาคมและการหลั่งไหลของแก่นแท้พลังที่กระตุ้นอาคมซึ่งสร้างเปลวเพลิงที่น่าสะพรึงและเสียงระฆังออกมาด้วย
กึง!
เหลยถิงเวยได้ขัดเกลาระฆังนี้และรู้ได้เลยว่าเจียงอี้ยังไม่พินาศไป ดังนั้นเขาจึงปล่อยแก่นแท้พลังออกมาซึ่งทำให้ระฆังหลอมศักดิ์สิทธิ์นี้สะท้อนไปด้วยเสียงกดวิญญาณที่ล้ำลึก
แม้ว่าเจียงอี้จะอยู่ในสภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ แต่เสียงระฆังเหล่านั้นก็ยังทำให้ดวงจิตวิญญาณของเขาสั่นเทาโดยตรงและทำให้ดวงจิตวิญญาณของเจียงอี้ค่อยๆฉีกออกช้าๆ ดังนั้นดวงจิตวิญญาณของเขาจึงปล่อยความเจ็บปวดออกมาอย่างต่อเนื่องซึ่งมันจะกระตุ้นให้เขาตอบสนองโดยสัญชาตญาณ ดังนั้น แม้แต่ช่วงที่เสียงระฆังสะท้อน ร่างของเจียงอี้ก็ยังแด้ดิ้นไปทั่วตามสัญชาตญาณเนื่องจากความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทำให้เขากระแทกกับระฆัง!
“เด็กนี่ยังไม่ตายอีกหรอ? เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสะพรึงถึงเพียงนี้ยังไม่สามารถเผามันให้ตายได้อีกหรือ? หรือมันจะมีร่างกายที่ไม่สามารถทำลายได้?”
เหลยถิงเวยประหลาดใจอยู่เงียบๆที่ด้านนอก ซึ่งเจียงอี้ก็ยังกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ข้างในและกระแทกผนังของระฆังทำให้เกิดคลื่นสะเทือนอยู่ในระฆัง ซึ่งเหลยถิงเวยสัมผัสได้อย่างชัดเจน เขาใช้ระฆังหลอมศักดิ์สิทธิ์นี้เพื่อให้เจียงอี้หนีไปไหนไม่ได้ และเขายังไม่อยากให้เจียงอี้ใช้อัสนีพิโรธเพื่อสังหารสมาชิกตระกูลเหลยด้วย ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังอยากเผาเจียงอี้ทั้งเป็น แต่เขาไม่ได้คาดว่าเจียงอี้จะยังมีชีวิตอยู่หลังจากที่ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว
“หรือเด็กนี่จะมีสิ่งประดิษฐ์กันไฟ?”
ดวงตาของเหลยถิงเวยเปล่งประกายด้วยความเฉียบแหลมขณะที่เขารู้ดีว่าเปลวเพลิงของระฆังหลอมศักดิ์สิทธิ์นั้นน่ากลัวเพียงใด แม้แต่สมบัติที่เชื่อมดวงจิตยังละลายหลังจากที่เวลาผ่านไปนานๆ คำอธิบายเพียงอย่างเดียวคือเจียงอี้มีสมบัติสำคัญที่ทำให้เขาต้านไฟได้
“ฮึ่ม แม้ว่าเจ้าจะมีสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังไงวันนี้เจ้าก็ต้องตาย!”
เหลยถิงเวยพ่นลมออกมาและปล่อยแก่นแท้พลังออกมาพร้อมกันทั้งสองฝ่ามือทำให้ระฆังสะท้อนเสียงออกมาอีก ในคราวนี้ แม้แต่ผู้อาวุโสขอบเขตเทียนจุนทั้งหลายที่อยู่ข้างหลังเขาก็ยังทนไม่ได้และรีบถอยห่างออกไป
ทั่วทั้งยอดเขานทีสวรรค์เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น มีหนานกงหยุนยี่, ลู่หลี่และผู้อาวุโสจากตระกูลต่างๆ รวมทั้งองค์หญิงเชียนเชียนและใต้เท้าเทวาทมิฬด้วย อย่างไรก็ตาม สองคนจากเผ่าปีศาจนั้นกำลังเฝ้ามองดูด้วยสายตาที่เย็นชา เนื่องจากเสียงระฆังนี้ไม่ได้ผลกับพวกเขาอย่างสิ้นเชิง องค์หญิงเชียนเชียนมีสีหน้าที่ไร้อารมณ์ขณะที่นางกำลังเฝ้ามองเหลยถิงเวยและมองระฆังหลอมศักดิ์สิทธิ์อย่างตั้งใจ
กึง กึง กึง กึง กึง กึง กึง….
ขณะที่เหลยถิงเวยสะบัดมือทั้งสองข้าง เขาก็ใช้แก่นแท้พลังโจมตีออกไปเกือบร้อยรอบ และหลังจากที่เสียงกดวิญญาณเปล่งออกมาเกือบร้อยเสียงแล้ว เขาก็สังเหตุเห็นว่าในที่สุดเจียงอี้ก็นิ่งสนิทอยู่ภายในนั้น ไม่มีการเคลื่อนไหวอยู่ในระฆังอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงถอนหายใจยาวๆและสร้างผนึกฝ่ามือพร้อมกับตะโกนว่า “กลับมา!”
จี๊! จี๊!
ขณะที่ระฆังหลอมศักดิ์สิทธิ์ลอยขึ้นมา มันก็หดตัวลงอย่างมากและกลับเขาไปอยู่ในมือของเหลยถิงเวย ดวงตานับหมื่นคู่มองไปที่ใต้ระฆังและเพียงแวบเดียวก็ทำให้ทุกคนมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่ใบหน้าที่มีเสน่ห์ขององค์หญิงเชียนเชียนเองก็ยังเต็มไปด้วยความตกตะลึง
นั่นก็เพราะว่า…
เจียงอี้นอนอยู่บนพื้น แม้ว่าศีรษะของเขาจะเลือดออก แต่เขายังมีชีวิตยู่ ไม่เพียงแต่เขาจะมีชีวิตอยู่แล้ว แต่ยังมีสีหน้าที่เงียบสงบราวกับตัวเองนอนอยู่บนเตียงในลานบ้านและพักผ่อนอย่างสงบสุขและอิ่มเอมใจ!
บรึฟ!
ทันใดนั้น เจียงอี้ที่กำลังนอนอยู่ได้ลืมตาขึ้นมาและมุมปากของเขาก็โค้งขึ้นเล็กน้อยซึ่งเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา เมื่อใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด รอยยิ้มยิ่งดูน่าสยดสยองและหนาวเหน็บยิ่งขึ้นไปอีก เขาบินขึ้นมาขณะที่ดวงตาของเขาแลบไปด้วยสายฟ้า ดาบมังกรเพลิงปรากฏขึ้นที่มือข้างหนึ่งของเขา ขณะที่ดาบอ่อนปรากฏขึ้นอีกมือหนึ่ง เขาคำรามออกมาด้วยความโกรธและดังสะท้อนไปทั่ว “วันนี้ ทุกคนจากสามตระกูลของพวกเจ้ากำลังจะตาย ทุกคนจะต้องพินาศไปพร้อมกับข้า เจียงอี้ผู้นี้!”
….
ซือถูอีเสี้ยวเพิ่งบินกลับมาที่เมืองเทพประทานและเขาก็ได้ยินเสียงระฆังจากยอดเขานทีสวรรค์ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีเพราะเขารู้ถึงพลังของระฆังหลอมศักดิ์สิทธิ์อย่างชัดเจน ระฆังนี้ไม่เพียงแต่จะสามารถผนึกเขตพื้นที่ทำให้หนีไม่ได้เท่านั้น แต่มันยังมีเปลวเพลิงที่ร้อนแรงอยู่ในนั้นด้วย แม้แต่คนที่สวมชุดเกราะเชื่อมวิญญาณก็จะถูกหลอมละลายไปเป็นขี้เถ้าและเหลือเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของมันคือเสียงของระฆัง เสียงกดวิญญาณ!
เมืองเทพประทานอยู่ห่างจากยอดเขานทีสวรรค์ไปกว่าร้อยกิโลเมตรและเมื่อผู้คนในเมืองได้ยินเสียงระฆัง จิตวิญญาณขอพวกเขาก็สั่นสะท้าน แม้กระทั่งเด็กเล็กๆยังล้มลงไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวด มันจินตนาการได้เลยว่าเสียงระฆังนี้น่ากลัวเพียงใด เสียงกดวิญญาณจะทำให้ดวงจิตวิญญาณของเขาแตกสลายแน่นอน
“อ๊ากกก!”
ในตอนนี้เจียงอี้กำลังทรมานอยู่จริงๆ เขตห้วงมิติถูกผนึกไว้ไม่ให้เขาใช้วิชาหลีกสวรรค์และเขาก็ไม่สามารถย้ายร่างฉับพลันได้ด้วยเช่นกัน แม้แต่พื้นที่ใต้ดินก็ยังถูกผนึกไว้ด้วยทำให้เขาไม่มีทางรอดไปได้ ผิวของระฆังยักษ์ถูกสลักไว้ด้วยอสูรลึกลับต่างๆและราวกับว่าพวกมันยังมีชีวิตอยู่ สัตว์อสูรแต่ละตนพุ่งออกมาพร้อมกับเปลวเพลิงและเปลวเพลิงเหล่านี้ก็ร้อนแรงกว่าเปลวเพลิงอัสนีที่ปรับแต่งแล้ว ทำให้ภายในระฆังนั้นกลายเป็นโลกแห่งอัคคีเลยก็ว่าได้
แต่แน่นอนว่า….
เปลวเพลิงนี้ไม่เป็นผลกับเจียงอี้!
ไข่มุกวิญญาณเพลิงทำให้เขาไม่รู้สึกถึงอุณหภูมิที่สูงขนาดนี้เลย เปลวเพลิงอาจจะทำลายโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีและทำลายโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาไปทันที แม้แต่เกราะเมฆาอัคคีเองก็ยังไม่สามารถต้านทานมันได้ หากเขาไม่เก็บเกราะเข้าไปในร่างกายของเขา มันอาจจะละลายไปแล้วก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม เปลวเพลิงนี้ไม่สามารถทำร้ายอะไรเขาได้ด้วยซ้ำ
แต่สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดอย่างยิ่งก็คือ…เสียงระฆังที่น่าสะพรึงนี้ ทุกครั้งที่เกิดเสียงสะท้อน ดวงจิตวิญญาณของเขาจะเจ็บปวดรวดร้าว เขาจับหัวแล้วแด้ดิ้นอยู่ที่พื้นขณะที่เขาทรมานมากจนชนกำแพงระฆังตลอดเวลา ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไป ดวงตาของเขาขยายและหดตัวราวกับว่ามันจะถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว
กึง กึง กึง!
ขณะที่เหลยถิงเวยยังคงโจมตีด้วยแก่นแท้พลังเรื่อยๆ ทำให้เสียงระฆังดังอย่างไม่หยุดหย่อนและมันก็เริ่มเร็วขึ้น ทำให้ดวงจิตหลักของเจียงอี้สั่นสะเทือนครั้งแล้วครั้งเล่าจนทำให้เกิดรอยร้าวบนพื้นผิว หากไม่ใช่เพราะพลังงานของไข่มุกวิญญาณเพลิงที่พุ่งเข้ามาในดวงจิตวิญญาณของเขาและช่วยฟื้นฟูจิตวิญญาณของเขา เขาอาจจะตายไปแล้วในตอนนี้
ข้ากำลังจะตาย?
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในส่วนลึกของดวงจิตวิญญาณของเจียงอี้ เขาไม่สามารถทนกับเสียงระฆังนี้ได้ แล้วหากเขาทนได้ล่ะ? เขาจะหนีไปได้หรอ?
ข้างนอกมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนมากกว่าหมื่นคนและคนอีกหลายร้อยคนที่เป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด เขาใช้อัสนีพิโรธมาก่อนหน้านี้และมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะสังหารขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดธรรมดาๆ แต่เขาจะไม่สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดที่ทรงพลังได้ ยิ่งกับคนเยี่ยงเหลยถิงเวยที่ไม่เพียงแต่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่เขายังมีสมบัติเชื่อมดวงจิตด้วย
หนีหรอ?
แม้จะไม่มีระฆังนี้ เจียงอี้ก็ใช้วิชาหลีกสวรรค์หนีไปไม่ได้อยู่ดี เขาจะถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนที่จะเข้าไปในห้วงมิติด้วยซ้ำ และถึงแม้ว่าเขาจะเข้าไปในห้วงมิติได้ แต่ผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลเหลยก็จะปล่อยวิชาทลายมิติออกมา ซึ่งมันจะทำให้เขาถูกส่งกลับมาจากรอยแยกของห้วงมิติได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น วันนี้จึงเป็นเหมือนวันตายของเขาแล้ว
ความตายเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยกลัว!
แต่หากเขาตกตายไป จะเกิดอะไรขึ้นกับเจียงเสี่ยวนู๋, เฟิ่งหลวน, เฉียนว่านก้วน, จ้านอู๋ซวง, เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและคนอื่นๆกัน?
ข้อสรุปของพวกเขานั้นคือการตายไปพร้อมกับเจียงอี้หรือไม่ก็ถูกจับและต้องทนทุกข์ทรมาน ก่อนหน้านี้เขาได้เหลือบมองเหลยฉีเหยียนที่ถูกผู้อาวุโสตระกูลเหลยช่วยไป เขามีดวงตาที่ขุ่นเคืองอย่างขมขื่นซึ่งทำให้เจียงอี้ตัวสั่นแม้ว่ามันจะไม่ได้หนาวก็ตาม หากคนของเขาตกไปอยู่ในมือของเหลยฉีเหยียน ชีวิตของพวกเขาคงจะเลวร้ายยิ่งกว่าความตายเป็นหมื่นเท่า
“ไม่ ไม่ ข้าจะตายไม่ได้!”
เนื่องจากความเจ็บปวดที่ฉีกทึ้งจากดวงจิตวิญญาณของเขา เขาจึงจับหัวและโขกระฆังซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเลือดไหลอาบไปทั้งร่างและเสียงนั้นก็ทำให้หูของเขาเลือดออกด้วย
“ข้าจะทำยังไงดี? ข้าจะทำยังไงดี?”
เจียงอี้ฝืนตัวเองให้ลืมความเจ็บปวดในจิตวิญญาณของเขาและลืมทุกอย่างเพื่อที่จะหาทางเอาตัวรอดให้ได้ ดวงจิตของเขาที่ใกล้จะพังทลายกำลังหมุนเวียนอย่างรวดเร็วและความคิดนับร้อยก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา แต่มันก็ถูกกลบไป ครั้งนี้เขาตกอยู่ในอันตรายที่หนักหนากว่าทั้งชีวิตที่เขาเจอมานับร้อยเท่าหมื่นเท่า
กึง!
ระฆังนี้สั่นสะเทือนอีกครั้งทำให้เสียงดังก้องขึ้นมาอีก และเจียงอี้ก็จับหัวของเขาและเกลือกกลิ้งอยู่ที่พื้น เสียงนี้ไม่ได้ดังอยู่ที่หูของเขา แต่มันเป็นการเขย่าดวงจิตของเขาโดยตรง นี่คือประเภทของการโจมตีดวงจิตวิญญาณ!
“พลังโจมตีดวงจิตวิญญาณ?”
เจียงอี้ที่กำลังเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นมีสายตาที่ว่างเปล่า การโจมตีด้วยเสียง? ไม่ใช่ว่ามันคือทักษะวิชาเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์หรอกหรือ? ไม่ใช่ว่าเขาเข้าถึงทักษะวิชาเสียงสวรรค์ประเภทหนึ่งด้วยหรือ?
แล้วถ้าหากว่า…เขาเข้าถึงเสียงระฆังนี้ได้ มันจะยังสร้างความเสียหายให้เขาอยู่หรือเปล่า?
คำตอบก็คือไม่รู้!
อย่างไรก็ตาม เจียงอี้เองก็หมดปัญญาแล้วอละเขาทำได้เพียงคว้าฟางเส้นสุดท้ายนี้เอาไว้และรีบหาทางเอาตัวรอดให้ได้ก่อน เจียงอี้หลับตาและไม่ได้นั่งขัดสมาธิขณะที่เขาเพียงแค่นอนลงไปและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ เขาไม่สนใจว่าดวงจิตของเขาจะพังทลายลงในขณะที่เขาจะพยายามเข้าถึงเสียงระฆังนี้หรือไม่
หลังจากที่เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์แล้ว เขาก็ผสานตัวเองเข้าสู่สวรรค์และโลกาและยังสามารถผสานกับระฆังยักษ์นี้ได้ เขาสัมผัสได้ถึงความหนานและความเรียบง่ายของระฆังนี้และเขายังค้นพบอาคมมากมายภายในระฆังอีก เขายังสัมผัสได้ถึงการหมุนเวียนอย่างรวดเร็วของอาคมและการหลั่งไหลของแก่นแท้พลังที่กระตุ้นอาคมซึ่งสร้างเปลวเพลิงที่น่าสะพรึงและเสียงระฆังออกมาด้วย
กึง!
เหลยถิงเวยได้ขัดเกลาระฆังนี้และรู้ได้เลยว่าเจียงอี้ยังไม่พินาศไป ดังนั้นเขาจึงปล่อยแก่นแท้พลังออกมาซึ่งทำให้ระฆังหลอมศักดิ์สิทธิ์นี้สะท้อนไปด้วยเสียงกดวิญญาณที่ล้ำลึก
แม้ว่าเจียงอี้จะอยู่ในสภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ แต่เสียงระฆังเหล่านั้นก็ยังทำให้ดวงจิตวิญญาณของเขาสั่นเทาโดยตรงและทำให้ดวงจิตวิญญาณของเจียงอี้ค่อยๆฉีกออกช้าๆ ดังนั้นดวงจิตวิญญาณของเขาจึงปล่อยความเจ็บปวดออกมาอย่างต่อเนื่องซึ่งมันจะกระตุ้นให้เขาตอบสนองโดยสัญชาตญาณ ดังนั้น แม้แต่ช่วงที่เสียงระฆังสะท้อน ร่างของเจียงอี้ก็ยังแด้ดิ้นไปทั่วตามสัญชาตญาณเนื่องจากความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทำให้เขากระแทกกับระฆัง!
“เด็กนี่ยังไม่ตายอีกหรอ? เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสะพรึงถึงเพียงนี้ยังไม่สามารถเผามันให้ตายได้อีกหรือ? หรือมันจะมีร่างกายที่ไม่สามารถทำลายได้?”
เหลยถิงเวยประหลาดใจอยู่เงียบๆที่ด้านนอก ซึ่งเจียงอี้ก็ยังกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ข้างในและกระแทกผนังของระฆังทำให้เกิดคลื่นสะเทือนอยู่ในระฆัง ซึ่งเหลยถิงเวยสัมผัสได้อย่างชัดเจน เขาใช้ระฆังหลอมศักดิ์สิทธิ์นี้เพื่อให้เจียงอี้หนีไปไหนไม่ได้ และเขายังไม่อยากให้เจียงอี้ใช้อัสนีพิโรธเพื่อสังหารสมาชิกตระกูลเหลยด้วย ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังอยากเผาเจียงอี้ทั้งเป็น แต่เขาไม่ได้คาดว่าเจียงอี้จะยังมีชีวิตอยู่หลังจากที่ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว
“หรือเด็กนี่จะมีสิ่งประดิษฐ์กันไฟ?”
ดวงตาของเหลยถิงเวยเปล่งประกายด้วยความเฉียบแหลมขณะที่เขารู้ดีว่าเปลวเพลิงของระฆังหลอมศักดิ์สิทธิ์นั้นน่ากลัวเพียงใด แม้แต่สมบัติที่เชื่อมดวงจิตยังละลายหลังจากที่เวลาผ่านไปนานๆ คำอธิบายเพียงอย่างเดียวคือเจียงอี้มีสมบัติสำคัญที่ทำให้เขาต้านไฟได้
“ฮึ่ม แม้ว่าเจ้าจะมีสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังไงวันนี้เจ้าก็ต้องตาย!”
เหลยถิงเวยพ่นลมออกมาและปล่อยแก่นแท้พลังออกมาพร้อมกันทั้งสองฝ่ามือทำให้ระฆังสะท้อนเสียงออกมาอีก ในคราวนี้ แม้แต่ผู้อาวุโสขอบเขตเทียนจุนทั้งหลายที่อยู่ข้างหลังเขาก็ยังทนไม่ได้และรีบถอยห่างออกไป
ทั่วทั้งยอดเขานทีสวรรค์เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น มีหนานกงหยุนยี่, ลู่หลี่และผู้อาวุโสจากตระกูลต่างๆ รวมทั้งองค์หญิงเชียนเชียนและใต้เท้าเทวาทมิฬด้วย อย่างไรก็ตาม สองคนจากเผ่าปีศาจนั้นกำลังเฝ้ามองดูด้วยสายตาที่เย็นชา เนื่องจากเสียงระฆังนี้ไม่ได้ผลกับพวกเขาอย่างสิ้นเชิง องค์หญิงเชียนเชียนมีสีหน้าที่ไร้อารมณ์ขณะที่นางกำลังเฝ้ามองเหลยถิงเวยและมองระฆังหลอมศักดิ์สิทธิ์อย่างตั้งใจ
กึง กึง กึง กึง กึง กึง กึง….
ขณะที่เหลยถิงเวยสะบัดมือทั้งสองข้าง เขาก็ใช้แก่นแท้พลังโจมตีออกไปเกือบร้อยรอบ และหลังจากที่เสียงกดวิญญาณเปล่งออกมาเกือบร้อยเสียงแล้ว เขาก็สังเหตุเห็นว่าในที่สุดเจียงอี้ก็นิ่งสนิทอยู่ภายในนั้น ไม่มีการเคลื่อนไหวอยู่ในระฆังอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงถอนหายใจยาวๆและสร้างผนึกฝ่ามือพร้อมกับตะโกนว่า “กลับมา!”
จี๊! จี๊!
ขณะที่ระฆังหลอมศักดิ์สิทธิ์ลอยขึ้นมา มันก็หดตัวลงอย่างมากและกลับเขาไปอยู่ในมือของเหลยถิงเวย ดวงตานับหมื่นคู่มองไปที่ใต้ระฆังและเพียงแวบเดียวก็ทำให้ทุกคนมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่ใบหน้าที่มีเสน่ห์ขององค์หญิงเชียนเชียนเองก็ยังเต็มไปด้วยความตกตะลึง
นั่นก็เพราะว่า…
เจียงอี้นอนอยู่บนพื้น แม้ว่าศีรษะของเขาจะเลือดออก แต่เขายังมีชีวิตยู่ ไม่เพียงแต่เขาจะมีชีวิตอยู่แล้ว แต่ยังมีสีหน้าที่เงียบสงบราวกับตัวเองนอนอยู่บนเตียงในลานบ้านและพักผ่อนอย่างสงบสุขและอิ่มเอมใจ!
บรึฟ!
ทันใดนั้น เจียงอี้ที่กำลังนอนอยู่ได้ลืมตาขึ้นมาและมุมปากของเขาก็โค้งขึ้นเล็กน้อยซึ่งเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา เมื่อใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด รอยยิ้มยิ่งดูน่าสยดสยองและหนาวเหน็บยิ่งขึ้นไปอีก เขาบินขึ้นมาขณะที่ดวงตาของเขาแลบไปด้วยสายฟ้า ดาบมังกรเพลิงปรากฏขึ้นที่มือข้างหนึ่งของเขา ขณะที่ดาบอ่อนปรากฏขึ้นอีกมือหนึ่ง เขาคำรามออกมาด้วยความโกรธและดังสะท้อนไปทั่ว “วันนี้ ทุกคนจากสามตระกูลของพวกเจ้ากำลังจะตาย ทุกคนจะต้องพินาศไปพร้อมกับข้า เจียงอี้ผู้นี้!”
….