เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 842 ป้ายทองคุ้มกัน
เงียบสนิท!
เมื่อตอนที่ชื่อของเจียงอี้ก้องกังวานในเผ่าเทพประทาน เขาถูกสี่ตระกูลใหญ่ไล่ล่า แม้ว่าหลายคนจะสงสัยเรื่องสายลับในครั้งนี้ และด้วยหลักฐานทุกอย่างที่มีหลังจากที่สามตระกูลยืนหยัดจะกำจัดเจียงอี้ด้วยทุกอย่างที่พวกเขามี ทุกคนกลับเลือกจะนิ่งเงียบ แม้แต่ปรมาจารย์ซือถูเองก็ยังไม่ให้ตระกูลซือถูเข้ามายุ่งเรื่องนี้
มันไม่จำเป็นต้องบอกว่าเอ๋าหลูมีทักษะการอ่านใจและไม่จำเป็นต้องสงสัยว่าทะเลลึกไร้สิ้นสุดเป็นศัตรูกับทวีปจักรพรรดิบูรพาเลย ย้อนไปในตอนที่เผ่าปีศาจถูกจักรพรรดิลี้ลับและเก้าจักรพรรดิขับไล่พวกเขาออกจากทวีปจักรพรรดิบูรพา มีปีศาจที่ยิ่งใหญ่และอสูรกี่ตนที่ถูกสังหารไป? ทะเลลึกไร้สิ้นสุดที่เป็นที่มั่นของเผ่าพันธุ์ปีศาจจะไม่มีวันเป็นมิตรกับทวีปจักรพรรดิบูรพาเป็นแน่ ที่สำคัญที่สุดเลย คนที่มีสถานะอย่างเอ๋าหลูจะไม่โกหกและไม่มีอะไรมีค่ามากพอที่จะให้เขาโกหก อย่างที่เขาพูดไว้ เขาต้องการจะปกป้องเจียงอี้ แล้วเผ่าเทพประทานจะกล้าทำลายพันธมิตรกับทะเลลึกไร้สิ้นสุดไหม? หากปราศจากพันธมิตรกับทะเลลึกไร้สิ้นสุดแล้ว เผ่าเทพประทานก็จะถูกกำจัดจนสิ้นซาก
ดังนั้น เจียงอี้ไม่ใช่สายลับและเฉียนว่านก้วนก็ไม่ใช่สายลับเช่นกัน!
เมื่อพวกเขาไม่ใช่สายลับ ดังนั้นหลักฐานที่มีคือของปลอมขณะที่ทั้งสามตระกูลมีเหตุผลอื่นที่ต้องจัดการเจียงอี้ ดวงตาหลายคู่กระพริบอยู่เรื่อยๆขณะที่พวกเขาวิเคราะห์อยู่เงียบๆ ทัศนคติที่เดิมทีพวกเขาสนับสนุนสามตระกูล ในบัดนี้มันได้เปลี่ยนเป็นความไม่พอใจแล้ว
หากทั้งสามตระกูลไม่พยายามกำจัดเจียงอี้ เอ๋าหลูคงไม่ปรากฏตัวในวันนี้ และเผ่าเทพประทานจะไม่ถูกเอ๋าหลูกดขี่ พวกเขาจะไม่ต้องทนกับความอัปยศอดสูด้วย มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ถูกเผ่าพันธุ์ปีศาจกดขี่
เอ๋าหลูรอครู่หนึ่งและเมื่อเขาเห็นว่าเหลยป้านเซียน, เหลยกูและคนอื่นๆไม่มีอะไรจะพูด เขาก็เย้ยหยันว่า “พวกเจ้าทั้งสามตระกูลมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
สีหน้าของเหลยกูมืดมนเป็นอย่างยิ่งขณะที่เขาไม่กล้าพูด ไม่ต้องนึกถึงตระกูลหนานกงและตระกูลลู่เลย เหลยป้านเซียนถอนหายใจเบาๆและป้องมือของเขาขณะที่ตอบว่า “ท่านใต้เท้าเอ๋าหลู เหมือนว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างแท้จริง เมื่อเจียงอี้ไม่ใช่สายลับ ทั้งสามตระกูลของเราจึงไม่คิดจะจัดการกับเจียงอี้อีกต่อไป เจียงอี้จะสำรวจเผ่าเทพประทานต่อไปตามที่เขาต้องการก็ได้และข้าขอรับประกันว่าจะไม่มีผู้ใดกล้าทำร้ายเขาอีก”
เหลยป้านเซียนยอมถอย เอ๋าหลูนั้นไม่ยอมใครง่ายๆ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมถอย ไม่เช่นนั้นหากพวกเขาทะเลาะกันและเอ๋าหลูหยุดการเป็นพันธมิตรกับเผ่าเทพประทานแล้ว เผ่านี้จะต้องถูกทวีปจักรพรรดิบูรพากำจัดไปในเวลาไม่ถึงสิบปีแน่ๆ
ซือถูอ้าวถอนหายใจเล็กน้อยขณะที่เจียงอี้ก็ผ่อนคลายลงได้ในที่สุด ด้วยคำพูดของเหลยป้านเซียน เผ่าเทพประทานจะเป็นที่ที่ปลอดภัยอย่างยิ่งสำหรับเขา เจียงอี้และคนอื่นๆไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดจะพยายามวางแผนต่อต้านพวกเขาอีกต่อไปไม่ว่าจะในที่เปิดเผยหรือในความมืด
อันที่จริงแล้ว เจียงอี้เองก็ไม่ได้ต้องการออกจากเมืองเทพประทาน เพราะหากเขาออกจากที่นี่ไป เขาจะต้องถูกตระกูลเสีย, ตระกูลเจี้ยน, ตระกูลหวู่และตระกูลถูไล่ล่าในขณะที่ตระกูลเหลย, ตระกูลหนานกงและตระกูลลู่เองก็จะทำเช่นนั้นด้วย มันไม่สำคัญหากเขาตัวคนเดียว แต่เขามีผู้ที่ติดตามมามากมาย หากคนอื่นต้องตกตายไปเพราะเขาอีก เขาคงต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิต เมื่อนึกถึงคนที่ตกตายไป เจียงอี้ก็จมอยู่กับมังกรวารีสีทองและสัตว์อสูรหยาจื้อที่ถูกเหลยถิงเวยสังหารไป ขณะที่หยางตงและหนิวเติงถูกบังคับให้ต้องตาย
เอ๋าหลูไม่ได้มองไปที่เจียงอี้ แต่เขาสัมผัสได้ถึงร่างกายของเจียงอี้ที่เปล่งกลิ่นอายสังหารออกมา จากนั้นเขาก็พูดอย่างเย็นชา “เพียงแค่เข้าใจผิดก็เพียงพอแล้ว?”
“หืม?”
เหลยถิงเวยและผู้อาวุโสตระกูลเหลยก้มหัวของพวกเขาและไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ใจของพวกเขานั้นโกรธมาก ไม่ใช่ว่าเจียงอี้ยังมีชีวิตอยู่หรอ? แม้ว่าสัตว์อสูรสองตนจะตกตายไป แต่พวกมันเป็นเพียงทาสวิญญาณของเจียงอี้ ในทางกลับกัน สมาชิกตระกูลเหลยต้องตกตายไปกี่คน? สมาชิกทั้งสามตระกูลต้องตายไปกี่คนกัน? เหลยป้านเซียนได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนไว้แล้วว่าเขาจะไม่คิดเรื่องนี้และจะไม่จัดการกับเจียงอี้แล้วด้วย แล้วเขายังต้องการอะไรอีก? สีหน้าของเหลยป้านเซียนและเหลยกูจมดิ่งลงไป เนื่องจากเอ๋าหลูมาพูดเองและไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อย แถมยังใช้การเป็นพันธมิตรมาข่มขู่พวกเขาอีก หากเป็นเจ้าอสูรอื่นๆ พวกเขาทั้งสองคงจะจัดการเจียงอี้เพื่อสมาชิกและผู้อาวุโสของตระกูลเหลยที่ได้ตกตายไปเป็นแน่
หากพวกเขาไม่ต้องการทำสงครามกับเอ๋าหลู พวกเขาก็ต้องประนีประนอม เหลยป้านเซียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะป้องกำปั้นและถามว่า “ท่านใต้เท้าต้องการสิ่งใด?”
“ฮึฮึ!”
เอ๋าหลูหัวเราะเบาๆและมองไปที่เจียงอี้ “ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งใดเลย ตราบใดที่เจ้าหนูนี่พอใจ ข้าผู้นี้ก็จะทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้ ไม่เช่นนั้น….หึหึ!”
“เอ่อ?”
ทุกคนเปลี่ยนทีท่า นี่เอ๋าหลูให้หน้าเจียงอี้ถึงเพียงนี้เลยรึ? แม้ว่าเจียงอี้จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เอ๋าหลูได้ออกมาจากราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ แต่นี่มันมากเกินไปไหม? เขาออกมาช่วยเจียงอี้และให้หน้าเจียงอี้มากมายแล้ว และตอนนี้ เขายังทำทีท่าเหมือนว่าหากเจียงอี้ไม่พอใจ เขาก็ยังจะทำสงครามอยู่ดีอีก?
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
สายตานับไม่ถ้วนมองไปที่เจียงอี้ขณะที่เหลยถิงเวยและคนอื่นๆมีสีหน้าที่ย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง หากเจียงอี้ต้องการกำจัดทั้งสามตระกูลในวันนี้ เอ๋าหลูจะลงมือหรือไม่?
เหลยป้านเซียนฝืนยิ้มและมองไปที่เจียงอี้ “เจียงอี้ พูดมาเลย จะต้องทำอะไรเจ้าถึงจะพอใจ? ตราบใดที่มันไม่มากเกินไป ข้าก็จะยอมรับมัน”
เจียงอี้เงียบและจ้องไปที่เอ๋าหลูในขณะที่ใจของเขาเต็มไปด้วยความกตัญญูและสับสน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเอ๋าหลูถึงทำแบบนี้?
หากเอ๋าหลูต้องการตอบแทนความกตัญญูในตอนนั้น เขาก็ได้โกงและมอบหญ้ามังกรยาจก, วิชาหลีกสวรรค์และเกราะเมฆาอัคคีให้เจียงอี้มาแล้ว ซึ่งมันก็เพียงพอที่จะตอบแทนบุญคุณทั้งหมดแล้ว และในวันนี้ เอ๋าหลูก็ได้ช่วยชีวิตเขาอีกครั้งและมันไม่มีความจำเป็นต้องทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าเทพประทานกับทะเลลึกไร้สิ้นสุดต้องวุ่นวายเพราะเขาเลย
เนื่องจากเขาไม่เข้าใจเรื่องนี้ เขาจึงหยุดคิดมันไป เขาคงจะงี่เง่ามากหากไม่ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เช่นนี้ ดังนั้นเจียงอี้จึงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกว่า “ประการแรก ข้าต้องการยกเลิกงานหมั้นของหนานกงฉี่หลิงและเหลยฉีเหยียน”
เหลยป้านเซียนเลิกคิ้วขณะที่มองเหลยถิงเวยด้วยความสับสน เหลยถิงเวยจึงส่งข้อความเพื่ออธิบายอย่างรวดเร็วขณะที่เหลยป้านเซียนเองก็เหลือบมองปรมาจารย์ตระกูลหนานกงก่อนที่เขาจะพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ เราตกลงกับเรื่องนี้”
เจียงอี้หยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า“ประการที่สอง เหลยฉีเหยียนจะต้องถูกขับออกจากตระกูลเหลย”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
เหลยฉีเหยียนที่อยู่แต่ไกลหน้าซีดราวกับหิมะ เหลยฉีเหยียนอยากจะอ้าปากสาปแช่งออกมา แต่ผู้อาวุโสตระกูลเหลยที่อยู่ข้างๆรีบยกมือมาปิดปากเขาไว้
เหลยป้านเซียนไม่ลังเลและพยักหน้าทันที “ได้ ตั้งแต่นี้ไป เหลยฉีเหยียนจะไม่ใช่ทายาทตระกูลเหลยอีก เขาจะไม่มีวันได้ก้าวเท้าเข้ามายังเกาะเทพประทานอีกตลอดชั่วชีวิตของเขา”
ร่างของเหลยฉีเหยียนสั่นเทาขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง คำพูดของเหลยป้านเซียนเป็นเหมือนคำสั่งของจักรพรรดิ ในตอนนี้ที่เขาพูดอย่างเปิดเผยมันก็ไม่มีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้ อย่างน้อยเขาก็ไม่สามารถเข้าสู่เกาะเทพประทานได้อีกในชั่วชีวิตนี้ จากนั้นหนึ่งในผู้อาวุโสตระกูลเหลยก็อุ้มเหลยฉีเหยียนลงจากยอดเขานทีสวรรค์ไปทันที
เหลยป้านเซียนไม่รู้เรื่องความบาดหมางระหว่างเหลยฉีเหยียนและเจียงอี้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้นั้นมาจากเหลยฉีเหยียนแน่นอน ก่อนหน้านี้ ข้อความที่เหลยถิงเวยส่งถึงเหลยป้านเซียน เขาได้กล่าวถึงเรื่องราวระหว่างเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและเหลยฉีเหยียน ในใจของเหลยป้านเซียนนั้น การมีลูกหลานเช่นนี้รั้งแต่จะสร้างปัญหาให้ตระกูลเหลยเท่านั้น แล้วเขาจะต้องการคนแบบนี้ไปทำไม?
เจียงอี้พยักหน้าด้วยความพอใจและกวาดตาไปที่เหลยถิงเวย, หนานกงหยุนยี่และลู่หลี่ก่อนจะพูดอีกครั้งว่า “ประการที่สาม เหลยถิงเวย, หนานกงหยุนยี่, ลู่หลี่…”
เมื่อเจียงอี้เอ่ยชื่อทั้งสามคน สีหน้าของทั้งสามก็เปลี่ยนไปทันที คนอื่นๆนับไม่ถ้วนเองก็เช่นกัน ซือถูอ้าวจึงรีบส่งข้อความเสียงมาทันที “เจียงอี้ เจ้าต้องรู้ว่าควรหยุดเมื่อไหร่ เจ้าเล่นมาพอแล้ว!” เจียงอี้ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “โดยส่วนตัวแล้ว ข้าคิดว่าพวกเขาไม่เหมาะกับตำแหน่งประมุข แต่แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องของตระกูลพวกท่าน ผู้อาวุโสโปรดตัดสินใจกันด้วยตัวเองเถิด”
เหลยป้านเซียนและคนอื่นๆถอนหายใจ หากเจียงอี้ขอให้ทั้งสามต้องถูกเนรเทศออกไป พวกเขาก็คงไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นไร เหลยป้านเซียนพยักหน้าและกล่าวว่า “เราจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เจียงอี้ เจ้ามีคำขออื่นอีกไหม?”
“ข้ามี”
เจียงอี้ตอบอย่างหนักแน่นขณะที่ผู้คนนับไม่ถ้วนพากันกลอกตา เจียงอี้ไม่มีเงื่อนไขมากไปหรือ? สถานการณ์ไม่ปรานีผู้ใดนั้นคืออะไร? ในที่สุดวันนี้ทุกคนก็ได้เห็นความหมายที่แท้จริงแล้ว
เจียงอี้มองไปที่ปรมาจารย์ตระกูลซือถูและพูดอย่างจริงจังว่า “ผู้อาวุโสซือถู ข้าอยากขอให้ท่านถอนการตัดสินใจก่อนหน้านี้ความสามารถของท่านลุงซือถูอ้าวนั้นมากสามารถอย่างที่ทุกคนเห็น หากตำแหน่งประมุขของเขาต้องถูกปลดเพราะเจียงอี้ ใจของข้าคงไม่มีวันสงบ”
“เอ่อ…”
ใบหน้าชราของปรมาจารย์ซือถูแดงขณะที่เขาพยักหน้าและพูดว่า “ข้าจะทำตามคำขอของเจ้า”
คราวนี้ เจียงอี้รู้ตัวว่าถึงเวลาต้องหยุดแล้ว เขาป้องกำปั้นให้ผู้อาวุโสทุกคนและมองไปยังเอ๋าหลูพร้อมกับพูดว่า “ท่านใต้เท้า ข้าพอใจเป็นอย่างยิ่ง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เอ๋าหลูหัวเราะเสียงดังขณะที่ฝ่ามือของเขาส่องประกายสีทองม่วง รถม้าศึกสีทองม่วงขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นมาขณะที่เขาหายตัวไปจากจุดที่เขายืนอยู่ รถม้าศึกนั้นบินไปทางทะเลลึกไร้สิ้นสุดขณะที่เจ้าอสูรที่มาด้วยก็ตามกลับไปเช่นกัน เอ๋าหลูมาและจากไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เอ๋าหลูได้ส่งข้อความไปทั่วฟ้าอย่างรวดเร็ว “ก็ดี ตราบใดที่เจ้าพอใจก็อยู่ในเผ่าเทพประทานอย่างสบายใจได้เลย หากผู้ใดกล้าแตะต้องเจ้า ข้าผู้นี้จะดับตระกูลของพวกมันให้สิ้นซาก!เชียนเชียน หลังจากเรื่องของเจ้าหนูนี่เรียบร้อยแล้วก็พาเขาไปเล่นที่ตำหนักซวนหวู่[1] ด้วย”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
สายตานับไม่ถ้วนมองกลับมาที่เจียงอี้ด้วยความกลัวและริษยา ด้วยคำพูดของเอ๋าหลู มันเหมือนกับว่าเจียงอี้ได้ป้ายทองคุ้มกันและเขาจะเดินทางทั่วเผ่าเทพประทานและรังแกผู้ใดก็ได้ตามที่เขาพอใจโดยที่ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องเขา
[1] ซวนหวู่เป็นเทพเจ้าที่เหล่าจอมยุทธต่างนับถือ
เมื่อตอนที่ชื่อของเจียงอี้ก้องกังวานในเผ่าเทพประทาน เขาถูกสี่ตระกูลใหญ่ไล่ล่า แม้ว่าหลายคนจะสงสัยเรื่องสายลับในครั้งนี้ และด้วยหลักฐานทุกอย่างที่มีหลังจากที่สามตระกูลยืนหยัดจะกำจัดเจียงอี้ด้วยทุกอย่างที่พวกเขามี ทุกคนกลับเลือกจะนิ่งเงียบ แม้แต่ปรมาจารย์ซือถูเองก็ยังไม่ให้ตระกูลซือถูเข้ามายุ่งเรื่องนี้
มันไม่จำเป็นต้องบอกว่าเอ๋าหลูมีทักษะการอ่านใจและไม่จำเป็นต้องสงสัยว่าทะเลลึกไร้สิ้นสุดเป็นศัตรูกับทวีปจักรพรรดิบูรพาเลย ย้อนไปในตอนที่เผ่าปีศาจถูกจักรพรรดิลี้ลับและเก้าจักรพรรดิขับไล่พวกเขาออกจากทวีปจักรพรรดิบูรพา มีปีศาจที่ยิ่งใหญ่และอสูรกี่ตนที่ถูกสังหารไป? ทะเลลึกไร้สิ้นสุดที่เป็นที่มั่นของเผ่าพันธุ์ปีศาจจะไม่มีวันเป็นมิตรกับทวีปจักรพรรดิบูรพาเป็นแน่ ที่สำคัญที่สุดเลย คนที่มีสถานะอย่างเอ๋าหลูจะไม่โกหกและไม่มีอะไรมีค่ามากพอที่จะให้เขาโกหก อย่างที่เขาพูดไว้ เขาต้องการจะปกป้องเจียงอี้ แล้วเผ่าเทพประทานจะกล้าทำลายพันธมิตรกับทะเลลึกไร้สิ้นสุดไหม? หากปราศจากพันธมิตรกับทะเลลึกไร้สิ้นสุดแล้ว เผ่าเทพประทานก็จะถูกกำจัดจนสิ้นซาก
ดังนั้น เจียงอี้ไม่ใช่สายลับและเฉียนว่านก้วนก็ไม่ใช่สายลับเช่นกัน!
เมื่อพวกเขาไม่ใช่สายลับ ดังนั้นหลักฐานที่มีคือของปลอมขณะที่ทั้งสามตระกูลมีเหตุผลอื่นที่ต้องจัดการเจียงอี้ ดวงตาหลายคู่กระพริบอยู่เรื่อยๆขณะที่พวกเขาวิเคราะห์อยู่เงียบๆ ทัศนคติที่เดิมทีพวกเขาสนับสนุนสามตระกูล ในบัดนี้มันได้เปลี่ยนเป็นความไม่พอใจแล้ว
หากทั้งสามตระกูลไม่พยายามกำจัดเจียงอี้ เอ๋าหลูคงไม่ปรากฏตัวในวันนี้ และเผ่าเทพประทานจะไม่ถูกเอ๋าหลูกดขี่ พวกเขาจะไม่ต้องทนกับความอัปยศอดสูด้วย มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ถูกเผ่าพันธุ์ปีศาจกดขี่
เอ๋าหลูรอครู่หนึ่งและเมื่อเขาเห็นว่าเหลยป้านเซียน, เหลยกูและคนอื่นๆไม่มีอะไรจะพูด เขาก็เย้ยหยันว่า “พวกเจ้าทั้งสามตระกูลมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
สีหน้าของเหลยกูมืดมนเป็นอย่างยิ่งขณะที่เขาไม่กล้าพูด ไม่ต้องนึกถึงตระกูลหนานกงและตระกูลลู่เลย เหลยป้านเซียนถอนหายใจเบาๆและป้องมือของเขาขณะที่ตอบว่า “ท่านใต้เท้าเอ๋าหลู เหมือนว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างแท้จริง เมื่อเจียงอี้ไม่ใช่สายลับ ทั้งสามตระกูลของเราจึงไม่คิดจะจัดการกับเจียงอี้อีกต่อไป เจียงอี้จะสำรวจเผ่าเทพประทานต่อไปตามที่เขาต้องการก็ได้และข้าขอรับประกันว่าจะไม่มีผู้ใดกล้าทำร้ายเขาอีก”
เหลยป้านเซียนยอมถอย เอ๋าหลูนั้นไม่ยอมใครง่ายๆ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมถอย ไม่เช่นนั้นหากพวกเขาทะเลาะกันและเอ๋าหลูหยุดการเป็นพันธมิตรกับเผ่าเทพประทานแล้ว เผ่านี้จะต้องถูกทวีปจักรพรรดิบูรพากำจัดไปในเวลาไม่ถึงสิบปีแน่ๆ
ซือถูอ้าวถอนหายใจเล็กน้อยขณะที่เจียงอี้ก็ผ่อนคลายลงได้ในที่สุด ด้วยคำพูดของเหลยป้านเซียน เผ่าเทพประทานจะเป็นที่ที่ปลอดภัยอย่างยิ่งสำหรับเขา เจียงอี้และคนอื่นๆไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดจะพยายามวางแผนต่อต้านพวกเขาอีกต่อไปไม่ว่าจะในที่เปิดเผยหรือในความมืด
อันที่จริงแล้ว เจียงอี้เองก็ไม่ได้ต้องการออกจากเมืองเทพประทาน เพราะหากเขาออกจากที่นี่ไป เขาจะต้องถูกตระกูลเสีย, ตระกูลเจี้ยน, ตระกูลหวู่และตระกูลถูไล่ล่าในขณะที่ตระกูลเหลย, ตระกูลหนานกงและตระกูลลู่เองก็จะทำเช่นนั้นด้วย มันไม่สำคัญหากเขาตัวคนเดียว แต่เขามีผู้ที่ติดตามมามากมาย หากคนอื่นต้องตกตายไปเพราะเขาอีก เขาคงต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิต เมื่อนึกถึงคนที่ตกตายไป เจียงอี้ก็จมอยู่กับมังกรวารีสีทองและสัตว์อสูรหยาจื้อที่ถูกเหลยถิงเวยสังหารไป ขณะที่หยางตงและหนิวเติงถูกบังคับให้ต้องตาย
เอ๋าหลูไม่ได้มองไปที่เจียงอี้ แต่เขาสัมผัสได้ถึงร่างกายของเจียงอี้ที่เปล่งกลิ่นอายสังหารออกมา จากนั้นเขาก็พูดอย่างเย็นชา “เพียงแค่เข้าใจผิดก็เพียงพอแล้ว?”
“หืม?”
เหลยถิงเวยและผู้อาวุโสตระกูลเหลยก้มหัวของพวกเขาและไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ใจของพวกเขานั้นโกรธมาก ไม่ใช่ว่าเจียงอี้ยังมีชีวิตอยู่หรอ? แม้ว่าสัตว์อสูรสองตนจะตกตายไป แต่พวกมันเป็นเพียงทาสวิญญาณของเจียงอี้ ในทางกลับกัน สมาชิกตระกูลเหลยต้องตกตายไปกี่คน? สมาชิกทั้งสามตระกูลต้องตายไปกี่คนกัน? เหลยป้านเซียนได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนไว้แล้วว่าเขาจะไม่คิดเรื่องนี้และจะไม่จัดการกับเจียงอี้แล้วด้วย แล้วเขายังต้องการอะไรอีก? สีหน้าของเหลยป้านเซียนและเหลยกูจมดิ่งลงไป เนื่องจากเอ๋าหลูมาพูดเองและไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อย แถมยังใช้การเป็นพันธมิตรมาข่มขู่พวกเขาอีก หากเป็นเจ้าอสูรอื่นๆ พวกเขาทั้งสองคงจะจัดการเจียงอี้เพื่อสมาชิกและผู้อาวุโสของตระกูลเหลยที่ได้ตกตายไปเป็นแน่
หากพวกเขาไม่ต้องการทำสงครามกับเอ๋าหลู พวกเขาก็ต้องประนีประนอม เหลยป้านเซียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะป้องกำปั้นและถามว่า “ท่านใต้เท้าต้องการสิ่งใด?”
“ฮึฮึ!”
เอ๋าหลูหัวเราะเบาๆและมองไปที่เจียงอี้ “ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งใดเลย ตราบใดที่เจ้าหนูนี่พอใจ ข้าผู้นี้ก็จะทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้ ไม่เช่นนั้น….หึหึ!”
“เอ่อ?”
ทุกคนเปลี่ยนทีท่า นี่เอ๋าหลูให้หน้าเจียงอี้ถึงเพียงนี้เลยรึ? แม้ว่าเจียงอี้จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เอ๋าหลูได้ออกมาจากราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ แต่นี่มันมากเกินไปไหม? เขาออกมาช่วยเจียงอี้และให้หน้าเจียงอี้มากมายแล้ว และตอนนี้ เขายังทำทีท่าเหมือนว่าหากเจียงอี้ไม่พอใจ เขาก็ยังจะทำสงครามอยู่ดีอีก?
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
สายตานับไม่ถ้วนมองไปที่เจียงอี้ขณะที่เหลยถิงเวยและคนอื่นๆมีสีหน้าที่ย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง หากเจียงอี้ต้องการกำจัดทั้งสามตระกูลในวันนี้ เอ๋าหลูจะลงมือหรือไม่?
เหลยป้านเซียนฝืนยิ้มและมองไปที่เจียงอี้ “เจียงอี้ พูดมาเลย จะต้องทำอะไรเจ้าถึงจะพอใจ? ตราบใดที่มันไม่มากเกินไป ข้าก็จะยอมรับมัน”
เจียงอี้เงียบและจ้องไปที่เอ๋าหลูในขณะที่ใจของเขาเต็มไปด้วยความกตัญญูและสับสน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเอ๋าหลูถึงทำแบบนี้?
หากเอ๋าหลูต้องการตอบแทนความกตัญญูในตอนนั้น เขาก็ได้โกงและมอบหญ้ามังกรยาจก, วิชาหลีกสวรรค์และเกราะเมฆาอัคคีให้เจียงอี้มาแล้ว ซึ่งมันก็เพียงพอที่จะตอบแทนบุญคุณทั้งหมดแล้ว และในวันนี้ เอ๋าหลูก็ได้ช่วยชีวิตเขาอีกครั้งและมันไม่มีความจำเป็นต้องทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าเทพประทานกับทะเลลึกไร้สิ้นสุดต้องวุ่นวายเพราะเขาเลย
เนื่องจากเขาไม่เข้าใจเรื่องนี้ เขาจึงหยุดคิดมันไป เขาคงจะงี่เง่ามากหากไม่ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เช่นนี้ ดังนั้นเจียงอี้จึงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกว่า “ประการแรก ข้าต้องการยกเลิกงานหมั้นของหนานกงฉี่หลิงและเหลยฉีเหยียน”
เหลยป้านเซียนเลิกคิ้วขณะที่มองเหลยถิงเวยด้วยความสับสน เหลยถิงเวยจึงส่งข้อความเพื่ออธิบายอย่างรวดเร็วขณะที่เหลยป้านเซียนเองก็เหลือบมองปรมาจารย์ตระกูลหนานกงก่อนที่เขาจะพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ เราตกลงกับเรื่องนี้”
เจียงอี้หยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า“ประการที่สอง เหลยฉีเหยียนจะต้องถูกขับออกจากตระกูลเหลย”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
เหลยฉีเหยียนที่อยู่แต่ไกลหน้าซีดราวกับหิมะ เหลยฉีเหยียนอยากจะอ้าปากสาปแช่งออกมา แต่ผู้อาวุโสตระกูลเหลยที่อยู่ข้างๆรีบยกมือมาปิดปากเขาไว้
เหลยป้านเซียนไม่ลังเลและพยักหน้าทันที “ได้ ตั้งแต่นี้ไป เหลยฉีเหยียนจะไม่ใช่ทายาทตระกูลเหลยอีก เขาจะไม่มีวันได้ก้าวเท้าเข้ามายังเกาะเทพประทานอีกตลอดชั่วชีวิตของเขา”
ร่างของเหลยฉีเหยียนสั่นเทาขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง คำพูดของเหลยป้านเซียนเป็นเหมือนคำสั่งของจักรพรรดิ ในตอนนี้ที่เขาพูดอย่างเปิดเผยมันก็ไม่มีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้ อย่างน้อยเขาก็ไม่สามารถเข้าสู่เกาะเทพประทานได้อีกในชั่วชีวิตนี้ จากนั้นหนึ่งในผู้อาวุโสตระกูลเหลยก็อุ้มเหลยฉีเหยียนลงจากยอดเขานทีสวรรค์ไปทันที
เหลยป้านเซียนไม่รู้เรื่องความบาดหมางระหว่างเหลยฉีเหยียนและเจียงอี้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้นั้นมาจากเหลยฉีเหยียนแน่นอน ก่อนหน้านี้ ข้อความที่เหลยถิงเวยส่งถึงเหลยป้านเซียน เขาได้กล่าวถึงเรื่องราวระหว่างเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและเหลยฉีเหยียน ในใจของเหลยป้านเซียนนั้น การมีลูกหลานเช่นนี้รั้งแต่จะสร้างปัญหาให้ตระกูลเหลยเท่านั้น แล้วเขาจะต้องการคนแบบนี้ไปทำไม?
เจียงอี้พยักหน้าด้วยความพอใจและกวาดตาไปที่เหลยถิงเวย, หนานกงหยุนยี่และลู่หลี่ก่อนจะพูดอีกครั้งว่า “ประการที่สาม เหลยถิงเวย, หนานกงหยุนยี่, ลู่หลี่…”
เมื่อเจียงอี้เอ่ยชื่อทั้งสามคน สีหน้าของทั้งสามก็เปลี่ยนไปทันที คนอื่นๆนับไม่ถ้วนเองก็เช่นกัน ซือถูอ้าวจึงรีบส่งข้อความเสียงมาทันที “เจียงอี้ เจ้าต้องรู้ว่าควรหยุดเมื่อไหร่ เจ้าเล่นมาพอแล้ว!” เจียงอี้ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “โดยส่วนตัวแล้ว ข้าคิดว่าพวกเขาไม่เหมาะกับตำแหน่งประมุข แต่แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องของตระกูลพวกท่าน ผู้อาวุโสโปรดตัดสินใจกันด้วยตัวเองเถิด”
เหลยป้านเซียนและคนอื่นๆถอนหายใจ หากเจียงอี้ขอให้ทั้งสามต้องถูกเนรเทศออกไป พวกเขาก็คงไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นไร เหลยป้านเซียนพยักหน้าและกล่าวว่า “เราจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เจียงอี้ เจ้ามีคำขออื่นอีกไหม?”
“ข้ามี”
เจียงอี้ตอบอย่างหนักแน่นขณะที่ผู้คนนับไม่ถ้วนพากันกลอกตา เจียงอี้ไม่มีเงื่อนไขมากไปหรือ? สถานการณ์ไม่ปรานีผู้ใดนั้นคืออะไร? ในที่สุดวันนี้ทุกคนก็ได้เห็นความหมายที่แท้จริงแล้ว
เจียงอี้มองไปที่ปรมาจารย์ตระกูลซือถูและพูดอย่างจริงจังว่า “ผู้อาวุโสซือถู ข้าอยากขอให้ท่านถอนการตัดสินใจก่อนหน้านี้ความสามารถของท่านลุงซือถูอ้าวนั้นมากสามารถอย่างที่ทุกคนเห็น หากตำแหน่งประมุขของเขาต้องถูกปลดเพราะเจียงอี้ ใจของข้าคงไม่มีวันสงบ”
“เอ่อ…”
ใบหน้าชราของปรมาจารย์ซือถูแดงขณะที่เขาพยักหน้าและพูดว่า “ข้าจะทำตามคำขอของเจ้า”
คราวนี้ เจียงอี้รู้ตัวว่าถึงเวลาต้องหยุดแล้ว เขาป้องกำปั้นให้ผู้อาวุโสทุกคนและมองไปยังเอ๋าหลูพร้อมกับพูดว่า “ท่านใต้เท้า ข้าพอใจเป็นอย่างยิ่ง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เอ๋าหลูหัวเราะเสียงดังขณะที่ฝ่ามือของเขาส่องประกายสีทองม่วง รถม้าศึกสีทองม่วงขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นมาขณะที่เขาหายตัวไปจากจุดที่เขายืนอยู่ รถม้าศึกนั้นบินไปทางทะเลลึกไร้สิ้นสุดขณะที่เจ้าอสูรที่มาด้วยก็ตามกลับไปเช่นกัน เอ๋าหลูมาและจากไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เอ๋าหลูได้ส่งข้อความไปทั่วฟ้าอย่างรวดเร็ว “ก็ดี ตราบใดที่เจ้าพอใจก็อยู่ในเผ่าเทพประทานอย่างสบายใจได้เลย หากผู้ใดกล้าแตะต้องเจ้า ข้าผู้นี้จะดับตระกูลของพวกมันให้สิ้นซาก!เชียนเชียน หลังจากเรื่องของเจ้าหนูนี่เรียบร้อยแล้วก็พาเขาไปเล่นที่ตำหนักซวนหวู่[1] ด้วย”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
สายตานับไม่ถ้วนมองกลับมาที่เจียงอี้ด้วยความกลัวและริษยา ด้วยคำพูดของเอ๋าหลู มันเหมือนกับว่าเจียงอี้ได้ป้ายทองคุ้มกันและเขาจะเดินทางทั่วเผ่าเทพประทานและรังแกผู้ใดก็ได้ตามที่เขาพอใจโดยที่ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องเขา
[1] ซวนหวู่เป็นเทพเจ้าที่เหล่าจอมยุทธต่างนับถือ