เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 851 ที่อยู่ของจักรพรรดินีสัตว์อสูร
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 851 ที่อยู่ของจักรพรรดินีสัตว์อสูร
จิ้งจอกน้อยไม่ได้สร้างหางที่หกออกมา แต่หางที่ห้าของมันก็เติบโตอย่างสมบูรณ์ซึ่งมันทำให้ทั่วป๋าฉินและคนอื่นๆประหลาดใจ จิ้งจอกน้อยระดับสามได้กลายเป็นจิ้งจอกวิญญาณห้าหางได้ทันทีในเวลาเพียงสองชั่วโมง นั่นหมายความว่ามันมาถึงขอบเขตเทียนจุนแล้ว หากไม่ใช่จิ้งจอกศักดิ์สิทธิ์ มันจะมีเติบโตมาถึงระดับนี้ได้อย่างไร? และหากมันไม่ใช่จิ้งจอกศักดิ์สิทธิ์ มันจะดูดซับเมล็ดวิญญาณบรรพบุรุษศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?
จักรพรรดินี? การวิวัฒนาการของมันสมบูรณ์แล้วหรือเปล่า? เสี่ยวเฟยออกมาได้หรือยัง?
เมื่อเจียงอี้เห็นแสงสีขาวหายไปจากร่างของจิ้งจอกน้อย เขาก็รีบถามอย่าประหม่า แต่ทั่วป๋าฉินก็ส่ายหัวและพูดว่า รอสักครู่ เจ้าตัวน้อยนี่น่าจะกำลังเปลี่ยนร่าง!
เปลี่ยนร่าง? เจียงอี้เหลือบมองจิ้งจอกน้อยและถอนหายใจ เด็กน้อยนี้มีอายุได้เพียงสองหรือสามปีเมื่ออยู่ทวีปเทียนชิง มันผ่านมาห้าปีแล้วและมันน่าจะอายุเพียงเจ็ดหรือแปดปีเท่านั้นใช่ไหม? มันกำลังจะเปลี่ยนร่างและกลายเป็นขอบเขตเทียนจุนตั้งแต่อายุยังน้อยเพียงนี้อย่างนั้นหรือ? เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ!
อย่างที่คาดไว้!
สิบห้านาทีต่อมา ร่างของจิ้งจอกน้อยก็เปล่งประกายอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นแสงสีรุ้งแทนแสงสีขาว แสงนั้นพราวมากและทำให้ทุกคนหรี่ตาลง จิ้งจอกน้อยค่อยๆแปลงกายและในที่สุดก็กลายเป็นสาวน้อย ร่างของนางดูเด็กมากเหมือนกับเด็กหญิงตัวเล็กๆประมาณสามหรือสี่ขวบ ดวงตาของนางปิดลงและเหมือนว่านางจะหลับลึกไปอีกครั้ง
เอาล่ะ! ปิดผนึกค่ายกล!
ทั่วป๋าฉินสัมผัสได้ชั่วขณะและโจมตีพลังอสูรของนางออกไปในทันที ผู้อาวุโสเองก็ปล่อยพลังออกมาพร้อมกัน ยังมีภาพจิ้งจอกสวรรค์มากมายในอากาศซึ่งทั้งหมดนั้นพุ่งเข้าไปยังอาณาเขตค่ายกลและสร้างลวดลายบนค่ายกลนั้น จากนั้นค่ายกลก็ค่อยๆจางไปและสภาพแวดล้อมก็กลับคืนสู่ปกติ
ฟรึ่บ!
ทั่วป๋าฉินรีบเข้าไปในอาณาเขตค่ายกลและคว้าเสี่ยวเฟยที่กำลังตกลงมาไว้ จากนั้นนางก็หยิบเสื้อคลุมออกมาจากแหวนและห่อเสี่ยวเฟยไว้ก่อนจะเดินออกมา นางมองเสี่ยวเฟยด้วยสายตาที่เร่าร้อนและยกย่อง จิ้งจอกน้อยตนนี้อาจเป็นจิ้งจอกศักดิ์สิทธิ์ ข้าสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่พิเศษจากสายเลือดของนาง!
เจียงเสี่ยวนู๋เอื้อมมือไปอุ้มเสี่ยวเฟยมาในอ้อมแขนนางขณะที่เจียงอี้ถามอย่างสงสัย จักรพรรดินี จิ้งจอกศักดิ์สิทธิ์คืออะไรกัน?
เชียนเชียนเองก็มองอย่างสงสัยขณะที่เทวาทมิฬไม่ได้สนใจเลย ทั่วป๋าฉินจึงอธิบายว่า นั่นเป็นเชื้อสายที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์เรา เมื่อห้าแสนกว่าปีก่อน เผ่าพันธุ์ของเรามีจิ้งจอกสวรรค์ตนหนึ่งที่ไปถึงขั้นเจ้าอสูรขั้นสูงสุดในเวลาเพียงไม่กี่ปี แต่น่าเสียดายนักที่ไม่สามารถทะลวงขั้นสุดท้ายได้ กว่าสามแสนปีก่อนก็มีจิ้งจอกศักดิ์สิทธิ์อีกตนที่มาถึงขอบเขตเจ้าอสูรเช่นเดียวกัน หากว่า…เสี่ยวเฟยเป็นเผ่าพันธุ์จิ้งจอกศักดิ์สิทธิ์และอยู่ในเผ่า ข้ารับประกันได้เลยว่านางจะไปถึงขอบเขตเจ้าอสูรในไม่กี่ปีข้างหน้า
ไม่มีทาง!
เจียงเสี่ยวนู๋กอดเสี่ยวเฟยแน่นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร หากทั่วป๋าฉินจะแย่งเสี่ยวเฟยไป เจียงเสี่ยวนู๋ก็จะเริ่มสู้อย่างแน่นอน และเจียงอี้คงไม่มอบจิ้งจอกน้อยให้พวกเขาเช่นกัน เขานิ่งอยู่ชั่วขณะก่อนจะถามว่า ตามหาจักรพรรดินีสัตว์อสูรกันก่อน ท่านช่วยเปิดใช้งานค่ายกลบรรพบุรุษอีกครั้งได้หรือไม่?
ได้สิ!
ทั่วป๋าฉินพยักหน้า แต่ในตอนนั้นเอง เสี่ยวเฟยก็ลืมตาขึ้นมาและเปล่งเสียงอันนุ่มนวลและอ่อนโยนของนางว่า ไม่ต้องหาแล้ว เสี่ยวเฟยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของท่านแม่ นางอยู่ทางเหนือ!
หืม?
เจียงอี้หันไปมองเสี่ยวเฟยทันที ใบหน้าของเขาเผยความยินดีขณะที่เขาพูดอย่างตื่นเต้น เสี่ยวเฟย เจ้าตื่นแล้วหรือ? เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง? ร่างกายเจ้ามีอะไรผิดปกติไหม?
พี่ใหญ่ พี่เสี่ยวนู๋! เสี่ยวเฟยไม่เป็นอะไร ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ
เสี่ยวเฟยกระพริบตาและยิ้มหวานออกมา นางเพิ่งเปลี่ยนร่างมาและเหนื่อยเล็กน้อย ใบหน้าของนางยังซีดอยู่แต่ก็ยังคงดึงดูดความเอ็นดูจากทุกคนได้ เจียงอี้เหลือบมองเล็กน้อยและเห็นว่าเสี่ยวเฟยถอดแบบมาจากจักรพรรดินีสัตว์อสูรเลย นางเหมือนจักรพรรดินีสัตว์อสูรตัวจิ๋วและเป็นเหมือนประติมากรรมหยกอันละเอียดอ่อนและน่ารักเป็นอย่างยิ่ง
เจียงอี้เอื้อมมือไปบีบแก้มนางและถามว่า เสี่ยวเฟย เจ้าสัมผัสถึงแม่ของเจ้าได้จริงๆหรือ?
อื้อ!
เสี่ยวเฟยพยักหน้าและเผยความปรารถนาออกมาและพูดว่า พี่ใหญ่ รีบมุ่งหน้าไปทางเหนือเถอะ ข้าสัมผัสกลิ่นอายของท่านแม่ได้ไม่มากนัก
ก็ได้!
เจียงอี้รู้สึกยินดีมากเมื่อเขามองไปที่ทั่วป๋าฉินและพูดว่า ไปซื้อเสื้อผ้าที่เหมาะกับเสี่ยวเฟย แล้วจากนั้นเราจะออกเดินทางไปทางเหนือทันที
ทั่วป๋าฉินเหลือบมองผู้อาวุโสหญิงที่รีบออกไปอย่างรวดเร็วและนำชุดสวยๆมาสองสามชุด เจียงเสี่ยวนู๋อุ้มเสี่ยวเฟยเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าขณะที่เจียงอี้โบกมือแล้วพูดว่า ไปกันเถอะ!
สาวน้อย ข้าขอกอดเจ้าหน่อยได้ไหม?
เมื่อเชียนเชียนเห็นเสี่ยวเฟยที่ดูเหมือนนางฟ้าตัวน้อยที่สวมชุดสีชมพูอยู่ ความเป็นแม่ของนางก็เพิ่มขึ้นทันทีและเมื่อนางเอื้อมมือจะไปกอดเสี่ยวเฟย ใครจะไปคิดว่าเสี่ยวเฟยจะกระพริบตาและรีบมุดเข้าไปในอ้อมอกเจียงอี้ขณะที่มองเชียนเชียนอย่างเขินอายเนื่องจากนางกลัวคนแปลกหน้า
ฮ่าฮ่า!
เจียงอี้เริ่มรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยขณะที่เขาลูบหัวเสี่ยวเฟยด้วยความรักและพยักหน้าให้เชียนเชียนเพื่อขอโทษก่อนที่จะเดินออกไปข้างนอก ทุกคนรีบตามมาและทะยานขึ้นไปบนฟ้า เทวาทมิฬนั้นจะอุ้มเจียงอี้ไปแต่เจียงเสี่ยวนู๋คว้าเจียงอี้และบินไปด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดของนาง ความเร็วของนางไม่ได้ด้อยไปกว่าขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดของผู้อาวุโสเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เลย
ขณะที่พวกเขาบินไปทางเหนือ เสี่ยวเฟยก็ยังคงสัมผัสได้ตลอดทาง และหลังจากบินมาสี่ชั่วโมง เจียงเสี่ยวนู๋ก็หยุดลง หลังจากที่ความแข็งแกร่งของนางดีขึ้น เวลาการเปลี่ยนร่างของนางก็ขยายออกไปด้วย แต่นางรักษาไว้ได้แค่สี่ชั่วโมงเท่านั้น หากนางต้องบินต่อไป นางก็จะอ่อนแออย่างผิดปกติ เจียงอี้จึงเก็บนางไว้ในราชวังจักรพรรดิและเทวาทมิฬก็ไม่ได้พูดอะไรมากขณะที่เขาแค่อุ้มเจียงอี้ด้วยมือเดียวและรีบพุ่งไปข้างหน้า
ทุกคนต่างประหลาดใจเมื่อบินมาสิบสองชั่วโมงแล้วและเดินทางมาหลายสิบล้านกิโลเมตร แต่ทุกครั้งที่พวกเขาถามเสี่ยวเฟย นางก็ยังชี้ไปทางเหนือ ท้องฟ้านั้นเริ่มมืดลงแล้ว….ด้านเทวาทมิฬและเชียนเชียนก็ไม่ได้สนใจแต่ผู้อาวุโสของเผ่าจิ้งจอกขาวนั้นดูย่ำแย่มาก
หลังจากบินต่อไปอีกหนึ่งชั่วโมง ผู้อาวุโสคนหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า จักรพรรดิและแขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย เมื่อไปต่ออีกจะเป็นอาณาเขตของเผ่าพันธุ์จิ้งจอกทมิฬแล้ว เสี่ยวเฟยนั้นจะชี้จุดผิดไหม? เผ่าของเราไม่เป็นมิตรกับจิ้งจอกทมิฬมาโดยตลอดและเราก็อยู่ในสงครามกันตลอดเวลา มันเป็นไปไม่ได้ที่เผ่าของเราจะซ่อนตัวอยู่ในอาณาเขตเผ่าจิ้งจอกทมิฬ เราบินต่อไปไม่ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นเราจะเป็นอันตราย
ไม่ผิดแน่!
เสี่ยวเฟยกำหมัดเล็กๆของนางและพูดว่า กลิ่นอายของท่านแม่เริ่มเข้มข้นขึ้น เสี่ยวเฟยมั่นใจว่าท่านแม่อยู่ที่นั่นแน่ๆ
หืม?
เจียงอี้และทั่วป๋าฉินมองหน้ากันขณะที่พวกเขามีสีหน้าที่ร้ายแรง จักรพรรดินีสัตว์อสูรเป็นเผ่าจิ้งจอกขาว ทำไมนางถึงไปยังอาณาเขตของจิ้งจอกทมิฬล่ะ? หรือนางถูกจับ?
เป็นไปได้สูง!
เจียงอี้นึกเหตุผลที่จักรพรรดินีไม่ปรากฏตัวมาห้าปีกว่าแล้ว หากนางถูกจับและกลายเป็นทาส มันก็จะเป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผลมาก
ไปกันเถอะ! เทวาทมิฬพูดอย่างเฉยเมยแต่ทั่วป๋าฉินพูดออกมาอย่างลังเลว่า ท่านใต้เท้าเทวาทมิฬ ทำไม…ไม่ให้ข้ารวบรวมสมาชิกบางส่วนก่อนจะข้ามไปเขตนั้น ข้าจะแจ้งจักรพรรดิจิ้งจอกฟ้าและไปยังเผ่าจิ้งจอกทมิฬเพื่อขอให้พวกเขาส่งตัวจักรพรรดินีสัตว์อสูรคืนมา เผ่าจิ้งจอกทมิฬนั้นทรงพลังและมีเจ้าอสูรสามตน พวกเขามักจะกดขี่และโจมตีสองเผ่าของเราตลอด หากไม่ใช่เพราะเราร่วมมือกัน พวกนั้นคงกำจัดเราไปแล้ว ด้วยจำนวนคนเพียงเท่านี้ ข้าเกรงว่า….
ฮึ่ม!
สีหน้าของเทวาทมิฬเย็นชาขณะที่เขาจ้องไปที่ทั่วป๋าฉินและพูดว่า ทั่วป๋าฉิน เจ้าเชื่อไหมว่าข้าจะกำจัดเผ่าจิ้งจอกขาวของเจ้าทั้งหมด? เจ้ากล้ามาใช้อุบายเล็กๆน้อยๆกับข้าหรือ? การปลุกปั่นของเจ้ามันต่ำเกินไป! เช่นนั้นก็ไสหัวไปซะ แล้วเราจะไปกันเอง!
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
ทั่วป๋าฉินและผู้อาวุโสทั้งสิบคนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาก เชียนเชียนหัวเราะออกมาแล้วกล่าวว่า จักรพรรดินีทั่วป๋า ลุงทมิฬเป็นทหารผ่านศึกในการต่อสู้นับไม่ถ้วน เจ้าน่าจะหยุดใช้กลอุบายของเจ้าเสีย ไม่เช่นนั้น เจ้าอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามก็ได้
ทั่วป๋าฉินแสดงออกอย่างละอายขณะที่นางคำนับอย่างรวดเร็วด้วยมือที่ป้องกำปั้นไว้ ท่านเทวาทมิฬและองค์หญิงเชียนเชียน โปรดระงับความโกรธด้วย ทั่วป๋าฉินผิดไปแล้วเจ้าค่ะ!
เสี่ยวเฟยกระพริบตาด้วยความงุนงงขณะที่นางไม่เข้าใจ ส่วนดวงตาของเจียงอี้ก็เผยความเย้ยหยันออกมา ทั่วป๋าฉินผู้นี้รู้ดีถึงความแข็งแกร่งของเทวาทมิฬอยู่แล้ว แต่นางก็ตั้งใจที่จะลองพยายามปลุกปั่นเทวาทมิฬให้จัดการกับเผ่าจิ้งจอกทมิฬ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเทวาทมิฬจะมองกลอุบายออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
ไปกันเถอะ
เทวาทมิฬออกคำสั่งและทุกคนก็บินไปทางเหนือราวกับสายรุ้งจากนั้นพวกเขาก็หายไปในท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างรวดเร็ว