เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 858 ไปเอาราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับมาซะ!
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 858 ไปเอาราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับมาซะ!
เจ้าอสูรทั้งสามสิบหกตนนั้นเทียบเท่าเหลยป้าเซียนสามสิบหกคน บางตนอาจแข็งแกร่งกว่าเหลยป้านเซียนด้วย และตอนนี้พวกเขาทั้งหมดเคารพเจียงอี้ในตอนนี้?! เป็นครั้งแรกที่เจียงอี้ไม่รู้สึกภูมิใจแต่กลับกลัว เขาตัวสั่นจนแทบจะล้มลงไปกับพื้น เขาเกรงว่าตนนั้นจะไม่คู่ควรกับสิ่งนี้
ฮ่าฮ่าฮ่า!
เมื่อเอ๋าหลูนั่งอยู่บนบัลลังก์และเห็นท่าทางที่หวาดกลัวของเจียงอี้ เขาก็หัวเราะออกมาและโบกมือพร้อมพูดว่า เอาล่ะ อย่าทำเด็กคนนี้ขวัญผวา ปล่อยเราไว้ที่นี่แล้วกัน ข้าจะคุยกับเจ้าหนูนี่ เชียนเชียน พาสาวน้อยไปเดินเล่นรอบๆตำหนักเถอะ
ขอรับ จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่!
เจ้าอสูรทั้งสามสิบหกตนลุกขึ้นยืนและป้องกำปั้นไปที่เอ๋าหลู จากนั้นก็พากันออกไปส่วนเชียนเชียนก็ยิ้มให้เสี่ยวนู๋แล้วพูดว่า น้องเสี่ยวนู๋ ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปกินอะไรอร่อยๆที่ข้าเล่าให้เจ้าฟัง
เจียงเสี่ยวนู๋มองไปที่เจียงอี้ที่พยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นนางก็ไปกับเชียนเชียนอย่างเชื่อฟัง จากนั้นเอ๋าหลูก็โบกมือของเขาแล้วพูดว่า เจ้าหนู นั่งได้ทุกที่ที่เจ้าอยากจะนั่งเลย ตำหนักซวนหวู่นี้เป็นเหมือนบ้านของเจ้า หากเจ้าอยู่ที่นี่ได้ก็ไม่ต้องกลับไปที่เมืองเทพประทานนั่นและทนอยู่กับมนุษย์ที่น่ากลัวพวกนั้นหรอก เจ้าอยู่ที่นี่ได้เลย
เจียงอี้ยิ้มอย่างขมขื่นและปฏิเสธคำเชิญอย่างโจ่งแจ้งของเอ๋าหลูไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้วเขายังคงเป็นมนุษย์ แล้วเขาจะชินกับการอยู่ร่วมกับอสูรและปีศาจได้อย่างไร? อย่างเช่น หากเชียนเชียนต้องอยู่ในเกาะเทพประทานสักสองสามปี นางคงจะไม่ชินกับที่นั่นเช่นกัน
มนุษย์ก็คือมนุษย์และอสูรก็คืออสูร
แม้ว่าเมืองซวนหวู่จะดูไม่ต่างจากเมืองเทพประทานก็ตาม แต่เจียงอี้ก็กลัวตัวเองจะสูญเสียความเป็นมนุษย์และกลายเป็นอสูรในร่างมนุษย์ไปหากเขาอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน
เอ๋าหลูเองก็ไม่ได้บังคับให้เจียงอี้มาอยู่ที่นี่ เขาเหล่มองและถามด้วยความสงสัยว่า เจ้าหนู ตอนนั้นเจ้ามองวิธีการของจักรพรรดิลี้ลับออกได้อย่างไร? แล้วเหตุใดตันเทียนและดวงจิตของเจ้าถึงได้ต่างจากมนุษย์ทั่วไป? เจ้าผ่านเส้นทางปรโลกมาได้เพราะดวงจิตที่แปลกประหลาดของเจ้าหรือเปล่า?
เจียงอี้นิ่งไปชั่วขณะแล้วตอบด้วยความสับสนเล็กน้อย ข้าเองก็ไม่รู้รายละเอียดเหมือนกัน ข้าอยู่ในช่วงจนปัญญาและเสี่ยงที่จะลองดู ซึ่งมันก็ได้ผลอย่างน่าประหลาดใจ ข้าคิดว่า….จักรพรรดิลี้ลับคงไม่ให้เหล่าชนชั้นสูงที่เป็นมนุษย์เข้าไปตายที่นั่นหรอก ดังนั้นมันจะต้องมีประตูแห่งชีวิตในทุกๆระดับ ตราบใดที่ข้าหาประตูเหล่านั้นเจอ ข้าก็จะไขปริศนาได้
ฉลาดนัก!
เอ๋าหลูพยักหน้า เขาหายใจเข้าลึกๆและพูดว่า แม้ว่าข้าจะถูกขังอยู่ที่นั่นมานานกว่าเจ็ดแสนปีและอยาจะกินเลือดกินเนื้อเขา แต่ข้าก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นอัจฉริยะจริงๆ ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับนั้นถือเป็นสมบัติที่สำคัญอันดับหนึ่งในแดนเทียนชิงเลย!
มีบางอย่างผุดขึ้นมาในใจเจียงอี้และเขาก็ถามด้วยความสงสัยว่า ผู้อาวุโส…กระบี่ลี้ลับและเกราะลี้ลับนั้นอยู่ในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับจริงหรือขอรับ? สมบัติทั้งสองนั่นเป็นสิ่งประดิษฐ์ในตำนานหรือไม่?
เจียงอี้ได้ยินว่าตอนนี้ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับอยู่ที่หุบเขาลี้ลับ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและทำไมราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับจึงไปอยู่ที่นั่นได้ในตอนนี้ และจอมยุทธทุกคนต่างใฝ่ฝันที่จะได้อาวุธและเกราะที่ทรงพลังที่สุดมา ดังนั้นเขาจึงอดถามเรื่องนี้ไม่ได้
ฮึฮึ!
เอ๋าหลูยิ้มจางๆ ส่ายหัวและพูดว่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการจะบอกเล่าให้เจ้าฟังหรอกนะ แต่ข้าสัญญากับจักรพรรดิลี้ลับแล้วว่าจะไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆเกี่ยวกับราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ อันที่จริง เหตุผลที่ข้าให้เจ้ามาที่นี่ในวันนี้นั้นเพราะมีบางอย่างที่เกี่ยวกับราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับนั่นแหละ
โอ้?
เจียงอี้ดูตกตะลึง เขาป้องกำปั้นและพูดว่า ผู้อาวุโสโปรดบอกมาเถอะ
ทันใดนั้น เอ๋าหลูก็ลุกขึ้นยืนด้วยสายตาที่พอใจ อย่างไรก็ตาม เขาพูดอย่างเย็นชาว่า ข้าอยากให้เจ้าไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาและไปเอาราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับมาซะ!
อะไรนะ?
เจียงอี้ตัวสั่นเทาด้วยความตกใจ เขานิ่งไปก่อนจะส่ายหัวและพูดว่า ผู้อาวุโส ไม่ใช่เพราะข้าขาดความมั่นใจ แต่ข้าได้ยินมาว่าราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับอยู่ในหุบเขาลี้ลับมาห้าถึงหกปีแล้ว เหล่าสมาชิกเก้าตระกูลจักรพรรดิเองก็ยังไม่สามารถไปถึงได้ แล้วข้าจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร? นอกจากนี้ ข้ายังได้รุกรานบางตระกูลของเก้าตระกูลจักรพรรดิไปแล้ว เมื่อข้าไปถึงทวีปจักรพรรดิบูรพา นักโหราศาสตร์จะตามหาตัวข้าทันที ข้าจะถูกไล่ล่าและถูกเก้าตระกูลจักรพรรดิสังหารทันที
ฮึ่ม!
เอ๋าหลูพ่นลมและเย้ยว่า เจ้าหนู หากข้าขอให้เจ้าไป ข้าย่อมมีเหตุผลในการทำเช่นนั้น ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมคนอื่นไม่สามารถไปยังภูเขาลี้ลับได้นั้น ข้ารู้ดีกว่าผู้อื่น ข้าจะไม่ปิดบังความจริงจากเจ้า อันที่จริง….ข้าทำบางอย่างลงไป ซึ่งแม้แต่เก้าจักรพรรดิเองก็ไม่สามารถปีนขึ้นไปบนยอดเขาลี้ลับได้ในห้าปี อย่าว่าแต่สมาชิกของพวกเขาเลย ห้าปีให้หลัง อาคมของยอดเขาจะอ่อนลงและผู้คนมากมายจะขึ้นไปที่นั่นได้ เจ้าจะต้องเป็นคนแรกที่ไปถึง เจ้าฉลาดมากและเข้าใจจิตใจของจักรพรรดิลี้ลับอย่างถ่องแท้ และเจ้ามีโอกาสมากที่สุดที่จะได้ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับมา!
เหอ…
เจียงอี้กลอกตา ว่ากันว่าสมาชิกนับไม่ถ้วนของเก้าตระกูลจักรพรรดิพยายามปีนขึ้นไปบนยอดเขาลี้ลับทั้งวันทั้งคืน และผู้คนมากมายในทวีปจักรพรรดิบูรพาอีก แม้แต่เก้าจักรพรรดิเองก็ยังปีนไปถึงแค่เนินเขาเท่านั้น ทุกคนคิดว่ามันเป็นฝีมือจักรพรรดิลี้ลับ แต่กลับกลายเป็นฝีมือของเอ๋าหลู!
ฮึ่ม!
เอ๋าหลูดูเย็นชาและพูดว่า จักรพรรดิลี้ลับตัดสินใจว่าเจ้านายคนต่อไปจะต้องเป็นมนุษย์หัวกะทิ การได้ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับมานั้นหมายถึงการได้มรดกของจักรพรรดิลี้ลับและจะมีพลังการต่อสู้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในอดีต เก้าตระกูลจักรพรรดิสังหารอสูรและปีศาจที่ยิ่งใหญ่ไปมากมายนับไม่ถ้วน ข้าไม่อยากให้พวกเขาได้ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับไป หากเก้าตระกูลได้ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับไปครอง มันจะเป็นหายนะต่อเผ่าพันธุ์ข้า และข้าก็เป็นหนี้บุญคุณเจ้า ดังนั้น….ข้าหวังว่าเจ้าจะได้ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับไป
แต่ว่า…
เจียงอี้กลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วพูดว่า ผู้อาวุโส กลิ่นอายดวงจิตของข้าถูกนักโหราศาสตร์จับเอาไว้แล้ว และเมื่อข้าปรากฏตัวที่ทวีปจักรพรรดิบูรพา ข้าจะถูกพวกนั้นตามล่า ด้วยความแข็งแกร่งเพียงน้อยนิดของข้า ผู้อาวุโสธรรมดาๆก็น่าจะสังหารข้าได้ง่ายๆ ข้าเกรงว่าข้าคงไม่สามารถเข้าใกล้หุบเขาลี้ลับได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงการเข้าไปในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับเลย
เจียงอี้เคยคิดว่าวิชาหลีกสวรรค์ของเขาคงกระพันและเขาสามารถหนีไปได้ทุกเมื่อที่ต้องการ แต่หลังจากที่ได้ต่อสู้บนยอดเขานทีสวรรค์แล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่ามียอดฝีมือมากมายและมีทักษะวิชาประหลาดอีกมากมายในผืนปฐพีนี้ รูปแบบเต๋าห้วงมิตินั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่ในเผ่าเทพประทานเลย หากเขาถูกผู้อาวุโสในทวีปจักรพรรดิบูรพาไล่ล่า พวกเขาคงเขย่าเจียงอี้ออกจากห้วงมิติและสังหารเขาได้อย่างง่ายดายอยู่ดี
นอกจากนี้ ใครจะรับประกันได้ว่าที่นั่นจะไม่มียอดฝีมือที่มีรูปแบบเต๋าห้วงเวลาอย่างที่เหลยป้านเซียนมี? หากมีใครย้อนเวลากลับไปและปล่อยให้เขาเข้าไปในห้วงมิติ เขาก็คงจะถูกบีบให้ตายได้ง่ายๆเช่นกัน
ทวีปจักรพรรดิบูรพากว้างใหญ่สุดลุกหูลูกตาและว่ากันว่ามีถึงร้อยแปดเขต ทุกเขตเองก็มีขนาดใหญ่พอๆกับเผ่าเทพประทาน เจียงอี้ไม่รู้เลยว่ามีจอมยุทธอยู่กี่คนและมีพวกกึ่งเทพอยู่ที่ทวีปจักรพรรดิบูรพากี่คน เขารู้เพียงว่าเก้าตระกูลจักรพรรดิยืนหยัดอยู่ในทวีปมานานกว่าเจ็ดแสนปีและกดดันเผ่าเทพประทานและทะเลลึกไร้สิ้นสุดได้ แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องมีพลังและความแข็งแกร่งที่ไม่สามารถจินตนาการได้ และผู้ใดก็ตามที่ประเมินพวกเขาต่ำเกินไป จะต้องตายอย่างอนาถ กลิ่นอายดวงจิต? จะไปมีปัญหาอะไรล่ะ?
เอ๋าหลูยิ้มอย่างไร้กังวล มีเผ่าพันธุ์ปีศาจและอสูรนับหมื่นอยู่ในทะเลลึกไร้สิ้นสุด ซึ่งอย่างน้อยก็มีหลายร้อยเผ่าพันธุ์ที่สามารถเปลี่ยนกลิ่นอายวิญญาณได้และมีสมบัติมากมายที่สามารถเปลี่ยนกลิ่นอายวิญญาณได้ อย่างไรก็ตาม….มันน่าจะดีกว่าหากเจ้าไม่ใช้วัตถุของเรา ไม่เช่นนั้น เจ้าอาจจะปล่อยกลิ่นอายอสูรออกมา และผู้อาวุโสจากทวีปจักรพรรดิบูรพาจะหาตัวเจ้าได้ง่ายขึ้นและถูกสังหารเพราะคิดว่าเป็นสายลับของเผ่าพันธุ์อสูรและปีศาจ
เอ๋าหลูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า ใช่แล้ว มีแดนลึกลับที่เกิดตามธรรมชาติอยู่ที่อาณาเขตของเผ่าอีกาทองคำ ซึ่งมันอยู่ห่างจากเมืองซวนหวู่ไปทางใต้ห้าสิบกิโลเมตร อีกาทองคำตระหนักถึงวิชาเทพพลางตาที่นั่นได้ เจ้าน่าจะลองไปที่นั่นและพยายามตระหนักถึงวิชาเทพพลางตาด้วย หากเจ้าทำสำเร็จ เจ้าจะสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเจ้าได้ตามที่ต้องการและยังเปลี่ยนกลิ่นอายดวงจิตได้ด้วย แม้แต่เก้าจักรพรรดิก็ติดตามตัวเจ้าไม่ได้!
จริงหรือ?
เจียงอี้ตัวสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น หากเขาเชี่ยวชาญทักษะเช่นนี้ เขาก็จะกลับไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาได้อย่างเปิดเผยและช่วยซูรั่วเสวี่ยและตามหาอีเพียวเพียวได้!