เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 863 สิ่งล่อลวงคือความว่างเปล่า
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 863 สิ่งล่อลวงคือความว่างเปล่า
หนึ่งก้าว สองก้าว!
สามสิบเมตร, ร้อยเมตร, ร้อยห้าสิบเมตร!
เจียงอี้อยู่ห่างจากสัตว์อสูรเพียงสามร้อยเมตรเท่านั้น โดยปกติแล้ว ระยะทางเท่านี้สามารถไปถึงได้ในชั่วพริบตา แต่ในขณะนี้ เขารู้สึกว่านี่เป็นการเดินทางที่ยากที่สุดสำหรับเขา ทุกย่างก้าวนั้นจะต้องรวบรวมความกล้าทั้งหมดของเขา ขาของเขาสั่นเทาและหลังก็เต็มไปด้วยเหงื่อขณะที่ริมฝีปากสั่นเทาและสีผิวก็ซีดเผือด
จอมยุทธทั้งหลายต่างฝึกฝนเพื่อท้าทายสวรรค์และเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเอง ในทำนองเดียวกัน พวกเขาก็กำลังต่อสู้กับตัวเองและพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นด้วยการเอาชนะตัวเองเท่านั้น
เจียงอี้เข้าใจเหตุผลนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ความเชื่อมั่นในตัวเองระงับความกลัวที่เขารู้สึกอยู่ในจิตวิญญาณในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังรู้สึกว่าร่างกายของเขานั้นทนไม่ได้อีกต่อไป ลมหายใจของเขาไม่นิ่งเมื่อเวลาค่อยๆผ่านไปและใจก็เต้นเร็วขึ้น เลือดของเขาเดือดพล่านในขณะที่ทุกรูขุมขนของเขาขยายและหดลงอย่างรวดเร็ว ฝีเท้าของเขาก็ช้าลงเช่นกัน
สามร้อยเมตร…..หกร้อยเมตร!
เจียงอี้หยุดและหลับตาลง เขาไม่กล้าที่จะสบสายตาอันเย็นเยียบที่อยู่ตรงหน้าอีกต่อไปพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่และโค้งหลังเล็กน้อย เขาพยายามยืนหยัดเพื่อที่จะได้ไม่คุกเข่าล้มลงไปและพยายามปรับสภาพร่างกายเพื่อป้องกันไม่ให้หัวใจและเส้นเลือดระเบิด
“ไม่ดีแล้ว ข้าทำไม่ได้ ข้าต้องไม่ก้าวไปอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะตาย….”
“ถอยกลับไป ถอยกลับไป นี่ไม่ใช่ทางเดียวที่จะเข้าใจวิชาเทพพลางตาเสียหน่อย ข้าจะหาทางอื่นได้แน่ๆ”
“หยุดเดินต่อเถอะ นี่อาจเป็นกับดักก็ได้กับดักที่จะทำให้คนสละชีวิตด้วยความสมัครใจ หากข้าก้าวไปอีก ข้าอาจจะตายทันทีก็ได้…”
….
ความคิดนับไม่ถ้วนแวบผ่านเข้ามาในหัวของเขา ความคิดทั้งหมดนี้เหมือนจะผุดขึ้นมาเองซึ่งทำให้จิตวิญญาณของเจียงอี้ถูกโจมตีอีกครั้ง
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาด พวกเขารับรู้ได้ถึงความน่ากลัว, ความตะขิดตะขวงใจ, ความกลัวที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามา…ซึ่งพวกเขาจะหลบหนีมัน
สิ่งต่างๆเริ่มออกมาทันทีที่ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นมาในใจของเจียงอี้ เขาเริ่มถอยกลับไปอย่างไม่ได้ตั้งใจและเมื่อเขาตื่นจากภวังค์ เขาก็รู้ตัวว่าได้ถอยกลับมาสามร้อยเมตรแล้ว!
“ที่นี่น่ากลัวนัก มันมีอิทธิพลต่อดวงจิตวิญญาณของข้าจริงๆ!” เจียงอี้หน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ แต่เขาก็ยิ่งมุ่งมั่นที่จะพุ่งเข้าหาสัตว์อสูรช้างดึกดำบรรพ์นั่น ยิ่งแดนลึกลับแห่งนี้พยายามขัดขวางเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะเข้าใกล้มันมากขึ้นเท่านั้น มีเพียงการเข้าไปใกล้ๆเท่านั้นที่เขาจะสามารถค้นพบความลับของแดนลึกลับนี้และเข้าใจวิชาเทพพลางตาได้
“เดินไปใหม่แล้วกัน!”
เจียงอี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆอีกสองครั้งและเดินต่อไปข้างหน้า ความคิดในใจของเขาทั้งหมดกายไปโดยเหลือเพียงความมุ่งมั่นที่หนักแน่นดั่งหินผาขณะที่ค่อยๆเข้าไปใกล้ช้างดึกดำบรรพ์นั่น แม้ว่าเขาจะต้องตาย….แต่เขาก็ต้องเข้าไปใกล้ๆมันให้ได้!
“ภาพลวงตา ทั้งหมดนี้เป็นภาพลวงตาเท่านั้น!”
เจียงอี้พึมพำกับตัวเอง ทุกสิ่งที่เขาเห็น ทุกความรู้สึกและเสียงคำรามที่ได้ยินล้วนแต่เป็นของปลอม มีเงาปรากฏขึ้นในใจของเขา หญิงสาวที่งดงามกำลังรอเขาอยู่ข้างหน้า เขาจะเข้าใกล้นางได้ก็ต่อเมื่อเขาสามารถทะลวงผ่านอุปสรรคทั้งหลายไปได้ จากนั้น เขาก็จะได้กลิ่นผมของนางและใบหน้าที่งดงามของนาง
สามร้อยเมตร, หกร้อยเมตร, เก้าร้อยเมตร….พันหกร้อยเมตร!
ลมหายใจของเจียงอี้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วโดยไร้เหตุผลและใจของเขาก็เต้นรัวขึ้นสิบเท่า ร่างของเขาสั่นสะท้านราวกับเป็นลมบ้าหมู แต่เขาก็ยังคงเดินหน้าต่อไป!
“อั๊ก!”
ทันใดนั้น ร่างกายของเจียงอี้ก็อ่อนยวบลงไปและคุกเข่าลงไปกับพื้น เขาอ้าปากกระอักเลือดสดๆออกมาเต็มปาก ปฎิกิริยาทางร่างกายของเขาทำให้เลือดของเขาไหลเวียนเร็วขึ้นและเส้นเลือดแดงเล็กๆบางส่วนก็แตกซ่าน ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บจากภายใน
“คลานต่อไป!”
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ เขาเมินเฉยต่อสิ่งต่างๆทั้งหมดไป เมื่อขาทั้งสองข้างของเขาอ่อนลงและไม่สามารถเดินได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงเริ่มคลานและต้องเข้าไปใกล้ช้างดึกดำบรรพ์ให้ได้แม้ว่าเขาจะต้องตายก็ตาม!
สองพันเมตร…..สองพันหกร้อยเมตร!
ร่างกายของเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป เบื้องหลังเจียงอี้มีรอยเลือดยาวกว่าหนึ่งกิโลเมตรซึ่งมันเป็นภาพที่น่าสยดสยอง รูทวารทั้งเจ็ดของเขาเริ่มมีเลือดไหลออกมาและดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีขาว เห็นได้ชัดว่าสติของเขาเริ่มจะดับแล้ว
วิญญาณอาจเขย่าขวัญให้ผู้คนตายได้!
มนุษย์อาจกลัวจนตายไปได้หากพวกเขาถูกความกลัวกระตุ้นอย่างหนัก หากหัวใจของพวกเขาเต้นเร็วเกินไป พวกเขาก็อาจตายได้จากเลือดออกจากภายในร่างกาย เห็นได้ชัดว่าเจียงอี้จิตใจสับสนกับภาพลวงตาที่เกิดจากแดนลึกลับนี้ บางทีเขาอาจจะกลัวจนตายไปเลยก็ได้หากเขายังเดินหน้าต่อไปอยู่
เจียงอี้ไม่พยายามไปข้างหน้าอีกต่อไป ในตอนนี้ จิตใจของเขาก็พร่ามัวไปบ้างและเหมือนจะแหลกสลายไป เขาจะรู้วิธีเดินหน้าไปได้อย่างไร? เจียงอี้นอนอยู่บนพื้นเหมือนสัตว์เลื้อยคลานขณะที่เลือดไหลออกจากรูทวารทั้งเจ็ด ทำให้พื้นถูกย้อมไปด้วยสีแดง
“ลวงตา ทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพลวงตา ข้าต้องไม่หวั่นเกรงกับทุกสิ่งที่อยู่ข้างหน้าข้าสิ ข้าจะต้องเดินหน้าต่อไป ใจของข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้น ตราบใดที่ใจข้าแกร่งขึ้นก็ไม่มีภาพลวงตาใดมาปั่นป่วนใจข้าได้อีกต่อไป!”
“สิ่งล่อลวงคือความว่างเปล่า ความว่างเปล่าคือสิ่งล่อลวง ตราบใดที่ใจข้าแข็งแกร่งขึ้นก็จะไม่มีภูตผีปีศาจตนใดหยุดยั้งข้าได้ ข้ายังมองปริศนาทุกประเภทออกและไม่มีสิ่งใดมาหลอกตาข้าได้ ข้าต้องไม่กลัว หากข้าไม่กลัวตายแล้วจะมีอะไรให้ข้าต้องกลัวอีก?”
“เจียงอี้ เจ้าต้องดึงสติตัวเองไว้ รั่วเสวี่ยยังรอให้เจ้าไปช่วยอยู่นะ หากเจ้าไม่สามารถเอาชนะความท้าทายเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ได้ แล้วเจ้าจะไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาได้อย่างไร? เจ้าจะเอาชนะตระกูลหวู่ที่น่าเกรงขามและช่วยซูรั่วเสวี่ยได้ยังไง? ทั้งหมดนี้เป็นของปลอมทั้งนั้น ข้าจะต้องไม่กลัว ข้าจะต้องก้าวเดินต่อไป”
“….”
ความคิดมากมายผุดขึ้นในใจเจียงอี้อย่างต่อเนื่อง เขาพยายามโน้มน้าวตัวเองว่าทุกสิ่งที่เขารู้สึกนั้นไม่ใช่ของจริงเพื่อเอาชนะความกลัวในใจและเพื่อที่จะได้ก้าวต่อไป
และเจียงอี้ก็ทำสำเร็จ ร่างของเขาเริ่มเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่ง แต่เลือดที่ออกจากรูทวารทั้งเจ็ดนั้นกลับแย่ลงและร่างกายก็สั่นเทาหนักมาก เส้นเลือดในตัวเจียงอี้ค่อยๆแตกซ่านออกทีละเส้น บางที….เขาอาจจะตายจากการเสียเลือดมากเกินไปก่อนที่จะคลานไปถึงช้างดึกดำบรรพ์ก็ได้
สองพันเจ็ดร้อย, สองพันเก้าร้อยสี่สิบเมตร….สามพันเมตร! ในที่สุดร่างของเจียงอี้ก็หยุดนิ่งไป หลอดเลือดแดงเกินครึ่งร่างเจียงอี้แตกซ่านออกมาและร่างของเขาก็บาดเจ็บสาหัส ซึ่งความคิดก็ยังดังก้องอยู่ในใจเขาและเขาต้องการจะเดินหน้าต่อไป แต่ร่างกายของเขานั้นไม่ไหวแล้ว เขาจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป
“นี่ข้ากำลังจะตายหรือ?”
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือดและเผยร่องรอยของความเจ็บปวด และร่างของเขาก็บิดเบี้ยวไปเพราะความเจ็บปวดที่รุนแรงและดวงตาก็หดตัวอยู่ตลอดเวลา ทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าเหมือนจะพร่ามัวไปหมด เขาจ้องมองไปข้างหน้าอย่างเลือนลางและยังคงนิ่งงันราวกับว่ากำลังรอให้ความตายมาถึง
“ฮู่ สุดท้ายข้าก็เอาชนะความกลัวไม่ได้ ใจข้ายังไม่แข็งพอ! เขตลวงตานี่พรากชีวิตข้าไปได้จริงๆ….”
ความคิดที่เหน็ดเหนื่อยผุดขึ้นมาในใจของเขา ในตอนนี้ ไม่เพียงแต่ดวงจิตของเจียงอี้จะอ่อนล้า แต่ทั่วทั้งร่างกายของเขาก็อ่อนแอมากเช่นกัน เขาอยากจะหลับให้สบายและนอนอยู่เฉยๆอย่างนี้ตลอดไป
“นี่มันไม่ถูกสิ!”
ในขณะที่เจียงอี้หลับตา ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวเขาทันที “ข้าคิดมาตลอดเลยว่าช้างดึกดำบรรพ์นี่เป็นภาพลวงตา มันหมายความว่าอะไรล่ะ? นั่นก็แสดงว่าข้ากำลังโน้มน้าวใจตัวเองไม่ให้กลัวสิ่งนี้ ซึ่งมันหมายความว่า…ข้ายังคงกลัวอยู่ แต่ช้างดึกดำบรรพ์นี้ไม่มีอยู่จริง แล้วข้าจะโน้มน้าวใจตัวเองทำไม? แล้วทำไมข้าถึงต้องกลัวกัน?”
“หากใจผู้คนเข็มแข็ง พวกเขาจะไม่กลัว ไม่ว่านี่จะเป็นสัตว์อสูรลวงตาหรือว่าเป็นตัวจริง! เป็นตัวจริงแล้วยังไง? ตราบใดที่ใจข้าเข้มแข็งพอ ข้าจะทำลายมันให้ได้! ผิด ผิดแล้ว ข้าคิดผิดแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า เจียงอี้เอ๊ย เจียงอี้ เจ้าฉลาดหลักแหลมมาเสมอแต่เกือบถูกเขตลวงตาฆ่าตายเสียแล้ว”
เจียงอี้ลืมตาขึ้นมาทันทีขณะที่เขากำลังจะจบเรื่องนี้ ดวงตาของเขาไม่พร่ามัวอีกต่อไปและเต็มไปด้วยความสดใส ในขณะเดียวกัน แสงสีทองในดวงจิตของเขาก็ส่องสว่างออกมา รูปร่างดวงจิตที่คล้ายกับดาบมังกรเพลิงแผ่ขยายออกมาอย่างรวดเร็ว
…
สามสิบเมตร, ร้อยเมตร, ร้อยห้าสิบเมตร!
เจียงอี้อยู่ห่างจากสัตว์อสูรเพียงสามร้อยเมตรเท่านั้น โดยปกติแล้ว ระยะทางเท่านี้สามารถไปถึงได้ในชั่วพริบตา แต่ในขณะนี้ เขารู้สึกว่านี่เป็นการเดินทางที่ยากที่สุดสำหรับเขา ทุกย่างก้าวนั้นจะต้องรวบรวมความกล้าทั้งหมดของเขา ขาของเขาสั่นเทาและหลังก็เต็มไปด้วยเหงื่อขณะที่ริมฝีปากสั่นเทาและสีผิวก็ซีดเผือด
จอมยุทธทั้งหลายต่างฝึกฝนเพื่อท้าทายสวรรค์และเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเอง ในทำนองเดียวกัน พวกเขาก็กำลังต่อสู้กับตัวเองและพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นด้วยการเอาชนะตัวเองเท่านั้น
เจียงอี้เข้าใจเหตุผลนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ความเชื่อมั่นในตัวเองระงับความกลัวที่เขารู้สึกอยู่ในจิตวิญญาณในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังรู้สึกว่าร่างกายของเขานั้นทนไม่ได้อีกต่อไป ลมหายใจของเขาไม่นิ่งเมื่อเวลาค่อยๆผ่านไปและใจก็เต้นเร็วขึ้น เลือดของเขาเดือดพล่านในขณะที่ทุกรูขุมขนของเขาขยายและหดลงอย่างรวดเร็ว ฝีเท้าของเขาก็ช้าลงเช่นกัน
สามร้อยเมตร…..หกร้อยเมตร!
เจียงอี้หยุดและหลับตาลง เขาไม่กล้าที่จะสบสายตาอันเย็นเยียบที่อยู่ตรงหน้าอีกต่อไปพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่และโค้งหลังเล็กน้อย เขาพยายามยืนหยัดเพื่อที่จะได้ไม่คุกเข่าล้มลงไปและพยายามปรับสภาพร่างกายเพื่อป้องกันไม่ให้หัวใจและเส้นเลือดระเบิด
“ไม่ดีแล้ว ข้าทำไม่ได้ ข้าต้องไม่ก้าวไปอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะตาย….”
“ถอยกลับไป ถอยกลับไป นี่ไม่ใช่ทางเดียวที่จะเข้าใจวิชาเทพพลางตาเสียหน่อย ข้าจะหาทางอื่นได้แน่ๆ”
“หยุดเดินต่อเถอะ นี่อาจเป็นกับดักก็ได้กับดักที่จะทำให้คนสละชีวิตด้วยความสมัครใจ หากข้าก้าวไปอีก ข้าอาจจะตายทันทีก็ได้…”
….
ความคิดนับไม่ถ้วนแวบผ่านเข้ามาในหัวของเขา ความคิดทั้งหมดนี้เหมือนจะผุดขึ้นมาเองซึ่งทำให้จิตวิญญาณของเจียงอี้ถูกโจมตีอีกครั้ง
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาด พวกเขารับรู้ได้ถึงความน่ากลัว, ความตะขิดตะขวงใจ, ความกลัวที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามา…ซึ่งพวกเขาจะหลบหนีมัน
สิ่งต่างๆเริ่มออกมาทันทีที่ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นมาในใจของเจียงอี้ เขาเริ่มถอยกลับไปอย่างไม่ได้ตั้งใจและเมื่อเขาตื่นจากภวังค์ เขาก็รู้ตัวว่าได้ถอยกลับมาสามร้อยเมตรแล้ว!
“ที่นี่น่ากลัวนัก มันมีอิทธิพลต่อดวงจิตวิญญาณของข้าจริงๆ!” เจียงอี้หน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ แต่เขาก็ยิ่งมุ่งมั่นที่จะพุ่งเข้าหาสัตว์อสูรช้างดึกดำบรรพ์นั่น ยิ่งแดนลึกลับแห่งนี้พยายามขัดขวางเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะเข้าใกล้มันมากขึ้นเท่านั้น มีเพียงการเข้าไปใกล้ๆเท่านั้นที่เขาจะสามารถค้นพบความลับของแดนลึกลับนี้และเข้าใจวิชาเทพพลางตาได้
“เดินไปใหม่แล้วกัน!”
เจียงอี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆอีกสองครั้งและเดินต่อไปข้างหน้า ความคิดในใจของเขาทั้งหมดกายไปโดยเหลือเพียงความมุ่งมั่นที่หนักแน่นดั่งหินผาขณะที่ค่อยๆเข้าไปใกล้ช้างดึกดำบรรพ์นั่น แม้ว่าเขาจะต้องตาย….แต่เขาก็ต้องเข้าไปใกล้ๆมันให้ได้!
“ภาพลวงตา ทั้งหมดนี้เป็นภาพลวงตาเท่านั้น!”
เจียงอี้พึมพำกับตัวเอง ทุกสิ่งที่เขาเห็น ทุกความรู้สึกและเสียงคำรามที่ได้ยินล้วนแต่เป็นของปลอม มีเงาปรากฏขึ้นในใจของเขา หญิงสาวที่งดงามกำลังรอเขาอยู่ข้างหน้า เขาจะเข้าใกล้นางได้ก็ต่อเมื่อเขาสามารถทะลวงผ่านอุปสรรคทั้งหลายไปได้ จากนั้น เขาก็จะได้กลิ่นผมของนางและใบหน้าที่งดงามของนาง
สามร้อยเมตร, หกร้อยเมตร, เก้าร้อยเมตร….พันหกร้อยเมตร!
ลมหายใจของเจียงอี้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วโดยไร้เหตุผลและใจของเขาก็เต้นรัวขึ้นสิบเท่า ร่างของเขาสั่นสะท้านราวกับเป็นลมบ้าหมู แต่เขาก็ยังคงเดินหน้าต่อไป!
“อั๊ก!”
ทันใดนั้น ร่างกายของเจียงอี้ก็อ่อนยวบลงไปและคุกเข่าลงไปกับพื้น เขาอ้าปากกระอักเลือดสดๆออกมาเต็มปาก ปฎิกิริยาทางร่างกายของเขาทำให้เลือดของเขาไหลเวียนเร็วขึ้นและเส้นเลือดแดงเล็กๆบางส่วนก็แตกซ่าน ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บจากภายใน
“คลานต่อไป!”
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ เขาเมินเฉยต่อสิ่งต่างๆทั้งหมดไป เมื่อขาทั้งสองข้างของเขาอ่อนลงและไม่สามารถเดินได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงเริ่มคลานและต้องเข้าไปใกล้ช้างดึกดำบรรพ์ให้ได้แม้ว่าเขาจะต้องตายก็ตาม!
สองพันเมตร…..สองพันหกร้อยเมตร!
ร่างกายของเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป เบื้องหลังเจียงอี้มีรอยเลือดยาวกว่าหนึ่งกิโลเมตรซึ่งมันเป็นภาพที่น่าสยดสยอง รูทวารทั้งเจ็ดของเขาเริ่มมีเลือดไหลออกมาและดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีขาว เห็นได้ชัดว่าสติของเขาเริ่มจะดับแล้ว
วิญญาณอาจเขย่าขวัญให้ผู้คนตายได้!
มนุษย์อาจกลัวจนตายไปได้หากพวกเขาถูกความกลัวกระตุ้นอย่างหนัก หากหัวใจของพวกเขาเต้นเร็วเกินไป พวกเขาก็อาจตายได้จากเลือดออกจากภายในร่างกาย เห็นได้ชัดว่าเจียงอี้จิตใจสับสนกับภาพลวงตาที่เกิดจากแดนลึกลับนี้ บางทีเขาอาจจะกลัวจนตายไปเลยก็ได้หากเขายังเดินหน้าต่อไปอยู่
เจียงอี้ไม่พยายามไปข้างหน้าอีกต่อไป ในตอนนี้ จิตใจของเขาก็พร่ามัวไปบ้างและเหมือนจะแหลกสลายไป เขาจะรู้วิธีเดินหน้าไปได้อย่างไร? เจียงอี้นอนอยู่บนพื้นเหมือนสัตว์เลื้อยคลานขณะที่เลือดไหลออกจากรูทวารทั้งเจ็ด ทำให้พื้นถูกย้อมไปด้วยสีแดง
“ลวงตา ทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพลวงตา ข้าต้องไม่หวั่นเกรงกับทุกสิ่งที่อยู่ข้างหน้าข้าสิ ข้าจะต้องเดินหน้าต่อไป ใจของข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้น ตราบใดที่ใจข้าแกร่งขึ้นก็ไม่มีภาพลวงตาใดมาปั่นป่วนใจข้าได้อีกต่อไป!”
“สิ่งล่อลวงคือความว่างเปล่า ความว่างเปล่าคือสิ่งล่อลวง ตราบใดที่ใจข้าแข็งแกร่งขึ้นก็จะไม่มีภูตผีปีศาจตนใดหยุดยั้งข้าได้ ข้ายังมองปริศนาทุกประเภทออกและไม่มีสิ่งใดมาหลอกตาข้าได้ ข้าต้องไม่กลัว หากข้าไม่กลัวตายแล้วจะมีอะไรให้ข้าต้องกลัวอีก?”
“เจียงอี้ เจ้าต้องดึงสติตัวเองไว้ รั่วเสวี่ยยังรอให้เจ้าไปช่วยอยู่นะ หากเจ้าไม่สามารถเอาชนะความท้าทายเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ได้ แล้วเจ้าจะไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาได้อย่างไร? เจ้าจะเอาชนะตระกูลหวู่ที่น่าเกรงขามและช่วยซูรั่วเสวี่ยได้ยังไง? ทั้งหมดนี้เป็นของปลอมทั้งนั้น ข้าจะต้องไม่กลัว ข้าจะต้องก้าวเดินต่อไป”
“….”
ความคิดมากมายผุดขึ้นในใจเจียงอี้อย่างต่อเนื่อง เขาพยายามโน้มน้าวตัวเองว่าทุกสิ่งที่เขารู้สึกนั้นไม่ใช่ของจริงเพื่อเอาชนะความกลัวในใจและเพื่อที่จะได้ก้าวต่อไป
และเจียงอี้ก็ทำสำเร็จ ร่างของเขาเริ่มเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่ง แต่เลือดที่ออกจากรูทวารทั้งเจ็ดนั้นกลับแย่ลงและร่างกายก็สั่นเทาหนักมาก เส้นเลือดในตัวเจียงอี้ค่อยๆแตกซ่านออกทีละเส้น บางที….เขาอาจจะตายจากการเสียเลือดมากเกินไปก่อนที่จะคลานไปถึงช้างดึกดำบรรพ์ก็ได้
สองพันเจ็ดร้อย, สองพันเก้าร้อยสี่สิบเมตร….สามพันเมตร! ในที่สุดร่างของเจียงอี้ก็หยุดนิ่งไป หลอดเลือดแดงเกินครึ่งร่างเจียงอี้แตกซ่านออกมาและร่างของเขาก็บาดเจ็บสาหัส ซึ่งความคิดก็ยังดังก้องอยู่ในใจเขาและเขาต้องการจะเดินหน้าต่อไป แต่ร่างกายของเขานั้นไม่ไหวแล้ว เขาจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป
“นี่ข้ากำลังจะตายหรือ?”
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือดและเผยร่องรอยของความเจ็บปวด และร่างของเขาก็บิดเบี้ยวไปเพราะความเจ็บปวดที่รุนแรงและดวงตาก็หดตัวอยู่ตลอดเวลา ทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าเหมือนจะพร่ามัวไปหมด เขาจ้องมองไปข้างหน้าอย่างเลือนลางและยังคงนิ่งงันราวกับว่ากำลังรอให้ความตายมาถึง
“ฮู่ สุดท้ายข้าก็เอาชนะความกลัวไม่ได้ ใจข้ายังไม่แข็งพอ! เขตลวงตานี่พรากชีวิตข้าไปได้จริงๆ….”
ความคิดที่เหน็ดเหนื่อยผุดขึ้นมาในใจของเขา ในตอนนี้ ไม่เพียงแต่ดวงจิตของเจียงอี้จะอ่อนล้า แต่ทั่วทั้งร่างกายของเขาก็อ่อนแอมากเช่นกัน เขาอยากจะหลับให้สบายและนอนอยู่เฉยๆอย่างนี้ตลอดไป
“นี่มันไม่ถูกสิ!”
ในขณะที่เจียงอี้หลับตา ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวเขาทันที “ข้าคิดมาตลอดเลยว่าช้างดึกดำบรรพ์นี่เป็นภาพลวงตา มันหมายความว่าอะไรล่ะ? นั่นก็แสดงว่าข้ากำลังโน้มน้าวใจตัวเองไม่ให้กลัวสิ่งนี้ ซึ่งมันหมายความว่า…ข้ายังคงกลัวอยู่ แต่ช้างดึกดำบรรพ์นี้ไม่มีอยู่จริง แล้วข้าจะโน้มน้าวใจตัวเองทำไม? แล้วทำไมข้าถึงต้องกลัวกัน?”
“หากใจผู้คนเข็มแข็ง พวกเขาจะไม่กลัว ไม่ว่านี่จะเป็นสัตว์อสูรลวงตาหรือว่าเป็นตัวจริง! เป็นตัวจริงแล้วยังไง? ตราบใดที่ใจข้าเข้มแข็งพอ ข้าจะทำลายมันให้ได้! ผิด ผิดแล้ว ข้าคิดผิดแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า เจียงอี้เอ๊ย เจียงอี้ เจ้าฉลาดหลักแหลมมาเสมอแต่เกือบถูกเขตลวงตาฆ่าตายเสียแล้ว”
เจียงอี้ลืมตาขึ้นมาทันทีขณะที่เขากำลังจะจบเรื่องนี้ ดวงตาของเขาไม่พร่ามัวอีกต่อไปและเต็มไปด้วยความสดใส ในขณะเดียวกัน แสงสีทองในดวงจิตของเขาก็ส่องสว่างออกมา รูปร่างดวงจิตที่คล้ายกับดาบมังกรเพลิงแผ่ขยายออกมาอย่างรวดเร็ว
…