เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 870 ทะเลแห่งบาป
มีเขตแดนทะเลขนาดยักษ์ที่อยู่ระหว่างทวีปจักรพรรดิบูรพาและเผ่าเทพประทาน ผู้คนในทวีปจักรพรรดิบูรพาเรียกมันว่าทะเลแห่งบาป มันหมายความว่าสถานที่นี้ใกล้เกาะแห่งบาป มันจึงถูกเรียกว่าทะเลแห่งบาป
ตอนนี้ ทางเหนือของทะเลแห่งบาปมีห้วงมิติผันผวนขึ้นอย่างกะทันหันขณะที่ชายที่สวมชุดคลุมสีทองที่มีกลิ่นอายอสูรพุ่งออกมาจากรอยแยกของห้วงมิติ คนผู้นี้มีกลิ่นอายที่อยู่ขอบเขตจักรพรรดิสัตว์อสูรขั้นสูงสุด กลิ่นอายของเขาทำให้เหล่าปีศาจทะเลใกล้ๆต่างหวาดกลัวและทำให้พวกมันหนีกันไปทั่วทุกสารทิศ
ฟรึ่บ!
ชายผู้นั้นมีเขาสีทองสองเขาบนหัวและดูเหมือนจักรพรรดิสัตว์อสูรอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาอันเย็นเยียบของเขากวาดมองไปรอบๆก่อนที่จะกำหนดทิศทางและบินไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
“ชู่ ชู่!”
มีเกาะเล็กๆอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและมีอินทรีแดงสองตัววนเวียนอยู่เหนือเกาะ เมื่อชายชุดทองเข้ามาใกล้ อินทรีแดงทั้งสองตัวก็รีบบินหนีไปด้วยความกลัวและขึ้นไปยังที่สูง
ฟรึ่บ!
ชายชุดทองบินไปที่เกาะและสำรวจรอบๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสัตว์อสูรที่ทรงพลัง จากนั้นเขาก็นั่งขัดสมาธิขณะที่แหวนของเขาส่องแสงออกมาและเขาก็หยิบยาออกมาและหลับตาลงก่อนจะเข้าสู่การทำสมาธิ
“ที่นี่น่าจะอยู่ไม่ไกลจากทวีปจักรพรรดิบูรพาใช่ไหม?”
ครึ่งวันต่อมา ชายชุดทองลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและสำรวจรอบๆอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจยาวๆ หลังจากนั่งได้ครู่หนึ่ง เขาก็ฉีกห้วงมิติและเข้าไปในนั้นก่อนที่จะหายลับไปจากเกาะ
ชายชุดทองกำลังใช้วิชาเทพพรางตา และนั่นคือเจียงอี้ที่ปลอมตัวอยู่ เขาออกมาจากเผ่าเทพประทานได้ราวสิบกว่าวันแล้ว เขาไม่ได้ใช้วิชาหลีกสวรรค์ออกจากเมืองเทพประทานแต่นั่งเรือลิขิตสวรรค์ไปยังทะเลเทพประทานและลงกลางทางก่อนจะใช้วิชาหลีกสวรรค์เพื่อออกจากเผ่าเทพประทาน
หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ใช้วิชาหลีกสวรรค์อย่างประมาท เขาใช้เส้นทางอ้อมและใช้วิชาหลีกสวรรค์เพื่อเดินทางไปทางเหนือของทะเลแห่งบาป จากนั้นเขาก็เตรียมที่จะเข้าสู่ทวีปจักรพรรดิบูรพาจากทางตะวันตกเฉียงเหนือเนื่องจากมีเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์อยู่ทางนั้นมากมาย ทำให้มันดูไม่น่าสงสัยเมื่อเขาเข้าไปที่นั่น
แต่แน่นอนว่า ที่สำคัญที่สุดคือเมืองจักรพรรดิอรหังที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีป
ไม่มีผู้ใดสามารถปีนขึ้นไปบนเขาลี้ลับได้อีกห้าปีเนื่องจากเอ๋าหลูในขณะที่เจียงอี้ก็ยังคงไม่รู้เรื่องสถานการณ์ของซูรั่วเสวี่ยและจีทิงยวี่นัก ส่วนอีเพียวเพียวและหยูเวินก็ยังค้นหาไม่เสร็จขณะที่การถล่มโถงวรยุทธด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขามันเป็นเรื่องเพ้อฝันเกินไป ดังนั้นทางเดียวของเขาคือการไปยังเมืองจักรพรรดิอรหังเพื่อตามหาซากปรักหักพังสลายบาป จากนั้นก็หาทางเอากล้วยไม้เขี้ยวเพลิงมาเพื่อรักษาเชียนเชียนให้ได้ก่อน
บรึฟ!
เจียงอี้ใช้วิชาหลีกสวรรค์อย่างต่อเนื่องและเริ่มอยู่ไม่ไกลจากทวีปจักรพรรดิบูรพาแล้ว เขาหยุดใช้วิชาหลีกสวรรค์หลังจากใช้งานมันมาสามครั้งและไม่กล้าใช้มันอย่างประมาทอีกต่อไป
เก้าตระกูลจักรพรรดิและตระกูลหลักในทวีปจักรพรรดิบูรพาต้องมีข้อมูลของเขาอย่างสมบูรณ์ หากเจียงอี้ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของตัวเองทันทีที่เหยียบทวีปจักรพรรดิบูรพา เขาจะต้องเดินทางด้วยการไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ ไม่เช่นนั้น หากเขาใช้วิชาหลีกสวรรค์และปรากฏขึ้นเหนือเมืองในทวีป เขาก็จะถูกเผยตัวตนทันที
วิชาหลีกสวรรค์, เกราะเมฆาอัคคี, ดาบมังกรเพลิง, เปลวเพลิงอัสนี, วิชาเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์, หม้อเวหาสลาตัน, เจตจำนงสังหารหมู่
หลังจากที่เข้าใกล้ทวีปจักรพรรดิบูรพาแล้ว เขาก็ไม่สามารถใช้ความสามารถและสมบัติที่คนอื่นรู้จักได้อีกต่อไป เพราะเมื่อเขาใช้มัน เขาจะถูกสืบสาวทันที และหากมีศัตรูที่ทรงพลังไล่ล่า เขาจะต้องปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังและใช้วิชาหลีกสวรรค์เพื่อหลบหนี และเมื่อเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น ตัวตนของเขาก็จะถูกเปิดเผยและตระกูลเสีย, ตระกูลหวู่, ตระกูลถูและตระกูลเจี้ยนก็จะระดมยอดฝีมือทันทีและหาทางสังหารเขา
ดังนั้น ก่อนที่เจียงอี้จะเดินทาง เขาก็ตัดสินใจไว้แล้วว่าจะไม่ใช้ความสามารถและสมบัติที่ตัวเองมี นอกจากจะอยู่ในช่วงความเป็นตายจริงๆ เขาจะไม่เริ่มสู้และจะคอยรักษาตัวตนไว้ต่ำๆจนกว่าเขาจะแอบเข้าไปในเมืองจักรพรรดิอรหังได้
เจียงอี้จะหยุดบินหลังจากบินผ่านมานับหมื่นกิโลเมตร เขาจะคอยปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมาสอดแนมอย่างรวดเร็ว และที่ที่เขาอยู่ก็น่าจะอยู่บริเวณทะเลตื้นแล้ว และไม่น่าจะมีสัตว์อสูรที่ทรงพลังอยู่ หากเขาไม่ตรวจสอบให้ดีและประมาทไป เขาอาจจะเจอมนุษย์จากทวีปจักรพรรดิบูรพาก็ได้
ตอนนี้เจียงอี้ไม่ได้อยู่ในร่างของเผ่าอสูรอีกต่อไปขณะที่เขากลายเป็นชายวัยกลางคนที่ดูเคร่งขรึม คนนอกจะสัมผัสได้ว่าเขาเป็นขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำ และด้วยความแข็งแกร่งดังกล่าวนี้ มันจะไม่ดึงดูดความสนใจใดๆขณะที่คนปกติทั่วไปจะยวนยีเขา
“มีคนอยู่ตรงนั้น!”
หลังจากที่บินไปได้อีกหนึ่งวันหนึ่งคืน เจียงอี้ก็เจอมนุษย์ในที่สุด ซึ่งไม่ใช่คนเดียวแต่เป็นเรือลิขิตสวรรค์ เรือลิขิตสวรรค์นั้นกำลังบินมาจากทางตะวันออกเฉียงเหนือด้วยความเร็วสูง จากทางที่พวกเขากำลังบินไป พวกเขาก็คงมุ่งหน้าไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาด้วยเช่นกัน
“อืม..ตามพวกนั้นไปดีกว่า!”
หากมีเรือลิขิตสวรรค์ ก็ย่อมมีสมาคมการค้า และที่ตั้งสมาคมการค้าจะต้องอยู่ริมทะเลทวีปจักรพรรดิบูรพาแน่ๆ เจียงอี้กำลังวางแผนที่จะตามเรือลิขิตสวรรค์และมุ่งหน้าไปยังที่ตั้งก่อนเพราะเขาไม่มีอะไรเลยนอกจากแผนที่ทวีปจักรพรรดิบูรพา
เรือลิขิตสวรรค์เป็นขนาดเล็กและมีความเร็วใกล้เคียงกับเขา เจียงอี้ไม่กล้าเข้าไปใกล้เรือลิขิตสวรรค์มากนักเนื่องจากปกติแล้ว จะมียอดฝีมือคอยดูแลเรืออยู่ และเมื่อเขาเข้าไปใกล้ เขาอาจจะถูกโจมตีหรือถูกมองว่าเป็นสายลับก็ได้
เขาอยู่ห่างจากเรือลิขิตสวรรค์ไปหมื่นกิโลเมตร และหลังจากนั้น เขาก็จะปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าเขาจะไม่หลงจากเรือลิขิตสวรรค์ เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนหรือต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะถึงทวีปจักรพรรดิบูรพา เขาไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกจากต้องตามเรือลิขิตสวรรค์ไป
สามวันต่อมา
เจียงอี้รู้สึกมืดหม่นเล็กน้อยขณะที่เขายังไม่ถึงทวีปจักรพรรดิบูรพาเลยหลังจากที่บินมาสามวันแล้ว หากเขารุ้เช่นนี้ เขาคงใช้วิชาหลีกสวรรค์อีกหน่อย มีเกาะเล็กๆอยู่เบื้องหน้าเขาและเจียงอี้ก็บินเข้าไปในเกาะนั้นก่อนจะใช้ญาณศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะได้สอดแนมไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อดูว่าเขาสามารถหาอาณาเขตของทวีปจักรพรรดิบูรพาได้หรือยัง
“เอ๊ะ? มีกลุ่มโจรนี่?”
เมื่อเจียงอี้ตรวจสอบผ่านเรือลิขิตสวรรค์ไปซึ่งอยู่ห่างออกไปหมื่นกิโลเมตร เขาก็เห็นว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้น มีโจรเกือบพันตนและผู้นำเป็นขอบเขตเทียนจุนระดับสูง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นกองโจรขนาดเล็ก
แต่ผู้คุมบนเรือลิขิตสวรรค์ไม่สามารถต้านทานพวกเขาได้เพราะมีจอมยุทธเพียงหกร้อยคนที่บินออกมาจากเรือลิขิตสวรรค์เท่านั้นและไม่มีขอบเขตเทียนจุนระดับสูงเลยแม้แต่คนเดียว และยังมีคนมากกว่าร้อยคนที่เป็นขอบเขตจินกังด้วย
“นี่มันคืออะไร? นี่เป็นเรือลิขิตสวรรค์ของสมาคมการค้าหรือเปล่า? ทำไมจึงไม่มียอดฝีมือมาดูแลล่ะ?” เจียงอี้งุนงงอยู่เงียบๆ โดยทั่วไปแล้วจะต้องมีขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดคอยดูแลเรือลิขิตสวรรค์อย่างแน่นอน
หลังจากที่เขาตรวจสอบด้วยญาณศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาก็เข้าใจทันทีเมื่อเห็นว่านอกเหนือจากขอบเขตเทียนจุนบนเรือลิขิตสวรรค์แล้ว ยังมีหญิงแปดคนและลูกอีกสองคน
เห็นได้ชัดว่าเรือลิขิตสวรรค์ลำนี้ไม่ใช่ของสมาคมการค้าแต่น่าจะเป็นของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง
ญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้เห็นว่าเด็กทั้งสองนั้นเป็นเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง และอายุของพวกเขาก็น่าจะราวๆสามขวบ พวกเขากำลังร่ำไห้เสียงดังและผู้หญิงเหล่านั้นก็กลัวจนตัวสั่น ดวงตาของเจียงอี้เปล่งประกายด้วยความโกรธขณะที่เขาก่นด่าอยู่เงียบๆ “พวกนี้นำเด็กเล็กออกมาด้วย? ตระกูลนี้เป็นบ้าไปแล้วหรือไงกัน?”
เป็นเรื่องปกติที่จอมยุทธจะเข่นฆ่ากันและทวีปจักรพรรดิบูรพาก็เลื่องชื่อมาก บรรดาผู้ที่กล้าผจญภัยไปในทวีปมักจะต้องลงเอยด้วยความตายและทำให้ผู้หญิงและเด็กๆตกอยู่ในความเสี่ยง แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อ? เด็กๆเหล่านี้ไร้เดียงสาและเหล่ากองโจรพวกนี้ก็ไม่ได้สนใจเลยว่าพวกนั้นจะเป็นเด็กหรือไม่
ปัง ปัง ปัง!
กองโจรกลุ่มนี้มีขนาดเล็ก แต่จอมยุทธบนเรือนี้อ่อนแอเกินไป เพียงชั่วพริบตา จอมยุทธทั้งหกร้อยคนก็ถูกสังหารไปครึ่งหนึ่งแล้วและคนอื่นๆก็มีแต่ความสิ้นหวัง แต่พวกเขาก็ยังคงต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
ปัง ปัง ปัง!
ลำแสงพุ่งเข้าใส่ม่านพลังเรือลิขิตสวรรค์ เรือลำนี้เป็นขนาดเล็กที่สุดและม่านพลังก็ต้องอ่อนแออยู่แล้วซึ่งทำให้เจียงอี้สอดส่องเข้าไปข้างในได้อย่างชัดเจน
ไม่นานม่านพลังเรือลิขิตสวรรค์ก็จางลงและกำลังจะแตกสลายไป เหล่าผู้หญิงพวกนั้นก็สิ้นหวังมากขณะที่หญิงสาวที่ออกเรือนแล้วก็หยิบมีดสั้นมาและกดไว้ที่คอตัวเองขณะที่พร้อมจะตายเพื่อไม่ให้ตัวเองตกไปอยู่ในเงื้อมมือพวกกองโจรเหล่านี้ เด็กทั้งสองเองก็ตกใจมาก ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างและเต็มไปด้วยความกลัว
“เฮ้อ…”
เดิมทีเจียงอี้ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาก็ใจอ่อนเมื่อเห็นเด็กสองคนนั้น พวกเขาเพิ่งจะเกิดขึ้นมาบนโลกนี้ได้ไม่นานและหากพวกเขาตายไปแบบนี้ มันคงไม่ยุติธรรมกับพวกเขาเลยจริงๆ บรึฟ!
กลิ่นอายของเจียงอี้แผ่ออกมาและทันใดนั้นมันก็แผ่ออกมาราวกับภูเขา เขากลายเป็นสายรุ้งขณะที่บินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ ทางเหนือของทะเลแห่งบาปมีห้วงมิติผันผวนขึ้นอย่างกะทันหันขณะที่ชายที่สวมชุดคลุมสีทองที่มีกลิ่นอายอสูรพุ่งออกมาจากรอยแยกของห้วงมิติ คนผู้นี้มีกลิ่นอายที่อยู่ขอบเขตจักรพรรดิสัตว์อสูรขั้นสูงสุด กลิ่นอายของเขาทำให้เหล่าปีศาจทะเลใกล้ๆต่างหวาดกลัวและทำให้พวกมันหนีกันไปทั่วทุกสารทิศ
ฟรึ่บ!
ชายผู้นั้นมีเขาสีทองสองเขาบนหัวและดูเหมือนจักรพรรดิสัตว์อสูรอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาอันเย็นเยียบของเขากวาดมองไปรอบๆก่อนที่จะกำหนดทิศทางและบินไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
“ชู่ ชู่!”
มีเกาะเล็กๆอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและมีอินทรีแดงสองตัววนเวียนอยู่เหนือเกาะ เมื่อชายชุดทองเข้ามาใกล้ อินทรีแดงทั้งสองตัวก็รีบบินหนีไปด้วยความกลัวและขึ้นไปยังที่สูง
ฟรึ่บ!
ชายชุดทองบินไปที่เกาะและสำรวจรอบๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสัตว์อสูรที่ทรงพลัง จากนั้นเขาก็นั่งขัดสมาธิขณะที่แหวนของเขาส่องแสงออกมาและเขาก็หยิบยาออกมาและหลับตาลงก่อนจะเข้าสู่การทำสมาธิ
“ที่นี่น่าจะอยู่ไม่ไกลจากทวีปจักรพรรดิบูรพาใช่ไหม?”
ครึ่งวันต่อมา ชายชุดทองลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและสำรวจรอบๆอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจยาวๆ หลังจากนั่งได้ครู่หนึ่ง เขาก็ฉีกห้วงมิติและเข้าไปในนั้นก่อนที่จะหายลับไปจากเกาะ
ชายชุดทองกำลังใช้วิชาเทพพรางตา และนั่นคือเจียงอี้ที่ปลอมตัวอยู่ เขาออกมาจากเผ่าเทพประทานได้ราวสิบกว่าวันแล้ว เขาไม่ได้ใช้วิชาหลีกสวรรค์ออกจากเมืองเทพประทานแต่นั่งเรือลิขิตสวรรค์ไปยังทะเลเทพประทานและลงกลางทางก่อนจะใช้วิชาหลีกสวรรค์เพื่อออกจากเผ่าเทพประทาน
หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ใช้วิชาหลีกสวรรค์อย่างประมาท เขาใช้เส้นทางอ้อมและใช้วิชาหลีกสวรรค์เพื่อเดินทางไปทางเหนือของทะเลแห่งบาป จากนั้นเขาก็เตรียมที่จะเข้าสู่ทวีปจักรพรรดิบูรพาจากทางตะวันตกเฉียงเหนือเนื่องจากมีเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์อยู่ทางนั้นมากมาย ทำให้มันดูไม่น่าสงสัยเมื่อเขาเข้าไปที่นั่น
แต่แน่นอนว่า ที่สำคัญที่สุดคือเมืองจักรพรรดิอรหังที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีป
ไม่มีผู้ใดสามารถปีนขึ้นไปบนเขาลี้ลับได้อีกห้าปีเนื่องจากเอ๋าหลูในขณะที่เจียงอี้ก็ยังคงไม่รู้เรื่องสถานการณ์ของซูรั่วเสวี่ยและจีทิงยวี่นัก ส่วนอีเพียวเพียวและหยูเวินก็ยังค้นหาไม่เสร็จขณะที่การถล่มโถงวรยุทธด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขามันเป็นเรื่องเพ้อฝันเกินไป ดังนั้นทางเดียวของเขาคือการไปยังเมืองจักรพรรดิอรหังเพื่อตามหาซากปรักหักพังสลายบาป จากนั้นก็หาทางเอากล้วยไม้เขี้ยวเพลิงมาเพื่อรักษาเชียนเชียนให้ได้ก่อน
บรึฟ!
เจียงอี้ใช้วิชาหลีกสวรรค์อย่างต่อเนื่องและเริ่มอยู่ไม่ไกลจากทวีปจักรพรรดิบูรพาแล้ว เขาหยุดใช้วิชาหลีกสวรรค์หลังจากใช้งานมันมาสามครั้งและไม่กล้าใช้มันอย่างประมาทอีกต่อไป
เก้าตระกูลจักรพรรดิและตระกูลหลักในทวีปจักรพรรดิบูรพาต้องมีข้อมูลของเขาอย่างสมบูรณ์ หากเจียงอี้ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของตัวเองทันทีที่เหยียบทวีปจักรพรรดิบูรพา เขาจะต้องเดินทางด้วยการไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ ไม่เช่นนั้น หากเขาใช้วิชาหลีกสวรรค์และปรากฏขึ้นเหนือเมืองในทวีป เขาก็จะถูกเผยตัวตนทันที
วิชาหลีกสวรรค์, เกราะเมฆาอัคคี, ดาบมังกรเพลิง, เปลวเพลิงอัสนี, วิชาเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์, หม้อเวหาสลาตัน, เจตจำนงสังหารหมู่
หลังจากที่เข้าใกล้ทวีปจักรพรรดิบูรพาแล้ว เขาก็ไม่สามารถใช้ความสามารถและสมบัติที่คนอื่นรู้จักได้อีกต่อไป เพราะเมื่อเขาใช้มัน เขาจะถูกสืบสาวทันที และหากมีศัตรูที่ทรงพลังไล่ล่า เขาจะต้องปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังและใช้วิชาหลีกสวรรค์เพื่อหลบหนี และเมื่อเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น ตัวตนของเขาก็จะถูกเปิดเผยและตระกูลเสีย, ตระกูลหวู่, ตระกูลถูและตระกูลเจี้ยนก็จะระดมยอดฝีมือทันทีและหาทางสังหารเขา
ดังนั้น ก่อนที่เจียงอี้จะเดินทาง เขาก็ตัดสินใจไว้แล้วว่าจะไม่ใช้ความสามารถและสมบัติที่ตัวเองมี นอกจากจะอยู่ในช่วงความเป็นตายจริงๆ เขาจะไม่เริ่มสู้และจะคอยรักษาตัวตนไว้ต่ำๆจนกว่าเขาจะแอบเข้าไปในเมืองจักรพรรดิอรหังได้
เจียงอี้จะหยุดบินหลังจากบินผ่านมานับหมื่นกิโลเมตร เขาจะคอยปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมาสอดแนมอย่างรวดเร็ว และที่ที่เขาอยู่ก็น่าจะอยู่บริเวณทะเลตื้นแล้ว และไม่น่าจะมีสัตว์อสูรที่ทรงพลังอยู่ หากเขาไม่ตรวจสอบให้ดีและประมาทไป เขาอาจจะเจอมนุษย์จากทวีปจักรพรรดิบูรพาก็ได้
ตอนนี้เจียงอี้ไม่ได้อยู่ในร่างของเผ่าอสูรอีกต่อไปขณะที่เขากลายเป็นชายวัยกลางคนที่ดูเคร่งขรึม คนนอกจะสัมผัสได้ว่าเขาเป็นขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำ และด้วยความแข็งแกร่งดังกล่าวนี้ มันจะไม่ดึงดูดความสนใจใดๆขณะที่คนปกติทั่วไปจะยวนยีเขา
“มีคนอยู่ตรงนั้น!”
หลังจากที่บินไปได้อีกหนึ่งวันหนึ่งคืน เจียงอี้ก็เจอมนุษย์ในที่สุด ซึ่งไม่ใช่คนเดียวแต่เป็นเรือลิขิตสวรรค์ เรือลิขิตสวรรค์นั้นกำลังบินมาจากทางตะวันออกเฉียงเหนือด้วยความเร็วสูง จากทางที่พวกเขากำลังบินไป พวกเขาก็คงมุ่งหน้าไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาด้วยเช่นกัน
“อืม..ตามพวกนั้นไปดีกว่า!”
หากมีเรือลิขิตสวรรค์ ก็ย่อมมีสมาคมการค้า และที่ตั้งสมาคมการค้าจะต้องอยู่ริมทะเลทวีปจักรพรรดิบูรพาแน่ๆ เจียงอี้กำลังวางแผนที่จะตามเรือลิขิตสวรรค์และมุ่งหน้าไปยังที่ตั้งก่อนเพราะเขาไม่มีอะไรเลยนอกจากแผนที่ทวีปจักรพรรดิบูรพา
เรือลิขิตสวรรค์เป็นขนาดเล็กและมีความเร็วใกล้เคียงกับเขา เจียงอี้ไม่กล้าเข้าไปใกล้เรือลิขิตสวรรค์มากนักเนื่องจากปกติแล้ว จะมียอดฝีมือคอยดูแลเรืออยู่ และเมื่อเขาเข้าไปใกล้ เขาอาจจะถูกโจมตีหรือถูกมองว่าเป็นสายลับก็ได้
เขาอยู่ห่างจากเรือลิขิตสวรรค์ไปหมื่นกิโลเมตร และหลังจากนั้น เขาก็จะปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าเขาจะไม่หลงจากเรือลิขิตสวรรค์ เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนหรือต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะถึงทวีปจักรพรรดิบูรพา เขาไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกจากต้องตามเรือลิขิตสวรรค์ไป
สามวันต่อมา
เจียงอี้รู้สึกมืดหม่นเล็กน้อยขณะที่เขายังไม่ถึงทวีปจักรพรรดิบูรพาเลยหลังจากที่บินมาสามวันแล้ว หากเขารุ้เช่นนี้ เขาคงใช้วิชาหลีกสวรรค์อีกหน่อย มีเกาะเล็กๆอยู่เบื้องหน้าเขาและเจียงอี้ก็บินเข้าไปในเกาะนั้นก่อนจะใช้ญาณศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะได้สอดแนมไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อดูว่าเขาสามารถหาอาณาเขตของทวีปจักรพรรดิบูรพาได้หรือยัง
“เอ๊ะ? มีกลุ่มโจรนี่?”
เมื่อเจียงอี้ตรวจสอบผ่านเรือลิขิตสวรรค์ไปซึ่งอยู่ห่างออกไปหมื่นกิโลเมตร เขาก็เห็นว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้น มีโจรเกือบพันตนและผู้นำเป็นขอบเขตเทียนจุนระดับสูง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นกองโจรขนาดเล็ก
แต่ผู้คุมบนเรือลิขิตสวรรค์ไม่สามารถต้านทานพวกเขาได้เพราะมีจอมยุทธเพียงหกร้อยคนที่บินออกมาจากเรือลิขิตสวรรค์เท่านั้นและไม่มีขอบเขตเทียนจุนระดับสูงเลยแม้แต่คนเดียว และยังมีคนมากกว่าร้อยคนที่เป็นขอบเขตจินกังด้วย
“นี่มันคืออะไร? นี่เป็นเรือลิขิตสวรรค์ของสมาคมการค้าหรือเปล่า? ทำไมจึงไม่มียอดฝีมือมาดูแลล่ะ?” เจียงอี้งุนงงอยู่เงียบๆ โดยทั่วไปแล้วจะต้องมีขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดคอยดูแลเรือลิขิตสวรรค์อย่างแน่นอน
หลังจากที่เขาตรวจสอบด้วยญาณศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาก็เข้าใจทันทีเมื่อเห็นว่านอกเหนือจากขอบเขตเทียนจุนบนเรือลิขิตสวรรค์แล้ว ยังมีหญิงแปดคนและลูกอีกสองคน
เห็นได้ชัดว่าเรือลิขิตสวรรค์ลำนี้ไม่ใช่ของสมาคมการค้าแต่น่าจะเป็นของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง
ญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้เห็นว่าเด็กทั้งสองนั้นเป็นเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง และอายุของพวกเขาก็น่าจะราวๆสามขวบ พวกเขากำลังร่ำไห้เสียงดังและผู้หญิงเหล่านั้นก็กลัวจนตัวสั่น ดวงตาของเจียงอี้เปล่งประกายด้วยความโกรธขณะที่เขาก่นด่าอยู่เงียบๆ “พวกนี้นำเด็กเล็กออกมาด้วย? ตระกูลนี้เป็นบ้าไปแล้วหรือไงกัน?”
เป็นเรื่องปกติที่จอมยุทธจะเข่นฆ่ากันและทวีปจักรพรรดิบูรพาก็เลื่องชื่อมาก บรรดาผู้ที่กล้าผจญภัยไปในทวีปมักจะต้องลงเอยด้วยความตายและทำให้ผู้หญิงและเด็กๆตกอยู่ในความเสี่ยง แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อ? เด็กๆเหล่านี้ไร้เดียงสาและเหล่ากองโจรพวกนี้ก็ไม่ได้สนใจเลยว่าพวกนั้นจะเป็นเด็กหรือไม่
ปัง ปัง ปัง!
กองโจรกลุ่มนี้มีขนาดเล็ก แต่จอมยุทธบนเรือนี้อ่อนแอเกินไป เพียงชั่วพริบตา จอมยุทธทั้งหกร้อยคนก็ถูกสังหารไปครึ่งหนึ่งแล้วและคนอื่นๆก็มีแต่ความสิ้นหวัง แต่พวกเขาก็ยังคงต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
ปัง ปัง ปัง!
ลำแสงพุ่งเข้าใส่ม่านพลังเรือลิขิตสวรรค์ เรือลำนี้เป็นขนาดเล็กที่สุดและม่านพลังก็ต้องอ่อนแออยู่แล้วซึ่งทำให้เจียงอี้สอดส่องเข้าไปข้างในได้อย่างชัดเจน
ไม่นานม่านพลังเรือลิขิตสวรรค์ก็จางลงและกำลังจะแตกสลายไป เหล่าผู้หญิงพวกนั้นก็สิ้นหวังมากขณะที่หญิงสาวที่ออกเรือนแล้วก็หยิบมีดสั้นมาและกดไว้ที่คอตัวเองขณะที่พร้อมจะตายเพื่อไม่ให้ตัวเองตกไปอยู่ในเงื้อมมือพวกกองโจรเหล่านี้ เด็กทั้งสองเองก็ตกใจมาก ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างและเต็มไปด้วยความกลัว
“เฮ้อ…”
เดิมทีเจียงอี้ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาก็ใจอ่อนเมื่อเห็นเด็กสองคนนั้น พวกเขาเพิ่งจะเกิดขึ้นมาบนโลกนี้ได้ไม่นานและหากพวกเขาตายไปแบบนี้ มันคงไม่ยุติธรรมกับพวกเขาเลยจริงๆ บรึฟ!
กลิ่นอายของเจียงอี้แผ่ออกมาและทันใดนั้นมันก็แผ่ออกมาราวกับภูเขา เขากลายเป็นสายรุ้งขณะที่บินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว