เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 871 ถานไถชี่
“ซ่งเหอ นำคนสิบคนไปพานายหญิงและนายน้อยหนีไป พวกเราจะคอยสกัดกั้นกองโจรเอง!”
ก่อนที่เจียงอี้จะเข้าไปใกล้ เขาก็ได้ยินเสียงคำรามดังก้องมาจากที่นั่น ชายวัยกลางคนนำนักสู้ที่เหลืออยู่กว่าสองร้อยคนไปยังกองโจรที่อยู่ด้านหน้า พวกเขาทั้งหมดเริ่มโจมตีกันอย่างรุนแรงและไม่ได้สนใจการหลบเลี่ยงและการป้องกันเลย
“ฮ่าฮ่าฮ่า คิดจะหนีรึ? ข้าผู้นี้ไม่ได้ลิ้มรสหญิงงามสดๆใหม่ๆมาสามเดือนแล้ว หากพวกเจ้ายอมจำนนอย่างเชื่อฟัง ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้าซะ ไม่เช่นนั้น พวกเจ้าจะต้องถูกฆ่าอย่างไร้ปรานี!”
ผู้บัญชาการกองโจรเป็นชายผิวดำรูปร่างผอมเพรียว และเขาสวมชุดเกราะสีน้ำเงิน เขาเผยดวงตาที่โลภมากและเลวทรามขณะที่เขากวัดแกว่งดาบอ่อนสีเขียว ทุกครั้งที่เขากวัดแกว่งดาบ แสงดาบจะแผ่ออกมาขณะที่คลื่นนั้นจะปะทะเข้ากับม่านพลังเรือลิขิตสวรรค์
เมื่อเขาเห็นว่าคนสิบคนเตรียมตัวที่จะไปยังเรือลิขิตสวรรค์และหนีไปพร้อมกับผู้หญิงและเด็กเหล่านั้น ดวงตาของเขาก็เผยความเย้ยหยันออกมา ดาบอ่อนของเขาเปล่งประกายด้วยแสงและดาบที่คมกริบก็ถูกส่งออกไปปกคลุมคนทั้งสิบเอาไว้
“ฆ่า ฆ่า ฆ่า!”
กองโจรนั้นป่าเถื่อนมากและเมื่อพวกนี้มาเป็นโจรได้ พวกเขาจึงต้องต่อสู้อย่างต่อเนื่องและไม่เกรงกลัวความตาย และในตอนนี้ การต่อสู้ที่ไม่ใช่คู่มือก็เป็นสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบ พวกนั้นทุกคนกลายเป็นลำแสงและกระจายไปทั่วท้องฟ้าและจากนั้นก็ปลดปล่อยความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองออกมาเพื่อสังหารนักสู้ทั้งสองร้อยคนที่พุ่งเข้ามาหาพวกเขา
ปัง ปัง ปัง!
มีโจรมากเกินไปขณะที่ยังมีขอบเขตเทียนจุนระดับสูงหนึ่งคนและยังมีระดับกลางอีกหลายสิบคน มันคงไร้ประโยชน์แม้ว่านักสู้ทั้งสองร้อยคนนั้นจะเอาชีวิตเข้าสู้ หลังจากการโจมตีสองระลอก โล่ศักดิ์สิทธิ์ร้อยอันก็แตกสลายไปและร่างของพวกเขาก็ระเบิดออกเป็นละอองเลือด
“เราจบเห่แล้ว….”
ชายวัยกลางคนที่ส่งเสียงคำรามออกมาเผยร่องรอยของความสิ้นหวัง เขามองไปที่เรือลิขิตสวรรค์และร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “นายหญิง นายน้อย คุณหนู ซ่งจงผู้นี้ไร้ความสามารถและไม่สามารถแม้แต่จะปกป้องพวกท่านได้…”
ตูม! ตูม!
ในบรรดาคนทั้งสิบคนที่กำลังจะพุ่งกลับไปที่เรือลิขิตสวรรค์ เก้าคนในนั้นถูกทำลายโล่ศักดิ์สิทธิ์และถูกผู้บัญชาการกองโจรสังหารไป ร่างของพวกเขาถูกสับออกเป็นชิ้นๆทันที และมันก็เป็นภาพที่น่าสยดสยอง ส่วนอีกคนที่โชคดีพอก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้เรือลิขิตสวรรค์อีกต่อไป
ดวงตาของผู้บัญชาการเผยแสงสีแดงขณะที่เขาตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น “ฆ่า ฆ่าให้หมด!ข้าต้องการเพียงหญิงที่งามที่สุด และที่เหลือ พวกเจ้าก็แบ่งกันได้เลย”
“ย๊าก! ย๊าก!”
เหล่ากองโจรได้รับกำลังใจทันที มีหญิงสาวแปดคนที่อยู่บนเรือลิขิตสวรรค์และมีหญิงสาวที่ออกเรือนแล้วหนึ่งคนที่ดูดีและมีรูปร่างโดดเด่น เห็นได้ชัดว่าที่เหลือนั้นเป็นสาวใช้ แต่พวกนางก็หน้าตาใช้ได้เหมือนกันจึงทำให้โจรเหล่านี้ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“ฮึ่ม!”
ในขณะนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นจากทิศตะวันออก เมื่อเสียงถูกฉีดด้วยแก่นแท้พลัง มันก็ระเบิดขึ้นราวกับมีฟ้าร้องอยู่ในหูของทุกคน มีกระแสแสงพุ่งมาจากทิศตะวันออกอย่างรวดเร็วซึ่งมีกลิ่นอายราวกับภูเขาและมีอานุภาพอันน่าสะพรึง “หืม?”
ผู้บัญชาการโจรหยุดโจมตีขณะที่เขามองไปทางตะวันออกด้วยความกลัวที่กลั้นเอาไว้ โจรที่เหลือเองก็หยุดโจมตีขณะที่จอมยุทธบนเรือไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว ผู้ที่เข้ามานั้นมีกลิ่นอายที่ท่วมท้นและเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด
เห็นได้ชัดว่าคนที่มาที่นี่คือเจียงอี้ และกลิ่นอายของเขานันเป็นภาพลวงตา วิชาเทพพรางตานั้นน่าทึ่งมาก อย่าว่าแต่ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดเลย แม้แต่กึ่งเทพ เขาก็ยังเลียนแบบได้ด้วยซ้ำ
ทุกคนที่นี่รู้ดีถึงความแข็งแกร่งของขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดอย่างชัดเจน หากพวกเขาทำให้ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดโกรธ ทุกคนจะต้องตาย จึงไม่มีผู้ใดกล้าเคลื่อนไหวเลย
เจียงอี้บินอยู่เหนือทุกคนและมองไปรอบๆด้วยสายตาเย็นชา และมาหยุดที่ผู้บัญชาการกองโจร การแสดงออกอันน่าสยดสยองของเขาเผยร่องรอยของกลิ่นอายสังหารขณะที่เขาตะโกนออกมาว่า “ไสหัวไปซะ!”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
ผู้บัญชาการกองโจรและโจรทั้งหมดถอยกลับไปหลายพันเมตร แต่ด้านผู้บัญชาการไม่ได้หลบหนีไปจริงๆ เขากลับป้องมือและยิ้มขอโทษแทน “ท่านใต้เท้า ข้าผู้นี้คือผู้บัญชาการคนที่สองของกองทัพเพลิงทมิฬ เป็นเขยของเฮยชา ท่านใต้เท้าจะไว้หน้าข้าสักหน่อยได้ไหมขอรับ? ฮึฮึ… หากท่านใต้เท้าต้องการหญิงที่ออกเรือนแล้ว ท่านสามารถนำตัวนางไปได้เลย ส่วนเราจะขอผู้หญิงอีกเจ็ดคนที่เหลือไปแทน”
“กองทัพเพลิงทมิฬ?”
เจียงอี้ไม่เคยได้ยินเรื่องของพวกเขามาก่อน แต่เนื่องจากคนผู้นี้เอ่ยถึงชื่อของพวกเขา มันจึงน่าจะเป็นกองโจรที่ทรงพลังใกล้ๆนี้ แต่เนื่องจากเจียงอี้ตั้งใจจะช่วยพวกเขา เขาจึงไม่ได้มีความกังวลใดๆ มือของเจียงอี้เปล่งประกายด้วยแสงสีขาวขณะที่ดาบหนักสีดำปรากฏขึ้นในขณะที่ชุดเกราะต่อสู้สีดำปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา เขาหมุนเวียนแก่นแท้พลังออกมา ทำให้ดาบหนักและชุดเกราะเปล่งกลิ่นอายที่น่าสยดสยองออกมา
เจียงอี้ตะโกนออกมาอีกครั้ง “ข้าจะนับถอยหลังถึงหนึ่งเท่านั้น สาม สอง…..”
“สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง!”
ผู้บัญชาการและเหล่าโจรทั้งหมดมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก การที่จะมีสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงได้ถึงสองชิ้น ความสามารถของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดผู้นี้จะต้องน่าสะพรึงอย่างแน่นอน พวกเขาจึงตัดเรื่องไร้สาระทั้งหมดไปทันทีและรีบบินหนีไปไกล
“ฮู่วว!”
เจียงอี้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่ใช่เพราะเขากลัวกองโจรพวกนี้ แต่หากเขาต้องลงมือ เขาจะสังหารพวกนี้ไปได้หลายร้อยคนในทันที แต่เขาจะต้องเปิดเผยความแข็งแกร่งการต่อสู้ที่แท้จริงของเขาออกมา
แต่แน่นอนว่าเขาไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนของเขาและใช้แค่สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงทั้งสองสังหารคนเหล่านี้ซะ แต่การปลอมตัวเป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดของเขาอาจจะเผยจุดสังเกตได้
สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงสองชิ้นนี้ได้มาจากเฉียนว่านก้วน และมันคือดาบหนักทมิฬและเกราะเหล็กทมิฬ เฉียนว่านก้วนเป็นบุตรเขยของตระกูลซือถู เขามีศิลาสวรรค์จำนวนมากและการซื้อของพวกนี้เป็นสิ่งที่ง่ายมากๆ
เจียงอี้แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกไป และเมื่อแน่ใจแล้วว่ากองโจรหนีไปไกลแล้ว เขาก็ถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาและมองลงไปด้านล่าง
ชายที่แข็งแกร่งที่ชื่อซ่งจงได้นำคนของเขาไปเห็บศพทั้งหมดและตัดแขนขาของทหารเก็บไว้ในแหวนมิติ ม่านพลังของเรือลิขิตสวรรค์เองก็ถูกเปิดออกและหญิงทั้งแปดคนบนเรือก็บินขึ้นมากันหมด สาวใช้สองคนอุ้มเด็กเอาไว้ขณะที่ทหารบางคนบินตามหลังกลุ่มหญิงสาวเหล่านี้มา จากนั้นพวกเขาก็คุกเข่าให้เจียงอี้กลางอากาศ
หญิงที่ออกเรือนแล้วอยู่ตรงกลาง นางคำนับและพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ข้าน้อย ถานไถชี่ ขอบคุณท่านใต้เท้าที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้เจ้าค่ะ”
ทหารที่เหลือก็ตะโกนออกมาเช่นกัน “ขอบคุณใต้เท้าที่ช่วยชีวิตเราไว้ขอรับ!”
แม้แต่เด็กทั้งสองเองก็ยังพูดอย่างเขินอายว่า “ขอบพระคุณท่านอา”
ดวงตาของเจียงอี้จับจ้องไปที่หญิงที่ออกเรือนแล้วซึ่งน่าจะเป็นนายหญิงของคนเหล่านี้ นางบังเอิญเงยหัวขึ้นมาขณะที่เจียงอี้มองเข้าไปในดวงตาของนาง และดวงตาของเขาก็เป็นประกายขณะที่เขากำลังแอบชื่นชมหญิงงามอยู่เงียบๆ
หญิงสาวคนนี้อายุเพียงยี่สิบกว่าปีเท่านั้นและนางสวมชุดสีเขียวมรกต ผมของนางถูกมัดเป็นมวยเกล้าและนาวก็สวมมรกตแก้วสีเขียวที่หูของนาง รูปลักษณ์ของนางนั้นโดดเด่นและมีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดนัก
เรือนร่างของนางนั้นมีเอวที่กระชับซึ่งมันต่างจากหน้าอกและบั้นท้ายของนางมาก ซึ่งน่ามองอย่างเหลือล้น นางมีความเป็นเอกลักษณ์ที่เหมือนกับว่านางเป็นผู้ที่น่ารักและคอยเป็นที่พึ่งพาให้คนอื่นๆ และเหมือนกับว่าร่างกายของนางสร้างขึ้นมาจากน้ำ
เจียงอี้เหลือบมองและหลบตาทันที เขามีหลายอย่างที่ต้องทำมากเกินไปและไม่ได้มีอารมณ์จะมามองผู้หญิง เขาพยักหน้าอย่างเฉยเมยและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าแค่ผ่านมา พวกเจ้าก็พยายามให้ดีที่สุดและดูแลตัวเองดีๆด้วยล่ะ…”
ขณะที่เจียงอี้กำลังจะบินไป ทหารหลายสิบคนก็กังวลขึ้นขณะที่ซ่งจงกัดฟันและตะโกนออกมาว่า “ท่านใต้เท้า กองทัพเพลิงทมิฬเป็นกองโจรที่แข็งแกร่งที่สุดใกล้ๆนี้ หากท่านไม่ช่วยเรา พวกเราคงต้องตายในเวลาไม่ถึงสามวันอย่างแน่นอนขอรับ!”
ก่อนที่เจียงอี้จะเข้าไปใกล้ เขาก็ได้ยินเสียงคำรามดังก้องมาจากที่นั่น ชายวัยกลางคนนำนักสู้ที่เหลืออยู่กว่าสองร้อยคนไปยังกองโจรที่อยู่ด้านหน้า พวกเขาทั้งหมดเริ่มโจมตีกันอย่างรุนแรงและไม่ได้สนใจการหลบเลี่ยงและการป้องกันเลย
“ฮ่าฮ่าฮ่า คิดจะหนีรึ? ข้าผู้นี้ไม่ได้ลิ้มรสหญิงงามสดๆใหม่ๆมาสามเดือนแล้ว หากพวกเจ้ายอมจำนนอย่างเชื่อฟัง ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้าซะ ไม่เช่นนั้น พวกเจ้าจะต้องถูกฆ่าอย่างไร้ปรานี!”
ผู้บัญชาการกองโจรเป็นชายผิวดำรูปร่างผอมเพรียว และเขาสวมชุดเกราะสีน้ำเงิน เขาเผยดวงตาที่โลภมากและเลวทรามขณะที่เขากวัดแกว่งดาบอ่อนสีเขียว ทุกครั้งที่เขากวัดแกว่งดาบ แสงดาบจะแผ่ออกมาขณะที่คลื่นนั้นจะปะทะเข้ากับม่านพลังเรือลิขิตสวรรค์
เมื่อเขาเห็นว่าคนสิบคนเตรียมตัวที่จะไปยังเรือลิขิตสวรรค์และหนีไปพร้อมกับผู้หญิงและเด็กเหล่านั้น ดวงตาของเขาก็เผยความเย้ยหยันออกมา ดาบอ่อนของเขาเปล่งประกายด้วยแสงและดาบที่คมกริบก็ถูกส่งออกไปปกคลุมคนทั้งสิบเอาไว้
“ฆ่า ฆ่า ฆ่า!”
กองโจรนั้นป่าเถื่อนมากและเมื่อพวกนี้มาเป็นโจรได้ พวกเขาจึงต้องต่อสู้อย่างต่อเนื่องและไม่เกรงกลัวความตาย และในตอนนี้ การต่อสู้ที่ไม่ใช่คู่มือก็เป็นสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบ พวกนั้นทุกคนกลายเป็นลำแสงและกระจายไปทั่วท้องฟ้าและจากนั้นก็ปลดปล่อยความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองออกมาเพื่อสังหารนักสู้ทั้งสองร้อยคนที่พุ่งเข้ามาหาพวกเขา
ปัง ปัง ปัง!
มีโจรมากเกินไปขณะที่ยังมีขอบเขตเทียนจุนระดับสูงหนึ่งคนและยังมีระดับกลางอีกหลายสิบคน มันคงไร้ประโยชน์แม้ว่านักสู้ทั้งสองร้อยคนนั้นจะเอาชีวิตเข้าสู้ หลังจากการโจมตีสองระลอก โล่ศักดิ์สิทธิ์ร้อยอันก็แตกสลายไปและร่างของพวกเขาก็ระเบิดออกเป็นละอองเลือด
“เราจบเห่แล้ว….”
ชายวัยกลางคนที่ส่งเสียงคำรามออกมาเผยร่องรอยของความสิ้นหวัง เขามองไปที่เรือลิขิตสวรรค์และร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “นายหญิง นายน้อย คุณหนู ซ่งจงผู้นี้ไร้ความสามารถและไม่สามารถแม้แต่จะปกป้องพวกท่านได้…”
ตูม! ตูม!
ในบรรดาคนทั้งสิบคนที่กำลังจะพุ่งกลับไปที่เรือลิขิตสวรรค์ เก้าคนในนั้นถูกทำลายโล่ศักดิ์สิทธิ์และถูกผู้บัญชาการกองโจรสังหารไป ร่างของพวกเขาถูกสับออกเป็นชิ้นๆทันที และมันก็เป็นภาพที่น่าสยดสยอง ส่วนอีกคนที่โชคดีพอก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้เรือลิขิตสวรรค์อีกต่อไป
ดวงตาของผู้บัญชาการเผยแสงสีแดงขณะที่เขาตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น “ฆ่า ฆ่าให้หมด!ข้าต้องการเพียงหญิงที่งามที่สุด และที่เหลือ พวกเจ้าก็แบ่งกันได้เลย”
“ย๊าก! ย๊าก!”
เหล่ากองโจรได้รับกำลังใจทันที มีหญิงสาวแปดคนที่อยู่บนเรือลิขิตสวรรค์และมีหญิงสาวที่ออกเรือนแล้วหนึ่งคนที่ดูดีและมีรูปร่างโดดเด่น เห็นได้ชัดว่าที่เหลือนั้นเป็นสาวใช้ แต่พวกนางก็หน้าตาใช้ได้เหมือนกันจึงทำให้โจรเหล่านี้ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“ฮึ่ม!”
ในขณะนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นจากทิศตะวันออก เมื่อเสียงถูกฉีดด้วยแก่นแท้พลัง มันก็ระเบิดขึ้นราวกับมีฟ้าร้องอยู่ในหูของทุกคน มีกระแสแสงพุ่งมาจากทิศตะวันออกอย่างรวดเร็วซึ่งมีกลิ่นอายราวกับภูเขาและมีอานุภาพอันน่าสะพรึง “หืม?”
ผู้บัญชาการโจรหยุดโจมตีขณะที่เขามองไปทางตะวันออกด้วยความกลัวที่กลั้นเอาไว้ โจรที่เหลือเองก็หยุดโจมตีขณะที่จอมยุทธบนเรือไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว ผู้ที่เข้ามานั้นมีกลิ่นอายที่ท่วมท้นและเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด
เห็นได้ชัดว่าคนที่มาที่นี่คือเจียงอี้ และกลิ่นอายของเขานันเป็นภาพลวงตา วิชาเทพพรางตานั้นน่าทึ่งมาก อย่าว่าแต่ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดเลย แม้แต่กึ่งเทพ เขาก็ยังเลียนแบบได้ด้วยซ้ำ
ทุกคนที่นี่รู้ดีถึงความแข็งแกร่งของขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดอย่างชัดเจน หากพวกเขาทำให้ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดโกรธ ทุกคนจะต้องตาย จึงไม่มีผู้ใดกล้าเคลื่อนไหวเลย
เจียงอี้บินอยู่เหนือทุกคนและมองไปรอบๆด้วยสายตาเย็นชา และมาหยุดที่ผู้บัญชาการกองโจร การแสดงออกอันน่าสยดสยองของเขาเผยร่องรอยของกลิ่นอายสังหารขณะที่เขาตะโกนออกมาว่า “ไสหัวไปซะ!”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
ผู้บัญชาการกองโจรและโจรทั้งหมดถอยกลับไปหลายพันเมตร แต่ด้านผู้บัญชาการไม่ได้หลบหนีไปจริงๆ เขากลับป้องมือและยิ้มขอโทษแทน “ท่านใต้เท้า ข้าผู้นี้คือผู้บัญชาการคนที่สองของกองทัพเพลิงทมิฬ เป็นเขยของเฮยชา ท่านใต้เท้าจะไว้หน้าข้าสักหน่อยได้ไหมขอรับ? ฮึฮึ… หากท่านใต้เท้าต้องการหญิงที่ออกเรือนแล้ว ท่านสามารถนำตัวนางไปได้เลย ส่วนเราจะขอผู้หญิงอีกเจ็ดคนที่เหลือไปแทน”
“กองทัพเพลิงทมิฬ?”
เจียงอี้ไม่เคยได้ยินเรื่องของพวกเขามาก่อน แต่เนื่องจากคนผู้นี้เอ่ยถึงชื่อของพวกเขา มันจึงน่าจะเป็นกองโจรที่ทรงพลังใกล้ๆนี้ แต่เนื่องจากเจียงอี้ตั้งใจจะช่วยพวกเขา เขาจึงไม่ได้มีความกังวลใดๆ มือของเจียงอี้เปล่งประกายด้วยแสงสีขาวขณะที่ดาบหนักสีดำปรากฏขึ้นในขณะที่ชุดเกราะต่อสู้สีดำปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา เขาหมุนเวียนแก่นแท้พลังออกมา ทำให้ดาบหนักและชุดเกราะเปล่งกลิ่นอายที่น่าสยดสยองออกมา
เจียงอี้ตะโกนออกมาอีกครั้ง “ข้าจะนับถอยหลังถึงหนึ่งเท่านั้น สาม สอง…..”
“สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง!”
ผู้บัญชาการและเหล่าโจรทั้งหมดมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก การที่จะมีสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงได้ถึงสองชิ้น ความสามารถของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดผู้นี้จะต้องน่าสะพรึงอย่างแน่นอน พวกเขาจึงตัดเรื่องไร้สาระทั้งหมดไปทันทีและรีบบินหนีไปไกล
“ฮู่วว!”
เจียงอี้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่ใช่เพราะเขากลัวกองโจรพวกนี้ แต่หากเขาต้องลงมือ เขาจะสังหารพวกนี้ไปได้หลายร้อยคนในทันที แต่เขาจะต้องเปิดเผยความแข็งแกร่งการต่อสู้ที่แท้จริงของเขาออกมา
แต่แน่นอนว่าเขาไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนของเขาและใช้แค่สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงทั้งสองสังหารคนเหล่านี้ซะ แต่การปลอมตัวเป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดของเขาอาจจะเผยจุดสังเกตได้
สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงสองชิ้นนี้ได้มาจากเฉียนว่านก้วน และมันคือดาบหนักทมิฬและเกราะเหล็กทมิฬ เฉียนว่านก้วนเป็นบุตรเขยของตระกูลซือถู เขามีศิลาสวรรค์จำนวนมากและการซื้อของพวกนี้เป็นสิ่งที่ง่ายมากๆ
เจียงอี้แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกไป และเมื่อแน่ใจแล้วว่ากองโจรหนีไปไกลแล้ว เขาก็ถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาและมองลงไปด้านล่าง
ชายที่แข็งแกร่งที่ชื่อซ่งจงได้นำคนของเขาไปเห็บศพทั้งหมดและตัดแขนขาของทหารเก็บไว้ในแหวนมิติ ม่านพลังของเรือลิขิตสวรรค์เองก็ถูกเปิดออกและหญิงทั้งแปดคนบนเรือก็บินขึ้นมากันหมด สาวใช้สองคนอุ้มเด็กเอาไว้ขณะที่ทหารบางคนบินตามหลังกลุ่มหญิงสาวเหล่านี้มา จากนั้นพวกเขาก็คุกเข่าให้เจียงอี้กลางอากาศ
หญิงที่ออกเรือนแล้วอยู่ตรงกลาง นางคำนับและพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ข้าน้อย ถานไถชี่ ขอบคุณท่านใต้เท้าที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้เจ้าค่ะ”
ทหารที่เหลือก็ตะโกนออกมาเช่นกัน “ขอบคุณใต้เท้าที่ช่วยชีวิตเราไว้ขอรับ!”
แม้แต่เด็กทั้งสองเองก็ยังพูดอย่างเขินอายว่า “ขอบพระคุณท่านอา”
ดวงตาของเจียงอี้จับจ้องไปที่หญิงที่ออกเรือนแล้วซึ่งน่าจะเป็นนายหญิงของคนเหล่านี้ นางบังเอิญเงยหัวขึ้นมาขณะที่เจียงอี้มองเข้าไปในดวงตาของนาง และดวงตาของเขาก็เป็นประกายขณะที่เขากำลังแอบชื่นชมหญิงงามอยู่เงียบๆ
หญิงสาวคนนี้อายุเพียงยี่สิบกว่าปีเท่านั้นและนางสวมชุดสีเขียวมรกต ผมของนางถูกมัดเป็นมวยเกล้าและนาวก็สวมมรกตแก้วสีเขียวที่หูของนาง รูปลักษณ์ของนางนั้นโดดเด่นและมีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดนัก
เรือนร่างของนางนั้นมีเอวที่กระชับซึ่งมันต่างจากหน้าอกและบั้นท้ายของนางมาก ซึ่งน่ามองอย่างเหลือล้น นางมีความเป็นเอกลักษณ์ที่เหมือนกับว่านางเป็นผู้ที่น่ารักและคอยเป็นที่พึ่งพาให้คนอื่นๆ และเหมือนกับว่าร่างกายของนางสร้างขึ้นมาจากน้ำ
เจียงอี้เหลือบมองและหลบตาทันที เขามีหลายอย่างที่ต้องทำมากเกินไปและไม่ได้มีอารมณ์จะมามองผู้หญิง เขาพยักหน้าอย่างเฉยเมยและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าแค่ผ่านมา พวกเจ้าก็พยายามให้ดีที่สุดและดูแลตัวเองดีๆด้วยล่ะ…”
ขณะที่เจียงอี้กำลังจะบินไป ทหารหลายสิบคนก็กังวลขึ้นขณะที่ซ่งจงกัดฟันและตะโกนออกมาว่า “ท่านใต้เท้า กองทัพเพลิงทมิฬเป็นกองโจรที่แข็งแกร่งที่สุดใกล้ๆนี้ หากท่านไม่ช่วยเรา พวกเราคงต้องตายในเวลาไม่ถึงสามวันอย่างแน่นอนขอรับ!”