เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 872 ท่านอาเป็นคนดี
“หืม?”
เจียงอี้หยุดกลางอากาศและกวาดสายตาเย็นชามองไปด้วยความโกรธ เขาช่วยชีวิตคนเหล่านี้ด้วยความเมตตา แต่คนผู้นี้ยังอยากจะโทษเขาอีก? เขาเกลียดเรื่องประเภทนี้นัก
“น่าไม่อาย!”
ก่อนที่เจียงอี้จะเดือดถึงสุดขีด นายหญิงที่เรียกตัวเองว่าถานไถชี่เองก็มีสีหน้าเย็นชาขณะที่มองซ่งจงอย่างตำหนิ “ซ่งจง เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ทำตัวหยาบคายต่อท่านใต้เท้า? ที่ท่านช่วยชีวิตเราเอาไว้มันก็เป็นบุญมากแล้ว แล้วเราจะไปรบกวนท่านใต้เท้าอีกได้อย่างไร? ตบตัวเองไปร้อยครั้งซะ!”
ซ่งจงรู้ว่าเขาพูดผิดไปเพราะความวิตกกังวลของเขา เขายกมือขึ้นตบตัวเองไม่ยั้งขณะที่ถานไถชี่ลืมตาขึ้นมาและคำนับให้เจียงอี้ “ท่านใต้เท้า โปรดยกโทษให้เขาด้วยเถอะเจ้าค่ะ ซ่งจงผลีผลามไป หากท่านใต้เท้าต้องการลงโทษ เช่นนั้นข้าน้อยจะขอรับมันไว้เองเจ้าค่ะ”
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
ซ่งจงตบตัวเองอย่างเลือดเย็นจนมุมปากของเขาเลือดไหลออกมา แต่กระนั้นเจียงอี้ก็ยังคงไม่แยแสและมองด้วยสายตาที่เย็นชา เขามองถานไถชี่อย่างตั้งใจและคิดว่านายหญิงผู้นี้หลักแหลมเกินไป การแสดงละครของนางนั้นยอดเยี่ยมนัก
เมื่อถานไถชี่ถูกเจียงอี้จ้องมองอย่างตั้งใจ นางก็เผยความอัปยศออกมาขณะที่ก้มหัวลงไปราวกับคนที่รู้สึกผิดชอบชั่วดี ด้านเจียงอี้เองก็โบกมือของเขาและพูดว่า “พอแล้ว ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่ เจ้าก็หวังให้โชคเข้าข้างแล้วกัน”
เนื่องจากกองทัพเพลิงทมิฬเป็นผู้ปกครองอาณาเขตใกล้ๆนี้ พวกเขาคงจะมียอดฝีมือขอบเขตเทียนจุนระดับสูงอยู่ด้วย เจียงอี้ก็ไม่ใช่นักบุญผู้ที่จะคอยช่วยเหลือผู้คนที่มีปัญหา ผู้คนนับไม่ถ้วนถูกสังหารทุกชั่วชณะในโลกแห่งนี้ แล้วเขาจะช่วยทุกคนได้ไหม? ย้อนไปในตอนที่เขาถูกไล่ล่า มียอดฝีมือคนใดบ้างที่หยุดเดินทางมาช่วยเขา? แต่เนื่องจากเขาเจอคนเหล่านี้โดยบังเอิญ เขาจึงไม่มีปัญหาในการยื่นมือเข้าช่วย และมันเป็นสิ่งที่เขาควรจะทำ แต่หากเขาเข้าไปช่วยคนอื่นจากหลุม เขาก็คงจะเป็นคนโง่เง่าแล้ว
“ท่านใต้เท้า…”
เมื่อเห็นว่าเจียงอี้กำลังจะจากไป ถานไถชี่ก็เผยความตื่นตระหนกขึ้นมาในที่สุด นางกัดริมฝีปากและพูดขึ้นว่า “สถานที่นี้อยู่ห่างจากทวีปจักรพรรดิบูรพาไปไม่กี่ล้านกิโลเมตร ตราบใดที่เราผ่านเขตแดนของกองทัพเพลิงทมิฬไปได้ เราก็จะไปถึงฝั่งได้ ข้าน้อยนำนักรบเผ่านับพันมาจากทวีปประภาคารอัคคีและถูกกองโจรไล่ล่ามาตลอดทางจนตอนนี้เหลือพวกเราเพียงสิบกว่าคน กองทัพเพลิงทมิฬนั้นทรงพลังนัก ข้าน้อยและคนของข้าไม่มีวันผ่านไปได้ หากท่านใต้เท้า…ช่วยให้เราไปถึงทวีปได้ ข้าน้อยผู้นี้จะตอบแทนด้วยรางวัลอย่างใหญ่หลวงเลยเจ้าค่ะ!”
ตอนนี้การแสดงนั้นล้มเหลวไป และนางกำลังเตรียมจะล่อเขา? เจียงอี้เย้ยหยันและกล่าวว่า “รางวัลใหญ่หลวง? มันใหญ่ยังไง?”
“ข้า….”
ถานไถชี่พูดไม่ออก เจียงอี้เป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด แล้วเขาจะขาดแคลนศิลาสวรรค์หรือ? นางมีศิลาสวรรค์หลายสิบล้านก้อน แต่เจียงอี้ก็คงไม่แม้แต่จะแลมองหากนางเสนอให้ใช่ไหม? ยิ่งสมบัติยิ่งน่าขันเพราะเจียงอี้เองก็มีสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงถึงสองชิ้นแล้ว
ซ่งจงและคนอื่นๆเผยร่องรอยของความเจ็บปวดออกมาขณะที่เจียงอี้ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเขานั้นไร้ความรู้สึกและเป็นผู้ที่อยู่เหนือใคร บุคคลเช่นนี้จะไม่มีวันทำสงครามกับกองทัพเพลิงทมิฬเพื่อพวกเขา และเมื่อพวกเขานึกถึงผู้บัญชาการซึ่งเป็นเขยของผู้บัญชาการกองโจรที่สองของกองทัพเพลิงทมิฬแล้ว หลายๆคนก็เกิดความสิ้นหวังในดวงตาของพวกเขา ถานไถชี่กัดริมฝีปากของนางและหลังจากที่มองไปยังเด็กน้อยทั้งสองที่สาวใช้อุ้มอยู่ นางก็ส่งข้อความเสียงไปยังเจียงอี้ “ท่านใต้เท้า หาก…ท่านพาเราไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาได้ ข้าน้อยจะรับใช้ท่านใต้เท้าเจ้าค่ะ ข้าน้อยผู้นี้เป็นคนของเผ่าพันธุ์ นารีผีเสื้อ!”
“นารีผีเสื้อ?”
เจียงอี้ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ใจของเขาเองก็ไม่มีวี่แววจะตื่นเต้นกับเรื่องนี้ด้วยและเขาก็เกลียดข้อตกลงดังกล่าวมากนัก เขาฮึดฮัดขึ้นมาและกำลังจะบินจากไป
“ท่านอา!”
แต่ทันใดนั้นเอง เสียงที่ขี้อายก็ดังขึ้นมาและมันเป็นเสียงของเด็กผู้หญิงคนนั้น เสียงของนางเต็มไปด้วยความปรารถนาและเจียงอี้ก็หยุดลงขณะที่ใจของเขาอ่อนลง เขาหันไปด้านข้างและบังคับให้ตัวเองพูดจาเย็นชาว่า “มีอะไรอีก?”
“ท่านอา ท่านช่วยเราได้ไหมเจ้าคะ?” เด็กหญิงตัวเล็กๆนั้นงดงามมากและนางก็ลืมตาขึ้นพร้อมพูดว่า “ท่านอา หากท่านอาพาพวกเราไปหาท่านปู่ของเราได้ ข้าจะช่วยให้ท่านปู่ซื้อลูกอมให้ท่านกินเยอะๆเลย เสี่ยวหยีเองก็จะขอบคุณท่านอาไปตลอดชีวิตด้วย”
“ลูกอม?”
เมื่อเจียงอี้มองเห็นดวงตาที่บริสุทธิ์และเต็มไปด้วยความหวังเหล่านั้น ใจของเขาก็อ่อนยวบลงในที่สุด
โลกของเด็กนั้นเรียบง่ายเกินไป ในโลกของพวกเขา หากพวกเขารู้สึกขอบคุณใครสักคน พวกเขาจะเสนอลูกอม พวกเขาไม่เข้าใจการหลอกลวงและความโหดร้ายของโลกนี้ พวกเขาเข้าใจเพียงความกตัญญูและเข้าใจว่าควรจะมอบสิ่งที่ตัวเองชอบที่สุดให้แก่ผู้มีพระคุณเท่านั้น
“เฮ้อ…”
เจียงอี้นึกถึงตอนตัวเองยังเด็ก เขาอาจมีช่วงเวลาที่น่าสังเวชในตระกูลเจียง แต่เขาก็เป็นคนใจดีและมีความชอบธรรม เมื่อเขาเห็นขอทานอยู่ตามท้องถนน เขาก็จะมอบเงินให้คนเหล่านั้นแม้มันจะไม่พอ เมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นอันธพาลรังแกผู้เฒ่า เขาก็จะรู้สึกขุ่นเคือง
เมื่อเวลาผ่านพ้นไป หัวใจของเจียงอี้ก็ค่อยๆแข็งกระด้างจนไม่มีความรู้สึกผิดแม้แต่น้อยเมื่อสังหารใครไป
อะไรคือการลบความดีที่เราเคยเป็นไป? อะไรกันแน่ที่ทำให้เราเลือดเย็นและไร้หัวใจ? อะไรกันที่ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างเข่นฆ่ากันทันทีที่พวกเขาพบเจอกัน? โลกนี้ช่างเน่าเฟะ….
เจียงอี้ถอนหายใจยาวออกมาและหยุดนิ่งชั่วขณะก่อนที่จะตัดสินใจอย่างโง่เขลา เขาหันกลับมาและยิ้มให้เด็กหญิงตัวน้อยแล้วถามว่า “เจ้าจะให้ปู่ของเจ้าซื้อลูกอมให้ข้าจริงหรือ?”
“…”
ทุกคนพากันตะลึงงัน เจียงอี้นั้นไร้ความรู้สึกมาตลอดและรูปลักษณ์ของเขาเองก็ยังดูเป็นชายวัยกลางคนที่ดูเคร่งขรึม แต่เขากลับยิ้มออกมาและพูดเหมือนเด็ก มันต่างกันเสียจนคนอื่นๆแทบรับไม่ได้
เด็กหญิงตัวน้อยยิ้มหวานและพูดว่า “แน่นอน จริงสิเจ้าคะ เราทำสัญญาสีชมพูกันก็ได้นะ”
“ก็ได้!”
เจียงอี้พยักหน้าและยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพา”
“ฮือฮา!”
ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหลขณะที่ถานไถชี่งุนงง ก่อนหน้านี้นางยอมใช้ร่างกายของนางเป็นรางวัล แต่เจียงอี้กลับปฏิบัติต่อนางด้วยความรังเกียจ แต่ตอนนี้เขากลับตกลงเพียงเพราะลูกสาวของนางร้องขอจริงๆหรือ?
เด็กหญิงตัวน้อยเอียงคอและยิ้มอย่างเบิกบานพร้อมพูดว่า “ท่านอาเป็นคนดี ท่านแม่บอกว่าคนดีย่อมมีเคราะห์ดี!”
เจียงอี้ยิ้มและพยักหน้า เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนยังงุนงงอยู่และไม่สามารถตอบสนองอะไรได้ทันและมัวแต่ยืนอย่างโง่เขลา สีหน้าของเจียงอี้ก็กลับมาเป็นเคร่งขรึมและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พวกเจ้าจะยืนอยู่เฉยๆเพื่ออะไรล่ะ? ไปเปิดใช้งานเรือลิขิตสวรรค์สิ!”
“โอ้ ขอรับ!”
ซ่งจงและคนอื่นๆบินไปยังเรือลิขิตสวรรค์อย่างตื่นตระหนกขณะที่ถานไถชี่เองก็ฟื้นคืนความสงบและคำนับด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกตัญญู “ขอบคุณท่านใต้เท้าที่กรุณา ข้าน้อยรู้สึกซาบซึ้งมากเจ้าค่ะ”
เจียงอี้พยักหน้าอย่างเฉยเมยและบินไปทางเรือลิขิตสวรรค์ขณะที่ถานไถชี่และคนอื่นๆก็ตามไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเด็กหญิงตัวเล็กๆไปถึงเรือ นางก็เริ่มวิ่งไปรอบดาดฟ้าด้วยความยินดีขณะที่เด็กชายตัวน้อยซึ่งอายุใกล้เคียงกับนางซ่อนตัวอยู่ข้างหลังถานไถชี่
“หาห้องให้ข้า!”
เจียงอี้โบกมือขณะที่ซ่งจงพาเจียงอี้เข้าไปในห้องของเรืออย่างรวดเร็ว หลังจากที่เข้าไปแล้ว เขาก็นั่งขัดสมาธิและพูดว่า “ต่อไปข้าจะส่งข้อความเสียงให้เจ้า และเจ้าจงบินไปตามที่ข้าบอก หากเจ้าไม่ฟังคำสั่งของข้า เจ้าไม่ต้องรอกองทัพเพลิงทมิฬมาสังหารพวกเจ้าทั้งหมดหรอก ข้าจะลงมือเอง”
“เข้าใจแล้วขอรับ!”
ซ่งจงและคนอื่นๆคำนับและตอบรับคำสั่งขณะที่หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม เมื่อมียอดฝีมือลึกลับมากับพวกเขาด้วย พวกเขาอาจจะไม่ได้ปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ แต่มันก็มีโอกาสให้พวกเขาไปถึงทวีปจักรพรรดิบูรพาได้
หลังจากที่ทุกๆคนออกไปแล้ว เจียงอี้ก็เปิดอาคมยับยั้งในห้องของเรือและปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมาเพื่อคอยสอดส่องบริเวณสิบล้านกิโลเมตรทันที เขาเจอบางสิ่งบางอย่างอย่างรวดเร็วและส่งข้อความไปยังซ่งจงว่า “ถอยกลับไปและบินไปทางใต้อย่างเร็วที่สุด”
“ขอรับ!”
ซ่งจงอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงบินไปทางใต้ แต่เขาก็ไม่กล้าสู้กับเจียงอี้ เรือลิขิตสวรรค์แล่นกลับไปและบินข้ามฟ้าไปทางใต้ด้วยความเร็วสูงสุด
กองโจรเล็กๆนั้นยังมีเวลาอีกครึ่งวันก่อนที่จะถึงเกาะเพลิงทมิฬ หวังว่าเราจะสลัดพวกนั้นไปได้สำเร็จ
เจียงอี้ถอนหายใจเล็กน้อย เขาตัดสินใจไปกับคนกลุ่มนี้ ไม่เพียงเพราะเด็กหญิงตัวเล็กๆเท่านั้น แต่มันยังเป้นเพราะเขาสามารถปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์บนเรือลิขิตสวรรค์ได้ตลอดเวลา ทำให้เขาหลบเลี่ยงกองโจรได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่า เหตุผลที่สำคัญที่สุดของเขานั้นคืออยากจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับทวีปจักรพรรดิบูรพาจากคนเหล่านี้ หากเขาเข้าไปในทวีปจักรพรรดิบูรพากับคนกลุ่มนี้ มันจะไม่ดึงดูดความสนใจที่ไม่พึงปรารถนาด้วยเช่นกัน
…
เจียงอี้หยุดกลางอากาศและกวาดสายตาเย็นชามองไปด้วยความโกรธ เขาช่วยชีวิตคนเหล่านี้ด้วยความเมตตา แต่คนผู้นี้ยังอยากจะโทษเขาอีก? เขาเกลียดเรื่องประเภทนี้นัก
“น่าไม่อาย!”
ก่อนที่เจียงอี้จะเดือดถึงสุดขีด นายหญิงที่เรียกตัวเองว่าถานไถชี่เองก็มีสีหน้าเย็นชาขณะที่มองซ่งจงอย่างตำหนิ “ซ่งจง เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ทำตัวหยาบคายต่อท่านใต้เท้า? ที่ท่านช่วยชีวิตเราเอาไว้มันก็เป็นบุญมากแล้ว แล้วเราจะไปรบกวนท่านใต้เท้าอีกได้อย่างไร? ตบตัวเองไปร้อยครั้งซะ!”
ซ่งจงรู้ว่าเขาพูดผิดไปเพราะความวิตกกังวลของเขา เขายกมือขึ้นตบตัวเองไม่ยั้งขณะที่ถานไถชี่ลืมตาขึ้นมาและคำนับให้เจียงอี้ “ท่านใต้เท้า โปรดยกโทษให้เขาด้วยเถอะเจ้าค่ะ ซ่งจงผลีผลามไป หากท่านใต้เท้าต้องการลงโทษ เช่นนั้นข้าน้อยจะขอรับมันไว้เองเจ้าค่ะ”
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
ซ่งจงตบตัวเองอย่างเลือดเย็นจนมุมปากของเขาเลือดไหลออกมา แต่กระนั้นเจียงอี้ก็ยังคงไม่แยแสและมองด้วยสายตาที่เย็นชา เขามองถานไถชี่อย่างตั้งใจและคิดว่านายหญิงผู้นี้หลักแหลมเกินไป การแสดงละครของนางนั้นยอดเยี่ยมนัก
เมื่อถานไถชี่ถูกเจียงอี้จ้องมองอย่างตั้งใจ นางก็เผยความอัปยศออกมาขณะที่ก้มหัวลงไปราวกับคนที่รู้สึกผิดชอบชั่วดี ด้านเจียงอี้เองก็โบกมือของเขาและพูดว่า “พอแล้ว ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่ เจ้าก็หวังให้โชคเข้าข้างแล้วกัน”
เนื่องจากกองทัพเพลิงทมิฬเป็นผู้ปกครองอาณาเขตใกล้ๆนี้ พวกเขาคงจะมียอดฝีมือขอบเขตเทียนจุนระดับสูงอยู่ด้วย เจียงอี้ก็ไม่ใช่นักบุญผู้ที่จะคอยช่วยเหลือผู้คนที่มีปัญหา ผู้คนนับไม่ถ้วนถูกสังหารทุกชั่วชณะในโลกแห่งนี้ แล้วเขาจะช่วยทุกคนได้ไหม? ย้อนไปในตอนที่เขาถูกไล่ล่า มียอดฝีมือคนใดบ้างที่หยุดเดินทางมาช่วยเขา? แต่เนื่องจากเขาเจอคนเหล่านี้โดยบังเอิญ เขาจึงไม่มีปัญหาในการยื่นมือเข้าช่วย และมันเป็นสิ่งที่เขาควรจะทำ แต่หากเขาเข้าไปช่วยคนอื่นจากหลุม เขาก็คงจะเป็นคนโง่เง่าแล้ว
“ท่านใต้เท้า…”
เมื่อเห็นว่าเจียงอี้กำลังจะจากไป ถานไถชี่ก็เผยความตื่นตระหนกขึ้นมาในที่สุด นางกัดริมฝีปากและพูดขึ้นว่า “สถานที่นี้อยู่ห่างจากทวีปจักรพรรดิบูรพาไปไม่กี่ล้านกิโลเมตร ตราบใดที่เราผ่านเขตแดนของกองทัพเพลิงทมิฬไปได้ เราก็จะไปถึงฝั่งได้ ข้าน้อยนำนักรบเผ่านับพันมาจากทวีปประภาคารอัคคีและถูกกองโจรไล่ล่ามาตลอดทางจนตอนนี้เหลือพวกเราเพียงสิบกว่าคน กองทัพเพลิงทมิฬนั้นทรงพลังนัก ข้าน้อยและคนของข้าไม่มีวันผ่านไปได้ หากท่านใต้เท้า…ช่วยให้เราไปถึงทวีปได้ ข้าน้อยผู้นี้จะตอบแทนด้วยรางวัลอย่างใหญ่หลวงเลยเจ้าค่ะ!”
ตอนนี้การแสดงนั้นล้มเหลวไป และนางกำลังเตรียมจะล่อเขา? เจียงอี้เย้ยหยันและกล่าวว่า “รางวัลใหญ่หลวง? มันใหญ่ยังไง?”
“ข้า….”
ถานไถชี่พูดไม่ออก เจียงอี้เป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด แล้วเขาจะขาดแคลนศิลาสวรรค์หรือ? นางมีศิลาสวรรค์หลายสิบล้านก้อน แต่เจียงอี้ก็คงไม่แม้แต่จะแลมองหากนางเสนอให้ใช่ไหม? ยิ่งสมบัติยิ่งน่าขันเพราะเจียงอี้เองก็มีสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงถึงสองชิ้นแล้ว
ซ่งจงและคนอื่นๆเผยร่องรอยของความเจ็บปวดออกมาขณะที่เจียงอี้ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเขานั้นไร้ความรู้สึกและเป็นผู้ที่อยู่เหนือใคร บุคคลเช่นนี้จะไม่มีวันทำสงครามกับกองทัพเพลิงทมิฬเพื่อพวกเขา และเมื่อพวกเขานึกถึงผู้บัญชาการซึ่งเป็นเขยของผู้บัญชาการกองโจรที่สองของกองทัพเพลิงทมิฬแล้ว หลายๆคนก็เกิดความสิ้นหวังในดวงตาของพวกเขา ถานไถชี่กัดริมฝีปากของนางและหลังจากที่มองไปยังเด็กน้อยทั้งสองที่สาวใช้อุ้มอยู่ นางก็ส่งข้อความเสียงไปยังเจียงอี้ “ท่านใต้เท้า หาก…ท่านพาเราไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาได้ ข้าน้อยจะรับใช้ท่านใต้เท้าเจ้าค่ะ ข้าน้อยผู้นี้เป็นคนของเผ่าพันธุ์ นารีผีเสื้อ!”
“นารีผีเสื้อ?”
เจียงอี้ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ใจของเขาเองก็ไม่มีวี่แววจะตื่นเต้นกับเรื่องนี้ด้วยและเขาก็เกลียดข้อตกลงดังกล่าวมากนัก เขาฮึดฮัดขึ้นมาและกำลังจะบินจากไป
“ท่านอา!”
แต่ทันใดนั้นเอง เสียงที่ขี้อายก็ดังขึ้นมาและมันเป็นเสียงของเด็กผู้หญิงคนนั้น เสียงของนางเต็มไปด้วยความปรารถนาและเจียงอี้ก็หยุดลงขณะที่ใจของเขาอ่อนลง เขาหันไปด้านข้างและบังคับให้ตัวเองพูดจาเย็นชาว่า “มีอะไรอีก?”
“ท่านอา ท่านช่วยเราได้ไหมเจ้าคะ?” เด็กหญิงตัวเล็กๆนั้นงดงามมากและนางก็ลืมตาขึ้นพร้อมพูดว่า “ท่านอา หากท่านอาพาพวกเราไปหาท่านปู่ของเราได้ ข้าจะช่วยให้ท่านปู่ซื้อลูกอมให้ท่านกินเยอะๆเลย เสี่ยวหยีเองก็จะขอบคุณท่านอาไปตลอดชีวิตด้วย”
“ลูกอม?”
เมื่อเจียงอี้มองเห็นดวงตาที่บริสุทธิ์และเต็มไปด้วยความหวังเหล่านั้น ใจของเขาก็อ่อนยวบลงในที่สุด
โลกของเด็กนั้นเรียบง่ายเกินไป ในโลกของพวกเขา หากพวกเขารู้สึกขอบคุณใครสักคน พวกเขาจะเสนอลูกอม พวกเขาไม่เข้าใจการหลอกลวงและความโหดร้ายของโลกนี้ พวกเขาเข้าใจเพียงความกตัญญูและเข้าใจว่าควรจะมอบสิ่งที่ตัวเองชอบที่สุดให้แก่ผู้มีพระคุณเท่านั้น
“เฮ้อ…”
เจียงอี้นึกถึงตอนตัวเองยังเด็ก เขาอาจมีช่วงเวลาที่น่าสังเวชในตระกูลเจียง แต่เขาก็เป็นคนใจดีและมีความชอบธรรม เมื่อเขาเห็นขอทานอยู่ตามท้องถนน เขาก็จะมอบเงินให้คนเหล่านั้นแม้มันจะไม่พอ เมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นอันธพาลรังแกผู้เฒ่า เขาก็จะรู้สึกขุ่นเคือง
เมื่อเวลาผ่านพ้นไป หัวใจของเจียงอี้ก็ค่อยๆแข็งกระด้างจนไม่มีความรู้สึกผิดแม้แต่น้อยเมื่อสังหารใครไป
อะไรคือการลบความดีที่เราเคยเป็นไป? อะไรกันแน่ที่ทำให้เราเลือดเย็นและไร้หัวใจ? อะไรกันที่ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างเข่นฆ่ากันทันทีที่พวกเขาพบเจอกัน? โลกนี้ช่างเน่าเฟะ….
เจียงอี้ถอนหายใจยาวออกมาและหยุดนิ่งชั่วขณะก่อนที่จะตัดสินใจอย่างโง่เขลา เขาหันกลับมาและยิ้มให้เด็กหญิงตัวน้อยแล้วถามว่า “เจ้าจะให้ปู่ของเจ้าซื้อลูกอมให้ข้าจริงหรือ?”
“…”
ทุกคนพากันตะลึงงัน เจียงอี้นั้นไร้ความรู้สึกมาตลอดและรูปลักษณ์ของเขาเองก็ยังดูเป็นชายวัยกลางคนที่ดูเคร่งขรึม แต่เขากลับยิ้มออกมาและพูดเหมือนเด็ก มันต่างกันเสียจนคนอื่นๆแทบรับไม่ได้
เด็กหญิงตัวน้อยยิ้มหวานและพูดว่า “แน่นอน จริงสิเจ้าคะ เราทำสัญญาสีชมพูกันก็ได้นะ”
“ก็ได้!”
เจียงอี้พยักหน้าและยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพา”
“ฮือฮา!”
ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหลขณะที่ถานไถชี่งุนงง ก่อนหน้านี้นางยอมใช้ร่างกายของนางเป็นรางวัล แต่เจียงอี้กลับปฏิบัติต่อนางด้วยความรังเกียจ แต่ตอนนี้เขากลับตกลงเพียงเพราะลูกสาวของนางร้องขอจริงๆหรือ?
เด็กหญิงตัวน้อยเอียงคอและยิ้มอย่างเบิกบานพร้อมพูดว่า “ท่านอาเป็นคนดี ท่านแม่บอกว่าคนดีย่อมมีเคราะห์ดี!”
เจียงอี้ยิ้มและพยักหน้า เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนยังงุนงงอยู่และไม่สามารถตอบสนองอะไรได้ทันและมัวแต่ยืนอย่างโง่เขลา สีหน้าของเจียงอี้ก็กลับมาเป็นเคร่งขรึมและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พวกเจ้าจะยืนอยู่เฉยๆเพื่ออะไรล่ะ? ไปเปิดใช้งานเรือลิขิตสวรรค์สิ!”
“โอ้ ขอรับ!”
ซ่งจงและคนอื่นๆบินไปยังเรือลิขิตสวรรค์อย่างตื่นตระหนกขณะที่ถานไถชี่เองก็ฟื้นคืนความสงบและคำนับด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกตัญญู “ขอบคุณท่านใต้เท้าที่กรุณา ข้าน้อยรู้สึกซาบซึ้งมากเจ้าค่ะ”
เจียงอี้พยักหน้าอย่างเฉยเมยและบินไปทางเรือลิขิตสวรรค์ขณะที่ถานไถชี่และคนอื่นๆก็ตามไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเด็กหญิงตัวเล็กๆไปถึงเรือ นางก็เริ่มวิ่งไปรอบดาดฟ้าด้วยความยินดีขณะที่เด็กชายตัวน้อยซึ่งอายุใกล้เคียงกับนางซ่อนตัวอยู่ข้างหลังถานไถชี่
“หาห้องให้ข้า!”
เจียงอี้โบกมือขณะที่ซ่งจงพาเจียงอี้เข้าไปในห้องของเรืออย่างรวดเร็ว หลังจากที่เข้าไปแล้ว เขาก็นั่งขัดสมาธิและพูดว่า “ต่อไปข้าจะส่งข้อความเสียงให้เจ้า และเจ้าจงบินไปตามที่ข้าบอก หากเจ้าไม่ฟังคำสั่งของข้า เจ้าไม่ต้องรอกองทัพเพลิงทมิฬมาสังหารพวกเจ้าทั้งหมดหรอก ข้าจะลงมือเอง”
“เข้าใจแล้วขอรับ!”
ซ่งจงและคนอื่นๆคำนับและตอบรับคำสั่งขณะที่หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม เมื่อมียอดฝีมือลึกลับมากับพวกเขาด้วย พวกเขาอาจจะไม่ได้ปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ แต่มันก็มีโอกาสให้พวกเขาไปถึงทวีปจักรพรรดิบูรพาได้
หลังจากที่ทุกๆคนออกไปแล้ว เจียงอี้ก็เปิดอาคมยับยั้งในห้องของเรือและปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมาเพื่อคอยสอดส่องบริเวณสิบล้านกิโลเมตรทันที เขาเจอบางสิ่งบางอย่างอย่างรวดเร็วและส่งข้อความไปยังซ่งจงว่า “ถอยกลับไปและบินไปทางใต้อย่างเร็วที่สุด”
“ขอรับ!”
ซ่งจงอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงบินไปทางใต้ แต่เขาก็ไม่กล้าสู้กับเจียงอี้ เรือลิขิตสวรรค์แล่นกลับไปและบินข้ามฟ้าไปทางใต้ด้วยความเร็วสูงสุด
กองโจรเล็กๆนั้นยังมีเวลาอีกครึ่งวันก่อนที่จะถึงเกาะเพลิงทมิฬ หวังว่าเราจะสลัดพวกนั้นไปได้สำเร็จ
เจียงอี้ถอนหายใจเล็กน้อย เขาตัดสินใจไปกับคนกลุ่มนี้ ไม่เพียงเพราะเด็กหญิงตัวเล็กๆเท่านั้น แต่มันยังเป้นเพราะเขาสามารถปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์บนเรือลิขิตสวรรค์ได้ตลอดเวลา ทำให้เขาหลบเลี่ยงกองโจรได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่า เหตุผลที่สำคัญที่สุดของเขานั้นคืออยากจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับทวีปจักรพรรดิบูรพาจากคนเหล่านี้ หากเขาเข้าไปในทวีปจักรพรรดิบูรพากับคนกลุ่มนี้ มันจะไม่ดึงดูดความสนใจที่ไม่พึงปรารถนาด้วยเช่นกัน
…