เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 879 เมืองเขี้ยวหมาป่า
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดนั้นอยู่ห่างจากขอบเขตเทียนจุนเพียงก้าวเดียว แต่บุคคลนั้นอ่อนแอกว่ามาก ขอบเขตเทียนจุนมีโล่ศักดิ์สิทธิ์และสามารถสังหารขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดได้ แต่ขอบเขตจินกังแทบจะไม่สามารถสังหารขอบเขตเทียนจุนได้เลย
ในทำนองเดียวกัน ขอบเขตกึ่งเทพเองก็เหนือกว่าขอบเขตเทียนจุนเพียงก้าวเดียวเท่านั้น แต่พวกเขาแข็งแกร่งกว่ามาก! ในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีขอบเขตเทียนจุนที่สังหารขอบเขตกึ่งเทพได้ แม้แต่ตอนที่จักรพรรดิลี้ลับอยู่ขอบเขตเทียนจุนก็ไม่สามารถสังหารขอบเขตกึ่งเทพได้
ขอบเขตกึ่งเทพนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมาก และขอบเขตกึ่งเทพทุกคนสามารถเป็นหัวหน้าผู้ปกครองอาณาเขตของตนได้ หากพวกเขาเข้าร่วมตระกูลใหญ่ธรรมดาๆ ตำแหน่งของพวกเขาจะต่ำกว่าประมุขเท่านั้นแม้ว่าคนผู้นั้นต้องการจะสังหารนายน้อยของตระกูลเพราะทำให้พวกเขาขุ่นเคือง ประมุขของตระกูลเองก็จะไม่หยุดพวกเขาเลย
ยอดฝีมือขอบเขตดังกล่าวนี้จะได้รับการปฏิบัติด้วยมาตรฐานสูง ไม่ว่าพวกเขาจะเข้าร่วมตระกูลใด แม้ว่าพวกเขาจะเป็นสมาชิกเก้าตระกูลจักรพรรดิ พวกเขาก็จะเป็นผู้อาวุโสศักดิ์สิทธิ์และนายน้อยที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ยังต้องเคารพพวกเขา
เจียงอี้ตั้งสมมติฐานที่ถูกต้องด้วย เมืองเพลิงสวรรค์เป็นเมืองเล็กๆ ตระกูลถานไถเองก็มีขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดเพียงหกคนเท่านั้น และมีขอบเขตเทียนจุนเกือบหมื่นคน แต่พวกเขาเป็นเพียงขอบเขตเทียนจุนและไม่มีผู้ใดเทียบกึ่งเทพได้ ยอดฝีมือที่ถานไถชี่เคยเห็นนั้นคือขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด นางไม่เคยคิดเลยว่าเจียงอี้จะเป็นขอบเขตกึ่งเทพ
ถานไถชี่รู้สึกละอายใจที่คิดจะหลอกล่อขอบเขตกึ่งเทพก่อนหน้านี้ แต่นางก็ประหลาดใจอย่างรวดเร็ว นางคิดว่าเจียงอี้เด็กมาก นี่คือสัญชาตญาณของสตรี เท่าที่นางพิจารณา เจียงอี้น่าจะอายุต่ำกว่าสามสิบห้าปีแน่นอน
ไม่ว่าคนผู้หนึ่งจะแข็งแกร่งและอ่อนวัยเพียงใด เขาจะแผ่ธรรมชาติออกมา ถานไถชี่มั่นใจว่านางคิดถูก ซึ่งเป็นเหตุที่นางเต็มใจจะมอบกายให้เจียงอี้ มันคงดีกว่าที่จะมีผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์เข้ามาอยู่ในตระกูล
ฟรึ่บ!
เจียงอี้พุ่งลงมาและไม่มีสีหน้าใดๆ แต่แววตาขมขื่นของเขาก็ปรากฏขึ้น แม้ว่าเขาจะทำให้ศัตรูหวาดกลัวในตอนนี้ได้ แต่สิ่งที่เขาทำในวันนี้ช่างโง่เขลานัก
ขอบเขตกึ่งเทพจะถูกดึงดูดความสนใจไม่ว่าจะไปที่ไหน และข่าวการปรากฏตัวของขอบเขตกึ่งเทพนั้นก็จะถูกแพร่ออกไปในไม่ช้า หากเขาตกเป็นเป้าของตระกูลใดๆและถูกติดตามโดยผู้ที่มีทักษะพิเศษบางอย่าง มันจะทำให้เกิดปัญหามากมายและความเสี่ยงที่จะถูกเผยตัวก็จะมากขึ้น
แต่หลังจากที่เจียงอี้เห็นใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเด็กทั้งสอง เขาก็คิดว่าวันนี้เขาทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะเมื่อเขาพาเด็กๆหนีไป ถานไถชี่ก็จะตายและพวกเขาก็จะกลายเป็นเด็กกำพร้า
เจียงอี้ไม่ต้องการจะคิดอะไรมากอีก หากเขาหนีไปในวันนี้ เขาคงจะอยู่กับความรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต และอาจกลายเป็นคนโหดร้ายได้ จนท้ายที่สุด เขาอาจจะกลายเป็นชายที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังเกลียดชัง
“มองหาพระแสงอะไรกัน?”
เมื่อเห็นผู้คนจ้องมองเขา เจียงอี้ก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เขาขบริมฝีปากและพูดว่า “เรื่องในวันนี้จะไม่ถูกแพร่งพรายออกไป ผู้ใดก็ตามที่กล้าให้เรื่องราวรั่วไหลออกไปแม้แต่ประโยคเดียว ก็จงรับผลที่ตามมาด้วย!”
“ขอรับท่านใต้เท้า!”
ซ่งจงและกลุ่มของเขาต่างป้องกำปั้นด้วยความกลัวและตะโกนออกมาอย่างจริงจัง ถานไถชี่ยืดชุดของนางและคำนับให้เจียงอี้และไม่ได้พูดขอบคุณอะไร นางเป็นหญิงที่ฉลาดและเฉียบแหลมมากพอที่จะรู้ว่ากลอุบายที่นางสร้างไว้ก่อนหน้านี้ได้เพิ่มความรังเกียจของเจียงอี้แล้ว นางจึงไม่ต้องการทำให้เขาขุ่นเคืองอีกต่อไป
กองโจรทั้งหมดเองก็พากันบินหนีไป ส่วนกองกำลังหลักที่อยู่แต่ไกลก็ไม่เสี่ยงที่จะเข้ามาใกล้ๆ เจียงอี้และคนของเขาจึงพากันเดินทางต่อไป คราวนี้เจียงอี้ไม่กล้าประมาท เขาจะใช้ญาณศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบรอบๆเสมอเพื่อเลี่ยงอุบัติเหตุที่จะเกิดเช่นนี้อีก
ไม่นานนัก ฟ้าก็เริ่มมืด พวกเขาต้องหาที่ค้างคืนอีกครั้ง คราวนี้ พวกเขาพักอยู่ข้างสระน้ำเล็กๆตามที่ถานไถชี่ร้องขอมา เจียงอี้คิดว่านางกำลังจะเล่นตุกติกอะไรอีก แต่เขาก็รู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าตัวนางเปื้อนไปด้วยโคลนและเนื้อตัวสกปรก
ซ่งจงและคนอื่นๆมีระเบียบอย่างมากและพวกเขาตั้งกระโจมห่างจากสระน้ำหนึ่งกิโลเมตรและล้อมรอบสระไว้ทั้งหมดแน่นอนว่าเจียงอี้ก็ได้ดื่มด่ำไปกับกลุ่มสาวๆข้างสระน้ำด้วยเช่นกัน
หลังจากทานอาหารแล้ว สาวใช้ก็พาเด็กทั้งสองไปที่สระน้ำและล้างร่างกายให้พวกเขา เด็กๆก็พากันหัวเราะและเล่นอยู่ในน้ำซึ่งทำให้เจียงอี้พอใจมาก หากเขาทิ้งคนเหล่านี้ไปในวันนี้ เด็กทั้งสองคนนี้คงจะไม่สามารถหัวเราะได้เช่นนี้
สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็ดูมากเกินไปสำหรับเจียงอี้เล็กน้อย สาวใช้ไม่กี่คนอยู่รอบๆสระและช่วยถานไถชี่ถูตัวก่อนที่พวกนางจะถอดผ้าและอาบน้ำเช่นกัน หุบเขาน้อยของพวกนางเริ่มมีกลิ่น และนั่นเป็นสิ่งที่พวกนางรับไม่ได้
แม้ว่าจะมีผู้ชายอยู่ใกล้ๆ แต่เจียงอี้ก็มีพลังมากพอที่จะทำให้หัวใจของพวกนางสั่นสะท้านด้วยความกลัว พวกนางเองก็ยังมีใจที่จะศิโรราบต่อเขา นอกจากนี้ เจียงอี้ก็ไม่เคยออกมาป้วนเปี้ยนเลย สาวใช้กลุ่มนี้จึงโล่งใจและร่วมอาบน้ำด้วยใบหน้าแดงก่ำ
แน่นอนว่า แม้ว่าเจียงอี้จะเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา แต่สาวใช้เหล่านี้ก็ยังเต็มใจอยู่ดี
ถานไถชี่เริ่มสบายยิ่งขึ้น นางหวังว่าเจียงอี้จะต้องการนาง บางที นางอาจจะเต็มใจเปลื้องผ้าและคลานไปมายามที่เจียงอี้ชี้นิ้วสั่งเลยก็ได้
ด้านเจียงอี้นั้นเดินเข้าไปในกระโจมของเขาและไม่กล้าแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมา เขานั่งสงบเหมือนพระเฒ่าและได้ยินเสียงน้ำกระเซ็นและเสียงหัวเราะของสาวใช้ที่ผ่านเข้ามาในหูราวกับสายลม
“นายหญิงมีเรือนร่างที่งดงามจริงๆเจ้าค่ะ”
“นายหญิง ก้มตัวหน่อยเจ้าค่ะ ข้าน้อยจะช่วยท่านขัดด้านหลัง”
“นายหญิง ท่านจะใส่ชุดสีชมพูหรือไม่เจ้าคะ?”
เจียงอี้มีทักษะการฟังที่ทรงพลังจริงๆ แม้ว่าเขาจะไม่อยากได้ยิน แต่เสียงของสาวใช้ก็ยังเข้าหูเขาโดยอัตโนมัติ และภาพร่วมรักก็ยิ่งเกิดขึ้นในใจของเขา
โชคดีที่จิตใจของเจียงอี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง เขาเริ่มขัดสมาธิและฝึกฝนทันที แน่นอนว่าเขาไม่กล้าเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ ไม่เช่นนั้นเขาคงรับรู้ทุกสิ่งรอบตัวเขาแน่ๆ
คืนนี้เป็นค่ำคืนที่เงียบสงัด!
วันรุ่งขึ้น พวกเขาออกเดินทางอีกครั้ง คราวนี้เจียงอี้ระมัดระวังมากขึ้นและใช้ญาณศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา เมืองเขี้ยวหมาป่าอยู่ห่างจากทะเลเพียงไม่ถึงล้านกิโลเมตรเท่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช้เรือลิขิตสวรรค์และเดินทางช้ากว่าเดิมมาก แต่พวกเขาทั้งหมดเป็นขอบเขตเทียนจุนและมีความเร็วพอสมควร เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน พวกเขาก็มาถึงเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งในย่านชานเมืองฝั่งตะวันออกของเมืองเขี้ยวหมาป่า
ฮู ฮู!
หลังจากที่ได้เห็นเมืองเล็กๆ ซ่งจงและคนอื่นๆก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก การที่มองเห็นเมืองเล็กๆ มันก็บ่งบอกได้แล้วว่าพวกเขาอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองนัก ม่านพลังรอบเมืองนี้อ่อนแอมากซึ่งขอบเขตเทียนจุนระดับสูงคนใดก็สามารถทำลายมันทิ้งได้ แต่เมืองเล็กๆเหล่านี้จะไม่ถูกโจรโจมตี ไม่เช่นนั้น ตระกูลที่ปกป้องเมืองเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆจะโกรธแค้น
“ซ่งจง กองโจรที่อยู่รอบๆนั้นก็ค่อนข้างแข็งแกร่ง ทำไมพวกเขาถึงไม่โจมตีเมืองล่ะ?”
เจียงอี้บังเอิญเห็นสถานการณ์ในเมืองเขี้ยวหมาป่าแต่ไกลและพบว่ามียอดฝีมือขอบเขตเทียนจุนระดับสูงไม่มากนักซึ่งมีประมาณยี่สิบคนได้ ในทางกลับกัน กองโจรใหญ่นั้นมีจำนวนมาก อย่าง กองโจรทั้งสองที่เขาเจอเมื่อวานนี้มีขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดหลายสิบคน ซึ่งมันมากพอที่จะพิชิตเมืองได้
ซ่งจงป้องกำปั้นและส่งข้อความเสียงกลับมาว่า “ท่านใต้เท้า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับอาณาเขตขอรับ อย่างผู้ปกครองเขตริมน้ำและเขตแดนสวรรค์ของเรานั้นเข้มงวดในกฎมาก เจ้าเมืองทุกคนจะได้รับมอบหมายจากประมุขอาณาเขต และแม้ว่าจะมีผู้ใดทำลายเมือง คนผู้นั้นก็จะไม่ได้กลายเป็นเจ้าเมือง ประมุขอาณาเขตจะส่งกองทหารมาและไล่ผู้บุกรุกออกไป แต่แน่นอนว่า…หลายภูมิภาคหลายเขตแดนค่อนข้างวุ่นวาย ผู้ใดก็ตามที่ยึดเมืองได้ก็จะได้เป็นเจ้าเมือง บางครั้งประมุขอาณาเขตบางเขตก็ถูกเปลี่ยนไปถึงห้าครั้งในเวลาเพียงครึ่งเดือนขอรับ!”
“อือฮึ”
เจียงอี้พยักหน้าและส่งข้อความเสียง “ไปกันเถอะ เมื่อเราไปถึงเมืองเขี้ยวหมาป่าในวันหรุ่งนี้ ข้ามีเรื่องบางอย่างต้องจัดการ เจ้าสามารถกลับไปยังอาณาเขตแดนสวรรค์ด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายได้เลย”
“ค่ายกลเคลื่อนย้าย…”
ใบหน้าของซ่งจงมืดหม่นลง เขาส่งข้อความเสียงกลับมาอย่างขมขื่นว่า “ท่านใต้เท้า ท่านมองพวกเราสูงเกินไปขอรับ ต่อให้ท่านขายพวกเราทั้งหมด เราก็ไม่สามารถจ่ายค่าเดินทางในค่ายกลเคลื่อนย้ายไหวขอรับ!”
ในทำนองเดียวกัน ขอบเขตกึ่งเทพเองก็เหนือกว่าขอบเขตเทียนจุนเพียงก้าวเดียวเท่านั้น แต่พวกเขาแข็งแกร่งกว่ามาก! ในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีขอบเขตเทียนจุนที่สังหารขอบเขตกึ่งเทพได้ แม้แต่ตอนที่จักรพรรดิลี้ลับอยู่ขอบเขตเทียนจุนก็ไม่สามารถสังหารขอบเขตกึ่งเทพได้
ขอบเขตกึ่งเทพนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมาก และขอบเขตกึ่งเทพทุกคนสามารถเป็นหัวหน้าผู้ปกครองอาณาเขตของตนได้ หากพวกเขาเข้าร่วมตระกูลใหญ่ธรรมดาๆ ตำแหน่งของพวกเขาจะต่ำกว่าประมุขเท่านั้นแม้ว่าคนผู้นั้นต้องการจะสังหารนายน้อยของตระกูลเพราะทำให้พวกเขาขุ่นเคือง ประมุขของตระกูลเองก็จะไม่หยุดพวกเขาเลย
ยอดฝีมือขอบเขตดังกล่าวนี้จะได้รับการปฏิบัติด้วยมาตรฐานสูง ไม่ว่าพวกเขาจะเข้าร่วมตระกูลใด แม้ว่าพวกเขาจะเป็นสมาชิกเก้าตระกูลจักรพรรดิ พวกเขาก็จะเป็นผู้อาวุโสศักดิ์สิทธิ์และนายน้อยที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ยังต้องเคารพพวกเขา
เจียงอี้ตั้งสมมติฐานที่ถูกต้องด้วย เมืองเพลิงสวรรค์เป็นเมืองเล็กๆ ตระกูลถานไถเองก็มีขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดเพียงหกคนเท่านั้น และมีขอบเขตเทียนจุนเกือบหมื่นคน แต่พวกเขาเป็นเพียงขอบเขตเทียนจุนและไม่มีผู้ใดเทียบกึ่งเทพได้ ยอดฝีมือที่ถานไถชี่เคยเห็นนั้นคือขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด นางไม่เคยคิดเลยว่าเจียงอี้จะเป็นขอบเขตกึ่งเทพ
ถานไถชี่รู้สึกละอายใจที่คิดจะหลอกล่อขอบเขตกึ่งเทพก่อนหน้านี้ แต่นางก็ประหลาดใจอย่างรวดเร็ว นางคิดว่าเจียงอี้เด็กมาก นี่คือสัญชาตญาณของสตรี เท่าที่นางพิจารณา เจียงอี้น่าจะอายุต่ำกว่าสามสิบห้าปีแน่นอน
ไม่ว่าคนผู้หนึ่งจะแข็งแกร่งและอ่อนวัยเพียงใด เขาจะแผ่ธรรมชาติออกมา ถานไถชี่มั่นใจว่านางคิดถูก ซึ่งเป็นเหตุที่นางเต็มใจจะมอบกายให้เจียงอี้ มันคงดีกว่าที่จะมีผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์เข้ามาอยู่ในตระกูล
ฟรึ่บ!
เจียงอี้พุ่งลงมาและไม่มีสีหน้าใดๆ แต่แววตาขมขื่นของเขาก็ปรากฏขึ้น แม้ว่าเขาจะทำให้ศัตรูหวาดกลัวในตอนนี้ได้ แต่สิ่งที่เขาทำในวันนี้ช่างโง่เขลานัก
ขอบเขตกึ่งเทพจะถูกดึงดูดความสนใจไม่ว่าจะไปที่ไหน และข่าวการปรากฏตัวของขอบเขตกึ่งเทพนั้นก็จะถูกแพร่ออกไปในไม่ช้า หากเขาตกเป็นเป้าของตระกูลใดๆและถูกติดตามโดยผู้ที่มีทักษะพิเศษบางอย่าง มันจะทำให้เกิดปัญหามากมายและความเสี่ยงที่จะถูกเผยตัวก็จะมากขึ้น
แต่หลังจากที่เจียงอี้เห็นใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเด็กทั้งสอง เขาก็คิดว่าวันนี้เขาทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะเมื่อเขาพาเด็กๆหนีไป ถานไถชี่ก็จะตายและพวกเขาก็จะกลายเป็นเด็กกำพร้า
เจียงอี้ไม่ต้องการจะคิดอะไรมากอีก หากเขาหนีไปในวันนี้ เขาคงจะอยู่กับความรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต และอาจกลายเป็นคนโหดร้ายได้ จนท้ายที่สุด เขาอาจจะกลายเป็นชายที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังเกลียดชัง
“มองหาพระแสงอะไรกัน?”
เมื่อเห็นผู้คนจ้องมองเขา เจียงอี้ก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เขาขบริมฝีปากและพูดว่า “เรื่องในวันนี้จะไม่ถูกแพร่งพรายออกไป ผู้ใดก็ตามที่กล้าให้เรื่องราวรั่วไหลออกไปแม้แต่ประโยคเดียว ก็จงรับผลที่ตามมาด้วย!”
“ขอรับท่านใต้เท้า!”
ซ่งจงและกลุ่มของเขาต่างป้องกำปั้นด้วยความกลัวและตะโกนออกมาอย่างจริงจัง ถานไถชี่ยืดชุดของนางและคำนับให้เจียงอี้และไม่ได้พูดขอบคุณอะไร นางเป็นหญิงที่ฉลาดและเฉียบแหลมมากพอที่จะรู้ว่ากลอุบายที่นางสร้างไว้ก่อนหน้านี้ได้เพิ่มความรังเกียจของเจียงอี้แล้ว นางจึงไม่ต้องการทำให้เขาขุ่นเคืองอีกต่อไป
กองโจรทั้งหมดเองก็พากันบินหนีไป ส่วนกองกำลังหลักที่อยู่แต่ไกลก็ไม่เสี่ยงที่จะเข้ามาใกล้ๆ เจียงอี้และคนของเขาจึงพากันเดินทางต่อไป คราวนี้เจียงอี้ไม่กล้าประมาท เขาจะใช้ญาณศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบรอบๆเสมอเพื่อเลี่ยงอุบัติเหตุที่จะเกิดเช่นนี้อีก
ไม่นานนัก ฟ้าก็เริ่มมืด พวกเขาต้องหาที่ค้างคืนอีกครั้ง คราวนี้ พวกเขาพักอยู่ข้างสระน้ำเล็กๆตามที่ถานไถชี่ร้องขอมา เจียงอี้คิดว่านางกำลังจะเล่นตุกติกอะไรอีก แต่เขาก็รู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าตัวนางเปื้อนไปด้วยโคลนและเนื้อตัวสกปรก
ซ่งจงและคนอื่นๆมีระเบียบอย่างมากและพวกเขาตั้งกระโจมห่างจากสระน้ำหนึ่งกิโลเมตรและล้อมรอบสระไว้ทั้งหมดแน่นอนว่าเจียงอี้ก็ได้ดื่มด่ำไปกับกลุ่มสาวๆข้างสระน้ำด้วยเช่นกัน
หลังจากทานอาหารแล้ว สาวใช้ก็พาเด็กทั้งสองไปที่สระน้ำและล้างร่างกายให้พวกเขา เด็กๆก็พากันหัวเราะและเล่นอยู่ในน้ำซึ่งทำให้เจียงอี้พอใจมาก หากเขาทิ้งคนเหล่านี้ไปในวันนี้ เด็กทั้งสองคนนี้คงจะไม่สามารถหัวเราะได้เช่นนี้
สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็ดูมากเกินไปสำหรับเจียงอี้เล็กน้อย สาวใช้ไม่กี่คนอยู่รอบๆสระและช่วยถานไถชี่ถูตัวก่อนที่พวกนางจะถอดผ้าและอาบน้ำเช่นกัน หุบเขาน้อยของพวกนางเริ่มมีกลิ่น และนั่นเป็นสิ่งที่พวกนางรับไม่ได้
แม้ว่าจะมีผู้ชายอยู่ใกล้ๆ แต่เจียงอี้ก็มีพลังมากพอที่จะทำให้หัวใจของพวกนางสั่นสะท้านด้วยความกลัว พวกนางเองก็ยังมีใจที่จะศิโรราบต่อเขา นอกจากนี้ เจียงอี้ก็ไม่เคยออกมาป้วนเปี้ยนเลย สาวใช้กลุ่มนี้จึงโล่งใจและร่วมอาบน้ำด้วยใบหน้าแดงก่ำ
แน่นอนว่า แม้ว่าเจียงอี้จะเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา แต่สาวใช้เหล่านี้ก็ยังเต็มใจอยู่ดี
ถานไถชี่เริ่มสบายยิ่งขึ้น นางหวังว่าเจียงอี้จะต้องการนาง บางที นางอาจจะเต็มใจเปลื้องผ้าและคลานไปมายามที่เจียงอี้ชี้นิ้วสั่งเลยก็ได้
ด้านเจียงอี้นั้นเดินเข้าไปในกระโจมของเขาและไม่กล้าแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมา เขานั่งสงบเหมือนพระเฒ่าและได้ยินเสียงน้ำกระเซ็นและเสียงหัวเราะของสาวใช้ที่ผ่านเข้ามาในหูราวกับสายลม
“นายหญิงมีเรือนร่างที่งดงามจริงๆเจ้าค่ะ”
“นายหญิง ก้มตัวหน่อยเจ้าค่ะ ข้าน้อยจะช่วยท่านขัดด้านหลัง”
“นายหญิง ท่านจะใส่ชุดสีชมพูหรือไม่เจ้าคะ?”
เจียงอี้มีทักษะการฟังที่ทรงพลังจริงๆ แม้ว่าเขาจะไม่อยากได้ยิน แต่เสียงของสาวใช้ก็ยังเข้าหูเขาโดยอัตโนมัติ และภาพร่วมรักก็ยิ่งเกิดขึ้นในใจของเขา
โชคดีที่จิตใจของเจียงอี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง เขาเริ่มขัดสมาธิและฝึกฝนทันที แน่นอนว่าเขาไม่กล้าเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ ไม่เช่นนั้นเขาคงรับรู้ทุกสิ่งรอบตัวเขาแน่ๆ
คืนนี้เป็นค่ำคืนที่เงียบสงัด!
วันรุ่งขึ้น พวกเขาออกเดินทางอีกครั้ง คราวนี้เจียงอี้ระมัดระวังมากขึ้นและใช้ญาณศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา เมืองเขี้ยวหมาป่าอยู่ห่างจากทะเลเพียงไม่ถึงล้านกิโลเมตรเท่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช้เรือลิขิตสวรรค์และเดินทางช้ากว่าเดิมมาก แต่พวกเขาทั้งหมดเป็นขอบเขตเทียนจุนและมีความเร็วพอสมควร เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน พวกเขาก็มาถึงเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งในย่านชานเมืองฝั่งตะวันออกของเมืองเขี้ยวหมาป่า
ฮู ฮู!
หลังจากที่ได้เห็นเมืองเล็กๆ ซ่งจงและคนอื่นๆก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก การที่มองเห็นเมืองเล็กๆ มันก็บ่งบอกได้แล้วว่าพวกเขาอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองนัก ม่านพลังรอบเมืองนี้อ่อนแอมากซึ่งขอบเขตเทียนจุนระดับสูงคนใดก็สามารถทำลายมันทิ้งได้ แต่เมืองเล็กๆเหล่านี้จะไม่ถูกโจรโจมตี ไม่เช่นนั้น ตระกูลที่ปกป้องเมืองเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆจะโกรธแค้น
“ซ่งจง กองโจรที่อยู่รอบๆนั้นก็ค่อนข้างแข็งแกร่ง ทำไมพวกเขาถึงไม่โจมตีเมืองล่ะ?”
เจียงอี้บังเอิญเห็นสถานการณ์ในเมืองเขี้ยวหมาป่าแต่ไกลและพบว่ามียอดฝีมือขอบเขตเทียนจุนระดับสูงไม่มากนักซึ่งมีประมาณยี่สิบคนได้ ในทางกลับกัน กองโจรใหญ่นั้นมีจำนวนมาก อย่าง กองโจรทั้งสองที่เขาเจอเมื่อวานนี้มีขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดหลายสิบคน ซึ่งมันมากพอที่จะพิชิตเมืองได้
ซ่งจงป้องกำปั้นและส่งข้อความเสียงกลับมาว่า “ท่านใต้เท้า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับอาณาเขตขอรับ อย่างผู้ปกครองเขตริมน้ำและเขตแดนสวรรค์ของเรานั้นเข้มงวดในกฎมาก เจ้าเมืองทุกคนจะได้รับมอบหมายจากประมุขอาณาเขต และแม้ว่าจะมีผู้ใดทำลายเมือง คนผู้นั้นก็จะไม่ได้กลายเป็นเจ้าเมือง ประมุขอาณาเขตจะส่งกองทหารมาและไล่ผู้บุกรุกออกไป แต่แน่นอนว่า…หลายภูมิภาคหลายเขตแดนค่อนข้างวุ่นวาย ผู้ใดก็ตามที่ยึดเมืองได้ก็จะได้เป็นเจ้าเมือง บางครั้งประมุขอาณาเขตบางเขตก็ถูกเปลี่ยนไปถึงห้าครั้งในเวลาเพียงครึ่งเดือนขอรับ!”
“อือฮึ”
เจียงอี้พยักหน้าและส่งข้อความเสียง “ไปกันเถอะ เมื่อเราไปถึงเมืองเขี้ยวหมาป่าในวันหรุ่งนี้ ข้ามีเรื่องบางอย่างต้องจัดการ เจ้าสามารถกลับไปยังอาณาเขตแดนสวรรค์ด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายได้เลย”
“ค่ายกลเคลื่อนย้าย…”
ใบหน้าของซ่งจงมืดหม่นลง เขาส่งข้อความเสียงกลับมาอย่างขมขื่นว่า “ท่านใต้เท้า ท่านมองพวกเราสูงเกินไปขอรับ ต่อให้ท่านขายพวกเราทั้งหมด เราก็ไม่สามารถจ่ายค่าเดินทางในค่ายกลเคลื่อนย้ายไหวขอรับ!”