เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 885 อีฉานเลือกสามี
ทั้งสองคนนี้บ้าไปแล้วจริงๆเพราะพวกเขาหมกมุ่นอยู่กับการต่อสู้มากเกินไปและไม่ได้สังเกตว่าฟ้าเริ่มมืดยอดฝีมือทั้งสองนี้มีฝีมือทัดเทียมกัน หนึ่งในนั้นมีความเร็วที่น่าทึ่งขณะที่อีกคนมีการป้องกันที่แข็งแกร่งมาก
ทั้งสองนี้กำลังหลบเลี่ยงและเคลื่อนตัวอยู่กลางอากาศและตำแหน่งของการต่อสู้ก็เปลี่ยนไปตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม เรือลิขิตสวรรค์ก็ยังคงเข้าไปใกล้และคอยรักษาระยะห่างเอาไว้เสมอ ทำให้แขกและผู้คุมบนเรือสามารถสังเกตและเข้าถึงทักษะการต่อสู้ได้
เจียงอี้ยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของดาดฟ้าและจ้องมองไปยังสองคนที่อยู่ห่างไกลขณะที่เขาเองก็แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ม่านพลังเองก็เปลี่ยนสีในเวลานี้ มันไม่ใช่สีดำสนิทอีกต่อไปขณะที่มันโปร่งใส และสามารถแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปได้อย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดว่ายอดฝีมือตระกูลถังออกคำสั่งลงมาเพื่อให้ทุกคนสังเกตการต่อสู้ได้
เจียงอี้สัมผัสได้ถึงทุกสิ่งอย่างชัดเจนและแม่นยำด้วยสภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ แต่การได้ยินด้วยหูและมองด้วยตาของตัวเองนั้นจะได้ผลดีเป็นอย่างยิ่ง มันเหมือนกับเขตต่อสู้ของตระกูลซือถู ภาพลวงตาทำให้ผู้คนมองเห็นการต่อสู้ได้อย่างชัดเจนและได้ยินเสียงการต่อสู้ และให้สัมผัสถึงอารมณ์รอบด้านการต่อสู้ด้วย ซึ่งการทำเช่นนั้นจะทำให้มันดูเหนือจริงและช่วยให้ผู้คนเข้าใจได้ง่าย นี่คือเหตุผลที่เจียงอี้เดินขึ้นไปบนดาดฟ้า
“ความเร็วของผู้อาวุโสที่ใช้รูปแบบเต๋าวายุนั้นเร็วมาก!”
วิสัยทัศน์ของเจียงอี้นั้นน่ากลัวมากและยิ่งหลังจากที่เขาใช้หญ้ามังกรยาจกไปมันก็ทำให้ได้สภาวะอันไร้ที่ติ เขาเชื่อว่าวิสัยทัศน์ของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าขอบเขตเทียนจุนระดับสูงเลยหลังจากที่เจียงอี้เพิ่มการมองเห็นด้วยแก่นแท้พลัง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขายังคงมีปัญหาในการพยายามเพ่งผู้อาวุโสที่ใช้รูปแบบเต๋าวายุอยู่ เขาไม่มีทางอื่นเลยนอกจากต้องใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เพื่อช่วยในการตามตัวผู้อาวุโสผู้นั้น
บนดาดฟ้ามีผู้คนเกือบหมื่นคนและเรือลิขิตสวรรค์ลำนี้ก็ใหญ่พอเช่นกัน แม้ว่าผู้คนเกือบหมื่นกำลังยืนอยู่ที่หัวเรือและปลายดาดฟ้าแต่ก็ยังไม่มีความรู้สึกแออัด ทุกๆคนต่างกลั้นหายใจและยืนเงียบๆขณะที่จับจ้องไปยังยอดฝีมือทั้งสองด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาและพยายามเข้าใจทักษะอย่างรอบคอบ
“เป็นเช่นนี้นี่เอง ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเข้าใจแล้ว แสงพิพากษา มันเป็นรูปแบบเต๋าแสงพิพากษา!”
ทันใดนั้นก็มีคนหัวเราะเสียงดังขึ้นมาและทำลายความเงียบงันบนดาดห้า เจียงอี้หันไปมองที่มาของเสียงนั้นและเห็นเด็กหนุ่มที่ดูหยิ่งยโสหัวเราะเสียงดังก่อนที่เขาจะนั่งบนดาดฟ้าและเข้าสู่ห้วงสมาธิทันที
“แสงพิพากษา? มันเป็นรูปแบบเต๋าประเภทการโจมตีที่ค่อนข้างน่าเกรงขาม คนผู้นี้โชคดียิ่งนัก”
“รูปแบบเต๋าแสงพิพากษานั้นยากที่จะเข้าใจ พลังโจมตีนั้นดุร้ายอย่างยิ่งและเป็นรูปแบบเต๋าฟ้าดิน เด็กนี่ค่อนข้างเยี่ยมนัก”
เสียงพูดคุยดังก้องขึ้นขณะที่เจียงอี้พยักหน้าเงียบๆ หากบุคคลผู้นี้รู้ได้ทันทีว่านี่คือรูปแบบเต๋าแสงพิพากษา แสดงว่าเขาก็กำลังเข้าเข้าถึงได้ในไม่ช้าแล้ว เพื่อที่จะเข้าใจรูปแบบเต๋าระดับกลางได้ การนั่งเรือลิขิตสวรรค์หนึ่งครั้งก็จะคุ้มค่าอย่างแท้จริง
เสียงโห่ร้องหยุดไปในไม่ช้าและทุกคนต่างจับจ้องไปยังการต่อสู้ด้วยดวงตาที่ลุกโชนอีกครั้ง เจียงอี้เองก็มองไปที่สภาพอากาศและสังเกตว่ามันมืดสนิท เขาหลับตาลงและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ จากนั้นเขาก็ตรวจสอบพื้นที่ที่มีการต่อสู้อย่างรอบคอบเนื่องจากเขาต้องการจะมองความเสียหายจากลมดาราที่จะเกิดกับยอดฝีมือทั้งสอง
ยอดฝีมือทั้งสองแข็งแกร่งมากตามที่คาดขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้อยู่บนฟ้าและเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่อง พวกเขาก็ได้ดึงดูดลมดารามาอย่างต่อเนื่อง การป้องกันของยอดฝีมือธาตุแสงนั้นน่ากลัวเกินไป เนื่องจากเจียงอี้สัมผัสได้ถึงเส้นบางๆนับสิบเส้นที่เคลื่อนผ่านโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาไปอย่างชัดเจน แต่มันก็จางลงเพียงเล็กน้อย พลังแก่นแท้ของเขาสะท้อนออกมาและโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็เปล่งประกายเจิดจ้าในทันที ราวกับดวงอาทิตย์ที่แผดเผาที่ไม่มีผู้ใดกล้ามองไปตรงๆ
“เอ๊ะ?”
เมื่อเจียงอี้สำรวจมองผ่านผู้อาวุโสธาตุลม เขาก็สังเกตเห็นปรากฏการณ์ที่ประหลาดมาก เมื่อลมดารากำลังจะโจมตีผู้อาวุโสธาตุลม สภาพแวดล้อมของเขาก็พลุ่งพล่านไปด้วยลมหมุนที่หมุนรอบร่างกายของเขา จากนั้นลมหมุนก็พัดลมดาราไปได้อย่างง่ายดาย แม้แต่ลมดาราเพียงเส้นเดียวก็ไม่สามารถโจมตีเขาได้เลย
“มันทำเช่นนี้ได้จริงๆหรือ?” เจียงอี้ได้เปิดหูเปิดตาของเขา เขาหยุดทำความเข้าใจรูปแบบเต๋าวายุของผู้อาวุโสทันที หากเขาสามารถเรียนรู้ทักษะพิเศษของผู้อาวุโสได้ ยอดฝีมือปกติคนใดจะกล้าไล่ล่าเขาในยามกลางคืน? เขาสามารถพุ่งขึ้นไปบนที่สูงได้ขณะที่ผู้ที่ไล่ล่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมองอย่างไร้หนทาง หากผู้ใดกล้าไล่ตามเขาขึ้นมา เขาก็จะเล่นงานคนเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย
หากสองคนนี้กล้าต่อสู้ในตอนกลางคืน พวกเขาคงมีความสามารถที่ทำให้ไม่กลัวลมดารา หนึ่งในนั้นมีการป้องกันที่แข็งแกร่งมาก ขณะที่อีกคนมีความเร็วที่เร็วมากและสามารถหลบลมดาราได้ ทั้งสองรู้ดีว่ามันยากที่พวกเขาจะสังหารกันเองด้วยความแข็งแกร่งของตัวเองและพวกเขากำลังเตรียมที่จะใช้ลมดารามาช่วยเหลือพวกเขา
“วิธีการของผู้อาวุโสที่หลบลมดารานี้มีวิธีคล้ายคลึงกันกับโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีของข้า” เจียงอี้รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยขณะที่เขาคอยสัมผัสนานขึ้นก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยมากขึ้น บุคคลนี้กำลังเคลื่อนลมดาราออกไปพร้อมกับลมหมุนขณะที่โล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีของเจียงอี้ก็เคลื่อนการโจมตีของศัตรูออกไป
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง…ข้าใช้เส้นทางของมนุษย์มดขณะที่คนผู้นี้ใช้รูปแบบเต๋าวายุอย่างสมบูรณ์ มันเป็นรูปแบบเต๋าวายุที่ลึกลับยิ่งนัก!”
เจียงอี้สัมผัสได้ครู่หนึ่งและสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ คิ้วของเขาขมวดขึ้นขณะที่เขาจับจ้องไปที่กระแสลมรอบๆตัวผู้อาวุโสอย่างต่อเนื่องและพยายามเข้าถึงแก่นสารภายใน
ตูม! ตูม!
แต่น่าเสียดาย ในเวลาเพียงสิบห้านาที ผู้อาวุโสธาตุลมก็ค่อยๆล่อผู้อาวุโสธาตุแสงขึ้นไปที่สูงและหาโอกาสปล่อยการโจมตีวายุที่ทรงพลัง
“จบแล้ว…” “การต่อสู้จบแล้ว!”
เกิดความโกลาหลขึ้นบนดาดฟ้า การป้องกันของผู้อาวุโสธาตุแสงน่ากลัวจริงๆ แต่หลังจากที่เขาพุ่งขึ้นไปเหนือฟ้าสามสิบกิโลเมตร ลาดาราของความสูงระดับนั้นก็น่ากลัวเกินไป จากนั้นโล่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้อาวุโสธาตุแสงก็ค่อยๆจางลงและแตกสลาย!
เหนือท้องฟ้าในยามค่ำคืน การที่โล่ศักดิ์สิทธิ์แตกสลายนั้นหมายถึงความตาย ผู้อาวุโสธาตุแสงนั้นไม่สามารถแม้แต่จะเผยความโกรธเคืองออกมาได้ขณะที่ร่างของเขากลายเป็นเนื้อสับทันที จากนั้นเขาก็กลายเป็นฝนโลหิตที่สาดลงมาจากท้องฟ้าทันที
ฟรึ่บ!
ผู้อาวุโสธาตุลมบินขึ้นไปราวกับมังกรที่สัญจรไปมาและเก็บแหวนมิติที่ตกลงมา จากนั้นเขาก็มุ่งไปยังเรือลิขิตสวรรค์อย่างฝืนกลั้นความกลัวและบินไปทางตะวันออกอย่างรวดเร็วและหายวับไปในท้องฟ้ายามค่ำคืน
“เอาล่ะ การต่อสู้จบลงแล้ว! ทุกๆท่านสามารถกลับไปยังที่พักได้อย่างสบายใจแล้วขอรับ ไม่ต้องกังวลไปเพราะเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถังปลอดภัยอย่างแน่นอน แม้แต่การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือก็ถือเป็นพร และเราจะหยุดเพื่อให้ทุกท่านได้สังเกตและทำความเข้าใจทันที”
เสียงชายชราดังก้องขึ้นอีกครั้งขณะที่แขกส่วนใหญ่พากันกลับเข้าห้องโดยสาร เจียงอี้มองไปยังทิศตะวันออกด้วยความผิดหวัง เขาเฝ้าสังเกตมานานแล้ว แต่เขากลับไม่เข้าใจอะไรเลยและไม่สามารถเข้าใจแก่นแท้ของรูปแบบเต๋าวายุด้วย มันเป็นโอกาสที่ดี แต่เจียงอี้กลับไม่เขาใจมัน
“ลมดารา!”
เจียงอี้แหงนหน้ามองไปบนฟ้าในยามราตรีและคิดในใจเงียบๆว่าจะศึกษาให้มากกว่านี้หากมีเวลาอีกในภายภาคหน้า หากเขาสามารถเข้าถึงรูปแบบเต๋าวายุและบินไปบนฟ้าอย่างอิสระในยามค่ำคืนได้ มันจะเป็นสิ่งที่สามารถช่วยชีวิตเขาได้สามารถกลับไปยังที่พักได้อย่างสบายใจแล้วขอรับ ไม่ต้องกังวลไปเพราะเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถังปลอดภัยอย่างแน่นอน แม้แต่การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือก็ถือเป็นพร และเราจะหยุดเพื่อให้ทุกท่านได้สังเกตและทำความเข้าใจทันที”
เสียงชายชราดังก้องขึ้นอีกครั้งขณะที่แขกส่วนใหญ่พากันกลับเข้าห้องโดยสาร เจียงอี้มองไปยังทิศตะวันออกด้วยความผิดหวัง เขาเฝ้าสังเกตมานานแล้ว แต่เขากลับไม่เข้าใจอะไรเลยและไม่สามารถเข้าใจแก่นแท้ของรูปแบบเต๋าวายุด้วย มันเป็นโอกาสที่ดี แต่เจียงอี้กลับไม่เขาใจมัน
“ลมดารา!”
เจียงอี้แหงนหน้ามองไปบนฟ้าในยามราตรีและคิดในใจเงียบๆว่าจะศึกษาให้มากกว่านี้หากมีเวลาอีกในภายภาคหน้า หากเขาสามารถเข้าถึงรูปแบบเต๋าวายุและบินไปบนฟ้าอย่างอิสระในยามค่ำคืนได้ มันจะเป็นสิ่งที่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ หลังจากยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เจียงอี้ก็กำลังจะกลับเข้าไปฝึกฝนต่อ แต่เขากลับสนใจการสนทนาระหว่างนายน้อยสองคน
“นายน้อยหรง เจ้าจะไปเมืองจักรพรรดิบูรพาด้วยหรือ?”
“ใช่แล้ว ฮึฮึ จักรพรรดิอรหังได้ออกคำสั่งลงมาเองในครั้งนี้ว่าซากปรักหักพังสลายบาปจะถูกเปิดขึ้นในอีกหนึ่งปี ผู้ที่สามารถรอดจากซากปรักหักพังสลายบาปได้จะไม่เพียงแต่จะสามารถเข้าร่วมตระกูลจักรพรรดิอรหังได้เท่านั้น แต่ยังอาจกลายเป็นสามีของแม่นางอีฉานด้วย ใจของแม่นางอีฉานนั้นสูงกว่าท้องฟ้าและไม่แม้แต่จะหลงใหลเหล่ารุ่นเยาว์ของเก้าตระกูลจักรพรรดิเลย นางย่อมอยากหาชายผู้มีความพิเศษจากเหล่านายน้อยตระกูลธรรมดา นายน้อยหยู คราวนี้เราต้องทำเต็มที่!”
“ใช่ หากเราสามารถแต่งงานกับอัจฉริยะรุ่นเยาว์อย่างแม่นางอีฉานได้ ชีวิตของเราจะขึ้นไปสู่จุดสูงสุด!” “….”
เจียงอี้ไม่ต้องการจะฟังส่วนหลังของบทสนทนานี้ คิ้วของเขาขมวดแน่นเมื่อเกิดความสงสัยในใจ “อีฉานต้องการเลือกสามีจากตระกูลนายน้อยธรรมดาเหล่านี้หรือ? เมื่อจักรพรรดิอรหังสั่งให้เปิดซากปรักหักพังสลายบาปเอง เขาจะมีเจตนาอื่นแฝงอยู่ไหม?”
ทั้งสองนี้กำลังหลบเลี่ยงและเคลื่อนตัวอยู่กลางอากาศและตำแหน่งของการต่อสู้ก็เปลี่ยนไปตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม เรือลิขิตสวรรค์ก็ยังคงเข้าไปใกล้และคอยรักษาระยะห่างเอาไว้เสมอ ทำให้แขกและผู้คุมบนเรือสามารถสังเกตและเข้าถึงทักษะการต่อสู้ได้
เจียงอี้ยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของดาดฟ้าและจ้องมองไปยังสองคนที่อยู่ห่างไกลขณะที่เขาเองก็แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ม่านพลังเองก็เปลี่ยนสีในเวลานี้ มันไม่ใช่สีดำสนิทอีกต่อไปขณะที่มันโปร่งใส และสามารถแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปได้อย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดว่ายอดฝีมือตระกูลถังออกคำสั่งลงมาเพื่อให้ทุกคนสังเกตการต่อสู้ได้
เจียงอี้สัมผัสได้ถึงทุกสิ่งอย่างชัดเจนและแม่นยำด้วยสภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ แต่การได้ยินด้วยหูและมองด้วยตาของตัวเองนั้นจะได้ผลดีเป็นอย่างยิ่ง มันเหมือนกับเขตต่อสู้ของตระกูลซือถู ภาพลวงตาทำให้ผู้คนมองเห็นการต่อสู้ได้อย่างชัดเจนและได้ยินเสียงการต่อสู้ และให้สัมผัสถึงอารมณ์รอบด้านการต่อสู้ด้วย ซึ่งการทำเช่นนั้นจะทำให้มันดูเหนือจริงและช่วยให้ผู้คนเข้าใจได้ง่าย นี่คือเหตุผลที่เจียงอี้เดินขึ้นไปบนดาดฟ้า
“ความเร็วของผู้อาวุโสที่ใช้รูปแบบเต๋าวายุนั้นเร็วมาก!”
วิสัยทัศน์ของเจียงอี้นั้นน่ากลัวมากและยิ่งหลังจากที่เขาใช้หญ้ามังกรยาจกไปมันก็ทำให้ได้สภาวะอันไร้ที่ติ เขาเชื่อว่าวิสัยทัศน์ของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าขอบเขตเทียนจุนระดับสูงเลยหลังจากที่เจียงอี้เพิ่มการมองเห็นด้วยแก่นแท้พลัง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขายังคงมีปัญหาในการพยายามเพ่งผู้อาวุโสที่ใช้รูปแบบเต๋าวายุอยู่ เขาไม่มีทางอื่นเลยนอกจากต้องใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เพื่อช่วยในการตามตัวผู้อาวุโสผู้นั้น
บนดาดฟ้ามีผู้คนเกือบหมื่นคนและเรือลิขิตสวรรค์ลำนี้ก็ใหญ่พอเช่นกัน แม้ว่าผู้คนเกือบหมื่นกำลังยืนอยู่ที่หัวเรือและปลายดาดฟ้าแต่ก็ยังไม่มีความรู้สึกแออัด ทุกๆคนต่างกลั้นหายใจและยืนเงียบๆขณะที่จับจ้องไปยังยอดฝีมือทั้งสองด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาและพยายามเข้าใจทักษะอย่างรอบคอบ
“เป็นเช่นนี้นี่เอง ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเข้าใจแล้ว แสงพิพากษา มันเป็นรูปแบบเต๋าแสงพิพากษา!”
ทันใดนั้นก็มีคนหัวเราะเสียงดังขึ้นมาและทำลายความเงียบงันบนดาดห้า เจียงอี้หันไปมองที่มาของเสียงนั้นและเห็นเด็กหนุ่มที่ดูหยิ่งยโสหัวเราะเสียงดังก่อนที่เขาจะนั่งบนดาดฟ้าและเข้าสู่ห้วงสมาธิทันที
“แสงพิพากษา? มันเป็นรูปแบบเต๋าประเภทการโจมตีที่ค่อนข้างน่าเกรงขาม คนผู้นี้โชคดียิ่งนัก”
“รูปแบบเต๋าแสงพิพากษานั้นยากที่จะเข้าใจ พลังโจมตีนั้นดุร้ายอย่างยิ่งและเป็นรูปแบบเต๋าฟ้าดิน เด็กนี่ค่อนข้างเยี่ยมนัก”
เสียงพูดคุยดังก้องขึ้นขณะที่เจียงอี้พยักหน้าเงียบๆ หากบุคคลผู้นี้รู้ได้ทันทีว่านี่คือรูปแบบเต๋าแสงพิพากษา แสดงว่าเขาก็กำลังเข้าเข้าถึงได้ในไม่ช้าแล้ว เพื่อที่จะเข้าใจรูปแบบเต๋าระดับกลางได้ การนั่งเรือลิขิตสวรรค์หนึ่งครั้งก็จะคุ้มค่าอย่างแท้จริง
เสียงโห่ร้องหยุดไปในไม่ช้าและทุกคนต่างจับจ้องไปยังการต่อสู้ด้วยดวงตาที่ลุกโชนอีกครั้ง เจียงอี้เองก็มองไปที่สภาพอากาศและสังเกตว่ามันมืดสนิท เขาหลับตาลงและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ จากนั้นเขาก็ตรวจสอบพื้นที่ที่มีการต่อสู้อย่างรอบคอบเนื่องจากเขาต้องการจะมองความเสียหายจากลมดาราที่จะเกิดกับยอดฝีมือทั้งสอง
ยอดฝีมือทั้งสองแข็งแกร่งมากตามที่คาดขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้อยู่บนฟ้าและเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่อง พวกเขาก็ได้ดึงดูดลมดารามาอย่างต่อเนื่อง การป้องกันของยอดฝีมือธาตุแสงนั้นน่ากลัวเกินไป เนื่องจากเจียงอี้สัมผัสได้ถึงเส้นบางๆนับสิบเส้นที่เคลื่อนผ่านโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาไปอย่างชัดเจน แต่มันก็จางลงเพียงเล็กน้อย พลังแก่นแท้ของเขาสะท้อนออกมาและโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็เปล่งประกายเจิดจ้าในทันที ราวกับดวงอาทิตย์ที่แผดเผาที่ไม่มีผู้ใดกล้ามองไปตรงๆ
“เอ๊ะ?”
เมื่อเจียงอี้สำรวจมองผ่านผู้อาวุโสธาตุลม เขาก็สังเกตเห็นปรากฏการณ์ที่ประหลาดมาก เมื่อลมดารากำลังจะโจมตีผู้อาวุโสธาตุลม สภาพแวดล้อมของเขาก็พลุ่งพล่านไปด้วยลมหมุนที่หมุนรอบร่างกายของเขา จากนั้นลมหมุนก็พัดลมดาราไปได้อย่างง่ายดาย แม้แต่ลมดาราเพียงเส้นเดียวก็ไม่สามารถโจมตีเขาได้เลย
“มันทำเช่นนี้ได้จริงๆหรือ?” เจียงอี้ได้เปิดหูเปิดตาของเขา เขาหยุดทำความเข้าใจรูปแบบเต๋าวายุของผู้อาวุโสทันที หากเขาสามารถเรียนรู้ทักษะพิเศษของผู้อาวุโสได้ ยอดฝีมือปกติคนใดจะกล้าไล่ล่าเขาในยามกลางคืน? เขาสามารถพุ่งขึ้นไปบนที่สูงได้ขณะที่ผู้ที่ไล่ล่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมองอย่างไร้หนทาง หากผู้ใดกล้าไล่ตามเขาขึ้นมา เขาก็จะเล่นงานคนเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย
หากสองคนนี้กล้าต่อสู้ในตอนกลางคืน พวกเขาคงมีความสามารถที่ทำให้ไม่กลัวลมดารา หนึ่งในนั้นมีการป้องกันที่แข็งแกร่งมาก ขณะที่อีกคนมีความเร็วที่เร็วมากและสามารถหลบลมดาราได้ ทั้งสองรู้ดีว่ามันยากที่พวกเขาจะสังหารกันเองด้วยความแข็งแกร่งของตัวเองและพวกเขากำลังเตรียมที่จะใช้ลมดารามาช่วยเหลือพวกเขา
“วิธีการของผู้อาวุโสที่หลบลมดารานี้มีวิธีคล้ายคลึงกันกับโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีของข้า” เจียงอี้รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยขณะที่เขาคอยสัมผัสนานขึ้นก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยมากขึ้น บุคคลนี้กำลังเคลื่อนลมดาราออกไปพร้อมกับลมหมุนขณะที่โล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีของเจียงอี้ก็เคลื่อนการโจมตีของศัตรูออกไป
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง…ข้าใช้เส้นทางของมนุษย์มดขณะที่คนผู้นี้ใช้รูปแบบเต๋าวายุอย่างสมบูรณ์ มันเป็นรูปแบบเต๋าวายุที่ลึกลับยิ่งนัก!”
เจียงอี้สัมผัสได้ครู่หนึ่งและสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ คิ้วของเขาขมวดขึ้นขณะที่เขาจับจ้องไปที่กระแสลมรอบๆตัวผู้อาวุโสอย่างต่อเนื่องและพยายามเข้าถึงแก่นสารภายใน
ตูม! ตูม!
แต่น่าเสียดาย ในเวลาเพียงสิบห้านาที ผู้อาวุโสธาตุลมก็ค่อยๆล่อผู้อาวุโสธาตุแสงขึ้นไปที่สูงและหาโอกาสปล่อยการโจมตีวายุที่ทรงพลัง
“จบแล้ว…” “การต่อสู้จบแล้ว!”
เกิดความโกลาหลขึ้นบนดาดฟ้า การป้องกันของผู้อาวุโสธาตุแสงน่ากลัวจริงๆ แต่หลังจากที่เขาพุ่งขึ้นไปเหนือฟ้าสามสิบกิโลเมตร ลาดาราของความสูงระดับนั้นก็น่ากลัวเกินไป จากนั้นโล่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้อาวุโสธาตุแสงก็ค่อยๆจางลงและแตกสลาย!
เหนือท้องฟ้าในยามค่ำคืน การที่โล่ศักดิ์สิทธิ์แตกสลายนั้นหมายถึงความตาย ผู้อาวุโสธาตุแสงนั้นไม่สามารถแม้แต่จะเผยความโกรธเคืองออกมาได้ขณะที่ร่างของเขากลายเป็นเนื้อสับทันที จากนั้นเขาก็กลายเป็นฝนโลหิตที่สาดลงมาจากท้องฟ้าทันที
ฟรึ่บ!
ผู้อาวุโสธาตุลมบินขึ้นไปราวกับมังกรที่สัญจรไปมาและเก็บแหวนมิติที่ตกลงมา จากนั้นเขาก็มุ่งไปยังเรือลิขิตสวรรค์อย่างฝืนกลั้นความกลัวและบินไปทางตะวันออกอย่างรวดเร็วและหายวับไปในท้องฟ้ายามค่ำคืน
“เอาล่ะ การต่อสู้จบลงแล้ว! ทุกๆท่านสามารถกลับไปยังที่พักได้อย่างสบายใจแล้วขอรับ ไม่ต้องกังวลไปเพราะเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถังปลอดภัยอย่างแน่นอน แม้แต่การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือก็ถือเป็นพร และเราจะหยุดเพื่อให้ทุกท่านได้สังเกตและทำความเข้าใจทันที”
เสียงชายชราดังก้องขึ้นอีกครั้งขณะที่แขกส่วนใหญ่พากันกลับเข้าห้องโดยสาร เจียงอี้มองไปยังทิศตะวันออกด้วยความผิดหวัง เขาเฝ้าสังเกตมานานแล้ว แต่เขากลับไม่เข้าใจอะไรเลยและไม่สามารถเข้าใจแก่นแท้ของรูปแบบเต๋าวายุด้วย มันเป็นโอกาสที่ดี แต่เจียงอี้กลับไม่เขาใจมัน
“ลมดารา!”
เจียงอี้แหงนหน้ามองไปบนฟ้าในยามราตรีและคิดในใจเงียบๆว่าจะศึกษาให้มากกว่านี้หากมีเวลาอีกในภายภาคหน้า หากเขาสามารถเข้าถึงรูปแบบเต๋าวายุและบินไปบนฟ้าอย่างอิสระในยามค่ำคืนได้ มันจะเป็นสิ่งที่สามารถช่วยชีวิตเขาได้สามารถกลับไปยังที่พักได้อย่างสบายใจแล้วขอรับ ไม่ต้องกังวลไปเพราะเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถังปลอดภัยอย่างแน่นอน แม้แต่การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือก็ถือเป็นพร และเราจะหยุดเพื่อให้ทุกท่านได้สังเกตและทำความเข้าใจทันที”
เสียงชายชราดังก้องขึ้นอีกครั้งขณะที่แขกส่วนใหญ่พากันกลับเข้าห้องโดยสาร เจียงอี้มองไปยังทิศตะวันออกด้วยความผิดหวัง เขาเฝ้าสังเกตมานานแล้ว แต่เขากลับไม่เข้าใจอะไรเลยและไม่สามารถเข้าใจแก่นแท้ของรูปแบบเต๋าวายุด้วย มันเป็นโอกาสที่ดี แต่เจียงอี้กลับไม่เขาใจมัน
“ลมดารา!”
เจียงอี้แหงนหน้ามองไปบนฟ้าในยามราตรีและคิดในใจเงียบๆว่าจะศึกษาให้มากกว่านี้หากมีเวลาอีกในภายภาคหน้า หากเขาสามารถเข้าถึงรูปแบบเต๋าวายุและบินไปบนฟ้าอย่างอิสระในยามค่ำคืนได้ มันจะเป็นสิ่งที่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ หลังจากยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เจียงอี้ก็กำลังจะกลับเข้าไปฝึกฝนต่อ แต่เขากลับสนใจการสนทนาระหว่างนายน้อยสองคน
“นายน้อยหรง เจ้าจะไปเมืองจักรพรรดิบูรพาด้วยหรือ?”
“ใช่แล้ว ฮึฮึ จักรพรรดิอรหังได้ออกคำสั่งลงมาเองในครั้งนี้ว่าซากปรักหักพังสลายบาปจะถูกเปิดขึ้นในอีกหนึ่งปี ผู้ที่สามารถรอดจากซากปรักหักพังสลายบาปได้จะไม่เพียงแต่จะสามารถเข้าร่วมตระกูลจักรพรรดิอรหังได้เท่านั้น แต่ยังอาจกลายเป็นสามีของแม่นางอีฉานด้วย ใจของแม่นางอีฉานนั้นสูงกว่าท้องฟ้าและไม่แม้แต่จะหลงใหลเหล่ารุ่นเยาว์ของเก้าตระกูลจักรพรรดิเลย นางย่อมอยากหาชายผู้มีความพิเศษจากเหล่านายน้อยตระกูลธรรมดา นายน้อยหยู คราวนี้เราต้องทำเต็มที่!”
“ใช่ หากเราสามารถแต่งงานกับอัจฉริยะรุ่นเยาว์อย่างแม่นางอีฉานได้ ชีวิตของเราจะขึ้นไปสู่จุดสูงสุด!” “….”
เจียงอี้ไม่ต้องการจะฟังส่วนหลังของบทสนทนานี้ คิ้วของเขาขมวดแน่นเมื่อเกิดความสงสัยในใจ “อีฉานต้องการเลือกสามีจากตระกูลนายน้อยธรรมดาเหล่านี้หรือ? เมื่อจักรพรรดิอรหังสั่งให้เปิดซากปรักหักพังสลายบาปเอง เขาจะมีเจตนาอื่นแฝงอยู่ไหม?”