เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 888 ปัญหามาเยือน
เจียงอี้เข้ามาอยู่โรงเตี๊ยมที่ดีที่สุด โรงเตี๊ยมอำมฤตซึ่งเขาเชื่อว่าด้วยความสามารถของซ่งจง ซ่งจงจะหาเขาเจอได้ง่ายๆ ดังนั้น หลังจากที่เจียงอี้เข้าไปในลานบ้าน เขาก็ฝึกฝนและไม่ได้สนใจเรื่องภายนอกเลย
ครึ่งวันต่อมา ซ่งจงก็มาตามที่คาดเอาไว้ เขาไม่ได้พูดอะไรมากและเพียงแค่นำศิลาสวรรค์ อาหารอันโอชะและอาหารท้องถิ่นมาให้ นอกจากนี้เขายังช่วยเจียงอี้หาเรือลิขิตสวรรค์เพื่อเดินทางไปยังเขตแดนอรหังและจ่ายศิลาสวรรค์ไปแล้ว แต่มันก็ค่อนข้างใช้เวลานานก่อนจะออกเดินทางได้เนื่องจากเรือลำต่อไปจะผ่านเมืองเพลิงสวรรค์ในอีกสิบแปดวัน
เจียงอี้ไม่ได้สนใจอะไรขณะที่เขาไม่คิดจะนั่งเรือลิขิตสวรรค์ของสมาคมการค้าอื่น หากไม่มีห้องฝึกฝนลับที่มีความเร็วร้อยเท่า มันคงน่าเบื่อมากกับการอยู่บนเรือลิขิตสวรรค์ไปหลายเดือนและมันคงเสียเวลานัก
ไม่รู้ว่าถานไถชี่ให้คำชี้แนะหรือซ่งจงเป็นคนมีไหวพริบมาก เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับตระกูลถานไถเลย เขาไม่ได้พูดถึงสถานการณ์ของถานไถชี่ที่ตระกูลด้วย เขาเพียงแค่ให้ขอบเขตเทียนจุนมายืนเฝ้าข้างนอกและขอให้เจียงอี้แจ้งพวกเขาได้หากต้องการอะไร
เจียงอี้ไม่ได้ต้องการอะไรเลยและขอเพียงแค่พวกนั้นไม่รบกวนเขา เขาไม่เคยออกจากโรงเตี๊ยมและฝึกฝนอย่างเงียบๆอยู่ในสวนหลังบ้าน สิบวันต่อมา ไข่มุกของเขาก็สว่างขึ้นอีกครั้งและเจียงอี้ก็เดินออกมาจากโรงเตี๊ยม
คราวนี้เป็นคนอื่นที่มาที่นี่และเขาเป็นชายชรา หลังจากที่ชายผู้นั้นเข้าไป เขาก็มอบข้อมูลให้เจียงอี้ และเมื่อเจียงอี้มองดูมัน ร่างกายเขาก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร
คราวนี้มีข้อมูลอื่นที่เกี่ยวกับซากปรักหักพังสลายบาปที่จะเปิดขึ้นในอีกแปดเดือน นายน้อยรุ่นเยาว์ของเก้าตระกูลจักรพรรดิหลายคนจะเข้าร่วมด้วย การที่จักรพรรดิอรหังประกาศออกมาเอง มันได้ดึงดูดรุ่นเยาว์, สตรีและนายน้อยต่างๆจากทวีปจักรพรรดิบูรพาทั้งหมด หวู่นี่เองก็ออกเดินทางจากเมืองจักรพรรดิอุดรเมื่อสิบวันก่อนและเรือลิขิตสวรรค์ที่เขานั่งมา จะมาถึงเมืองจักรพรรดิอรหังในอีกราวๆหกเดือน และตามที่หน่วยสอดแนมของจักรพรรดิแห่งเงากล่าวไว้คือ จีทิงยวี่…อาจมาพร้อมกับหวู่นี่!
เจียงอี้ไม่สนว่าหวู่นี่จะไปยังซากปรักหักพังสลายบาปเพื่อสมบัติหรือไปเลือกสาวในเมืองจักรพรรดิอรหัง แต่เมื่อจีทิงยวี่มาด้วย มันจึงทำให้เจียงอี้สนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ
ซูรั่วเสวี่ยถูกนางจับเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายและตรงไปยังโถงหลักวรยุทธ นี่ก็หมายความว่าซูรั่วเสวี่ยอาจอยู่ในมือของจีทิงยวี่ ดังนั้น หากเขาจับจีทิงยวี่ได้ เขาก็อาจจะช่วยซูรั่วเสวี่ยได้!
“สืบต่อไป!” ดวงตาของเจียงอี้เป็นประกายเย็นชาขณะที่เขาตะโกนว่า “ข้อมูลนี้จะต้องน่าเชื่อถือ แจ้งให้ข้าทราบทันทีว่าจีทิงยวี่ติดตามไปเมืองจักรพรรดิอรหังหรือไม่ ส่งข้อมูลเกี่ยวกับเมืองจักรพรรดิอรหังและซากปรักหักพังสลายบาปมาให้ข้าด้วย”
ซูรั่วเสวี่ยเป็นหญิงที่เขารักมากที่สุดและเขายินดีที่จะเสี่ยงทุกอย่างเพื่อซูรั่วเสวี่ย ตราบใดที่จีทิงยวี่ปรากฏตัวในเมืองจักรพรรดิอรหัง เขาจะหาทางทุกทางเพื่อจับจีทิงยวี่และหวู่นี่และใช้พวกเขาเพื่อให้ตระกูลหวู่มอบซูรั่วเสวี่ยมาให้เขา ส่วนเรื่องที่เขาจะถูกตระกูลใหญ่ๆไล่ล่าหลังจากเรื่องซูรั่วเสวี่ย เจียงอี้นั้นไม่สนเรื่องพวกนี้อีกต่อไป
“ท่านใต้เท้า หัวหน้าของข้าให้นำศิลาสวรรค์แสนล้านก้อนมาให้ท่านด้วยขอรับ!”
ชายชราหยักหน้าและหยิบแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ออกมาแล้วมอบให้เจียงอี้ “หัวหน้าของข้ากล่าวว่าหากท่านใต้เท้าต้องการสิ่งใด ท่านสามารถหาเราเพื่อถ่ายทอดข้อความมาได้ตลอดเวลา ศิลาสวรรค์นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แม้จะกี่แสนล้านก้อนก็ยังได้ขอรับ”
“จักรพรรดิแห่งเงาช่างตรงไปตรงมาจริงๆ!”
เจียงอี้รับแหวนมาและพยักหน้าเงียบๆหลังจากที่มองเข้าไปในแหวน จักรพรรดิแห่งเงาจะต้องสั่งให้คนนำศิลาสวรรค์แสนล้านก้อนนี้มาให้ เพราะหัวหน้าหน่วยสอดแนมในทวีปจักรพรรดิบูรพาคงไม่มีอำนาจเพียงนี้
ชายชราหยุดครู่หนึ่งและพูดอีกครั้ง “ท่านใต้เท้า ท่านมีสิ่งใดต้องทำในเขตแดนสวรรค์หรือไม่ขอรับ? เราได้ควบคุมเมืองใหญ่ในเขตแดนสวรรค์และหัวหน้าของข้าน้อยกล่าวว่า หากท่านใต้เท้าต้องการความช่วยเหลือ ท่านสามารถขอให้เราระดมพลได้ทุกเมื่อ”
“ตอนนี้ยังไม่จำเป็น”
เจียงอี้ส่ายมือของเขา แม้ว่าเจียงอี้จะต้องการระดมพล แต่มันคงเป็นในเมืองจักรพรรดิอรหังเพื่อจับตัวหวู่นี่และจีทิงยวี่ชายชราพยักหน้าและจากไป เจียงอี้นั้นใจเต้นรัวและไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้มากพอที่จะฝึกฝน
หลังจากเดินไปรอบๆบ้านหลายรอบ เจียงอี้ก็กระแทกโต๊ะและพูดว่า “จีทิงยวี่ เจ้าไม่ควรมายังเมืองจักรพรรดิอรหังในครั้งนี้ ไม่เช่นนั้น ข้าจะหาทางทุกวิถีทางเพื่อจับเจ้าให้ได้”
ตูม!
เจียงอี้กระแทกโต๊ะจนมันกลายเป็นฝุ่นไปทันทีและเหลือเพียงเศษไม้ไว้เบื้องหลัง
บรึฟ!
เจียงอี้ยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ขณะที่อาคมยับยั้งของห้องสว่างขึ้นอย่างกะทันหัน จากนั้นเขาก็แผ่ญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกไปและใบหน้าของเขาก็เย็นชาทันที เขาพึมพำอะไรบางอย่าง “นางจะมาที่นี่เพื่ออะไรกัน?”
มันคือถานไถชี่และซ่งจง เจียงอี้พึมพำออกมาครู่หนึ่งก่อนจะเปิดอาคมยับยั้ง และหลังจากที่ประตูเปิดออก ถานไถชี่และซ่งจงก็เดินเข้ามา
“คารวะท่านใต้เท้า! ข้าน้อยมากล่าวอำลา”
วันนี้ถานไถชี่สวมชุดดำมาที่นี่ และชุดสีดำของนางทำให้ผิวพรรณของนางดูผ่องขึ้นและผ้าคาดเอวที่รัดไว้มันทำให้นางมีเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบ
ซ่งจงกล่าวทักทายและเดินออกจากห้องไป ส่วนเจียงอี้ก็โบกมืออย่างไม่เป็นทางการและพูดว่า “นั่งสิ ที่บ้านเรียบร้อยไหม?”
ถานไถชี่นั่งบนเก้าอี้ข้างๆ และเมื่อนางได้ยินคำถามของเจียงอี้ ท่าทีของนางก็มืดมนลง ร่องรอยของความกังวลปรากฏขึ้นที่คิ้วของนาง แต่นางก็ฝืนยิ้มออกมาและตอบว่า “เรียบร้อยดีเจ้าค่ะ ขอบพระคุณท่านใต้เท้าที่ห่วงใย”
เจียงอี้เห็นว่าถานไถชี่กำลังเจอเรื่องลำบากในตระกูล แต่เขาก็ไม่ได้ต้องการถามอะไรเพิ่มและไม่ต้องการยุ่งเรื่องนี้เช่นกัน
ถานไถชี่เองก็ฉลาดพอที่จะไม่พูดเรื่องนี้อีกต่อไป นางหยิบกล่องหยกจากแหวนมิติออกมาแล้วพูดว่า “ท่านใต้เท้า ข้าน้อยไม่ได้พูดอะไรมากในตระกูลและไม่มีสมบัติล้ำค่าใดๆ นี่คือหญ้าเจ็ดดาวและมีผลในการบำรุงดวงจิตที่ทรงพลังมาก ท่านใต้เท้าสามารถถามคนอื่นๆได้เนื่องจากหญ้าเจ็ดดาวนี้ค่อนข้างเลื่องชื่อ และนอกจากนี้…ท่านใต้เท้ากำลังจะจากไปในอีกไม่กี่วัน ขออภัยด้วยที่ข้าไม่สามารถไปส่งท่านได้เนื่องจากข้าอยู่ในสถานะม่าย และข้ามาที่นี่เพื่ออำลาท่านใต้เท้า”
ถานไถชี่ไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากเจียงอี้และไม่ได้พูดถึงตระกูลของนางหรือจะมารับเขาเข้าตระกูลเลย ไม่มีสมาชิกตระกูลถานไถคนใดมารบกวนเขาเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าถานไถชี่เก็บข้อมูลของเขาไว้เป็นความลับและนางมาที่นี่เพื่อกล่าวอำลาอย่างจริงใจ และมันทำให้เจียงอี้ประทับใจในตัวนางมากขึ้นเล็กน้อย
เจียงอี้ไม่ได้พยายามปฏิเสธนางขณะที่เขารับกล่องหยกมาพร้อมกับพยักหน้า “ข้ามีหลายสิ่งที่ต้องทำมากเกินไป ข้าขอให้เจ้าโชคดีแล้วกัน ข้าได้สัญญากับเสี่ยวหยีไว้ว่าจะมาหานางเมื่อข้ามีเวลาและข้าจะไม่กลับคำ เอาล่ะ…เจ้ากลับไปเถอะ”
“ท่านใต้เท้าโปรดรักษาตัวเจ้าค่ะ ข้าน้อยจะไม่ลืมท่านใต้เท้าตลอดชั่วชีวิต”
ถานไถชี่ยืนขึ้นและคำนับเจียงอี้ขณะที่นางจ้องมองเจียงอี้อย่างลึกซึ้ง เหมือนว่านางจะจดจำเขาลึกลงไปในดวงจิตวิญญาณของนาง นางหันหลังกลับและเดินออกไปข้างนอกขณะที่เจียงอี้มองนางเดินออกไปและยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่อย่างเฉยเมย
ครืด!
ซ่งจงปิดประตูลงและเรือนร่างของถานไถชี่ก็หายลับไปจากสายตาของเจียงอี้ เขาถูขมับของตัวเองและกำลังจะเปิดอาคมยับยั้งเพื่อฝึกฝนต่อ “ฮึ่ม!”
ในขณะนั้นเอง เสียงไม่พอใจได้สะท้อนมาจากด้านนอก ทันใดนั้นเสียงของชายผู้นั้นก็ดังขึ้น “น้องสะใภ้ ศพของน้องชายข้ายังไม่ทันจะเย็นเลยแต่เจ้ากำลังหลอกล่อชายอื่นอยู่รึ? มันไม่เกินไปหน่อยหรือ? แม้ว่าเจ้าจะไม่รู้สึกอับอาย แต่ตระกูลถานไถของเราไม่สามารถทนรับความอับอายนี้ได้ ใครก็ได้! จับนังนี่และชายชู้นี้ไปจัดการกับพวกเขาที่โถงวินัยของตระกูล!”
“หยุดนะ!”
เสียงที่ขุ่นเคืองของซ่งจงตะโกนออกมา แต่กลิ่นอายอันทรงพลังหลายสายได้ห่อหุ้มสนามหลังบ้านไว้หมดแล้ว เจียงอี้ได้ยินเสียงคำรามที่อู้อี้ของซ่งจงและเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดของถานไถชี่ “ถานไถหยา หยุดนะ เจ้าอย่ามาหยาบคายกับท่านใต้เท้าผู้นี้! เงื่อนไขของเจ้า ข้าจะรับมัน”
“นังแพศยา!”
เพี๊ยะ! เสียงตบดังสนั่นก่อนที่จะมีเสียงตะโกนตามมาว่า “พวกเจ้ารออะไรอยู่ล่ะ? ไปจับชายชู้ผู้นั้นมา!”
“เฮ้อ…”
เจียงอี้ถอนหายใจอยู่ในห้องของเขา เขาไม่ได้ต้องการปัญหาใดๆ แต่ปัญหาก็มาเยือนเขา เขาค่อยๆผลักประตูห้องอย่างช้าและกวาดสายตามองอย่างเฉยเมยขณะที่สีหน้าของเขาเย็นชาลงทันที
ที่ด้านนอก ซ่งจงซี่โครงหักไปไม่กี่ซี่ขณะที่มีคนโจมตีเขาด้วยฝ่ามือและศีรษะของซ่งจงก็ถูกเหยียบและนอนนิ่งอยู่ที่พื้น ส่วนถานไถชี่ก็นั่งอยู่ที่พื้นขณะที่ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตาและความปวดร้าว
นายน้อยที่ดูมืดมนในชุดคลุมที่งดงามยืนอยู่ข้างประตู เขาได้พาขอบเขตเทียนจุนมามากกว่าสิบสองคนและอาวุธทั้งหมดก็ถูกชักออกมาเรียบร้อย บุคคลสี่คนกำลังวิ่งมาทางเจียงอี้และศาสตราวุธของพวกเขานั้นฉายแสงประกายเย็นเยียบออกมา
ครึ่งวันต่อมา ซ่งจงก็มาตามที่คาดเอาไว้ เขาไม่ได้พูดอะไรมากและเพียงแค่นำศิลาสวรรค์ อาหารอันโอชะและอาหารท้องถิ่นมาให้ นอกจากนี้เขายังช่วยเจียงอี้หาเรือลิขิตสวรรค์เพื่อเดินทางไปยังเขตแดนอรหังและจ่ายศิลาสวรรค์ไปแล้ว แต่มันก็ค่อนข้างใช้เวลานานก่อนจะออกเดินทางได้เนื่องจากเรือลำต่อไปจะผ่านเมืองเพลิงสวรรค์ในอีกสิบแปดวัน
เจียงอี้ไม่ได้สนใจอะไรขณะที่เขาไม่คิดจะนั่งเรือลิขิตสวรรค์ของสมาคมการค้าอื่น หากไม่มีห้องฝึกฝนลับที่มีความเร็วร้อยเท่า มันคงน่าเบื่อมากกับการอยู่บนเรือลิขิตสวรรค์ไปหลายเดือนและมันคงเสียเวลานัก
ไม่รู้ว่าถานไถชี่ให้คำชี้แนะหรือซ่งจงเป็นคนมีไหวพริบมาก เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับตระกูลถานไถเลย เขาไม่ได้พูดถึงสถานการณ์ของถานไถชี่ที่ตระกูลด้วย เขาเพียงแค่ให้ขอบเขตเทียนจุนมายืนเฝ้าข้างนอกและขอให้เจียงอี้แจ้งพวกเขาได้หากต้องการอะไร
เจียงอี้ไม่ได้ต้องการอะไรเลยและขอเพียงแค่พวกนั้นไม่รบกวนเขา เขาไม่เคยออกจากโรงเตี๊ยมและฝึกฝนอย่างเงียบๆอยู่ในสวนหลังบ้าน สิบวันต่อมา ไข่มุกของเขาก็สว่างขึ้นอีกครั้งและเจียงอี้ก็เดินออกมาจากโรงเตี๊ยม
คราวนี้เป็นคนอื่นที่มาที่นี่และเขาเป็นชายชรา หลังจากที่ชายผู้นั้นเข้าไป เขาก็มอบข้อมูลให้เจียงอี้ และเมื่อเจียงอี้มองดูมัน ร่างกายเขาก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร
คราวนี้มีข้อมูลอื่นที่เกี่ยวกับซากปรักหักพังสลายบาปที่จะเปิดขึ้นในอีกแปดเดือน นายน้อยรุ่นเยาว์ของเก้าตระกูลจักรพรรดิหลายคนจะเข้าร่วมด้วย การที่จักรพรรดิอรหังประกาศออกมาเอง มันได้ดึงดูดรุ่นเยาว์, สตรีและนายน้อยต่างๆจากทวีปจักรพรรดิบูรพาทั้งหมด หวู่นี่เองก็ออกเดินทางจากเมืองจักรพรรดิอุดรเมื่อสิบวันก่อนและเรือลิขิตสวรรค์ที่เขานั่งมา จะมาถึงเมืองจักรพรรดิอรหังในอีกราวๆหกเดือน และตามที่หน่วยสอดแนมของจักรพรรดิแห่งเงากล่าวไว้คือ จีทิงยวี่…อาจมาพร้อมกับหวู่นี่!
เจียงอี้ไม่สนว่าหวู่นี่จะไปยังซากปรักหักพังสลายบาปเพื่อสมบัติหรือไปเลือกสาวในเมืองจักรพรรดิอรหัง แต่เมื่อจีทิงยวี่มาด้วย มันจึงทำให้เจียงอี้สนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ
ซูรั่วเสวี่ยถูกนางจับเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายและตรงไปยังโถงหลักวรยุทธ นี่ก็หมายความว่าซูรั่วเสวี่ยอาจอยู่ในมือของจีทิงยวี่ ดังนั้น หากเขาจับจีทิงยวี่ได้ เขาก็อาจจะช่วยซูรั่วเสวี่ยได้!
“สืบต่อไป!” ดวงตาของเจียงอี้เป็นประกายเย็นชาขณะที่เขาตะโกนว่า “ข้อมูลนี้จะต้องน่าเชื่อถือ แจ้งให้ข้าทราบทันทีว่าจีทิงยวี่ติดตามไปเมืองจักรพรรดิอรหังหรือไม่ ส่งข้อมูลเกี่ยวกับเมืองจักรพรรดิอรหังและซากปรักหักพังสลายบาปมาให้ข้าด้วย”
ซูรั่วเสวี่ยเป็นหญิงที่เขารักมากที่สุดและเขายินดีที่จะเสี่ยงทุกอย่างเพื่อซูรั่วเสวี่ย ตราบใดที่จีทิงยวี่ปรากฏตัวในเมืองจักรพรรดิอรหัง เขาจะหาทางทุกทางเพื่อจับจีทิงยวี่และหวู่นี่และใช้พวกเขาเพื่อให้ตระกูลหวู่มอบซูรั่วเสวี่ยมาให้เขา ส่วนเรื่องที่เขาจะถูกตระกูลใหญ่ๆไล่ล่าหลังจากเรื่องซูรั่วเสวี่ย เจียงอี้นั้นไม่สนเรื่องพวกนี้อีกต่อไป
“ท่านใต้เท้า หัวหน้าของข้าให้นำศิลาสวรรค์แสนล้านก้อนมาให้ท่านด้วยขอรับ!”
ชายชราหยักหน้าและหยิบแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ออกมาแล้วมอบให้เจียงอี้ “หัวหน้าของข้ากล่าวว่าหากท่านใต้เท้าต้องการสิ่งใด ท่านสามารถหาเราเพื่อถ่ายทอดข้อความมาได้ตลอดเวลา ศิลาสวรรค์นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แม้จะกี่แสนล้านก้อนก็ยังได้ขอรับ”
“จักรพรรดิแห่งเงาช่างตรงไปตรงมาจริงๆ!”
เจียงอี้รับแหวนมาและพยักหน้าเงียบๆหลังจากที่มองเข้าไปในแหวน จักรพรรดิแห่งเงาจะต้องสั่งให้คนนำศิลาสวรรค์แสนล้านก้อนนี้มาให้ เพราะหัวหน้าหน่วยสอดแนมในทวีปจักรพรรดิบูรพาคงไม่มีอำนาจเพียงนี้
ชายชราหยุดครู่หนึ่งและพูดอีกครั้ง “ท่านใต้เท้า ท่านมีสิ่งใดต้องทำในเขตแดนสวรรค์หรือไม่ขอรับ? เราได้ควบคุมเมืองใหญ่ในเขตแดนสวรรค์และหัวหน้าของข้าน้อยกล่าวว่า หากท่านใต้เท้าต้องการความช่วยเหลือ ท่านสามารถขอให้เราระดมพลได้ทุกเมื่อ”
“ตอนนี้ยังไม่จำเป็น”
เจียงอี้ส่ายมือของเขา แม้ว่าเจียงอี้จะต้องการระดมพล แต่มันคงเป็นในเมืองจักรพรรดิอรหังเพื่อจับตัวหวู่นี่และจีทิงยวี่ชายชราพยักหน้าและจากไป เจียงอี้นั้นใจเต้นรัวและไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้มากพอที่จะฝึกฝน
หลังจากเดินไปรอบๆบ้านหลายรอบ เจียงอี้ก็กระแทกโต๊ะและพูดว่า “จีทิงยวี่ เจ้าไม่ควรมายังเมืองจักรพรรดิอรหังในครั้งนี้ ไม่เช่นนั้น ข้าจะหาทางทุกวิถีทางเพื่อจับเจ้าให้ได้”
ตูม!
เจียงอี้กระแทกโต๊ะจนมันกลายเป็นฝุ่นไปทันทีและเหลือเพียงเศษไม้ไว้เบื้องหลัง
บรึฟ!
เจียงอี้ยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ขณะที่อาคมยับยั้งของห้องสว่างขึ้นอย่างกะทันหัน จากนั้นเขาก็แผ่ญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกไปและใบหน้าของเขาก็เย็นชาทันที เขาพึมพำอะไรบางอย่าง “นางจะมาที่นี่เพื่ออะไรกัน?”
มันคือถานไถชี่และซ่งจง เจียงอี้พึมพำออกมาครู่หนึ่งก่อนจะเปิดอาคมยับยั้ง และหลังจากที่ประตูเปิดออก ถานไถชี่และซ่งจงก็เดินเข้ามา
“คารวะท่านใต้เท้า! ข้าน้อยมากล่าวอำลา”
วันนี้ถานไถชี่สวมชุดดำมาที่นี่ และชุดสีดำของนางทำให้ผิวพรรณของนางดูผ่องขึ้นและผ้าคาดเอวที่รัดไว้มันทำให้นางมีเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบ
ซ่งจงกล่าวทักทายและเดินออกจากห้องไป ส่วนเจียงอี้ก็โบกมืออย่างไม่เป็นทางการและพูดว่า “นั่งสิ ที่บ้านเรียบร้อยไหม?”
ถานไถชี่นั่งบนเก้าอี้ข้างๆ และเมื่อนางได้ยินคำถามของเจียงอี้ ท่าทีของนางก็มืดมนลง ร่องรอยของความกังวลปรากฏขึ้นที่คิ้วของนาง แต่นางก็ฝืนยิ้มออกมาและตอบว่า “เรียบร้อยดีเจ้าค่ะ ขอบพระคุณท่านใต้เท้าที่ห่วงใย”
เจียงอี้เห็นว่าถานไถชี่กำลังเจอเรื่องลำบากในตระกูล แต่เขาก็ไม่ได้ต้องการถามอะไรเพิ่มและไม่ต้องการยุ่งเรื่องนี้เช่นกัน
ถานไถชี่เองก็ฉลาดพอที่จะไม่พูดเรื่องนี้อีกต่อไป นางหยิบกล่องหยกจากแหวนมิติออกมาแล้วพูดว่า “ท่านใต้เท้า ข้าน้อยไม่ได้พูดอะไรมากในตระกูลและไม่มีสมบัติล้ำค่าใดๆ นี่คือหญ้าเจ็ดดาวและมีผลในการบำรุงดวงจิตที่ทรงพลังมาก ท่านใต้เท้าสามารถถามคนอื่นๆได้เนื่องจากหญ้าเจ็ดดาวนี้ค่อนข้างเลื่องชื่อ และนอกจากนี้…ท่านใต้เท้ากำลังจะจากไปในอีกไม่กี่วัน ขออภัยด้วยที่ข้าไม่สามารถไปส่งท่านได้เนื่องจากข้าอยู่ในสถานะม่าย และข้ามาที่นี่เพื่ออำลาท่านใต้เท้า”
ถานไถชี่ไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากเจียงอี้และไม่ได้พูดถึงตระกูลของนางหรือจะมารับเขาเข้าตระกูลเลย ไม่มีสมาชิกตระกูลถานไถคนใดมารบกวนเขาเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าถานไถชี่เก็บข้อมูลของเขาไว้เป็นความลับและนางมาที่นี่เพื่อกล่าวอำลาอย่างจริงใจ และมันทำให้เจียงอี้ประทับใจในตัวนางมากขึ้นเล็กน้อย
เจียงอี้ไม่ได้พยายามปฏิเสธนางขณะที่เขารับกล่องหยกมาพร้อมกับพยักหน้า “ข้ามีหลายสิ่งที่ต้องทำมากเกินไป ข้าขอให้เจ้าโชคดีแล้วกัน ข้าได้สัญญากับเสี่ยวหยีไว้ว่าจะมาหานางเมื่อข้ามีเวลาและข้าจะไม่กลับคำ เอาล่ะ…เจ้ากลับไปเถอะ”
“ท่านใต้เท้าโปรดรักษาตัวเจ้าค่ะ ข้าน้อยจะไม่ลืมท่านใต้เท้าตลอดชั่วชีวิต”
ถานไถชี่ยืนขึ้นและคำนับเจียงอี้ขณะที่นางจ้องมองเจียงอี้อย่างลึกซึ้ง เหมือนว่านางจะจดจำเขาลึกลงไปในดวงจิตวิญญาณของนาง นางหันหลังกลับและเดินออกไปข้างนอกขณะที่เจียงอี้มองนางเดินออกไปและยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่อย่างเฉยเมย
ครืด!
ซ่งจงปิดประตูลงและเรือนร่างของถานไถชี่ก็หายลับไปจากสายตาของเจียงอี้ เขาถูขมับของตัวเองและกำลังจะเปิดอาคมยับยั้งเพื่อฝึกฝนต่อ “ฮึ่ม!”
ในขณะนั้นเอง เสียงไม่พอใจได้สะท้อนมาจากด้านนอก ทันใดนั้นเสียงของชายผู้นั้นก็ดังขึ้น “น้องสะใภ้ ศพของน้องชายข้ายังไม่ทันจะเย็นเลยแต่เจ้ากำลังหลอกล่อชายอื่นอยู่รึ? มันไม่เกินไปหน่อยหรือ? แม้ว่าเจ้าจะไม่รู้สึกอับอาย แต่ตระกูลถานไถของเราไม่สามารถทนรับความอับอายนี้ได้ ใครก็ได้! จับนังนี่และชายชู้นี้ไปจัดการกับพวกเขาที่โถงวินัยของตระกูล!”
“หยุดนะ!”
เสียงที่ขุ่นเคืองของซ่งจงตะโกนออกมา แต่กลิ่นอายอันทรงพลังหลายสายได้ห่อหุ้มสนามหลังบ้านไว้หมดแล้ว เจียงอี้ได้ยินเสียงคำรามที่อู้อี้ของซ่งจงและเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดของถานไถชี่ “ถานไถหยา หยุดนะ เจ้าอย่ามาหยาบคายกับท่านใต้เท้าผู้นี้! เงื่อนไขของเจ้า ข้าจะรับมัน”
“นังแพศยา!”
เพี๊ยะ! เสียงตบดังสนั่นก่อนที่จะมีเสียงตะโกนตามมาว่า “พวกเจ้ารออะไรอยู่ล่ะ? ไปจับชายชู้ผู้นั้นมา!”
“เฮ้อ…”
เจียงอี้ถอนหายใจอยู่ในห้องของเขา เขาไม่ได้ต้องการปัญหาใดๆ แต่ปัญหาก็มาเยือนเขา เขาค่อยๆผลักประตูห้องอย่างช้าและกวาดสายตามองอย่างเฉยเมยขณะที่สีหน้าของเขาเย็นชาลงทันที
ที่ด้านนอก ซ่งจงซี่โครงหักไปไม่กี่ซี่ขณะที่มีคนโจมตีเขาด้วยฝ่ามือและศีรษะของซ่งจงก็ถูกเหยียบและนอนนิ่งอยู่ที่พื้น ส่วนถานไถชี่ก็นั่งอยู่ที่พื้นขณะที่ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตาและความปวดร้าว
นายน้อยที่ดูมืดมนในชุดคลุมที่งดงามยืนอยู่ข้างประตู เขาได้พาขอบเขตเทียนจุนมามากกว่าสิบสองคนและอาวุธทั้งหมดก็ถูกชักออกมาเรียบร้อย บุคคลสี่คนกำลังวิ่งมาทางเจียงอี้และศาสตราวุธของพวกเขานั้นฉายแสงประกายเย็นเยียบออกมา