เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 889 ไปซะ!
ขอบเขตเทียนจุนสิบหกคน มีสิบคนที่อยู่ในระดับต่ำ ส่วนอีกห้าคนเป็นระดับกลางและระดับสูงหนึ่งคน
เห็นได้ชัดว่าสถานะของนายน้อยในตระกูลถานไถผู้นี่ไม่ได้ต่ำต้อยและหลังจากที่ได้ยินที่เขาพูดกับถานไถชี่นั้น เขาน่าจะเป็นพี่สามีของถานไถชี่ ซึ่งหมายความว่าเขาเป็นบุตรชายของประมุขตระกูลถานไถและเป็นทายาทสายตรง เจียงอี้ได้ยินความหมายบางอย่างในบทสนทนาของพวกเขา และดูเหมือนว่า…ถานไถหยาจะปรารถในความงามของถานไถชี่อย่างแรงกล้า
ขอบเขตเทียนจุนสิบหกคนนี้ หากเจียงอี้ต้องการสังหารพวกเขา เขาก็สามารถสังหารทั้งหมดได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้ทักษะเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์และอัสนีพิโรธด้วยซ้ำ เขาสามารถใช้เพียงดาบหนักทมิฬและเกราะเหล็กทมิฬเพื่อสังหารถานไถหยาและคนพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย
แต่เขาไม่ได้ลงมือ!
เจียงอี้ไม่ต้องการเผยตัวตนและไม่ต้องการหนีไปหลังจากสังหารถานไถหยา หากเขาหนีไป ถานไถชี่จะต้องพบกับผลลัพธ์ที่น่าสังเวชและที่สำคัญที่สุดคือ หากเขาต้องฝ่าวงล้อมจากขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดในเมือง มันคงอันตรายมาก
เจียงอี้ไม่ต้องการใช้วิชาเทพพรางตาเพื่อปลอมเป็นขอบเขตกึ่งเทพเพื่อข่มขู่พวกเขาเช่นกัน เพราะขอบเขตกึ่งเทพจะดึงดูดความสนใจจากตระกูลต่างๆอย่างแน่นอน และหากพวกนั้นแกะรอยเขาไป มันคงไม่สะดวกกับเขาที่จะทำอะไรในเขตแดนอรหัง
ข้าจะทำเช่นไรดี?
ดวงตาของเจียงอี้สั่นไหวขณะที่เขาครุ่นคิดและนึกบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว
“ฮึ่ม!”
เขาปล่อยเสียงคำรามออกมาอย่างเย็นชาขณะที่กลิ่นอายค่อยๆสูงขึ้นเรื่อยๆจนมาจบที่ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด ทำให้เหล่าขอบเขตเทียนจุนระดับกลางทั้งสี่ที่กำลังพุ่งเข้าหาเขาไม่กล้าเคลื่อนไหวอีกต่อไป ส่วนขอบเขตเทียนจุนระดับสูงที่อยู่ข้างๆถานไถหยาก็สั่นสะท้านขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยคุ้มกันนายของเขา
ทหารคนอื่นเองก็มีสีหน้าซีดเซียวและหวาดกลัว ส่วนซ่งจงก็ยังคงอยู่ที่พื้นขณะที่ถานไถชี่จับใบหน้าของนางและส่ายหัว “ท่านใต้เท้า อย่านะเจ้าคะ!”
ถานไถหยาแสดงสีหน้าที่น่ากลัวเมื่อพลังที่น่าเกรงขามของเจียงอี้จับจ้องมาที่เขาและเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความตาย เขาถือสัญญาณไฟฉุกเฉินเอาไว้ แต่เขาไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างประมาท เขารู้ดีว่าหากเขากล้าเคลื่อนไหวอย่างประมาท เขาจะถูกสังหารในทันที!
“ตระกูลถานไถของเจ้านี่น่าประทับใจนัก เหอะ?!” เจียงอี้พูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าบังเอิญพบความอยุติธรรมและช่วยชีวิตนายหญิงของตระกูลและลูกทั้งสองของนาง มันไม่มีปัญหาอะไรหรอกหากตระกูลถานไถของพวกเจ้าไม่รู้จะขอบคุณอย่างไร แต่เจ้ายังต้องการมาใส่ความข้าอีก? เจ้าต้องการจับข้าไปยังโถงวินัยตระกูล? ดี มาเลย เช่นนั้นข้าก็ขอดูหน่อยว่าตระกูลถานไถของเจ้ามีความสามารถเพียงใด”
สีหน้าของทหารเปลี่ยนไปอีกครั้งและพวกเขาทั้งหมดไม่กล้าเคลื่อนไหว ถานไถหยายิ่งย่ำแย่ขึ้นไปอีกเมื่อกลิ่นอายสังหารอันน่าสยดสยองของเจียงอี้จับจ้องมายังเขาทั้งหมด เขาอยู่เพียงขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำเท่านั้น แล้วเขาจะทนได้อย่างไร? แค่เขายังยืนอยู่ได้ก็น่ายกย่องมากพอแล้ว
“ออกไปซะ!”
ดวงตาของเจียงอี้เป็นประกายขณะที่เขาตะโกนออกมา “ภายในหนึ่งชั่วโมง ข้าจะไปเยือนประมุขตระกูลเจ้าเสียหน่อย ข้าอยากจะถามเขาว่าเขาสอนคนในตระกูลอย่างไร เจ้ามีเวลาหนึ่งชั่วโมงในการเรียกรวมทุกคน”
หลังจากที่เจียงอี้พูดจบ ถานไถหยาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะที่เขาเห็นว่ากลิ่นอายสังหารของเจียงอี้ค่อยๆลดลง เขายังรู้สึกด้วยว่าหลังฝ่ามือของตัวเองเปียกโชกไปด้วยเหงื่อและไม่กล้าทำอะไรอย่างประมาทอีกต่อไป ถานไถหยาชำเลืองมองเจียงอี้และกวักมือเรียกให้ทหารทั้งสิบหกคนถอยกลับมา จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ตระกูลถานไถจะรอการมาของใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่”
ซ่งจงยืนขึ้นมาพร้อมกับจับหน้าอกของเขาอย่างเจ็บปวด ดวงตาของถานไถชี่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกขณะที่นางเสียสติไป นางนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ท่านใต้เท้า ท่านไปตอนนี้เสียดีกว่า ท่านจะต้องไม่ขุ่นเคืองกับตระกูลถานไถนะเจ้าคะ”
เจียงอี้มองไปที่ถานไถชี่อย่างเย็นชาและพูดว่า “อะไร? กลัวพ่อตาเจ้าจะสังหารข้ารึ?”
“ไม่ใช่แบบนั้นเจ้าค่ะ!” ถานไถชี่ส่ายมือของนางอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ตระกูลถานไถมีสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อาวุโสตระกูลหลัว หากท่านใต้เท้าลงมือสังหารในเมือง ข้าเกรงว่าท่านจะไม่สามารถออกจากเขตแดนสวรรค์ได้ เมืองเพลิงสวรรค์นี่ยังคงอยู่ในเขตแดนสวรรค์และตระกูลหลัวจะไม่นิ่งนอนใจ ตระกูลหลัวมียอดฝีมือขอบเขตกึ่งเทพสี่คนและกล่าวกันว่าปรมาจารย์นั้นเป็นยอดฝีมือเจ็ดดาวเจ้าค่ะ”
“ยอดฝีมือเจ็ดดาว!”
เจียงอี้พยักหน้าเล็กน้อย ยอดฝีมือเจ็ดดาวนั้นทรงพลังมากและเหลยกูยังเป็นเพียงยอดฝีมือหกดาวเท่านั้น เจียงอี้ไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้อีกต่อไปแล้วโบกมือก่อนจะพูดว่า “เข้าไปพักฟื้นก่อนไป แล้วข้าจะพาเจ้าทั้งสองไปยังตระกูลถานไถ หากประมุขตระกูลถานไถนี้ไม่มีเหตุผล พวกเจ้าทุกคนก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเมืองเพลิงสวรรค์หรอก ข้าจะหาที่อยู่ให้พวกเจ้าทุกคน”
“ไม่ ไม่จำเป็นเจ้าค่ะ” ถานไถชี่พูดอย่างดื้อรั้น “ท่านใต้เท้าช่วยเหลือเรามากเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยยอมรับชะตากรรมตนเองแล้วและท่านใต้เท้าไม่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป ท่านใต้เท้าไปจากที่นี่ตอนนี้และไปยังเมืองอื่นเพื่อขึ้นเรือลิขิตสวรรค์ที่นั่นได้ หากเรื่องของท่านใต้เท้าต้องล่าช้าไปเพราะข้าน้อย ข้าคงไม่สามารถไถ่บาปตัวเองได้แม้จะตายเป็นหมื่นครั้ง”
“นายหญิง…”
เมื่อซ่งจงเห็นสีหน้าอันแน่วแน่ของถานไถชี่ เขาก็พูดด้วยท่าทีอันเจ็บปวด “นายหญิง ท่านต้องไม่ยอมแพ้! ถานไถหยามันเป็นสัตว์ร้ายที่ป่าเถื่อนและไร้ยางอาย เพื่อให้ได้ท่านไปครอง เขายังสมรู้ร่วมคิดกับกองโจรเพื่อสังหารนายน้อย และตอนนี้เขากดดันท่านทุกฝีก้าว หากนายหญิงยอมจำนน นายน้อยคงตายอย่างเปล่าประโยชน์….”
“หุบปาก!”
ถานไถชี่ตำหนิอย่างโกรธเคืองและคำนับเจียงอี้พร้อมพูดว่า “ท่านใต้เท้าไปเถอะเจ้าค่ะข้าน้อยจะขอรับใช้ท่านใต้เท้าในชาติหน้า”
คราวนี้คำพูดของถานไถชี่นั้นจริงใจมากและเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่การแสดงละคร เจียงอี้ถอนหายใจและพูดว่า “พอเถอะ ไม่ต้องพูดอะไรอีก ข้ามีแผนการของข้า ตระกูลถานไถเล็กๆของเจ้ามันไม่มีประโยชน์อะไรในสายตาข้า เข้าไปข้างในเถอะ!”
เจียงอี้เปลี่ยนน้ำเสียงรุนแรงในสองประโยคสุดท้ายและไม่ต้องสงสัยเลย ถานไถชี่กัดฟันและเดินเข้าไปในโถงกับซ่งจง
เจียงอี้ยืนอยู่ที่ลานบ้านและกวาดพื้นที่รอบๆด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาและพบว่าถานไถหยาทิ้งคนไว้สองสามคนเพื่อซ่อนอยู่รอบโรงเตี๊ยมขณะที่เขากลัวว่าเจียงอี้จะหนีไป เจียงอี้เย้ยหยันและหยิบไข่มุกสีเขียวออกมาและเทแก่นแท้พลังเข้าไป หลังจากที่ไข่มุกสีเขียวเปล่งประกาย เจียงอี้ก็เก็บไข่มุกเข้าไป
“ท่านใต้เท้ามีสิ่งใดให้ข้าน้อยรับใช้หรือขอรับ?”
ไม่นานก็มีข้อความเสียงส่งมาจากชายชราซึ่งดังก้องอยู่ในหูของเจียงอี้ จากนั้นเจียงอี้ก็ตามเสียงนั้นไปด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาและเพ่งไปที่ที่มาของเสียงชายชรานั้น ชายชราผู้นั้นซ่อนอยู่ในตรอกเล็กๆและมืดมิด ซึ่งเจียงอี้ก็ส่งข้อความไปไม่กี่ประโยค ซึ่งฝ่ายหลังก็พยักหน้าและหายลับไปในตรอกนั้น
เจียงอี้เดินเข้าไปในห้องโถงและมองซ่งจง “พูดมา เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ถานไถหยาเป็นพี่ชายของนายน้อยเจ้าหรือ? แล้วเหตุใดถึงขัดแย้งกัน?”
ถานไถชี่ต้องการพูดบางอย่างแต่ก็ไม่กล้าพูดหลังจากที่เจียงอี้จ้องนาง ส่วนซ่งจงก็กินยาเข้าไปและฟื้นตัวได้เล็กน้อย เขากัดฟันและพูดว่า “ประมุขตระกูลของเรามีภรรยาหลายคนและถานไถหยาก็กำเนิดจากนายหญิงหัวคนแรก ตระกูลหัวเป็นอันดับสองในเมืองเพลิงสวรรค์ขณะที่นายน้อยของเราเกิดจากนางสนม”
“ในตอนนั้น นายหญิงให้กำเนิดจากซ่องโสเภณี ดังนั้นสถานะของนายน้อยจึงด้อยกว่าเสมอ เขาไม่เคยได้รับการสนับสนุนจากประมุขตระกูล แต่นายน้อยมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาและก่อนที่เขาจะตกตายไป เขาอายุเพียงยี่สิบห้าปีและมาถึงขอบเขตเทียนจุนระดับกลางแล้วจึงทำให้เขาปราบนายน้อยคนอื่นๆด้วยความแข็งแกร่งได้”
หลังจากที่ฟังมาถึงตอนนี้ มันก็ไม่จำเป็นต้องฟังเรื่องต่อจากนี้แล้ว เจียงอี้ส่ายมือของเขาและให้ซ่งจงพักฟื้นตัวต่อ
สถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องปกติ ทายาทที่มีความสามารถ ไม่มีสถานะใดๆและให้กำเนิดมาโดยสนมจะกลายเป็นหายนะของถานไถหยาอยู่แล้ว นอกจากนั้นยังมีหญิงงามอย่างถานไถชี่อีก มันจึงไม่น่าแปลกใจที่สามีของนางจะถูกสังหาร
เจียงอี้คิดว่าถานไถหยารู้อยู่แล้วว่าเจียงอี้มายังเมืองเพลิงสวรรค์พร้อมถานไถชี่ ในวันนี้ เขามาที่นี่เพื่อจะจับชายชู้โดยเฉพาะ และเห็นได้ชัดว่า…เขาต้องการพาถานไถชี่ไปยังโถงวินัยเพื่อตัดสินความผิดของนาง หญิงม่ายที่คบชู้ย่อมถูกก่นด่าและถูกดูถูกเหยียดหยามจากเบื้องบน และเมื่อมันเป็นเช่นนั้น ถานไถหยาจะสามารถเล่นกับนางได้ตามต้องการ
หญิงงามมักเป็นบ่อเกิดแห่งหายนะ!
เจียงอี้ถอนหายใจเล็กน้อย โลกนี้ช่างโหดร้ายและสกปรก มันเต็มไปด้วยพวกคดโกงที่นำโชคร้ายมาสู่โลกมนุษย์ เมื่อเขาเห็นท่าทีของถานไถชี่ เจียงอี้ก็ถอนหายใจอีกครั้งและพูดว่า “เอาล่ะ ข้าจะพาเจ้าไปที่ตระกูลถานไถและขอคำอธิบาย พ่อตาของเจ้าคงต้องเป็นพวกเลอะเลือน และเขาคงจะไม่ตื่นสักที เว้นแต่ว่าข้าจะตบตีกับเขาสักหน่อย”
เห็นได้ชัดว่าสถานะของนายน้อยในตระกูลถานไถผู้นี่ไม่ได้ต่ำต้อยและหลังจากที่ได้ยินที่เขาพูดกับถานไถชี่นั้น เขาน่าจะเป็นพี่สามีของถานไถชี่ ซึ่งหมายความว่าเขาเป็นบุตรชายของประมุขตระกูลถานไถและเป็นทายาทสายตรง เจียงอี้ได้ยินความหมายบางอย่างในบทสนทนาของพวกเขา และดูเหมือนว่า…ถานไถหยาจะปรารถในความงามของถานไถชี่อย่างแรงกล้า
ขอบเขตเทียนจุนสิบหกคนนี้ หากเจียงอี้ต้องการสังหารพวกเขา เขาก็สามารถสังหารทั้งหมดได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้ทักษะเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์และอัสนีพิโรธด้วยซ้ำ เขาสามารถใช้เพียงดาบหนักทมิฬและเกราะเหล็กทมิฬเพื่อสังหารถานไถหยาและคนพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย
แต่เขาไม่ได้ลงมือ!
เจียงอี้ไม่ต้องการเผยตัวตนและไม่ต้องการหนีไปหลังจากสังหารถานไถหยา หากเขาหนีไป ถานไถชี่จะต้องพบกับผลลัพธ์ที่น่าสังเวชและที่สำคัญที่สุดคือ หากเขาต้องฝ่าวงล้อมจากขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดในเมือง มันคงอันตรายมาก
เจียงอี้ไม่ต้องการใช้วิชาเทพพรางตาเพื่อปลอมเป็นขอบเขตกึ่งเทพเพื่อข่มขู่พวกเขาเช่นกัน เพราะขอบเขตกึ่งเทพจะดึงดูดความสนใจจากตระกูลต่างๆอย่างแน่นอน และหากพวกนั้นแกะรอยเขาไป มันคงไม่สะดวกกับเขาที่จะทำอะไรในเขตแดนอรหัง
ข้าจะทำเช่นไรดี?
ดวงตาของเจียงอี้สั่นไหวขณะที่เขาครุ่นคิดและนึกบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว
“ฮึ่ม!”
เขาปล่อยเสียงคำรามออกมาอย่างเย็นชาขณะที่กลิ่นอายค่อยๆสูงขึ้นเรื่อยๆจนมาจบที่ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด ทำให้เหล่าขอบเขตเทียนจุนระดับกลางทั้งสี่ที่กำลังพุ่งเข้าหาเขาไม่กล้าเคลื่อนไหวอีกต่อไป ส่วนขอบเขตเทียนจุนระดับสูงที่อยู่ข้างๆถานไถหยาก็สั่นสะท้านขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยคุ้มกันนายของเขา
ทหารคนอื่นเองก็มีสีหน้าซีดเซียวและหวาดกลัว ส่วนซ่งจงก็ยังคงอยู่ที่พื้นขณะที่ถานไถชี่จับใบหน้าของนางและส่ายหัว “ท่านใต้เท้า อย่านะเจ้าคะ!”
ถานไถหยาแสดงสีหน้าที่น่ากลัวเมื่อพลังที่น่าเกรงขามของเจียงอี้จับจ้องมาที่เขาและเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความตาย เขาถือสัญญาณไฟฉุกเฉินเอาไว้ แต่เขาไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างประมาท เขารู้ดีว่าหากเขากล้าเคลื่อนไหวอย่างประมาท เขาจะถูกสังหารในทันที!
“ตระกูลถานไถของเจ้านี่น่าประทับใจนัก เหอะ?!” เจียงอี้พูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าบังเอิญพบความอยุติธรรมและช่วยชีวิตนายหญิงของตระกูลและลูกทั้งสองของนาง มันไม่มีปัญหาอะไรหรอกหากตระกูลถานไถของพวกเจ้าไม่รู้จะขอบคุณอย่างไร แต่เจ้ายังต้องการมาใส่ความข้าอีก? เจ้าต้องการจับข้าไปยังโถงวินัยตระกูล? ดี มาเลย เช่นนั้นข้าก็ขอดูหน่อยว่าตระกูลถานไถของเจ้ามีความสามารถเพียงใด”
สีหน้าของทหารเปลี่ยนไปอีกครั้งและพวกเขาทั้งหมดไม่กล้าเคลื่อนไหว ถานไถหยายิ่งย่ำแย่ขึ้นไปอีกเมื่อกลิ่นอายสังหารอันน่าสยดสยองของเจียงอี้จับจ้องมายังเขาทั้งหมด เขาอยู่เพียงขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำเท่านั้น แล้วเขาจะทนได้อย่างไร? แค่เขายังยืนอยู่ได้ก็น่ายกย่องมากพอแล้ว
“ออกไปซะ!”
ดวงตาของเจียงอี้เป็นประกายขณะที่เขาตะโกนออกมา “ภายในหนึ่งชั่วโมง ข้าจะไปเยือนประมุขตระกูลเจ้าเสียหน่อย ข้าอยากจะถามเขาว่าเขาสอนคนในตระกูลอย่างไร เจ้ามีเวลาหนึ่งชั่วโมงในการเรียกรวมทุกคน”
หลังจากที่เจียงอี้พูดจบ ถานไถหยาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะที่เขาเห็นว่ากลิ่นอายสังหารของเจียงอี้ค่อยๆลดลง เขายังรู้สึกด้วยว่าหลังฝ่ามือของตัวเองเปียกโชกไปด้วยเหงื่อและไม่กล้าทำอะไรอย่างประมาทอีกต่อไป ถานไถหยาชำเลืองมองเจียงอี้และกวักมือเรียกให้ทหารทั้งสิบหกคนถอยกลับมา จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ตระกูลถานไถจะรอการมาของใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่”
ซ่งจงยืนขึ้นมาพร้อมกับจับหน้าอกของเขาอย่างเจ็บปวด ดวงตาของถานไถชี่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกขณะที่นางเสียสติไป นางนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ท่านใต้เท้า ท่านไปตอนนี้เสียดีกว่า ท่านจะต้องไม่ขุ่นเคืองกับตระกูลถานไถนะเจ้าคะ”
เจียงอี้มองไปที่ถานไถชี่อย่างเย็นชาและพูดว่า “อะไร? กลัวพ่อตาเจ้าจะสังหารข้ารึ?”
“ไม่ใช่แบบนั้นเจ้าค่ะ!” ถานไถชี่ส่ายมือของนางอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ตระกูลถานไถมีสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อาวุโสตระกูลหลัว หากท่านใต้เท้าลงมือสังหารในเมือง ข้าเกรงว่าท่านจะไม่สามารถออกจากเขตแดนสวรรค์ได้ เมืองเพลิงสวรรค์นี่ยังคงอยู่ในเขตแดนสวรรค์และตระกูลหลัวจะไม่นิ่งนอนใจ ตระกูลหลัวมียอดฝีมือขอบเขตกึ่งเทพสี่คนและกล่าวกันว่าปรมาจารย์นั้นเป็นยอดฝีมือเจ็ดดาวเจ้าค่ะ”
“ยอดฝีมือเจ็ดดาว!”
เจียงอี้พยักหน้าเล็กน้อย ยอดฝีมือเจ็ดดาวนั้นทรงพลังมากและเหลยกูยังเป็นเพียงยอดฝีมือหกดาวเท่านั้น เจียงอี้ไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้อีกต่อไปแล้วโบกมือก่อนจะพูดว่า “เข้าไปพักฟื้นก่อนไป แล้วข้าจะพาเจ้าทั้งสองไปยังตระกูลถานไถ หากประมุขตระกูลถานไถนี้ไม่มีเหตุผล พวกเจ้าทุกคนก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเมืองเพลิงสวรรค์หรอก ข้าจะหาที่อยู่ให้พวกเจ้าทุกคน”
“ไม่ ไม่จำเป็นเจ้าค่ะ” ถานไถชี่พูดอย่างดื้อรั้น “ท่านใต้เท้าช่วยเหลือเรามากเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยยอมรับชะตากรรมตนเองแล้วและท่านใต้เท้าไม่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป ท่านใต้เท้าไปจากที่นี่ตอนนี้และไปยังเมืองอื่นเพื่อขึ้นเรือลิขิตสวรรค์ที่นั่นได้ หากเรื่องของท่านใต้เท้าต้องล่าช้าไปเพราะข้าน้อย ข้าคงไม่สามารถไถ่บาปตัวเองได้แม้จะตายเป็นหมื่นครั้ง”
“นายหญิง…”
เมื่อซ่งจงเห็นสีหน้าอันแน่วแน่ของถานไถชี่ เขาก็พูดด้วยท่าทีอันเจ็บปวด “นายหญิง ท่านต้องไม่ยอมแพ้! ถานไถหยามันเป็นสัตว์ร้ายที่ป่าเถื่อนและไร้ยางอาย เพื่อให้ได้ท่านไปครอง เขายังสมรู้ร่วมคิดกับกองโจรเพื่อสังหารนายน้อย และตอนนี้เขากดดันท่านทุกฝีก้าว หากนายหญิงยอมจำนน นายน้อยคงตายอย่างเปล่าประโยชน์….”
“หุบปาก!”
ถานไถชี่ตำหนิอย่างโกรธเคืองและคำนับเจียงอี้พร้อมพูดว่า “ท่านใต้เท้าไปเถอะเจ้าค่ะข้าน้อยจะขอรับใช้ท่านใต้เท้าในชาติหน้า”
คราวนี้คำพูดของถานไถชี่นั้นจริงใจมากและเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่การแสดงละคร เจียงอี้ถอนหายใจและพูดว่า “พอเถอะ ไม่ต้องพูดอะไรอีก ข้ามีแผนการของข้า ตระกูลถานไถเล็กๆของเจ้ามันไม่มีประโยชน์อะไรในสายตาข้า เข้าไปข้างในเถอะ!”
เจียงอี้เปลี่ยนน้ำเสียงรุนแรงในสองประโยคสุดท้ายและไม่ต้องสงสัยเลย ถานไถชี่กัดฟันและเดินเข้าไปในโถงกับซ่งจง
เจียงอี้ยืนอยู่ที่ลานบ้านและกวาดพื้นที่รอบๆด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาและพบว่าถานไถหยาทิ้งคนไว้สองสามคนเพื่อซ่อนอยู่รอบโรงเตี๊ยมขณะที่เขากลัวว่าเจียงอี้จะหนีไป เจียงอี้เย้ยหยันและหยิบไข่มุกสีเขียวออกมาและเทแก่นแท้พลังเข้าไป หลังจากที่ไข่มุกสีเขียวเปล่งประกาย เจียงอี้ก็เก็บไข่มุกเข้าไป
“ท่านใต้เท้ามีสิ่งใดให้ข้าน้อยรับใช้หรือขอรับ?”
ไม่นานก็มีข้อความเสียงส่งมาจากชายชราซึ่งดังก้องอยู่ในหูของเจียงอี้ จากนั้นเจียงอี้ก็ตามเสียงนั้นไปด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาและเพ่งไปที่ที่มาของเสียงชายชรานั้น ชายชราผู้นั้นซ่อนอยู่ในตรอกเล็กๆและมืดมิด ซึ่งเจียงอี้ก็ส่งข้อความไปไม่กี่ประโยค ซึ่งฝ่ายหลังก็พยักหน้าและหายลับไปในตรอกนั้น
เจียงอี้เดินเข้าไปในห้องโถงและมองซ่งจง “พูดมา เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ถานไถหยาเป็นพี่ชายของนายน้อยเจ้าหรือ? แล้วเหตุใดถึงขัดแย้งกัน?”
ถานไถชี่ต้องการพูดบางอย่างแต่ก็ไม่กล้าพูดหลังจากที่เจียงอี้จ้องนาง ส่วนซ่งจงก็กินยาเข้าไปและฟื้นตัวได้เล็กน้อย เขากัดฟันและพูดว่า “ประมุขตระกูลของเรามีภรรยาหลายคนและถานไถหยาก็กำเนิดจากนายหญิงหัวคนแรก ตระกูลหัวเป็นอันดับสองในเมืองเพลิงสวรรค์ขณะที่นายน้อยของเราเกิดจากนางสนม”
“ในตอนนั้น นายหญิงให้กำเนิดจากซ่องโสเภณี ดังนั้นสถานะของนายน้อยจึงด้อยกว่าเสมอ เขาไม่เคยได้รับการสนับสนุนจากประมุขตระกูล แต่นายน้อยมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาและก่อนที่เขาจะตกตายไป เขาอายุเพียงยี่สิบห้าปีและมาถึงขอบเขตเทียนจุนระดับกลางแล้วจึงทำให้เขาปราบนายน้อยคนอื่นๆด้วยความแข็งแกร่งได้”
หลังจากที่ฟังมาถึงตอนนี้ มันก็ไม่จำเป็นต้องฟังเรื่องต่อจากนี้แล้ว เจียงอี้ส่ายมือของเขาและให้ซ่งจงพักฟื้นตัวต่อ
สถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องปกติ ทายาทที่มีความสามารถ ไม่มีสถานะใดๆและให้กำเนิดมาโดยสนมจะกลายเป็นหายนะของถานไถหยาอยู่แล้ว นอกจากนั้นยังมีหญิงงามอย่างถานไถชี่อีก มันจึงไม่น่าแปลกใจที่สามีของนางจะถูกสังหาร
เจียงอี้คิดว่าถานไถหยารู้อยู่แล้วว่าเจียงอี้มายังเมืองเพลิงสวรรค์พร้อมถานไถชี่ ในวันนี้ เขามาที่นี่เพื่อจะจับชายชู้โดยเฉพาะ และเห็นได้ชัดว่า…เขาต้องการพาถานไถชี่ไปยังโถงวินัยเพื่อตัดสินความผิดของนาง หญิงม่ายที่คบชู้ย่อมถูกก่นด่าและถูกดูถูกเหยียดหยามจากเบื้องบน และเมื่อมันเป็นเช่นนั้น ถานไถหยาจะสามารถเล่นกับนางได้ตามต้องการ
หญิงงามมักเป็นบ่อเกิดแห่งหายนะ!
เจียงอี้ถอนหายใจเล็กน้อย โลกนี้ช่างโหดร้ายและสกปรก มันเต็มไปด้วยพวกคดโกงที่นำโชคร้ายมาสู่โลกมนุษย์ เมื่อเขาเห็นท่าทีของถานไถชี่ เจียงอี้ก็ถอนหายใจอีกครั้งและพูดว่า “เอาล่ะ ข้าจะพาเจ้าไปที่ตระกูลถานไถและขอคำอธิบาย พ่อตาของเจ้าคงต้องเป็นพวกเลอะเลือน และเขาคงจะไม่ตื่นสักที เว้นแต่ว่าข้าจะตบตีกับเขาสักหน่อย”