เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 892
ผู้คนมากมายถูกย้ายมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายและในหมู่พวกเขาก็มีผู้อาวุโสที่แต่งกายโอ่อ่าและมีท่าทีที่ไม่ธรรมดา เพียงแค่ชำเลืองมองครั้งเดียวก็พอรู้ว่าเขาเป็นบุคคลสำคัญและเป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด
ข้างๆผู้อาวุโสนั้นเป็นหญิงวัยกลางคนที่มีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งกว่า นางเองก็เป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดด้วย และมองเพียงครั้งเดียวก็รู้ว่านางมีตำแหน่งที่สูงกว่ามานาน นางเชิดหัวสูงและมีคนอยู่ข้างหลังนางห้าสิบคน ผู้ที่ด้อยที่สุดในนั้นคือขอบเขตเทียนจุนระดับสูงและยังมีขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดอีกสิบคน
การมาของคนเหล่านี้ทำให้ถานไถอู๋ตี๋เต็มไปด้วยความยินดีเพราะหนึ่งในนั้นคือประมุขตระกูลถานไถซึ่งเป็นยอดฝีมือสี่ดาว อีกคนหนึ่งก็เป็นผู้อาวุโสจากตระกูลหลัวของภูมิภาคเขตแดนสวรรค์ ตระกูลหลัวนั้นเป็นผู้ปกครองเขตแดนสวรรค์และผู้อาวุโสหลัวก็เป็นผู้ส่งสารที่มีอำนาจในการสังหาร ถานไถอู๋ตี๋คิดว่ากำลังเสริมที่มาถึงนั้นอาจทำให้เจียงอี้ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
แต่เขาคาดไม่ถึงว่า…เจียงอี้สั่งการทันทีและจากนั้นยอดฝีมือชุดเกราะดำหลายร้อยคนก็ไม่ลังเลใดๆเลย ทันทีที่เจียงอี้ออกคำสั่ง การโจมตีหลายร้อยสายก็หลั่งไหลออกมา พวกเขาเป็นเหมือนกองทัพโลหิตเหล็กที่ฟังเพียงคำสั่งของผู้บัญชาการและจะสังหารก่อนแล้วค่อยนึกถึงผลที่จะตามมา
“บังอาจนัก!”
ทันทีที่ประมุขตระกูลถานไถ ถานไถหง ได้รับข้อความจากตระกูล เขาก็รีบขอให้ผู้อาวุโสหลัวปิงนำคนของนางมายังเมืองเพลิงสวรรค์ทันที แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเห็นตำหนักเจ้าเมืองกลายเป็นซากทันทีที่เขาเคลื่อนย้ายกลับมาที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้น พื้นที่ทั้งหมดนี้ก็ยังเต็มไปด้วยแขนขาที่ถูกตัดขาดและมือสังหารเหล่านี้ยังจะกล้าสังหารคนของเขาในตอนนี้อีก?
ถานไถหงเดือดดาลทันทีและใบมีดโค้งของเขาก็ปรากฏขึ้นพร้อมกลิ่นอายอันเย็นเยียบ ใบมีดโค้งเหล่านั้นไหลเวียนด้วยอักขระโบราณและแท้จริงแล้วมันคือสมบัติที่เชื่อมดวงจิต เขาเพ่งแก่นแท้พลังที่แผ่มาจากตัวเจียงอี้และเปิดใช้งานโล่ศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับกำลังจะเคลื่อนไหวทันที
ตูม! ตูม! ตูม!
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้โจมตี ถานไถอู๋ตี๋ก็ถูกการโจมตีจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่และร่างของเขาก็กลายเป็นเศษซากไปทันที ในขณะเดียวกัน เสียงสตรีผู้หนึ่งก็ดังขึ้น “ถานไถหง หยุดก่อน!”
“หืม?”
ประมุขถานไถตกใจมากและมือที่เขากำลังจะโจมตีก็หยุดชะงักทันที ผู้อาวุโสของตระกูลถานไถที่จะโจมตีในตอนแรกเองก็หยุดลงไปด้วยเช่นกัน ผู้ที่พูดออกมาคือผู้อาวุโสหลัวปิง และคำพูดของนางนั้นเหมือนราชโองการ ผู้ใดกันที่จะกล้าต่อต้านสมาชิกตระกูลหลัว?
“ผู้อาวุโสหลัวปิง!”
ใบหน้าของถานไถหงเต็มไปด้วยโทสะและเขาชี้ไปที่เจียงอี้และคนอื่นๆขณะที่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธว่า “ท่านเห็นมันใช่ไหม? มือสังหารพวกนี้กำลังสังหารคนอย่างป่าเถื่อนโดยไม่มียกเว้น นี่มันเป็นการยั่วยุประมุขอาณาเขต หากเราไม่สังหารพวกมัน เราจะระงับความโกรธแค้นของผู้คนได้อย่างไร? แล้วคนในตระกูลของข้าที่ตกตายไปจะตายอย่างสงบได้อย่างไร?”
“ถานไถหง มันอาจมีเรื่องเข้าใจผิดกันในเรื่องนี้ อย่าเพิ่งรีบร้อนไป”
ผู้อาวุโสหลัวปิงพูดอย่างเฉยเมย นางน่าจะแก่มากแล้ว แต่นางก็ยังดูเหมือนคนอายุราวสามถึงสี่สิบปีและยังคงมีเสน่ห์อยู่ นางชี้ไปยังชายเกราะดำข้างๆเจียงอี้และพูดว่า “พวกเขาเหล่านี้ไม่ใช่กองโจร แต่พวกเขาคือ…กองทัพธงทมิฬ!”
“กองทัพธงทมิฬ?”
ดวงตาของถานไถหงหดลงขณะที่ขอบเขตเทียนจุนนับไม่ถ้วนที่อยู่บนฟ้าต่างอยู่ในความโกลาหล พวกเขามองอย่างระมัดระวังและสังเกตเห็นสัญลักษณ์ธงสีดำเล็กๆบนหน้าอกของทหารเกราะดำนี้อย่างรวดเร็ว จากนั้นทุกคนก็หายใจเข้าลึกๆทันที
“กองทัพธงทมิฬ? ฉีเทียนเฉินทำเกินไปแล้ว แม้ว่าข้าผู้นี้จะต้องไปรบกวนประมุขอาณาเขตในวันนี้ ข้าจะไม่มีวันหยุดนอกจากฉีเทียนเฉินจะให้คำอธิบายแก่ข้า!”
ถานไถหงคำรามออกมาด้วยความเดือดดาล แต่เขาก็ไม่กล้าโจมตี ส่วนเจียงอี้ก็เย้ยหยันอยู่ในใจแต่เขาก็รู้สึกสงสัยว่ากองทัพธงทมิฬนี้น่าเหลือเชื่ออะไรเช่นนี้? แม้แต่ถานไถหงก็ยังไม่กล้าเคลื่อนไหว? แม้แต่ผู้อาวุโสหลัวปิงผู้นี้ก็ยังมีความกลัวที่ไม่สามารถปกปิดได้?
ถานไถชี่และซ่งจงเองก็ประหลาดใจเช่นกันและดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน เจียงอี้ไม่ได้มาจากทวีปกูซูหรือ? เหตุใดเขาจึงระดมกองทัพธงทมิฬได้?
อันที่จริงแล้ว…!
นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เจียงอี้ได้ยินเรื่องกองทัพธงทมิฬ เขาเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนเหล่านี้มาจากไหน แต่เมื่อเขาตัดสินใจที่จะทำลายเมืองเพลิงสวรรค์เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน เขาก็ส่งข้อความไปยังผู้ใต้บัญชาของจักรพรรดิแห่งเงาและขอให้พวกเขาระดมพลมาบางส่วน และพวกนั้นก็เป็นกองทัพธงทมิฬเหล่านี้
ผู้ใต้บัญชาของจักรพรรดิแห่งเงานั้นบอกว่า ในเขตแดนสวรรค์นี้ คนของพวกเขาได้ปกครองเมืองใหญ่ และหากพวกเขาต้องการระดมยอดฝีมือ พวกเขาก็จะระดมขอบเขตเทียนจุนได้หลายหมื่นคนและยังสามารถระดมขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดได้ร้อยคนด้วย
หลังจากที่เจียงอี้ส่งข้อความไป ผู้ใต้บัญชาของจักรพรรดิแห่งเงาก็ส่งข้อความไปยังเบื้องบนทันทีและได้รับคำตอบอย่างรวดเร็ว คำตอบนั้นตอบกลับมาว่าให้เจียงอี้เพลิดเพลินได้อย่างพอใจและมันก็ไม่เป็นอะไรแม้ว่าพวกเขาจะสังหารเมืองเพลิงสวรรค์ทั้งเมืองเพราะมีคนที่สามารถทนต่อผลที่ตามมาได้
หลังจากได้รับคำตอบนี้ เจียงอี้ก็ไม่ได้คิดมากอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงนำถานไถชี่มายังตระกูลและขอคำอธิบาย แต่ก่อนที่พวกเขาจะให้คำอธิบาย ประมุขตระกูลหัวก็เป็นคนเคลื่อนไหว เจียงอี้นั้นไม่สามารถสนใจกับเรื่องไร้สาระทั้งหมดเหล่านี้ได้และสั่งการสังหารทันที
“ใครเป็นผู้นำกองทัพธงทมิฬ? แสดงตัวออกมา!”
ผู้อาวุโสหลัวปิงตะโกนออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งดึงเจียงอี้กลับมาจากความคิดของเขา จากนั้นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดจากกองทัพธงทมิฬก็เดินออกมาและป้องกำปั้นของเขา “ฉีเทียนอวี่คารวะผู้อาวุโสหลัวปิง!”
“อืม!”
ผู้อาวุโสหลัวปิงพอใจกับนิสัยของผู้บัญชาการกองทัพธงทมิฬมาก นางพูดยอ่างเฉยเมยว่า “เหตุใดเจ้าจึงบุกเมืองเพลิงสวรรค์และเริ่มสังหารผู้คน? ประมุขอาณาเขตเคยสั่งไว้ว่าให้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาททั้งหมดในเมืองเขตแดนสวรรค์และการใช้กำลังนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม เจ้าช่างกล้านัก เจ้าไม่กลัวจะนำความโชคร้ายมาสู่ตระกูลของเจ้าหรือ?”
“เราทุกคนนั้นมีมลทิน!”
ผู้บัญชาการกองทัพธงทมิฬโค้งคำนับพร้อมป้องกำปั้น ขณะที่ผู้คนหลายร้อนที่อยู่เบื้องหลังเขาก็คำนับอย่างอ่อนน้อมเช่นกัน ฉีเทียนอวี่พูดอย่างจริงใจว่า “ท่านประมุขบอกว่าหลังจากจบเรื่องนี้ เราจะไปขออภัยโทษที่เมืองเขตแดนสวรรค์ขอรับ ตอนนี้ประมุขของเราอยู่ที่โถงวินัยของตระกูลหลัวและกำลังขออภัยโทษอยู่ขอรับ”
หลัวปิงและคนอื่นๆกลอกตา กองทัพธงทมิฬนี้ช่างเหมือนคนพาลนัก พวกเขากำลังทำผิดกฎอย่างจงใจและพวกเขาไม่แม้แต่จะกระพริบตาในช่วงการสังหาร พวกเขาค่อนข้างสารภาพบาปอย่างตรงไปตรงมาและเหมือนกับว่าพวกเขากำลังบอกว่าใครก็ทำตามสิ่งที่ประสงค์ได้ แต่ไม่ว่าจะยังไง พวกเขาก็สังหารคนไปแล้ว
“หัวหน้ากองทัพธงทมิฬมีบุคลิกที่ค่อนข้างดี ข้าต้องทำความรู้จักกับเขาเมื่อมีโอกาส!”
เจียงอี้ยิ้มอย่างลับๆและเมื่อดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หัวหน้าทัพธงทมิฬนี้ไม่ได้ไปขออภัยโทษและอาจจะไปบงการบางอย่างแบบลับๆอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น เห็นได้ชัดว่าตระกูลฉีมีอิทธิพลมากกว่าตระกูลถานไถมากและไม่รู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งเพียงใด ไม่เช่นนั้นถานไถหงคงไม่ยืนโง่ๆและซ่อนความแค้นเคืองอยู่เช่นนี้
ผู้อาวุโสหลัวปิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “เอาล่ะ เรื่องนี้โถงวินัยจะตัดสินเอง ทุกคนแยกย้ายซะ ถานไถหง ตระกูลหลัวจะให้คำอธิบายแก่เจ้า”
“ตระกูลถานไถรับใช้ตระกูลหลัวอย่างซื่อสัตย์มาหลายหมื่นปี ตระกูลหลัวโปรดให้ความยุติธรรมแก่ตระกูลของข้าด้วย!” ถานไถหงทำหน้าบึ้งตึงอย่างน่าสมเพชและคำนับพร้อมป้องกำปั้นไปยังหลัวปิง และเมื่อเจียงอี้เห็นว่าเรื่องต่างๆคลี่คลายแล้ว เขาก็โบกมือและพูดว่า “ไปเถอะ กลับเมืองธงทมิฬกัน!”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
ที่มุมของจัตุรัส ทหารกองทัพธงทมิฬไม่กี่คนรีบพุ่งออกไปและพวกเขาอุ้มเด็กทั้งสองไว้ นั่นคือเสี่ยวหยีและเสี่ยวเทียน และเมื่อเสี่ยวหยีเห็นถานไถชี่และเจียงอี้ นางก็ตะโกนว่า “ท่านแม่ ท่านอา!”
“หืม?”
ถานไถหงมองไปที่เสี่ยวเทียนและเสี่ยวหยีก่อนจะมองถานไถชี่ เมื่อเขาเห็นว่าเจียงอี้กำลังจะพาพวกเขาออกเดินทางไปยังทางเหนือของเมือง เขาก็เดือดดาลอีกครั้ง “หลังจากที่เจ้าสังหารพวกพ้องของข้า เจ้ายังจะเอาตัวลูกสะใภ้และหลานของข้าไปอีกหรือ? หากวันนี้เจ้ากล้าพาใครออกไป ข้าจะสู้กับพวกเจ้าทุกคนแม้ว่าจะต้องเสี่ยงชีวิตก็ตาม กองทัพเพลิงสวรรค์ ฟังคำสั่งข้า เตรียมจู่โจม!”
“ลูกสะใภ้? หลาน?”
เจียงอี้นิ่งและไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ถานไถชี่เดินออกมาจากรถม้าศึกและพูดอย่างเดือดดาลว่า “ท่านพ่อตา นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะพูดกับท่านเช่นนี้ ข้าขอถามท่านสักหน่อย ยามที่สามีของข้าถูกกดขี่ ท่านอยู่ที่ไหน? ตอนที่ถานไถหยาสมรู้ร่วมคิดกับกองโจรและสังหารสามีข้าที่ทะเลแห่งบาป ท่านอยู่ที่ไหน? ตอนที่เราแม่ลูกถูกโจรไล่ล่าในทะเลแห่งบาป ท่านอยู่ที่ไหนกัน? เราทนทุกข์กับความลำบากมากมายเพื่อกลับมาที่เมือง แต่ตอนที่ถานไถหยาต้องการจะเข้ามาที่ห้องของข้าเพื่อล่วงเกินข้าตั้งแต่คืนแรกที่เรากลับมาถึง ท่านอยู่ที่ไหนกัน?”
“ถานไถหยาเป็นลูกของท่าน แล้วสามีของข้าไม่ใช่ลูกท่านหรือ? ท่านเคยมองมาที่เสี่ยวเทียนและเสี่ยวหยีมาก่อนบ้างไหม? ตั้งแต่วันนี้ไป เราแม่ลูกจะไม่มีสัมพันธ์กับตระกูลถานไถอีกต่อไป และท่านไม่คู่ควรที่จะเป็นปู่ของเสี่ยวเทียนและเสี่ยวหยีด้วย!”
“เจ้า…”
ถานไถหงสั่นเทาไปด้วยความโกรธ กลิ่นอายของเขารุนแรงมากจนแทบคลั่ง จากนั้นเจียงอี้ก็พูดอย่างเย็นชาว่า “กองทัพธงทมิฬ เชื่อฟังคำสั่งข้า เราจะพุ่งไปทางประตูเมืองด้านเหนือ สังหารผู้ใดก็ตามที่กล้าเคลื่อนไหว ลงมือซะ!”
สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงของฉีเทียนอวี่ถูกปลดออกมาและเขาก็เพ่งไปที่ถานไถหงและตะโกนว่า “ผู้อาวุโสหลัวปิง โปรดอภัยให้เราด้วย กองทัพธงทมิฬนั้นเชื่อฟังคำสั่งทหารเท่านั้นและประมุขเราบอกว่าคำสั่งของใต้เท้าเสวี่ยถือเป็นคำสั่งทหาร! กองทัพธงทมิฬตั้งค่ายกล! ลงมือ!”
ฉีเทียนอวี่ออกคำสั่ง จากนั้นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดยืนอยู่เบื้องหน้าเส้นทาง และขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดสิบคนเพ่งเล็งไปยังถานไถหงและผู้อาวุโสตระกูลถานไถขณะที่ทหารที่เหลือเริ่มเปิดโล่ศักดิ์สิทธิ์และล้อมรอบเจียงอี้ ถานไถชี่และคนอื่นๆเอาไว้ จากนั้นพวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังทางเหนือของเมือง
ข้างๆผู้อาวุโสนั้นเป็นหญิงวัยกลางคนที่มีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งกว่า นางเองก็เป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดด้วย และมองเพียงครั้งเดียวก็รู้ว่านางมีตำแหน่งที่สูงกว่ามานาน นางเชิดหัวสูงและมีคนอยู่ข้างหลังนางห้าสิบคน ผู้ที่ด้อยที่สุดในนั้นคือขอบเขตเทียนจุนระดับสูงและยังมีขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดอีกสิบคน
การมาของคนเหล่านี้ทำให้ถานไถอู๋ตี๋เต็มไปด้วยความยินดีเพราะหนึ่งในนั้นคือประมุขตระกูลถานไถซึ่งเป็นยอดฝีมือสี่ดาว อีกคนหนึ่งก็เป็นผู้อาวุโสจากตระกูลหลัวของภูมิภาคเขตแดนสวรรค์ ตระกูลหลัวนั้นเป็นผู้ปกครองเขตแดนสวรรค์และผู้อาวุโสหลัวก็เป็นผู้ส่งสารที่มีอำนาจในการสังหาร ถานไถอู๋ตี๋คิดว่ากำลังเสริมที่มาถึงนั้นอาจทำให้เจียงอี้ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
แต่เขาคาดไม่ถึงว่า…เจียงอี้สั่งการทันทีและจากนั้นยอดฝีมือชุดเกราะดำหลายร้อยคนก็ไม่ลังเลใดๆเลย ทันทีที่เจียงอี้ออกคำสั่ง การโจมตีหลายร้อยสายก็หลั่งไหลออกมา พวกเขาเป็นเหมือนกองทัพโลหิตเหล็กที่ฟังเพียงคำสั่งของผู้บัญชาการและจะสังหารก่อนแล้วค่อยนึกถึงผลที่จะตามมา
“บังอาจนัก!”
ทันทีที่ประมุขตระกูลถานไถ ถานไถหง ได้รับข้อความจากตระกูล เขาก็รีบขอให้ผู้อาวุโสหลัวปิงนำคนของนางมายังเมืองเพลิงสวรรค์ทันที แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเห็นตำหนักเจ้าเมืองกลายเป็นซากทันทีที่เขาเคลื่อนย้ายกลับมาที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้น พื้นที่ทั้งหมดนี้ก็ยังเต็มไปด้วยแขนขาที่ถูกตัดขาดและมือสังหารเหล่านี้ยังจะกล้าสังหารคนของเขาในตอนนี้อีก?
ถานไถหงเดือดดาลทันทีและใบมีดโค้งของเขาก็ปรากฏขึ้นพร้อมกลิ่นอายอันเย็นเยียบ ใบมีดโค้งเหล่านั้นไหลเวียนด้วยอักขระโบราณและแท้จริงแล้วมันคือสมบัติที่เชื่อมดวงจิต เขาเพ่งแก่นแท้พลังที่แผ่มาจากตัวเจียงอี้และเปิดใช้งานโล่ศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับกำลังจะเคลื่อนไหวทันที
ตูม! ตูม! ตูม!
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้โจมตี ถานไถอู๋ตี๋ก็ถูกการโจมตีจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่และร่างของเขาก็กลายเป็นเศษซากไปทันที ในขณะเดียวกัน เสียงสตรีผู้หนึ่งก็ดังขึ้น “ถานไถหง หยุดก่อน!”
“หืม?”
ประมุขถานไถตกใจมากและมือที่เขากำลังจะโจมตีก็หยุดชะงักทันที ผู้อาวุโสของตระกูลถานไถที่จะโจมตีในตอนแรกเองก็หยุดลงไปด้วยเช่นกัน ผู้ที่พูดออกมาคือผู้อาวุโสหลัวปิง และคำพูดของนางนั้นเหมือนราชโองการ ผู้ใดกันที่จะกล้าต่อต้านสมาชิกตระกูลหลัว?
“ผู้อาวุโสหลัวปิง!”
ใบหน้าของถานไถหงเต็มไปด้วยโทสะและเขาชี้ไปที่เจียงอี้และคนอื่นๆขณะที่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธว่า “ท่านเห็นมันใช่ไหม? มือสังหารพวกนี้กำลังสังหารคนอย่างป่าเถื่อนโดยไม่มียกเว้น นี่มันเป็นการยั่วยุประมุขอาณาเขต หากเราไม่สังหารพวกมัน เราจะระงับความโกรธแค้นของผู้คนได้อย่างไร? แล้วคนในตระกูลของข้าที่ตกตายไปจะตายอย่างสงบได้อย่างไร?”
“ถานไถหง มันอาจมีเรื่องเข้าใจผิดกันในเรื่องนี้ อย่าเพิ่งรีบร้อนไป”
ผู้อาวุโสหลัวปิงพูดอย่างเฉยเมย นางน่าจะแก่มากแล้ว แต่นางก็ยังดูเหมือนคนอายุราวสามถึงสี่สิบปีและยังคงมีเสน่ห์อยู่ นางชี้ไปยังชายเกราะดำข้างๆเจียงอี้และพูดว่า “พวกเขาเหล่านี้ไม่ใช่กองโจร แต่พวกเขาคือ…กองทัพธงทมิฬ!”
“กองทัพธงทมิฬ?”
ดวงตาของถานไถหงหดลงขณะที่ขอบเขตเทียนจุนนับไม่ถ้วนที่อยู่บนฟ้าต่างอยู่ในความโกลาหล พวกเขามองอย่างระมัดระวังและสังเกตเห็นสัญลักษณ์ธงสีดำเล็กๆบนหน้าอกของทหารเกราะดำนี้อย่างรวดเร็ว จากนั้นทุกคนก็หายใจเข้าลึกๆทันที
“กองทัพธงทมิฬ? ฉีเทียนเฉินทำเกินไปแล้ว แม้ว่าข้าผู้นี้จะต้องไปรบกวนประมุขอาณาเขตในวันนี้ ข้าจะไม่มีวันหยุดนอกจากฉีเทียนเฉินจะให้คำอธิบายแก่ข้า!”
ถานไถหงคำรามออกมาด้วยความเดือดดาล แต่เขาก็ไม่กล้าโจมตี ส่วนเจียงอี้ก็เย้ยหยันอยู่ในใจแต่เขาก็รู้สึกสงสัยว่ากองทัพธงทมิฬนี้น่าเหลือเชื่ออะไรเช่นนี้? แม้แต่ถานไถหงก็ยังไม่กล้าเคลื่อนไหว? แม้แต่ผู้อาวุโสหลัวปิงผู้นี้ก็ยังมีความกลัวที่ไม่สามารถปกปิดได้?
ถานไถชี่และซ่งจงเองก็ประหลาดใจเช่นกันและดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน เจียงอี้ไม่ได้มาจากทวีปกูซูหรือ? เหตุใดเขาจึงระดมกองทัพธงทมิฬได้?
อันที่จริงแล้ว…!
นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เจียงอี้ได้ยินเรื่องกองทัพธงทมิฬ เขาเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนเหล่านี้มาจากไหน แต่เมื่อเขาตัดสินใจที่จะทำลายเมืองเพลิงสวรรค์เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน เขาก็ส่งข้อความไปยังผู้ใต้บัญชาของจักรพรรดิแห่งเงาและขอให้พวกเขาระดมพลมาบางส่วน และพวกนั้นก็เป็นกองทัพธงทมิฬเหล่านี้
ผู้ใต้บัญชาของจักรพรรดิแห่งเงานั้นบอกว่า ในเขตแดนสวรรค์นี้ คนของพวกเขาได้ปกครองเมืองใหญ่ และหากพวกเขาต้องการระดมยอดฝีมือ พวกเขาก็จะระดมขอบเขตเทียนจุนได้หลายหมื่นคนและยังสามารถระดมขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดได้ร้อยคนด้วย
หลังจากที่เจียงอี้ส่งข้อความไป ผู้ใต้บัญชาของจักรพรรดิแห่งเงาก็ส่งข้อความไปยังเบื้องบนทันทีและได้รับคำตอบอย่างรวดเร็ว คำตอบนั้นตอบกลับมาว่าให้เจียงอี้เพลิดเพลินได้อย่างพอใจและมันก็ไม่เป็นอะไรแม้ว่าพวกเขาจะสังหารเมืองเพลิงสวรรค์ทั้งเมืองเพราะมีคนที่สามารถทนต่อผลที่ตามมาได้
หลังจากได้รับคำตอบนี้ เจียงอี้ก็ไม่ได้คิดมากอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงนำถานไถชี่มายังตระกูลและขอคำอธิบาย แต่ก่อนที่พวกเขาจะให้คำอธิบาย ประมุขตระกูลหัวก็เป็นคนเคลื่อนไหว เจียงอี้นั้นไม่สามารถสนใจกับเรื่องไร้สาระทั้งหมดเหล่านี้ได้และสั่งการสังหารทันที
“ใครเป็นผู้นำกองทัพธงทมิฬ? แสดงตัวออกมา!”
ผู้อาวุโสหลัวปิงตะโกนออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งดึงเจียงอี้กลับมาจากความคิดของเขา จากนั้นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดจากกองทัพธงทมิฬก็เดินออกมาและป้องกำปั้นของเขา “ฉีเทียนอวี่คารวะผู้อาวุโสหลัวปิง!”
“อืม!”
ผู้อาวุโสหลัวปิงพอใจกับนิสัยของผู้บัญชาการกองทัพธงทมิฬมาก นางพูดยอ่างเฉยเมยว่า “เหตุใดเจ้าจึงบุกเมืองเพลิงสวรรค์และเริ่มสังหารผู้คน? ประมุขอาณาเขตเคยสั่งไว้ว่าให้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาททั้งหมดในเมืองเขตแดนสวรรค์และการใช้กำลังนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม เจ้าช่างกล้านัก เจ้าไม่กลัวจะนำความโชคร้ายมาสู่ตระกูลของเจ้าหรือ?”
“เราทุกคนนั้นมีมลทิน!”
ผู้บัญชาการกองทัพธงทมิฬโค้งคำนับพร้อมป้องกำปั้น ขณะที่ผู้คนหลายร้อนที่อยู่เบื้องหลังเขาก็คำนับอย่างอ่อนน้อมเช่นกัน ฉีเทียนอวี่พูดอย่างจริงใจว่า “ท่านประมุขบอกว่าหลังจากจบเรื่องนี้ เราจะไปขออภัยโทษที่เมืองเขตแดนสวรรค์ขอรับ ตอนนี้ประมุขของเราอยู่ที่โถงวินัยของตระกูลหลัวและกำลังขออภัยโทษอยู่ขอรับ”
หลัวปิงและคนอื่นๆกลอกตา กองทัพธงทมิฬนี้ช่างเหมือนคนพาลนัก พวกเขากำลังทำผิดกฎอย่างจงใจและพวกเขาไม่แม้แต่จะกระพริบตาในช่วงการสังหาร พวกเขาค่อนข้างสารภาพบาปอย่างตรงไปตรงมาและเหมือนกับว่าพวกเขากำลังบอกว่าใครก็ทำตามสิ่งที่ประสงค์ได้ แต่ไม่ว่าจะยังไง พวกเขาก็สังหารคนไปแล้ว
“หัวหน้ากองทัพธงทมิฬมีบุคลิกที่ค่อนข้างดี ข้าต้องทำความรู้จักกับเขาเมื่อมีโอกาส!”
เจียงอี้ยิ้มอย่างลับๆและเมื่อดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หัวหน้าทัพธงทมิฬนี้ไม่ได้ไปขออภัยโทษและอาจจะไปบงการบางอย่างแบบลับๆอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น เห็นได้ชัดว่าตระกูลฉีมีอิทธิพลมากกว่าตระกูลถานไถมากและไม่รู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งเพียงใด ไม่เช่นนั้นถานไถหงคงไม่ยืนโง่ๆและซ่อนความแค้นเคืองอยู่เช่นนี้
ผู้อาวุโสหลัวปิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “เอาล่ะ เรื่องนี้โถงวินัยจะตัดสินเอง ทุกคนแยกย้ายซะ ถานไถหง ตระกูลหลัวจะให้คำอธิบายแก่เจ้า”
“ตระกูลถานไถรับใช้ตระกูลหลัวอย่างซื่อสัตย์มาหลายหมื่นปี ตระกูลหลัวโปรดให้ความยุติธรรมแก่ตระกูลของข้าด้วย!” ถานไถหงทำหน้าบึ้งตึงอย่างน่าสมเพชและคำนับพร้อมป้องกำปั้นไปยังหลัวปิง และเมื่อเจียงอี้เห็นว่าเรื่องต่างๆคลี่คลายแล้ว เขาก็โบกมือและพูดว่า “ไปเถอะ กลับเมืองธงทมิฬกัน!”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
ที่มุมของจัตุรัส ทหารกองทัพธงทมิฬไม่กี่คนรีบพุ่งออกไปและพวกเขาอุ้มเด็กทั้งสองไว้ นั่นคือเสี่ยวหยีและเสี่ยวเทียน และเมื่อเสี่ยวหยีเห็นถานไถชี่และเจียงอี้ นางก็ตะโกนว่า “ท่านแม่ ท่านอา!”
“หืม?”
ถานไถหงมองไปที่เสี่ยวเทียนและเสี่ยวหยีก่อนจะมองถานไถชี่ เมื่อเขาเห็นว่าเจียงอี้กำลังจะพาพวกเขาออกเดินทางไปยังทางเหนือของเมือง เขาก็เดือดดาลอีกครั้ง “หลังจากที่เจ้าสังหารพวกพ้องของข้า เจ้ายังจะเอาตัวลูกสะใภ้และหลานของข้าไปอีกหรือ? หากวันนี้เจ้ากล้าพาใครออกไป ข้าจะสู้กับพวกเจ้าทุกคนแม้ว่าจะต้องเสี่ยงชีวิตก็ตาม กองทัพเพลิงสวรรค์ ฟังคำสั่งข้า เตรียมจู่โจม!”
“ลูกสะใภ้? หลาน?”
เจียงอี้นิ่งและไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ถานไถชี่เดินออกมาจากรถม้าศึกและพูดอย่างเดือดดาลว่า “ท่านพ่อตา นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะพูดกับท่านเช่นนี้ ข้าขอถามท่านสักหน่อย ยามที่สามีของข้าถูกกดขี่ ท่านอยู่ที่ไหน? ตอนที่ถานไถหยาสมรู้ร่วมคิดกับกองโจรและสังหารสามีข้าที่ทะเลแห่งบาป ท่านอยู่ที่ไหน? ตอนที่เราแม่ลูกถูกโจรไล่ล่าในทะเลแห่งบาป ท่านอยู่ที่ไหนกัน? เราทนทุกข์กับความลำบากมากมายเพื่อกลับมาที่เมือง แต่ตอนที่ถานไถหยาต้องการจะเข้ามาที่ห้องของข้าเพื่อล่วงเกินข้าตั้งแต่คืนแรกที่เรากลับมาถึง ท่านอยู่ที่ไหนกัน?”
“ถานไถหยาเป็นลูกของท่าน แล้วสามีของข้าไม่ใช่ลูกท่านหรือ? ท่านเคยมองมาที่เสี่ยวเทียนและเสี่ยวหยีมาก่อนบ้างไหม? ตั้งแต่วันนี้ไป เราแม่ลูกจะไม่มีสัมพันธ์กับตระกูลถานไถอีกต่อไป และท่านไม่คู่ควรที่จะเป็นปู่ของเสี่ยวเทียนและเสี่ยวหยีด้วย!”
“เจ้า…”
ถานไถหงสั่นเทาไปด้วยความโกรธ กลิ่นอายของเขารุนแรงมากจนแทบคลั่ง จากนั้นเจียงอี้ก็พูดอย่างเย็นชาว่า “กองทัพธงทมิฬ เชื่อฟังคำสั่งข้า เราจะพุ่งไปทางประตูเมืองด้านเหนือ สังหารผู้ใดก็ตามที่กล้าเคลื่อนไหว ลงมือซะ!”
สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงของฉีเทียนอวี่ถูกปลดออกมาและเขาก็เพ่งไปที่ถานไถหงและตะโกนว่า “ผู้อาวุโสหลัวปิง โปรดอภัยให้เราด้วย กองทัพธงทมิฬนั้นเชื่อฟังคำสั่งทหารเท่านั้นและประมุขเราบอกว่าคำสั่งของใต้เท้าเสวี่ยถือเป็นคำสั่งทหาร! กองทัพธงทมิฬตั้งค่ายกล! ลงมือ!”
ฉีเทียนอวี่ออกคำสั่ง จากนั้นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดยืนอยู่เบื้องหน้าเส้นทาง และขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดสิบคนเพ่งเล็งไปยังถานไถหงและผู้อาวุโสตระกูลถานไถขณะที่ทหารที่เหลือเริ่มเปิดโล่ศักดิ์สิทธิ์และล้อมรอบเจียงอี้ ถานไถชี่และคนอื่นๆเอาไว้ จากนั้นพวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังทางเหนือของเมือง