เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 893 ข้าจะฆ่าเจ้า
สุดท้ายแล้ว ถานไถหงก็ไม่ได้โจมตี ไม่ใช่เพราะเขากลัวฉีเทียนอวี่และคนของเขาเพราะเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนในเมืองสามารถปะทะกับกองทัพธงทมิฬกว่าห้าร้อยคนเหล่านี้ได้ แต่ปัญหาคือหลังจากที่ต่อสู้ต่างหาก
ตระกูลฉีเป็นตระกูลสิบอันดับต้นๆในเขตแดนสวรรค์ ตระกูลของพวกเขาเป็นตระกูลใหญ่และการค้าด้วยเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงรับความเสี่ยงได้ แต่ตระกูลถานไถไม่ได้ แม้กองทัพธงทมิฬทั้งห้าร้อยคนเหล่านี้ตกตายไปมันก็ยังถือเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับตระกูลฉี สมาชิกตระกูลถานไถตกตายไปแล้วในวันนี้ และเมืองเพลิงสวรรค์ก็จะเปลี่ยนผู้ปกครองหากมีผู้คนตกตายไปมากกว่านี้
ในตอนที่ถานไถอู๋ตี๋ตายไป ถานไถหงยังไม่แม้แต่จะเคลื่อนไหว และในตอนนี้ หญิงม่ายและหลานทั้งสองคนที่เขาไม่ได้ชื่นชอบจะถูกพาตัวไป เขาคงไม่เสี่ยงที่จะสู้อยู่แล้ว
เป็นอย่างที่เจียงอี้คิด ความแข็งแกร่งของตระกูลฉีนั้นแข็งแกร่งเกินไปและผู้สนับสนุนพวกเขาก็เช่นกัน ผู้ที่หนุนตระกูลถานไถเป็นเพียงผู้อาวุโสสองคนจากตระกูลหลัวในขณะที่ผู้ที่หนุนตระกูลฉีนั้นเป็นผู้อาวุโสระดับสูงขอบเขตกึ่งเทพ พวกเขาจะเทียบกันได้อย่างไร?
เจียงอี้และคนอื่นๆฝ่าออกจากวงล้อมได้อย่างง่ายดายและมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองทางเหนือขณะที่ฉีเทียนอวี่นำเรือลิขิตสวรรค์ออกมาและให้เจียงอี้และคนอื่นๆขึ้นเรือ แม้ว่าเรือลิขิตสวรรค์ลำนี้จะไม่ใหญ่เท่าของตระกูลถัง แต่ความเร็วของมันก็ยังอยู่ที่ระดับเดียวกับขอบเขตเทียนจุนระดับกลาง
ถานไถชี่นำซ่งจงและเด็กอีกสองคนเข้าไปในห้องโดยสาร นางไม่รู้เลยว่านางควรจะติดตามเจียงอี้ไปในอนาคตหรืออยู่ที่ตูลฉี แต่ตัวเลือกทั้งสองนี้ก็ยังดีกว่าการต้องทนอยู่ในตระกูลถานไถนัก หากนางยังอยู่ในตระกูลถานไถต่อ ถานไถหยาคงจะปฏิบัติต่อนางราวกับว่านางเป็นโสเภณี และนางอาจถูกกระทำโดยตาเฒ่าอย่างถานไถอู๋ตี๋ขณะที่ลูกๆของนางจะถูกปฏิบัติราวกับลูกนอกสมรส หากเป็นเช่นนั้น การที่นางตายไปคงจะดีกว่า
นางเชื่อมั่นในความสามารถและวิธีการของเจียงอี้อย่างสมบูรณ์
ไม่เพียงแต่เจียงอี้จะแข็งแกร่ง แต่เขายังมีความสามารถที่น่าสยดสยองด้วย เขาสามารถระดมพลกองทัพธงทมิฬกว่าห้าร้อยคนได้อย่างง่ายดายและกองทัพธงทมิฬเชื่อฟังเขาโดยไม่ลังเล แม้แต่ถานไถอู๋ตี๋ที่นางรู้สึกว่านางไม่มีวันจะมีปัญหาด้วยก็ยังถูกเจียงอี้จัดการไปได้อย่างง่ายดาย และยังหนีออกมาได้โดยไม่มีรอยขีดข่วน
สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจที่สุดคืออายุของเจียงอี้ นางอยู่กับเจียงอี้มาระยะหนึ่งแล้วและสัญชาตญาณของนางบอกว่าเจียงอี้ยังเด็กมาก นางฉลาดและมีความคิดอยู่ในใจมากมาย และนางยังคาดเดาด้วยว่าเจียงอี้อาจจะมาจากเกาะแห่งบาป แต่แล้วอย่างไรล่ะ?
ถานไถชี่ไม่คิดรังเกียจแม้ว่าเจียงอี้จะเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจ ไม่ต้องพูดถึงเป็นคนในเกาะแห่งบาปเลย นางรู้เพียงว่าชายผู้นี้เป็นผู้มีพระคุณของนางและเขาเป็นคนดี ไม่เช่นนั้น เหตุใดเขาจึงทำสงครามกับตระกูลถานไถเพื่อคนแปลกหน้า? หากเขาไม่ใช่คนดี เหตุใดเขาจึงต้องพาพวกเขามาส่งในระยะนับล้านกิโลเมตรเพียงเพราะคำขอของเด็ก? หากเขาไม่ใช่คนดี เขาจะปฏิเสธการยั่วยวนของนางทุกครั้งหรือ?
เจียงอี้ไม่ได้ขออะไรจากพวกเขาและช่วยเหลือพวกเขาเพียงเพราะเขาเห็นเรื่องอยุติธรรม ถานไถชี่เห็นคนเลวทรามและพวกสกปรกมามากมายในโลกที่โหดร้ายนี้ แม้ว่าเจียงอี้จะทำตัวเฉยเมยเพียงใด นางก็ยังเห็นความรู้สึกที่แท้จริงได้ นางมองเห็นด้านที่งดงามของมนุษยชาติและทำให้นางรู้สึกถึงความเป็นมนุษย์และความอบอุ่นได้ ดังนั้นนางจึงไม่พูดอะไรหลังจากที่ขึ้นเรือลิขิตสวรรค์มา นางยังสั่งซ่งจงไม่ให้เผยข้อมูลใดๆของเจียงอี้แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต ซ่งจงนั้นเป็นทาสวิญญาณของนางและไม่มีทางขัดคำสั่งนาง
เจียงอี้เดินไปที่ดาดฟ้าหลังจากที่ช่วยจัดการเรื่องพวกเขา เรือลิขิตสวรรค์กำลังบินไปทางเหนืออย่างรวดเร็วขณะที่กองทัพธงทมิฬยืนเรียงกันอยู่บนดาดฟ้า เมื่อพวกเขาเห็นเจียงอี้ พวกเขาก็โค้งคำนับเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไร พวกเขามีวินัยและความเข้มงวดเป็นอย่างยิ่ง
เจียงอี้เดินไปทางฉีเทียนอวี่ และเมื่อฝ่ายหลังเห็นเจียงอี้ เขาก็คำนับทักทาย “ฉีเทียนอวี่คารวะนายน้อย!”
“เจ้าสะดวกคุยหรือไม่?”
เจียงอี้ขมวดคิ้วและถามอย่างแผ่วเบา จากนั้นฉีเทียนอวี่ก็พยักหน้าและชี้ไปยังห้องโดยสาร “ท่านใต้เท้า เชิญทางนี้ขอรับ”
เจียงอี้เดินไปยังห้องโดยสาร หลังจากที่ฉีเทียนอวี่บอกเขา เขาก็เดินตามเข้าไปในห้องโดยสารอย่างรวดเร็วและฉีเทียนอวี่ก็เปิดอาคมยับยั้งทันทีก่อนที่เขาจะป้องกำปั้น “นายน้อยเชิญสั่งมาได้เลยขอรับ”
“เรากำลังมุ่งไปยังเมืองธงทมิฬหรือ? เราต้องใช้เวลานานเพียงใด?” เจียงอี้ถามอย่างสงสัย เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “เจ้ารู้ถึงตัวตนของข้าหรือไม่?”
“ในเรื่องคำถามของนายน้อย”
ฉีเทียนอวี่ตอบอย่างจริงจัง “เรากำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองธงทมิฬและใช้เวลาประมาณสิบวัน ส่วนเรื่องตัวตนของนายน้อยนั้น นอกจากประมุขแล้วก็ไม่มีผู้ใดสามารถล่วงรู้ได้ ประมุขได้กล่าวว่า คำสั่งของท่านคือคำสั่งของเขา!”
“โอ้”
เจียงอี้เลื่อมใสในวิธีการของจักรพรรดิแห่งเงาอย่างสมบูรณ์ เขาสามารถควบคุมตระกูลใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังได้อย่างเต็มที่จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นมันคือความภักดีอย่างแท้จริงเมื่อมีตระกูลใหญ่สนับสนุนเขา มันจึงเป็นเรื่องง่ายกับเขาที่จะตรวจสอบข้อมูลของทวีปจักรพรรดิบูรพา
หลังจากพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง เจียงอี้ก็พูดว่า “บอกข้าเรื่องของตระกูลเจ้ามา”
เมื่อเจียงอี้พาถานไถชี่และลูกทั้งสองของนางมาด้วย เขาจึงต้องจัดที่อยู่ให้พวกเขา เขาจะให้พวกนั้นอยู่ในตระกูลฉีหากสถานการณ์ของตระกูลฉีไม่เลวร้าย เขาสามารถช่วยแม่ลูกได้เพียงเท่านี้และไม่สามารถดูแลพวกเขาได้ในภายภาคหน้า ครั้งนี้ เมื่อเขาออกจากเขตแดนสวรรค์ไปแล้ว เขาอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลย
ฉีเทียนอวี่เริ่มบรรยายอย่างละเอียดว่า “ตระกูลฉีก่อตั้งขึ้นเมื่อสองหมื่นปีก่อนและเป็นหนึ่งในสิบตระกูลใหญ่ที่รับใช้ตระกูลหลัวเพื่อยึดเขตแดนสวรรค์ ในตอนนี้เราก็ยังคงเป็นหนึ่งในสิบตระกูลอันดับต้นอยู่ ตราบใดที่ตระกูลหลัวไม่ล่มสลาย ตระกุลฉีของเราจะไม่มีวันพินาศ ประมุขของเรายังเป็นยอดฝีมือกึ่งเทพอีกด้วยขอรับ แต่เขามีความแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับหกดาวเท่านั้น เรายังมียอดฝีมือห้าดาวอีกหลายร้อยคน และในส่วนของสี่ดาว……”
ฉีเทียนอวี่พูดมาเป็นชั่วโมงขณะที่เขาบรรยายถึงสถานการณ์ของตระกูลฉีอย่างละเอียด สิ่งเดียวที่เขาไม่ได้พูดถึงคือจำนวนนางสนมและสหายสนิทที่ฉีเทียนเฉินมี
เจียงอี้พยักหน้าเล็กน้อย เขามั่นใจอย่างเต็มที่ในการปล่อยให้ถานไถชี่และลูกทั้งสองของนางอยู่ในตระกูลฉี ด้วยความสัมพันธ์ที่เขามีต่อจักรพรรดิแห่งเงา แม่ลูกเหล่านี้จะไม่ทรมานอยู่ในตระกูลฉี
เมื่อกำลังทำบางสิ่งบางอย่าง มันจะต้องมีจุดเริ่มต้นและจุดจบ และเมื่อเขาช่วยผู้อื่นอยู่ เขาก็ควรจะช่วยให้ถึงที่สุด
เจียงอี้ยืนขึ้นและเตรียมกลับไปยังห้องโดยสารของเขาหลังจากที่เขาพูดสิ่งที่เขาต้องการเสร็จแล้ว และเมื่อเขาอยู่หน้าประตู เขาก็ถามอย่างสงสัย “ผู้บัญชาการฉี เจ้ารู้ไหมว่าในทะเลนั้นเกิดอะไรขึ้น?”
“ตรงนั้นหรือขอรับ?”
ฉีเทียนอวี่กระพริบตาด้วยความสับสน จากนั้นก็พยักหน้า “ท่านคงจะหมายถึงทะเลลึกไร้สิ้นสุดใช่ไหมขอรับ? ข้ารู้เรื่องนี้อยู่บ้างและผู้อาวุโสทั้งสามของตระกูลข้าเองก็รู้เรื่องนี้ ท่านเชิญพักผ่อนเถอะขอรับ ตระกูลของเราอุทิศตนแก่ทะเลลึกไร้สิ้นสุดอย่างสมบูรณ์ หากปราศจากความช่วยเหลือจากทะเลลึกไร้สิ้นสุด ตระกูลฉีคงถูกตระกูลเจี้ยนทำลายไปนานแล้ว”
“เรายังมีข้อตกลงกับทะเลลึกไร้สิ้นสุดด้วย เราจะช่วยพวกเขาจัดการเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างสุดความสามารถและจะปกป้องเผ่าพันธุ์ปีศาจเพื่อไม่ให้เหล่าเก้าตระกูลจักรพรรดิกำจัดพวกเขาไป แต่หากเผ่าพันธุ์ปีศาจก่อสงครามกับมนุษย์ เราจะยืนข้างมนุษย์เพราะเราทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ นี่คือกฏแรกของกฏตระกูลฉีขอรับ”
“ดีมาก!” เจียงอี้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ความสัมพันธ์ของเขากับทะเลลึกไร้สิ้นสุดนั้นก็ค่อนข้างดีเช่นกัน แต่หากมนุษย์ก่อสงครามกับเผ่าพันธุ์อสูรและปีศาจ เขาก็จะยืนหยัดเคียงข้างมนุษยชาติอย่างแน่นอน
“ฮ่าฮ่า ข้าคิดไกลเกินไปแล้ว!”
หลังจากเดินออกจากห้องโดยสาร เจียงอี้ก็มองไปยังแม่น้ำอันงดงามและภูเขาที่อยู่ห่างไกลออกไปขณะที่ยิ้มอย่างขมขื่น อิทธิพลของเผ่าพันธุ์ปีศาจและอสูรในตอนนี้อ่อนแอมาก พวกเขาควรจะซาบซึ้งมากแล้วที่พวกเขาไม่ถูกเผ่าพันธุ์มนุษย์ทำลายล้างจนหมดสิ้น อย่างน้อยเผ่าพันธุ์อสูรและปีศาจก็ไม่สามารถโจมตีทวีปของมนุษย์ได้อีกหลายหมื่นปี แล้วเจียงอี้จะมีชีวิตอยู่ได้ถึงหลายหมื่นปีไหม? เห็นได้ชัดว่าไม่ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพวกนี้ เขาเพียงแค่ต้องทำในสิ่งที่ต้องทำ
“เขตแดนอรหัง!”
เจียงอี้เพ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นเมืองยักษ์ใหญ่ และดูเหมือนว่าเขาจะมองเห็นภาพจีทิงยวี่และหวู่นี่ที่กำลังขี่เรือลิขิตสวรรค์ไปยังเมืองจักรพรรดิอรหังอยู่ในใจอีกด้วย เขากำหมัดแน่น ดวงตาของเขาค่อยๆเย็นชาลง จากนั้นเขาก็พึมพำและเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร “จีทิงยวี่ ครั้งนี้ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้!”
ตระกูลฉีเป็นตระกูลสิบอันดับต้นๆในเขตแดนสวรรค์ ตระกูลของพวกเขาเป็นตระกูลใหญ่และการค้าด้วยเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงรับความเสี่ยงได้ แต่ตระกูลถานไถไม่ได้ แม้กองทัพธงทมิฬทั้งห้าร้อยคนเหล่านี้ตกตายไปมันก็ยังถือเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับตระกูลฉี สมาชิกตระกูลถานไถตกตายไปแล้วในวันนี้ และเมืองเพลิงสวรรค์ก็จะเปลี่ยนผู้ปกครองหากมีผู้คนตกตายไปมากกว่านี้
ในตอนที่ถานไถอู๋ตี๋ตายไป ถานไถหงยังไม่แม้แต่จะเคลื่อนไหว และในตอนนี้ หญิงม่ายและหลานทั้งสองคนที่เขาไม่ได้ชื่นชอบจะถูกพาตัวไป เขาคงไม่เสี่ยงที่จะสู้อยู่แล้ว
เป็นอย่างที่เจียงอี้คิด ความแข็งแกร่งของตระกูลฉีนั้นแข็งแกร่งเกินไปและผู้สนับสนุนพวกเขาก็เช่นกัน ผู้ที่หนุนตระกูลถานไถเป็นเพียงผู้อาวุโสสองคนจากตระกูลหลัวในขณะที่ผู้ที่หนุนตระกูลฉีนั้นเป็นผู้อาวุโสระดับสูงขอบเขตกึ่งเทพ พวกเขาจะเทียบกันได้อย่างไร?
เจียงอี้และคนอื่นๆฝ่าออกจากวงล้อมได้อย่างง่ายดายและมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองทางเหนือขณะที่ฉีเทียนอวี่นำเรือลิขิตสวรรค์ออกมาและให้เจียงอี้และคนอื่นๆขึ้นเรือ แม้ว่าเรือลิขิตสวรรค์ลำนี้จะไม่ใหญ่เท่าของตระกูลถัง แต่ความเร็วของมันก็ยังอยู่ที่ระดับเดียวกับขอบเขตเทียนจุนระดับกลาง
ถานไถชี่นำซ่งจงและเด็กอีกสองคนเข้าไปในห้องโดยสาร นางไม่รู้เลยว่านางควรจะติดตามเจียงอี้ไปในอนาคตหรืออยู่ที่ตูลฉี แต่ตัวเลือกทั้งสองนี้ก็ยังดีกว่าการต้องทนอยู่ในตระกูลถานไถนัก หากนางยังอยู่ในตระกูลถานไถต่อ ถานไถหยาคงจะปฏิบัติต่อนางราวกับว่านางเป็นโสเภณี และนางอาจถูกกระทำโดยตาเฒ่าอย่างถานไถอู๋ตี๋ขณะที่ลูกๆของนางจะถูกปฏิบัติราวกับลูกนอกสมรส หากเป็นเช่นนั้น การที่นางตายไปคงจะดีกว่า
นางเชื่อมั่นในความสามารถและวิธีการของเจียงอี้อย่างสมบูรณ์
ไม่เพียงแต่เจียงอี้จะแข็งแกร่ง แต่เขายังมีความสามารถที่น่าสยดสยองด้วย เขาสามารถระดมพลกองทัพธงทมิฬกว่าห้าร้อยคนได้อย่างง่ายดายและกองทัพธงทมิฬเชื่อฟังเขาโดยไม่ลังเล แม้แต่ถานไถอู๋ตี๋ที่นางรู้สึกว่านางไม่มีวันจะมีปัญหาด้วยก็ยังถูกเจียงอี้จัดการไปได้อย่างง่ายดาย และยังหนีออกมาได้โดยไม่มีรอยขีดข่วน
สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจที่สุดคืออายุของเจียงอี้ นางอยู่กับเจียงอี้มาระยะหนึ่งแล้วและสัญชาตญาณของนางบอกว่าเจียงอี้ยังเด็กมาก นางฉลาดและมีความคิดอยู่ในใจมากมาย และนางยังคาดเดาด้วยว่าเจียงอี้อาจจะมาจากเกาะแห่งบาป แต่แล้วอย่างไรล่ะ?
ถานไถชี่ไม่คิดรังเกียจแม้ว่าเจียงอี้จะเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจ ไม่ต้องพูดถึงเป็นคนในเกาะแห่งบาปเลย นางรู้เพียงว่าชายผู้นี้เป็นผู้มีพระคุณของนางและเขาเป็นคนดี ไม่เช่นนั้น เหตุใดเขาจึงทำสงครามกับตระกูลถานไถเพื่อคนแปลกหน้า? หากเขาไม่ใช่คนดี เหตุใดเขาจึงต้องพาพวกเขามาส่งในระยะนับล้านกิโลเมตรเพียงเพราะคำขอของเด็ก? หากเขาไม่ใช่คนดี เขาจะปฏิเสธการยั่วยวนของนางทุกครั้งหรือ?
เจียงอี้ไม่ได้ขออะไรจากพวกเขาและช่วยเหลือพวกเขาเพียงเพราะเขาเห็นเรื่องอยุติธรรม ถานไถชี่เห็นคนเลวทรามและพวกสกปรกมามากมายในโลกที่โหดร้ายนี้ แม้ว่าเจียงอี้จะทำตัวเฉยเมยเพียงใด นางก็ยังเห็นความรู้สึกที่แท้จริงได้ นางมองเห็นด้านที่งดงามของมนุษยชาติและทำให้นางรู้สึกถึงความเป็นมนุษย์และความอบอุ่นได้ ดังนั้นนางจึงไม่พูดอะไรหลังจากที่ขึ้นเรือลิขิตสวรรค์มา นางยังสั่งซ่งจงไม่ให้เผยข้อมูลใดๆของเจียงอี้แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต ซ่งจงนั้นเป็นทาสวิญญาณของนางและไม่มีทางขัดคำสั่งนาง
เจียงอี้เดินไปที่ดาดฟ้าหลังจากที่ช่วยจัดการเรื่องพวกเขา เรือลิขิตสวรรค์กำลังบินไปทางเหนืออย่างรวดเร็วขณะที่กองทัพธงทมิฬยืนเรียงกันอยู่บนดาดฟ้า เมื่อพวกเขาเห็นเจียงอี้ พวกเขาก็โค้งคำนับเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไร พวกเขามีวินัยและความเข้มงวดเป็นอย่างยิ่ง
เจียงอี้เดินไปทางฉีเทียนอวี่ และเมื่อฝ่ายหลังเห็นเจียงอี้ เขาก็คำนับทักทาย “ฉีเทียนอวี่คารวะนายน้อย!”
“เจ้าสะดวกคุยหรือไม่?”
เจียงอี้ขมวดคิ้วและถามอย่างแผ่วเบา จากนั้นฉีเทียนอวี่ก็พยักหน้าและชี้ไปยังห้องโดยสาร “ท่านใต้เท้า เชิญทางนี้ขอรับ”
เจียงอี้เดินไปยังห้องโดยสาร หลังจากที่ฉีเทียนอวี่บอกเขา เขาก็เดินตามเข้าไปในห้องโดยสารอย่างรวดเร็วและฉีเทียนอวี่ก็เปิดอาคมยับยั้งทันทีก่อนที่เขาจะป้องกำปั้น “นายน้อยเชิญสั่งมาได้เลยขอรับ”
“เรากำลังมุ่งไปยังเมืองธงทมิฬหรือ? เราต้องใช้เวลานานเพียงใด?” เจียงอี้ถามอย่างสงสัย เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “เจ้ารู้ถึงตัวตนของข้าหรือไม่?”
“ในเรื่องคำถามของนายน้อย”
ฉีเทียนอวี่ตอบอย่างจริงจัง “เรากำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองธงทมิฬและใช้เวลาประมาณสิบวัน ส่วนเรื่องตัวตนของนายน้อยนั้น นอกจากประมุขแล้วก็ไม่มีผู้ใดสามารถล่วงรู้ได้ ประมุขได้กล่าวว่า คำสั่งของท่านคือคำสั่งของเขา!”
“โอ้”
เจียงอี้เลื่อมใสในวิธีการของจักรพรรดิแห่งเงาอย่างสมบูรณ์ เขาสามารถควบคุมตระกูลใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังได้อย่างเต็มที่จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นมันคือความภักดีอย่างแท้จริงเมื่อมีตระกูลใหญ่สนับสนุนเขา มันจึงเป็นเรื่องง่ายกับเขาที่จะตรวจสอบข้อมูลของทวีปจักรพรรดิบูรพา
หลังจากพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง เจียงอี้ก็พูดว่า “บอกข้าเรื่องของตระกูลเจ้ามา”
เมื่อเจียงอี้พาถานไถชี่และลูกทั้งสองของนางมาด้วย เขาจึงต้องจัดที่อยู่ให้พวกเขา เขาจะให้พวกนั้นอยู่ในตระกูลฉีหากสถานการณ์ของตระกูลฉีไม่เลวร้าย เขาสามารถช่วยแม่ลูกได้เพียงเท่านี้และไม่สามารถดูแลพวกเขาได้ในภายภาคหน้า ครั้งนี้ เมื่อเขาออกจากเขตแดนสวรรค์ไปแล้ว เขาอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลย
ฉีเทียนอวี่เริ่มบรรยายอย่างละเอียดว่า “ตระกูลฉีก่อตั้งขึ้นเมื่อสองหมื่นปีก่อนและเป็นหนึ่งในสิบตระกูลใหญ่ที่รับใช้ตระกูลหลัวเพื่อยึดเขตแดนสวรรค์ ในตอนนี้เราก็ยังคงเป็นหนึ่งในสิบตระกูลอันดับต้นอยู่ ตราบใดที่ตระกูลหลัวไม่ล่มสลาย ตระกุลฉีของเราจะไม่มีวันพินาศ ประมุขของเรายังเป็นยอดฝีมือกึ่งเทพอีกด้วยขอรับ แต่เขามีความแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับหกดาวเท่านั้น เรายังมียอดฝีมือห้าดาวอีกหลายร้อยคน และในส่วนของสี่ดาว……”
ฉีเทียนอวี่พูดมาเป็นชั่วโมงขณะที่เขาบรรยายถึงสถานการณ์ของตระกูลฉีอย่างละเอียด สิ่งเดียวที่เขาไม่ได้พูดถึงคือจำนวนนางสนมและสหายสนิทที่ฉีเทียนเฉินมี
เจียงอี้พยักหน้าเล็กน้อย เขามั่นใจอย่างเต็มที่ในการปล่อยให้ถานไถชี่และลูกทั้งสองของนางอยู่ในตระกูลฉี ด้วยความสัมพันธ์ที่เขามีต่อจักรพรรดิแห่งเงา แม่ลูกเหล่านี้จะไม่ทรมานอยู่ในตระกูลฉี
เมื่อกำลังทำบางสิ่งบางอย่าง มันจะต้องมีจุดเริ่มต้นและจุดจบ และเมื่อเขาช่วยผู้อื่นอยู่ เขาก็ควรจะช่วยให้ถึงที่สุด
เจียงอี้ยืนขึ้นและเตรียมกลับไปยังห้องโดยสารของเขาหลังจากที่เขาพูดสิ่งที่เขาต้องการเสร็จแล้ว และเมื่อเขาอยู่หน้าประตู เขาก็ถามอย่างสงสัย “ผู้บัญชาการฉี เจ้ารู้ไหมว่าในทะเลนั้นเกิดอะไรขึ้น?”
“ตรงนั้นหรือขอรับ?”
ฉีเทียนอวี่กระพริบตาด้วยความสับสน จากนั้นก็พยักหน้า “ท่านคงจะหมายถึงทะเลลึกไร้สิ้นสุดใช่ไหมขอรับ? ข้ารู้เรื่องนี้อยู่บ้างและผู้อาวุโสทั้งสามของตระกูลข้าเองก็รู้เรื่องนี้ ท่านเชิญพักผ่อนเถอะขอรับ ตระกูลของเราอุทิศตนแก่ทะเลลึกไร้สิ้นสุดอย่างสมบูรณ์ หากปราศจากความช่วยเหลือจากทะเลลึกไร้สิ้นสุด ตระกูลฉีคงถูกตระกูลเจี้ยนทำลายไปนานแล้ว”
“เรายังมีข้อตกลงกับทะเลลึกไร้สิ้นสุดด้วย เราจะช่วยพวกเขาจัดการเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างสุดความสามารถและจะปกป้องเผ่าพันธุ์ปีศาจเพื่อไม่ให้เหล่าเก้าตระกูลจักรพรรดิกำจัดพวกเขาไป แต่หากเผ่าพันธุ์ปีศาจก่อสงครามกับมนุษย์ เราจะยืนข้างมนุษย์เพราะเราทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ นี่คือกฏแรกของกฏตระกูลฉีขอรับ”
“ดีมาก!” เจียงอี้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ความสัมพันธ์ของเขากับทะเลลึกไร้สิ้นสุดนั้นก็ค่อนข้างดีเช่นกัน แต่หากมนุษย์ก่อสงครามกับเผ่าพันธุ์อสูรและปีศาจ เขาก็จะยืนหยัดเคียงข้างมนุษยชาติอย่างแน่นอน
“ฮ่าฮ่า ข้าคิดไกลเกินไปแล้ว!”
หลังจากเดินออกจากห้องโดยสาร เจียงอี้ก็มองไปยังแม่น้ำอันงดงามและภูเขาที่อยู่ห่างไกลออกไปขณะที่ยิ้มอย่างขมขื่น อิทธิพลของเผ่าพันธุ์ปีศาจและอสูรในตอนนี้อ่อนแอมาก พวกเขาควรจะซาบซึ้งมากแล้วที่พวกเขาไม่ถูกเผ่าพันธุ์มนุษย์ทำลายล้างจนหมดสิ้น อย่างน้อยเผ่าพันธุ์อสูรและปีศาจก็ไม่สามารถโจมตีทวีปของมนุษย์ได้อีกหลายหมื่นปี แล้วเจียงอี้จะมีชีวิตอยู่ได้ถึงหลายหมื่นปีไหม? เห็นได้ชัดว่าไม่ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพวกนี้ เขาเพียงแค่ต้องทำในสิ่งที่ต้องทำ
“เขตแดนอรหัง!”
เจียงอี้เพ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นเมืองยักษ์ใหญ่ และดูเหมือนว่าเขาจะมองเห็นภาพจีทิงยวี่และหวู่นี่ที่กำลังขี่เรือลิขิตสวรรค์ไปยังเมืองจักรพรรดิอรหังอยู่ในใจอีกด้วย เขากำหมัดแน่น ดวงตาของเขาค่อยๆเย็นชาลง จากนั้นเขาก็พึมพำและเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร “จีทิงยวี่ ครั้งนี้ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้!”