เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 895 ผีเสื้อร่ายรำ
เจียงอี้ตัดสินใจที่จะออกจากที่นี่ในสองวัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาจะยังอยู่ในเมืองธงทมิฬต่อ และเมื่อถึงเวลา เขาก็จะใช้วิชาเทพพรางตาเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาและแอบเข้าไปยังร้านค้าของตระกูลถัง และเผอิญว่า เรือลิขิตสวรรค์ลำหนึ่งกำลังจะผ่านมาในอีกสองวัน
คนของจักรพรรดิเงาแทบไม่มีอิทธิพลใดๆอยู่ในพื้นที่รอบๆตระกูลอีเลย ส่วนฉีเทียนเฉินก็เริ่มรวบรวมผู้เสียสละเงียบๆภายใต้คำสั่งของเจียงอี้และไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉีแม้ว่าพวกเขาจะถูกจับและถูกสังหารไป
เผ่าพันธุ์ปีศาจใช้เวลาหลายแสนปีในการเลี้ยงดูสายลับต่างๆบนทวีปนี้ เอ๋าหลูอาจบอกว่าเจียงอี้ใช้ทุกคนได้ แต่เขาจะใช้คนเหล่านี้อย่างเฉยเมยได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น มันก็เป็นอย่างที่เอ๋าหลูบอกไว้ เขาไม่สามารถสมรู้ร่วมคิดกับเผ่าพันธุ์อสูรและปีศาจเพื่อสู้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ ไม่เช่นนั้น เมื่อเรื่องราวถูกเปิดเผย เขาจะกลายเป็นศัตรูของเผ่าพันธุ์มนุษย์ แม้ว่าอันที่จริงแล้ว…เขาจะเป็นศัตรูในสายตาของเก้าตระกูลจักรพรรดิแล้วก็ตาม
หลังจากที่เตรียมการเสร็จ เจียงอี้ก็ไปเยี่ยมชมสวนดอกบ๊วยที่ถานไถชี่และคนอื่นๆพักอยู่และมันเป็นลานตำหนักที่กว้างใหญ่ ฉีเทียนอวี่ส่งสาวใช้มารับใช้ถานไถชี่และคนของนางและเขายังประกาศว่าเสี่ยวหยีและเสี่ยวเทียนเป็นหลานสาวและหลานชายบุญธรรมด้วย ซึ่งทำให้เจียงอี้สบายใจมาก เมื่ออยู่ในสถานะนี้ เด็กทั้งสองจะไม่มีวันถูกกลั่นแกล้งในตระกูลและพวกเขาจะเติบโตขึ้นมาได้อย่างสันติ
“ท่านอา!”
เมื่อเห็นเจียงอี้เดินเข้ามา เสี่ยวหยีก็รีบวิ่งเข้าไปกอดเจียงอี้ด้วยรอยยิ้มที่สนิทสนม เจียงอี้อุ้มนางและยิ้มขณะที่ถามว่า “เสี่ยวหยี เจ้ามีความสุขกับบ้านหลังนี้หรือไม่?” เสี่ยวหยียิ้มและกล่าวว่า “มีความสุขเจ้าค่ะ! ที่นี่ใหญ่โตมาก เสี่ยวหยีกับเสี่ยวเทียนวิ่งรอบที่นี่ได้เป็นชั่วโมงและยังคงวิ่งวนไม่ครบเลยเจ้าค่ะ และที่นี่ก็งดงามมากด้วย”
“ในอนาคตก็จงทำเหมือนที่นี่เป็นบ้านของเจ้านะ”
เจียงอี้พยักหน้าและมองไปที่ถานไถชี่ “ถานไถ…อ้อ หูตันนี เจ้าอยู่ที่นี่เป็นเช่นไร?”
“ดีหมดเลยเจ้าค่ะ”
หูตันนียืนขึ้นและพยักหน้า “ข้าเปลี่ยนชื่อของเสี่ยวหยีและเสี่ยวเทียนเป็นฉีเสี่ยวหยีและฉีเสี่ยวเทียนแล้ว ในอนาคต พวกเขาจะเป็นสมาชิกตระกูลฉีเจ้าค่ะ”
“ดีมาก”
เจียงอี้เห็นด้วยกับการตัดสินใจของหูตันนี พวกเขาจะกลมกลืนกับที่นี่หลังจากเปลี่ยนชื่อตระกูลและฐานะของพวกเขาจะสูงขึ้น ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะถูกมองเป็นคนนอกเสมอ
“ท่านใต้เท้า ท่านจะไปเมื่อใดกันเจ้าคะ?” หูตันนีเหลือบมองเจียงอี้ก่อนที่ดวงตาของนางจะเต็มไปด้วยความเศร้า
“อีกสองวัน”
เจียงอี้ถอนหายใจเล็กน้อย เขาเองก็รู้เช่นกันว่าหลังจากที่เขาไปแล้ว หูตันนีก็จะรู้สึกเหมือนไร้ที่พึ่ง และจะไม่มีผู้สนับสนุนอีกต่อไป แต่เขาก็ต้องจากไปอยู่ดีและสามารถช่วยนางได้เพียงเท่านี้
หลังจากที่พูดคุยกันสักพัก เจียงอี้ก็เดินเข้าไปในห้องเพื่อฝึกฝน เขาไม่อยากเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความขมขื่นของหูตันนี
เมื่อค่ำคืนนั้นมาถึง เจียงอี้ก็ถูกปลุกขึ้นมา ฉีเทียนเฉินนั้นเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงขนาดใหญ่และรวบรวมเบื้องบนทั้งหมดของตระกูลฉีเพื่อจัดงานเลี้ยงต้อนรับเจียงอี้, หูตันนีและลูกทั้งสองของนาง
หากเป็นงานอื่น เจียงอี้คงปฏิเสธ แต่งานนี้พิเศษหน่อย มันคือการที่ฉีเทียนเฉินให้หน้าเจียงอี้และยังให้เด็กทั้งสองมีฐานะที่ดีในอนาคต เจียงอี้จึงไม่มีทางอื่นนอกจากต้องร่วมงานนี้
ยอดฝีมือของตระกูลฉีทั้งหมดอยู่ที่นี่และประมุขตระกูลที่สำคัญของเมืองก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน หูตันนีสวมชุดสีดำและเรือนร่างของนางทำให้ชายกลุ่มหนึ่งมัวเมาไปกับเรือนร่างของนางตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มดื่ม แต่เมื่อเห็นฉีเทียนเฉินชนกับเจียงอี้และหูตันนีเอง ดวงตาที่มัวเมาของทุกคนก็หายลับไปและแปรเปลี่ยนเป็นความเคารพขณะที่พวกเขาก็ดื่มกันคนละแก้ว
เจียงอี้ปฏิเสธไม่ได้และเริ่มดื่มทีละแก้ว ด้านหูตันนีนั้นมึนเมาแล้วและมีดวงตาที่เย้ายวนมาก เจียงอี้จึงขอให้สาวใช้พานางกลับไปก่อนขณะที่เขายังอยู่ที่งานต่อไปและยังคงดื่มกับทุกคนต่อจนกว่าเขาจะเมามาก จากนั้นเขาก็รู้สึกหมดสติและถูกพากลับไปยังสวนดอกบ๊วย
แกร่ก!
ในความมึนเมานี้ เจียงอี้ได้ยินเสียงบางอย่าง แต่เขาไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ เขาจึงไม่สนใจมัน แต่หลังจากนั้น ความเย็นเยียบที่หน้าอกก็ทำให้เขารู้สึกตัวขึ้นมา
เจียงอี้ลืมตาขึ้นมาทันทีและเห็นใบหน้าอันมีเสน่ห์และร่างอันเปลือยเปล่า ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบโต้ ใบหน้าที่มีเสน่ห์นั้นก็เข้ามาและริมฝีปากอันอ่อนโยนนั้นก็สวมเข้ามาที่ปากของเขา ลิ้นเล็กๆที่มีกลิ่นหอมเย้ายวนได้เปิดปากของเขาและเข้าไปในปากเขา
ในเวลาเดียวกัน ร่างอันเร่าร้อนที่แนบแน่นอยู่กับเขานั้นได้ถอดผ้าของเจียงอี้ออกหมดแล้ว จากนั้นก็มีเสียงกระซิบเบาๆก้องอยู่ในหู “ท่านใต้เท้าเสวี่ย ตันนีไม่ได้ต้องการสิ่งใดและจะไม่รบเร้าให้ท่านอยู่ต่อไป ข้าจะไม่ขอให้ท่านรับผิดชอบ ตันนีเพียงแค่อยากตอบแทนท่าน อย่าขยับเลย ท่านใต้เท้า ให้ข้าน้อยได้ปรนนิบัติท่านด้วยเถอะเจ้าค่ะ ท่านใต้เท้ายังสามารถเพลิดเพลินกับความพิเศษของเผ่าพันธุ์นารีผีเสื้อของเราได้ด้วย ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะทำให้ท่านทุกสิ่งเองเจ้าค่ะ…”
ตูม! เดิมทีเจียงอี้กำลังเตรียมจะหมุนเวียนแก่นแท้พลังเพื่อขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างของเขา แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดสุดท้าย จิตใจของเขาก็ระเบิดไปและไม่สนใจอะไรอีกต่อไปขณะที่เขาปล่อยให้ตัวเองมึนเมาและหลับตาลงเพื่อเพลิดเพลินกับความสุขนี้
เผ่าพันธุ์นารีผีเสื้อนั้นพิเศษจริงๆ เจียงอี้รู้สึกได้ถึงผิวที่เรียบเนียนมากและรู้สึกราวกับมีลูกแมวขยับไปมาบนร่างของเขาซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่ประหลาดนัก
หูตันนีปรนนิบัติผู้ชายได้เก่งจริงๆ โดยเฉพาะลิ้นของนางเพราะมันมีความสามารถอันเยี่ยมยอดนัก
“ท่านใต้เท้า หากในอีกไม่ช้าท่านรู้สึกว่ามีสิ่งใดแปลกๆต่อดวงจิตวิญญาณของท่าน อย่าได้ตื่นตระหนกไปนะเจ้าคะ นั่นเป็นลักษณะพิเศษของเผ่าพันธุ์นารีผีเสื้อของเรา!”
เสียงกระซิบดังก้องในหูเจียงอี้ขณะที่เขาลืมตาขึ้นมาและบังเอิญเห็นว่าหูตันนีกำลังนั่งอยู่และเขยื้อนร่างของนาง ร่างที่แข็งแกร่งของเขาสั่นสะท้านขณะที่เขาได้พบกับความลึกลับอีกอย่างของเผ่านารีผีเสื้อ เห็นได้ชัดว่าเผ่านารีผีเสื้อนี้ส่งต่อสมบัติที่ทำให้เกิดความปิติยินดีซึ่งทำให้คนผู้หนึ่งลืมรสชาติของอาหารอันโอชะไป
มันเกิดปรากฏการณ์อีกอย่างขึ้นซึ่งทำให้เจียงอี้ตกตะลึงอีกครั้ง มีพลังงานพิเศษจากร่างของหูตันนีส่งต่อเข้าสู่ร่างกายของเขา แต่เขาก็นึกถึงคำพูดของหูตันนี ภายในดวงจิตวิญญาณลึกๆของเจียงอี้ไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ เขาจึงปล่อยให้มันเข้าสู่ร่างกายของเขา
มีพลังงานพิเศษจำนวนเล็กน้อยที่เข้าสู่ร่างของเจียงอี้ตลอดเวลาขณะที่ร่างของหูตันนี้กำลังเขยื้อนอยู่ จากนั้นพวกมันก็พุ่งเข้าหาดวงจิตวิญญาณของเจียงอี้ทันทีและมาหยุดลงที่ทะเลแห่งดวงจิต
บรึฟ!
ดวงจิตของเจียงอี้มีการเคลื่อนไหวกะทันหันขณะที่ดาบวิญญาณทั้งเจ็ดสิบสองเล่มบินไปรอบๆมันเองและพุ่งเข้าใส่พลังงานนั้นราวกับหมาป่าที่หิวโหยที่เห็นกลุ่มลูกแกะตัวน้อย น่าเสียดายที่พลังงานนั้นน้อยเกินไปและมีดาบวิญญาณเพียงเล่มเดียวที่ดูดซับพลังงานรอบแรกได้
บรึฟ!
เมื่อดาบวิญญาณดูดซับพลังงานนั้น มันก็ค่อยๆเปล่งประกายขึ้นมาและเปลี่ยนเป็นสีทอง จริงๆแล้วมันมีอักขระเล็กๆไหลอยู่ที่พื้นผิวและมันทำให้เจียงอี้หวาดกลัวอย่างแท้จริง ดาบวิญญาณนั้นเป็นหนึ่งในการโจมตีที่ทรงพลังของเขา มันปฏิรูปได้อย่างไร?
“ท่านใต้เท้าไม่ต้องแปลกใจเจ้าค่ะ”
เอวที่เพรียวบางของหูตันนีบิดพลิ้วอย่างต่อเนื่อง ทำให้ส่วนโค้งเว้าของนางโดดเด่นยิ่งขึ้นเมื่อถอดผ้าออก การมองนางเพียงครั้งเดียวก็พอที่จะทำให้หลงมึนเมาได้ นางยิ้มอย่างน่ารักและกล่าวว่า “พลังพิเศษจากเผ่าของเราเรียกว่าผีเสื้อในฤดูใบไม้ผลิ พลังงานนี้สามารถช่วยให้ดวงจิตวิญญาณวิวัฒนาการได้ สรุปง่ายๆคือมันให้ประโยชน์เท่านั้นและจะไม่ก่ออันตรายใดๆเจ้าค่ะ”
“ผีเสื้อในฤดูใบไม้ผลิ?”
เจียงอี้เริ่มโล่งใจ เมื่อเขานึกถึงอักขระบนสมบัติที่เชื่อมดวงจิต ดูเหมือนว่าสิ่งที่มีอักขระนั้นจะเป็นสิ่งที่ดีทั้งหมด เขาจึงไม่ได้สนใจอะไรอีกและมือทั้งสองของเขาก็ตบไปที่บั้นท้ายอันยั่วเย้าของหูตันนี จากนั้นเขาก็ถามด้วยความสงสัยว่า “เผ่านารีผีเสื้อของเจ้ายังมีอะไรพิเศษอีกไหม?”
ฮิฮิ!
หูตันนี้ก้มตัวลงมาและใช้ลิ้นเลียที่ข้างหูเจียงอี้และพูดว่า “เผ่านารีผีเสื้อของเรามีทักษะพิเศษที่เรียกว่าผีเสื้อร่ายรำเจ้าค่ะ ท่านใต้เท้า หวังว่าท่านจะทนได้และไม่รั่วไหลเรื่องนี้ ในประวัติศาสตร์ มีชายกี่คนที่สามารถทนได้นานกว่าสิบห้านาทีและไม่มีผู้ใดอยู่ได้นานเกินสี่สิบห้านาที หากท่านอยู่ได้เกินหนึ่งชั่วโมง ท่านจะเป็นนักรบบนเตียงที่ไม่มีผู้ใดเทียมทานเจ้าค่ะ…”
คนของจักรพรรดิเงาแทบไม่มีอิทธิพลใดๆอยู่ในพื้นที่รอบๆตระกูลอีเลย ส่วนฉีเทียนเฉินก็เริ่มรวบรวมผู้เสียสละเงียบๆภายใต้คำสั่งของเจียงอี้และไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉีแม้ว่าพวกเขาจะถูกจับและถูกสังหารไป
เผ่าพันธุ์ปีศาจใช้เวลาหลายแสนปีในการเลี้ยงดูสายลับต่างๆบนทวีปนี้ เอ๋าหลูอาจบอกว่าเจียงอี้ใช้ทุกคนได้ แต่เขาจะใช้คนเหล่านี้อย่างเฉยเมยได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น มันก็เป็นอย่างที่เอ๋าหลูบอกไว้ เขาไม่สามารถสมรู้ร่วมคิดกับเผ่าพันธุ์อสูรและปีศาจเพื่อสู้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ ไม่เช่นนั้น เมื่อเรื่องราวถูกเปิดเผย เขาจะกลายเป็นศัตรูของเผ่าพันธุ์มนุษย์ แม้ว่าอันที่จริงแล้ว…เขาจะเป็นศัตรูในสายตาของเก้าตระกูลจักรพรรดิแล้วก็ตาม
หลังจากที่เตรียมการเสร็จ เจียงอี้ก็ไปเยี่ยมชมสวนดอกบ๊วยที่ถานไถชี่และคนอื่นๆพักอยู่และมันเป็นลานตำหนักที่กว้างใหญ่ ฉีเทียนอวี่ส่งสาวใช้มารับใช้ถานไถชี่และคนของนางและเขายังประกาศว่าเสี่ยวหยีและเสี่ยวเทียนเป็นหลานสาวและหลานชายบุญธรรมด้วย ซึ่งทำให้เจียงอี้สบายใจมาก เมื่ออยู่ในสถานะนี้ เด็กทั้งสองจะไม่มีวันถูกกลั่นแกล้งในตระกูลและพวกเขาจะเติบโตขึ้นมาได้อย่างสันติ
“ท่านอา!”
เมื่อเห็นเจียงอี้เดินเข้ามา เสี่ยวหยีก็รีบวิ่งเข้าไปกอดเจียงอี้ด้วยรอยยิ้มที่สนิทสนม เจียงอี้อุ้มนางและยิ้มขณะที่ถามว่า “เสี่ยวหยี เจ้ามีความสุขกับบ้านหลังนี้หรือไม่?” เสี่ยวหยียิ้มและกล่าวว่า “มีความสุขเจ้าค่ะ! ที่นี่ใหญ่โตมาก เสี่ยวหยีกับเสี่ยวเทียนวิ่งรอบที่นี่ได้เป็นชั่วโมงและยังคงวิ่งวนไม่ครบเลยเจ้าค่ะ และที่นี่ก็งดงามมากด้วย”
“ในอนาคตก็จงทำเหมือนที่นี่เป็นบ้านของเจ้านะ”
เจียงอี้พยักหน้าและมองไปที่ถานไถชี่ “ถานไถ…อ้อ หูตันนี เจ้าอยู่ที่นี่เป็นเช่นไร?”
“ดีหมดเลยเจ้าค่ะ”
หูตันนียืนขึ้นและพยักหน้า “ข้าเปลี่ยนชื่อของเสี่ยวหยีและเสี่ยวเทียนเป็นฉีเสี่ยวหยีและฉีเสี่ยวเทียนแล้ว ในอนาคต พวกเขาจะเป็นสมาชิกตระกูลฉีเจ้าค่ะ”
“ดีมาก”
เจียงอี้เห็นด้วยกับการตัดสินใจของหูตันนี พวกเขาจะกลมกลืนกับที่นี่หลังจากเปลี่ยนชื่อตระกูลและฐานะของพวกเขาจะสูงขึ้น ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะถูกมองเป็นคนนอกเสมอ
“ท่านใต้เท้า ท่านจะไปเมื่อใดกันเจ้าคะ?” หูตันนีเหลือบมองเจียงอี้ก่อนที่ดวงตาของนางจะเต็มไปด้วยความเศร้า
“อีกสองวัน”
เจียงอี้ถอนหายใจเล็กน้อย เขาเองก็รู้เช่นกันว่าหลังจากที่เขาไปแล้ว หูตันนีก็จะรู้สึกเหมือนไร้ที่พึ่ง และจะไม่มีผู้สนับสนุนอีกต่อไป แต่เขาก็ต้องจากไปอยู่ดีและสามารถช่วยนางได้เพียงเท่านี้
หลังจากที่พูดคุยกันสักพัก เจียงอี้ก็เดินเข้าไปในห้องเพื่อฝึกฝน เขาไม่อยากเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความขมขื่นของหูตันนี
เมื่อค่ำคืนนั้นมาถึง เจียงอี้ก็ถูกปลุกขึ้นมา ฉีเทียนเฉินนั้นเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงขนาดใหญ่และรวบรวมเบื้องบนทั้งหมดของตระกูลฉีเพื่อจัดงานเลี้ยงต้อนรับเจียงอี้, หูตันนีและลูกทั้งสองของนาง
หากเป็นงานอื่น เจียงอี้คงปฏิเสธ แต่งานนี้พิเศษหน่อย มันคือการที่ฉีเทียนเฉินให้หน้าเจียงอี้และยังให้เด็กทั้งสองมีฐานะที่ดีในอนาคต เจียงอี้จึงไม่มีทางอื่นนอกจากต้องร่วมงานนี้
ยอดฝีมือของตระกูลฉีทั้งหมดอยู่ที่นี่และประมุขตระกูลที่สำคัญของเมืองก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน หูตันนีสวมชุดสีดำและเรือนร่างของนางทำให้ชายกลุ่มหนึ่งมัวเมาไปกับเรือนร่างของนางตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มดื่ม แต่เมื่อเห็นฉีเทียนเฉินชนกับเจียงอี้และหูตันนีเอง ดวงตาที่มัวเมาของทุกคนก็หายลับไปและแปรเปลี่ยนเป็นความเคารพขณะที่พวกเขาก็ดื่มกันคนละแก้ว
เจียงอี้ปฏิเสธไม่ได้และเริ่มดื่มทีละแก้ว ด้านหูตันนีนั้นมึนเมาแล้วและมีดวงตาที่เย้ายวนมาก เจียงอี้จึงขอให้สาวใช้พานางกลับไปก่อนขณะที่เขายังอยู่ที่งานต่อไปและยังคงดื่มกับทุกคนต่อจนกว่าเขาจะเมามาก จากนั้นเขาก็รู้สึกหมดสติและถูกพากลับไปยังสวนดอกบ๊วย
แกร่ก!
ในความมึนเมานี้ เจียงอี้ได้ยินเสียงบางอย่าง แต่เขาไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ เขาจึงไม่สนใจมัน แต่หลังจากนั้น ความเย็นเยียบที่หน้าอกก็ทำให้เขารู้สึกตัวขึ้นมา
เจียงอี้ลืมตาขึ้นมาทันทีและเห็นใบหน้าอันมีเสน่ห์และร่างอันเปลือยเปล่า ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบโต้ ใบหน้าที่มีเสน่ห์นั้นก็เข้ามาและริมฝีปากอันอ่อนโยนนั้นก็สวมเข้ามาที่ปากของเขา ลิ้นเล็กๆที่มีกลิ่นหอมเย้ายวนได้เปิดปากของเขาและเข้าไปในปากเขา
ในเวลาเดียวกัน ร่างอันเร่าร้อนที่แนบแน่นอยู่กับเขานั้นได้ถอดผ้าของเจียงอี้ออกหมดแล้ว จากนั้นก็มีเสียงกระซิบเบาๆก้องอยู่ในหู “ท่านใต้เท้าเสวี่ย ตันนีไม่ได้ต้องการสิ่งใดและจะไม่รบเร้าให้ท่านอยู่ต่อไป ข้าจะไม่ขอให้ท่านรับผิดชอบ ตันนีเพียงแค่อยากตอบแทนท่าน อย่าขยับเลย ท่านใต้เท้า ให้ข้าน้อยได้ปรนนิบัติท่านด้วยเถอะเจ้าค่ะ ท่านใต้เท้ายังสามารถเพลิดเพลินกับความพิเศษของเผ่าพันธุ์นารีผีเสื้อของเราได้ด้วย ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะทำให้ท่านทุกสิ่งเองเจ้าค่ะ…”
ตูม! เดิมทีเจียงอี้กำลังเตรียมจะหมุนเวียนแก่นแท้พลังเพื่อขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างของเขา แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดสุดท้าย จิตใจของเขาก็ระเบิดไปและไม่สนใจอะไรอีกต่อไปขณะที่เขาปล่อยให้ตัวเองมึนเมาและหลับตาลงเพื่อเพลิดเพลินกับความสุขนี้
เผ่าพันธุ์นารีผีเสื้อนั้นพิเศษจริงๆ เจียงอี้รู้สึกได้ถึงผิวที่เรียบเนียนมากและรู้สึกราวกับมีลูกแมวขยับไปมาบนร่างของเขาซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่ประหลาดนัก
หูตันนีปรนนิบัติผู้ชายได้เก่งจริงๆ โดยเฉพาะลิ้นของนางเพราะมันมีความสามารถอันเยี่ยมยอดนัก
“ท่านใต้เท้า หากในอีกไม่ช้าท่านรู้สึกว่ามีสิ่งใดแปลกๆต่อดวงจิตวิญญาณของท่าน อย่าได้ตื่นตระหนกไปนะเจ้าคะ นั่นเป็นลักษณะพิเศษของเผ่าพันธุ์นารีผีเสื้อของเรา!”
เสียงกระซิบดังก้องในหูเจียงอี้ขณะที่เขาลืมตาขึ้นมาและบังเอิญเห็นว่าหูตันนีกำลังนั่งอยู่และเขยื้อนร่างของนาง ร่างที่แข็งแกร่งของเขาสั่นสะท้านขณะที่เขาได้พบกับความลึกลับอีกอย่างของเผ่านารีผีเสื้อ เห็นได้ชัดว่าเผ่านารีผีเสื้อนี้ส่งต่อสมบัติที่ทำให้เกิดความปิติยินดีซึ่งทำให้คนผู้หนึ่งลืมรสชาติของอาหารอันโอชะไป
มันเกิดปรากฏการณ์อีกอย่างขึ้นซึ่งทำให้เจียงอี้ตกตะลึงอีกครั้ง มีพลังงานพิเศษจากร่างของหูตันนีส่งต่อเข้าสู่ร่างกายของเขา แต่เขาก็นึกถึงคำพูดของหูตันนี ภายในดวงจิตวิญญาณลึกๆของเจียงอี้ไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ เขาจึงปล่อยให้มันเข้าสู่ร่างกายของเขา
มีพลังงานพิเศษจำนวนเล็กน้อยที่เข้าสู่ร่างของเจียงอี้ตลอดเวลาขณะที่ร่างของหูตันนี้กำลังเขยื้อนอยู่ จากนั้นพวกมันก็พุ่งเข้าหาดวงจิตวิญญาณของเจียงอี้ทันทีและมาหยุดลงที่ทะเลแห่งดวงจิต
บรึฟ!
ดวงจิตของเจียงอี้มีการเคลื่อนไหวกะทันหันขณะที่ดาบวิญญาณทั้งเจ็ดสิบสองเล่มบินไปรอบๆมันเองและพุ่งเข้าใส่พลังงานนั้นราวกับหมาป่าที่หิวโหยที่เห็นกลุ่มลูกแกะตัวน้อย น่าเสียดายที่พลังงานนั้นน้อยเกินไปและมีดาบวิญญาณเพียงเล่มเดียวที่ดูดซับพลังงานรอบแรกได้
บรึฟ!
เมื่อดาบวิญญาณดูดซับพลังงานนั้น มันก็ค่อยๆเปล่งประกายขึ้นมาและเปลี่ยนเป็นสีทอง จริงๆแล้วมันมีอักขระเล็กๆไหลอยู่ที่พื้นผิวและมันทำให้เจียงอี้หวาดกลัวอย่างแท้จริง ดาบวิญญาณนั้นเป็นหนึ่งในการโจมตีที่ทรงพลังของเขา มันปฏิรูปได้อย่างไร?
“ท่านใต้เท้าไม่ต้องแปลกใจเจ้าค่ะ”
เอวที่เพรียวบางของหูตันนีบิดพลิ้วอย่างต่อเนื่อง ทำให้ส่วนโค้งเว้าของนางโดดเด่นยิ่งขึ้นเมื่อถอดผ้าออก การมองนางเพียงครั้งเดียวก็พอที่จะทำให้หลงมึนเมาได้ นางยิ้มอย่างน่ารักและกล่าวว่า “พลังพิเศษจากเผ่าของเราเรียกว่าผีเสื้อในฤดูใบไม้ผลิ พลังงานนี้สามารถช่วยให้ดวงจิตวิญญาณวิวัฒนาการได้ สรุปง่ายๆคือมันให้ประโยชน์เท่านั้นและจะไม่ก่ออันตรายใดๆเจ้าค่ะ”
“ผีเสื้อในฤดูใบไม้ผลิ?”
เจียงอี้เริ่มโล่งใจ เมื่อเขานึกถึงอักขระบนสมบัติที่เชื่อมดวงจิต ดูเหมือนว่าสิ่งที่มีอักขระนั้นจะเป็นสิ่งที่ดีทั้งหมด เขาจึงไม่ได้สนใจอะไรอีกและมือทั้งสองของเขาก็ตบไปที่บั้นท้ายอันยั่วเย้าของหูตันนี จากนั้นเขาก็ถามด้วยความสงสัยว่า “เผ่านารีผีเสื้อของเจ้ายังมีอะไรพิเศษอีกไหม?”
ฮิฮิ!
หูตันนี้ก้มตัวลงมาและใช้ลิ้นเลียที่ข้างหูเจียงอี้และพูดว่า “เผ่านารีผีเสื้อของเรามีทักษะพิเศษที่เรียกว่าผีเสื้อร่ายรำเจ้าค่ะ ท่านใต้เท้า หวังว่าท่านจะทนได้และไม่รั่วไหลเรื่องนี้ ในประวัติศาสตร์ มีชายกี่คนที่สามารถทนได้นานกว่าสิบห้านาทีและไม่มีผู้ใดอยู่ได้นานเกินสี่สิบห้านาที หากท่านอยู่ได้เกินหนึ่งชั่วโมง ท่านจะเป็นนักรบบนเตียงที่ไม่มีผู้ใดเทียมทานเจ้าค่ะ…”