เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 899 ในที่สุดจีทิงยวี่ก็โผล่มา
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 899 ในที่สุดจีทิงยวี่ก็โผล่มา
เสียเฟยและเจียงอี้มีความแค้นเคืองต่อกันอย่างลึกซึ้ง และหากมีโอกาส พวกเขาจะเข่นฆ่ากันอย่างแน่นอน ย้อนไปในตอนนั้น เจียงอี้เกือบตายอยู่หลายครั้งในตอนที่เสียเฟยไล่ล่าเขาและเขาจำความแค้นนี้ได้อย่างชัดเจน หากมีโอกาส เขาจะสังหารเสียเฟยอย่างแน่นอน!
นิสัยของเจียงอี้มักเป็นเช่นนี้ เขาไม่สนใจว่าภูมิหลังของคนผู้นั้นจะแข็งแกร่งเพียงใด ตราบใดที่มีคนมายั่วยุเขา เขาจะสังหารคนๆนั้นก่อนที่จะคิดเรื่องอื่น อย่างมากเขาก็จะกลับไปยังเกาะแห่งบาปหรือไม่ก็กลับไปยังทะเลลึกไร้สิ้นสุด
แน่นอนว่า…ตอนนี้เจียงอี้มีสิ่งสำคัญที่ต้องทำและเขาคงไม่กล้าทำอะไรประมาท แม้ว่าเขาจะต้องการจะทำเรื่องบ้าบอแต่มันก็ไม่มีโอกาสจะทำเช่นนั้น
เสียเฟยนำทหารมามากกว่าพันคนและทุกคนเหล่านั้นเป็นขอบเขตเทียนจุนระดับสูงเป็นอย่างต่ำ เจียงอี้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่น่าสยดสยองอย่างยิ่งจากคนนับพันเหล่านั้นและจะต้องมียอดฝีมือระดับสี่และห้าดาวอย่างแน่นอน
เสียเฟยมาถึงขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดแล้ว แต่หากไม่ปล่อยการโจมตี เจียงอี้จะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงอิทธิพลและจะไม่รู้ว่าความแข็งแกร่งของเสียเฟยอยู่ระดับดาวอะไร
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
เมื่อเสียเฟยปรากฏตัวขึ้นในอากาศ ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในกระโจมต่างพุ่งออกมาและตะโกนออกมาพร้อมกัน
นายน้อยเฟย!
นายน้อยเฟยน่าเหลือเชื่อนัก เขามาถึงขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดแล้ว เจ้ากำลังทำให้ผู้คนอิจฉาเจ้า!
นายน้อยเสีย ข้าน้อยเมิ่งฉี…
นายน้อยเสียมาแล้ว เราเข้าไปในซากปรักหักพังสลายบาปคงไม่มีความหมายอะไรแล้ว…
…
เพียงพริบตา ผู้คนหลายหมื่นก็ทะยานขึ้นสู่ฟ้า คุณหนูและนายน้อยมากมายได้ล้อมรอบเสียเฟยขณะที่แลกเปลี่ยนคำทักทายและพยายามประจบเขา เจียงอี้ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์มองดูและไม่ได้สนใจอะไรเพราะเขาไม่รู้จักคนเหล่านั้นแม้แต่คนเดียว
ทุกคนถ่อมตนเกินไปแล้ว ข้าจะเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงใหญ่ในภายหลัง และเชิญทุกคนมาร่วมดื่มกันได้!
เสียเฟยปล่อยรอยยิ้มจางๆ จิตใจของเขามั่นคงมากขึ้นและไม่มีร่องรอยของความเย่อหยิ่งบนใบหน้าเขาเลย เจียงอี้พยักหน้าอยู่เงียบๆ เหมือนว่าเสียเฟยจะโตขึ้นมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่ได้ทำตัวเป็นเด็กและปฏิบัติต่อทุกสิ่งอย่างเย่อหยิ่งอีกต่อไป
เหอะ เหอะ! เสียเฟย หลังจากที่เจ้าหลบอยู่ในกระดองมาห้าปี ในที่สุดเจ้าก็กล้าโผล่หัวออกมาในวันนี้แล้วหรือ?
ในขณะนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้นซึ่งทำให้สีหน้าของสมาชิกตระกูลเสียมืดมนทันที นายน้อยและคุณหนูเหล่านั้นที่ล้อมเสียเฟยก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปขณะที่พวกเขามองหาต้นเสียงด้วยความโกรธ และจากนั้นเมื่อพวกเขามองเพียงแว้บเดียวก็ทำให้สีหน้าของทุกคนกลายเป็นอึดอัดใจทันที
ผู้คนไม่กี่สิบคนบินออกมาจากกระโจมทางด้านซ้ายของหุบเขา ในหมู่พวกเขานั้นมีเด็กที่ยียวนและมีฟันที่สดใส เด็กหนุ่มผู้นี้เหมือนจะอายุสิบสองสิบสามปีและเขาสวมเสื้อคลุมสีเหลือง เขาถือขลุ่ยสีขาวไว้ในมือและดูมีท่าทีเอาแต่ใจ
ฮึฮึ!
เสียเฟยไม่ได้โกรธเคืองเลยขณะที่เขามองเด็กคนนั้นและถอนหายใจ เจี้ยนอู๋อิง ผ่านมาห้าปีแล้วแต่อารมณ์ของเขายังเหมือนเดิมอยู่อีกหรือ หืม?
นายน้อยเฟย! ร่างที่แข็งแกร่งราวกับภูเขาโผล่ออกมาจากกระโจมข้างๆเจี้ยนอู๋อิง เขาพูดพร้อมป้องกำปั้นว่า ความแข็งแกร่งของนายน้อยเฟยพัฒนาขึ้นมากนักและแซงหน้าเราไปแล้ว ถูหลงละอายแก่ใจจริงๆ คืนนี้เรามาดื่มกันไหม?
เสียเฟยหัวเราะอย่างถ่อมตนและตอบว่า ถูหลง ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเข้าใจค่ายกลฝูงอสูรของตระกูลถูมาด้วยนี่? นี่มันควรค่าแก่การฉลองยิ่งนัก ความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้อยู่ที่สี่ดาวใช่ไหมนะ?
ถูหลงยิ้มและไม่ได้พูดอะไรอีกก่อนที่จะกลับไปในกระโจมของเขา เสียเฟยมองไปยังกระโจมอีกหลังหนึ่งทางด้านขวาของทางเข้าหุบเขาและเพ่งไปยังร่างทั้งสองร่างและเริ่มป้องกำปั้นของเขา ชีเจี้ยน เจ้ามาที่นี่ค่อนข้างเร็วนัก น้องชือหย่าก็งดงามขึ้นกว่าเดิมนัก
หลิงชีเจี้ยนมีดาบยักษ์ไขว้อยู่ที่หลังและไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่ยิ้มและป้องกำปั้น ส่วนหลิงชือหย่าถามเสียเฟยอย่างสงสัยว่า เสียเฟย เจ้าเห็นพี่ใหญ่ปิงและพี่ใหญ่ฉานบ้างหรือไม่?
เสียเฟยป้องมือไปยังนายน้อยและคุณหนูที่อยู่ข้างๆก่อนที่เขาจะลงไปพร้อมกับคนของเขา เขาหัวเราะและพูดในเวลาเดียวกันว่า หยิ่นรั่วปิงและอีฉานน่าจะยังอยู่ในเมืองจักรพรรดิอรหังอยู่ หวู่นี่เองก็อยู่ในเมืองจักรพรรดิอรหังด้วยและข้าคิดว่าพวกเขาน่าจะมาถึงที่นี่ในอีกไม่กี่วัน อืมม…เยี่ยอิงก็มากับพวกเขาด้วย
โอ้
หลิงชือหย่าตอบด้วยความผิดหวังและไม่ได้สนใจเสียเฟยขณะที่กลับเข้าไปในกระโจมของนาง เสียเฟยกวักมือให้คนของเขาเริ่มกางกระโจม นี่เป็นที่ราบที่อยู่ใกล้ๆกับทางเข้าหุบเขามากที่สุดซึ่งไม่มีผู้ใดกล้าไปอยู่ตรงนั้น เสียเฟยตั้งกระโจมสามหลังและขอให้ทหารตั้งกระโจมไว้ในที่ไกลๆ จากนั้นเขาก็นำยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดเข้าไปในกระโจมทั้งสามนั้น ยอดฝีมือมากมายนัก!
เจียงอี้ไม่กล้าสำรวจอีกต่อไป ก่อนหน้านี้มีดวงตามากมายและสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ปะปนอยู่ด้วยอีกมาก ดังนั้นมันจึงไม่มีปัญหาที่เขาจะสำรวจรอบๆ แต่ถ้าหากตอนนี้เขากล้าสอดส่องอย่างประมาท มันคงดึงดูดความสนใจอย่างแน่นอน
เจียงอี้มีสีหน้าที่มืดมนและไม่ใช่เพราะเขากังวลเกี่ยวกับเสียเฟยและคนอื่นๆ หากเขามีความขัดแย้งกับนายน้อยและสตรีเหล่านี้ในซากปรักหักพัง เขาก็จะหลบหนีได้หากเขาไม่ใช่คู่มือของคนเหล่านั้น แต่ปัญหาคือ เมื่อออกมาจากซากปรักหักพังสลายบาปแล้ว หากเสียเฟยนำกลุ่มยอดฝีมือมาปิดทางเข้าหุบเขาไว้และเปิดการโจมตีทันทีที่เขาโผล่ออกมา เจียงอี้คงไม่มีโอกาสแม้แต่จะหลบหนีด้วยวิชาหลีกสวรรค์ของเขา
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง…
เจียงอี้ตบต้นขาของเขาอย่างกะทันหันขณะที่ดวงตาของเขาเปล่งประกาย ไม่ใช่ว่าความทรงจำจะหายไปหลังจากออกมาจากซากปรักหักพังสลายบาปหรอกหรือ?
เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้ว่าเสียเฟยและคนอื่นๆจะออกมาจากซากปรักหักพัง พวกเขาจะลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในนั้น และพวกเขาก็จะลืมว่าเจียงอี้อยู่ในนั้นด้วย ตราบใดที่เขาไม่เปิดเผยตัวตนข้างนอก เขาก็จะปั่นป่วนอยู่ในซากปรักหักพังได้ตามต้องการและมันจะไม่มีปัญหาแม้ว่าเขาจะต้องเปิดเผยตัวตน!
เอาล่ะ!
เมื่อเจียงอี้คิดจุดนี้ เขาก็รู้สึกดีเป็นอย่างยิ่งและร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านไปด้วยความตื่นเต้น หากเขาโจมตีในซากปรักหักพังโดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ เขาก็จะไม่กลัวยอดฝีมือใดๆเลย ซากปรักหักพังนั้นให้ยอดฝีมือที่อายุต่ำกว่าสามสิบปีเข้าไปได้เท่านั้น ซึ่งมันหมายความว่ายอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในนั้นจะอยู่ที่ระดับเสียเฟยเท่านั้น!
เสียเฟยอายุสามสิบปีพอดีและเขาเป็นนายน้อยของเก้าตระกูลจักรพรรดิ ใครบ้างจะมีความเร็วในการฝึกฝนที่เหนือกว่าอัจฉริยะจากเก้าตระกูลจักรพรรดิ? ในประวัติศาสตร์หลายร้อยหลายพันปี จักรพรรดิลี้ลับเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้น และถึงจะมีเช่นนี้อีกคน เจียงอี้ก็หาได้เกรงกลัวไม่ ด้วยวิชาทักษะเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์และอัสนีพิโรธของเขา แม้ว่าเขาจะไม่สามารถสังหารเสียเฟยและคนอื่นๆได้ แต่เขาก็ยังหนีไปได้ง่ายๆ
หวู่นี่ เสียเฟย เจี้ยนอู๋อิง ถูหลง จีทิงยวี่! ฆ่า ฆ่า ฆ่า….
ดวงตาของเจียงอี้เป็นประกายด้วยสีแดง ในเมื่อไม่มีผู้ใดรู้ว่าในซากปรักหักพังสลายบาปนั้นเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่ผู้ที่รอดออกมาได้จะสูญเสียความทรงจำ แล้วเจียงอี้จะต้องกลัวอะไร? ตราบใดที่เสียเฟยและคนอื่นๆกล้าเข้าไปในนั้น เขาก็จะสังหารคนทั้งห้านี้ให้ได้หากมีโอกาส
เย็นไว้!
เจียงอี้คิดอยู่ครู่หนึ่งและพยายามทำให้ตัวเองสงบลง ความแข็งแกร่งของเสียเฟยมาถึงขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดแล้วและในตอนนี้เขาก็มีสถานะในตระกูลสูงมาก เขาต้องมีสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงมากมายและอาจมีสมบัติที่เชื่อมดวงจิตแล้ว ดูเหมือนว่าถูหลงจะเข้าใจค่ายกลฝูงอสูรด้วยนี่? มันเป็นวิชาศักดิ์สิทธิ์ที่ส่งต่อมาจากบรรพบุรุษตระกูลถูหรือเปล่านะ?
ข้าจะต้องไม่ประมาท หากข้าประเมินศัตรูต่ำเกินไปคงมีเพียงความตายเท่านั้นที่รอข้าอยู่
เจียงอี้เตือนตัวเองเงียบๆและเขาไม่ได้ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกไปรอบๆอีกต่อไป เขานั่งขัดสมาธิและฝึกฝนขณะที่รอให้ซากปรักหักพังสลายบาปเปิดและรออีฉาน หวู่นี่และคนอื่นๆมาถึงด้วย
ในอีกไม่กี่วัน เรือลิขิตสวรรค์ก็มาถึงที่นี่เรื่อยๆและคนอย่างน้อยนับแสนก็บินไป มีทั้งตระกูลใหญ่ที่ปกปิดตัวตนและนายน้อยรุ่นเยาว์ของตระกูลโบราณด้วยซึ่งได้ทำให้เสียเฟยและคนอื่นๆรับรู้ถึงการมาของพวกเขา น่าเสียดายที่เจียงอี้ไม่รู้จักพวกเขาและไม่เคยได้ยินเรื่องพวกเขามาก่อน
สี่วันต่อมา มีเสียงที่เสียดฟ้าดังมาจากทิศตะวันออก สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้แผ่ไปทางนั้นและจากนั้นดวงตาของเขาก็เบิกโพลงขึ้นทันที เรือลิขิตสวรรค์ทั้งหมดนั้นเป็นระดับสูงและในหมู่เรือเหล่านั้นมีคำว่าอี, คำว่าหยิ่น, คำว่าเยี่ยและคำว่าหวู่
ผู้คนนับไม่ถ้วนรอคอยต้อนรับพวกเขาและเรือลิขิตสวรรค์ทั้งหมดก็หายลับไปในอากาศ เจียงอี้แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกไปและเขาก็ได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยนับไม่ถ้วนทันที เมื่อเจียงอี้เห็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์ที่สวมชุดสีเหลืองอยู่ข้างหวู่นี่ ใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวไปอย่างสิ้นเชิง ดวงตาของเขานั้นมีความเกลียดชังที่สลักลึกอยู่ในหัวใจของเขาทันที
ในที่สุด จีทิงยวี่ก็โผล่มาเสียที!
…
��