เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 904 เผชิญหน้ากับหยิ่นรั่วปิงอีกครั้ง
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 904 เผชิญหน้ากับหยิ่นรั่วปิงอีกครั้ง
เจียงอี้ใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงในการเดินทางข้ามมา ความต่างระหว่างโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์กับเปลวเพลิงอัสนีนั้นต่างกันเกินไป จึงทำให้เจียงอี้ต้องหยุดชั่วขณะหลังจากเดินทางไปได้ระยะหนึ่งและเขายังต้องรักษาสมาธิให้มั่น โชคยังดีที่ยังมีโล่ศักดิ์สิทธิ์และเกราะเหล็กทมิฬอยู่ภายในโล่เปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ ไม่เช่นนั้นเขาคงจะตายไปหลายครั้งแล้ว
หลังจากมาถึงซากเมืองอีกเมืองหนึ่ง เจียงอี้ก็สำรวจรอบๆด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาและใช้ญาณศักดิ์สิทธิ์สำรวจพื้นที่รอบๆ หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่ เขาจึงรีบค้นหาซากเมืองนี้ทันที
หลังจากที่ค้นหาไปได้ประมาณสิบนาที เจียงอี้ก็พบกับความผิดหวัง ไม่รู้ว่าซากเมืองนี้เคยถูกค้นหามาก่อนหรือเปล่า เพราะว่าเขาไม่เจออะไรเลย เขาไม่เจอแม้กระทั่งสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงที่เสียหายด้วย
แต่เขาก็ยังค้นหาอย่างละเอียดเผื่อเขามองข้ามบางสิ่งไป และเนื่องจากเมืองนี้มีรัศมีเพียงสามสิบกิโลเมตร เขาจึงค้นหาอย่างละเอียดได้ในเวลาสั้นๆ
เผ่าพันธุ์โบราณนี้เป็นเผ่าพันธุ์ใดกันนะ? กระดูกของพวกเขาแข็งแกร่งนักและด้วยร่างกายขนาดนี้อาจจะอยู่ขอบเขตเทียนจุนด้วยใช่ไหม? เมื่อเผ่าพันธุ์นี้แข็งแกร่งมากแล้วเหตุใดถึงได้สูญพันธุ์ไปในทันทีล่ะ? เหตุใดเมืองจึงกลายเป็นซากปรักหักพังไปได้?
เจียงอี้เห็นกระดูกมากมายนับไม่ถ้วนเต็มไปทั่วพื้นดินและมันก็เป็นภาพที่น่าสยดสยองขณะที่เขาเห็นกระดูกเด็กมากมาย ใจของเขาดิ่งลงเมื่อจินตนาการถึงตอนที่เผ่าพันธุ์นี้ถูกกำจัดไปอย่างกะทันหัน
เอ๊ะ? มีกุญแจด้วย?
ในโคลนและหินใต้ปราสาท สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้ค้นพบกุญแจขนาดยักษ์ที่เขรอะไปด้วยสนิม มันไม่ได้มีความสง่างามใดๆและเนื่องจากมันขึ้นสนิม มันจึงไม่ใช่สมบัติอย่างแน่นอน
เจียงอี้ไม่ได้สนใจสถานที่แห่งนี้เนื่องจากคนอื่นค้นหาสถานที่แห่งนี้ไปแล้วและพวกเขาคงต้องเจอกุญแจนี้ด้วย เขาคิดว่ากุญแจนี้เอาไว้ใช้เปิดประตูปราสาทใหญ่ หากไม่เช่นนั้นแล้ว มันคงไม่ถูกทิ้งไว้ที่นี่
ไม่สิ!
เมื่อเจียงอี้กำลังจะจากไป ความคิดก็ผุดขึ้นมาในใจ มือข้างหนึ่งของเขาขุดผ่านโคลนและหินเพื่อเอากุญแจสนิมนั้นขึ้นมา
หลังจากที่มองใกล้ๆ แหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้ก็สว่างขึ้นและกุญแจขนาดยักษ์ก็ปรากฏขึ้นในมืออีกข้างหนึ่งของเขา มันดูเหมือนกับกุญแจที่เขาหยิบออกมาทุกประการ แต่เฟืองของกุญแจนั้นต่างกัน
มันไม่ต่างกันมากเลยจริงๆ!
เจียงอี้ขมวดคิ้วและมองไปยังกุญแจทั้งสอง หนึ่งในกุญแจดอกนั้นคือตอนที่เขาซื้อมันในหมู่เกาะมังกรขาวด้วยศิลาสวรรค์ล้านก้อน คนขายนั้นบอกว่าเขาได้กุญแจนี้มาจากซากปรักหักพังที่ตั้งอยู่ในทวีปจักรพรรดิบูรพา เจียงอี้ไม่ได้สนใจเรื่องนี้หลังจากที่ซื้อมันมาและเขาก็ไม่ได้คาดหัวงว่าจะได้กุญแจอีกดอกที่นี่ซึ่งมันดูเกือบจะเหมือนกันและทำจากวัสดุเดียวกันด้วย
กุญแจเหล่านี้เอาไว้ทำอะไรกันแน่นะ? มันเอาไว้เปิดสมบัติประเภทไหนกัน?
เจียงอี้เหลือบมองเล็กน้อยและไม่พบสิ่งแปลกปลอมใดๆ เขาจึงเก็บกุญแจเข้าไปในแหวนอย่างช่วยไม่ได้และค้นหาต่อไป แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีประโยชน์ใดๆเลยหลังจากที่ค้นหาทั้งเมือง
ญาณศักดิ์สิทธิ์!
เจียงอี้นั่งขัดสมาธิอยู่ที่มุมซากปรักหักพังและปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมา ในไม่ช้า เขาก็ค้นพบซากปรักหักพังอีกแห่งซึ่งอยู่ห่างไปทางเหนือกว่าสามร้อยกิโลเมตร เขายังสังเกตเห็นอีกด้วยว่ามีกลุ่มใหญ่กำลังเข้ามาใกล้เขาจากทางตะวันออก แต่ด้วยความเร็วที่ต่ำ เจียงอี้สำรวจคนเหล่านั้นและจำพวกเขาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจอีกต่อไป
ไปต่อเถอะ!
เจียงอี้ไม่รู้เลยว่าจะหากล้วยไม้เขี้ยวเพลิงจากไหนได้ เขารู้เพียงว่าการค้นหาซากปรักหักพังของเมืองต่างๆจะทำให้เขาเจอสิ่งต่างๆได้ และที่อื่นก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากถิ่นกันดาร เขาจึงไม่มีทางอื่นนอกจากต้องรีบไปยังเมืองที่อยู่ทางเหนือ
ครั้งนี้ เจียงอี้ใช้โล่เปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์เช่นเคยและจะหยุดทุกๆร้อยกิโลเมตร เขาจะขุดหลุมและใช้ญาณศักดิ์สิทธิ์สอดแนมเรื่อยๆ ซึ่งมันทำให้ปลอดภัยกว่ามาก
การเดินทางสามร้อยกิโลเมตรที่ปกติเขาจะใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีเป็นอย่างมาก มันกลับใช้เวลาเป็นวัน แน่นอนว่าเขาใช้เวลาขุดหลุมและพักก่อนเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงด้วย ด้านนอกนั้นมีลมดารามากเกินไปและเขาต้องเพ่งสมาธิอย่างต่อเนื่องมันจึงทำให้เขาเหนื่อยมาก
หลังจากที่เข้าไปในซากเมืองนี้ เขาสังเกตเห็นว่าที่นี่ใหญ่กว่าซากก่อนถึงสองเท่า นอกจากนี้ ซากปรักหักพังแห่งนี้น่าจะยังไม่ถูกค้นหา เขาเจอสมบัติประหลาดบนโครงกระดูกบางชิ้นอย่างง่ายดายเช่นเกราะหนัง ดาบไม้ที่มีลวดลายอักขระและบางสิ่งที่เขาไม่รู้ว่ามันใช้ทำอะไร แต่เขาก็เก็บมันไว้ก่อนที่จะคิดเรื่องนี้
สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง!
ใต้ซากปรักหักพังนี้ เขาพบขวานที่โครงกระดูกหนึ่งถือเอาไว้ กลิ่นอายของมันเป็นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง
ถือเป็นกำไรเล็กๆแล้วกัน!
เจียงอี้แกะโคลนและหินออกเพื่อดึงขวานนี้ออกมาและพอใจมากหลังจากที่เขาเหวี่ยงมันไม่กี่ครั้ง เขาไม่ได้ขาดสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง แต่หากว่าเขาได้สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงมามากขึ้นมันก็มีโอกาสที่จะได้สมบัติที่เชื่อมดวงจิตได้มากขึ้น สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงชิ้นก่อนๆอาจไม่สามารถเชื่อมดวงจิตได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าชิ้นต่อๆไปจะไม่ได้ด้วยใช่ไหมล่ะ?
ค้นหาต่อ!
มันเป็นความรู้สึกที่เยี่ยมยอดมากที่ได้พบสมบัติในซากปรักหักพังเช่นนี้และเจียงอี้ก็ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์สำรวจไปรอบๆ แต่มันสำรวจได้ไม่ไกลจึงทำให้การค้นหาค่อนข้างลำบาก หากเขาอยู่ข้างนอก การใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ค้นหาสมบัตินั้นจะทำให้เขาเจอตำแหน่งของสมบัติทั้งหมดได้อย่างชัดเจน
หลังจากหามาได้ราวสามสิบนาที เจียงอี้ก็หาไปทั่วครึ่งเมืองและเขาก็ได้สมบัติที่แปลกประหลาดมากขึ้น เช่นดาบไม้และเกราะหนังที่มีอักขระเปล่งประกาย
แต่เขามั่นใจว่าสมบัติเหล่านี้ไม่มีค่าเนื่องจากความแข็งแกร่งของมันไม่ได้ทรงพลัง เจียงอี้ใช้ดาบเหล็กทมิฬตีไปที่ชุดเกราะหนังตัวหนึ่ง เกราะหนังอาจไม่เสียหายแต่มันก็ถูกทิ้งรอยไว้ซึ่งหมายความว่าความสามารถในการป้องกันไม่แข็งแกร่งนัก
ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย และเจียงอี้ควรจะเก็บมันไว้ไม่ว่าจะเป็นสมบัติแบบไหน ในอนาคตพวกมันอาจใช้งานได้ เขาได้สมุนไพรมาไม่กี่ต้น แต่เขาไม่รู้ว่ามันเป็นสมุนไพรวิญญาณอะไร เขาจึงต้องประเมินมันหลังจากออกไปจากซากปรักหักพังแล้ว
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
เมื่อเจียงอี้สำรวจซากปรักหักพังทั้งหมดอย่างละเอียด ก็มีเสียงทะลุฟ้ามาจากทิศตะวันตก จากนั้น สตรีสิบเอ็ดคนก็บินมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเจียงอี้ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์สำรวจดู เขาก็รู้สึกประหลาดใจและจะเตรียมหนีในทันที
ผู้ที่มาที่นี่คือคนที่เขาคุ้นเคย นั่นคือหยิ่นรั่วปิง!
นางนำหญิงงามที่น่าจะอายุราวๆยี่สิบเจ็ดถึงยี่สิบแปดปีมาด้วยและพวกนางน่ากลัวมาก มีสามคนอยู่ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด ซึ่งเจียงอี้ไม่กล้าจะเผชิญหน้าเนื่องจากเขากลัวว่าจะเกิดความขัดแย้งกันขึ้นมาได้
อย่าขยับ ไม่เช่นนั้น เจ้าจะถูกสังหารอย่างไร้ปรานี!
เจียงอี้ไม่ได้ต้องการสร้างปัญหา แต่คนของตระกูลหยิ่นไม่ได้มีเจตนาจะปล่อยเขาไป เสียงของหญิงสาวที่เย็นยะเยือกดังก้องไปทั่วและกลิ่นอายสังหารหลายสายถูกเพ่งไว้ที่เขา มีคนสามคนไล่ล่าเขามาอย่างรวดเร็วและมันเร็วกว่าเขาหลายเท่า
เจียงอี้สบถในใจ จากนั้นดาบอ่อนก็ปรากฏขึ้นในมือเขาขณะที่ไข่มุกวิญญาณเพลิงปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเขาเงียบๆ เขากำลังเตรียมจะปล่อยทักษะเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์และโล่เปลวเพลิงอัสนีของเขา
พี่ชิ่ง อย่าหยาบคายไป!
หยิ่นรั่วปิงค่อยๆเหยียบพื้นด้วยเท้าเปล่าของนางพร้อมกับคนอื่นๆอีกเจ็ดคน นางยิ้มจางๆขณะที่มองไปยังเจียงอี้ จากนั้นเสียงที่ไพเราะของนางก็สะท้อนออกมาอีกครั้ง นายน้อยผู้นี้อย่าเป็นกังวลไป เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อปล้นสมบัติเจ้า เราเพียงแค่ต้องการจะถามบางอย่าง
เจียงอี้รู้สึกโล่งอกเล็กน้อยและป้องมือของเขาก่อนจะพูดว่า แม่นางหยิ่น เชิญถามมาได้
หยิ่นรั่วปิงยิ้มแล้วถามว่า นายน้อยเห็นทะเลสาบที่เต็มไปด้วยเพลิงลาวาหรือไม่? หรือพบกับสถานที่ที่ร้อนเป็นพิเศษหรือไม่?
ทะเลสาบที่เต็มไปด้วยเพลิงลาวา? ร้อนเป็นพิเศษ?
จิตใจของเจียงอี้สั่นเทาเล็กน้อย มีสถานที่เช่นนั้นอยู่ในซากปรักหักพังสลายบาปจริงๆหรือ? กล้วยไม้เขี้ยวเพลิงมีคำว่าเพลิงในชื่อของมัน หรือมันจะอยู่ที่ทะเลสาบเพลิงลาวา? เขาพึมพำอยู่ครู่หนึ่งและไม่ได้ตอบคำถามของหยิ่นรั่วปิง จากนั้นเขาก็ถามกลับว่า แม่นางหยิ่น มีสมุนไพรวิญญาณอยู่ในทะเลสาบนั้นหรือไม่?
อวดดีนัก! หญิงสาวผู้หนึ่งตะโกนขึ้นมาขณะที่โกรธจัด อย่าถามอะไรที่ไม่จำเป็น แค่ตอบคำถามมาก็พอ
เจียงอี้มองอย่างเย็นชาและเย้ยหยันขณะที่มองหยิ่นรั่วปิง แม่นางหยิ่น ตระกูลของเจ้าเอาแต่ใจกันทั้งนั้นเลยหรือ?
ขออภัยนายน้อยด้วย! ดวงตาของหยิ่นรั่วปิงเย็นชาลงขณะที่นางจ้องมองหญิงสาวที่งดงามและพูดว่า พี่ชิ่ง หากยังทำตัวเช่นนี้ก็หยุดตามข้าซะ
ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดที่ถูกเรียกว่าพี่ชิ่งมีท่าทีตื่นตระหนกขณะที่นางคำนับอย่างรวดเร็วและพูดว่า คุณหนูอย่าโกรธไปเลยเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ
หยิ่นรั่วปิงพยักหน้าก่อนที่นางจะมองเจียงอี้และพูดว่า ข้าจะไม่ปิดบังนายน้อย มีสมุนไพรวิญญาณมากมายอยู่ในทะเลสาบและหลายสิ่งนั้นไม่สามารถหาได้จากภายนอกและมีค่ามาก อย่างดอกบัวดาวดิน ถั่งเช่าอรุณ กล้วยไม้เขี้ยวเพลิง…หากนายน้อยบอกตำแหน่งของทะเลสาบให้เราทราบ ข้ายินดีจะให้รางวัลที่น่าพอใจแก่เจ้า
กล้วยไม้เขี้ยวเพลิงอยู่ที่นั่นจริงๆด้วย!
ดวงตาของเจียงอี้เป็นประกายและเขาก้มศีรษะลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบในที่สุด แม่นางหยิ่น ข้าไม่รู้ว่าทะเลสาบนั้นอยู่หนใด แต่เราสามารถร่วมมือกันได้และข้าจะนำเจ้าไปหาทะเลสาบนั่น!
…
��