เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 905 เผ่านารีหอมหวน
ความประทับใจของเจียงอี้ที่มีต่อหยิ่นรั่วปิงนั้นค่อนข้างดีมาเสมอ ย้อนไปตอนที่อยู่เมืองผืนทรายของทวีปเฟยหม่า เขาพักอยู่ใกล้เรือนของหยิ่นรั่วปิงและใช้สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์เพื่อแอบมองนาง และแม้ว่าหยิ่นรั่วปิงจะรู้เรื่องนี้แต่นางก็ไม่ได้ส่งคนมาสังหารเจียงอี้ มันเพียงพอที่จะพิสูจน์ความใจดีของนางแล้ว หากเป็นสตรีจากตระกูลใหญ่อื่นๆ พวกนั้นคงพยายามสังหารเขาแล้ว
ย้อนไปในตอนนั้น แม่นางรั่วปิงกำลังระบำอยู่ที่ลานตำหนักด้วยเท้าเปล่า และด้วยเหตุนี้ สนามหญ้าจึงบานสะพรั่งไปด้วยดอกไม้มากมายนับไม่ถ้วน ฉากนั้นยังคงฝังลึกอยู่ในใจเจียงอี้ ในควาคิดเขา หญิงที่สามารถทำให้ดอกไม้ผลิบานได้นั้นจะต้องมีจิตใจที่ดีอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ ตอนที่เจียงอี้ถามอย่างหยาบคาย หยิ่นรั่วปิงก็ไม่ได้โกรธและตอบคำถามของเขาโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ และยังตำหนิคนของนางด้วยซึ่งมันเพิ่มความประทับใจให้เขาอย่างมาก นั่นจึงทำให้เขาคิดที่จะร่วมมือกับนาง
วัตถุประสงค์นั้นคือเพื่อให้ได้กล้วยไม้เขี้ยวเพลิงมา เขามีญาณศักดิ์สิทธิ์และสำรวจสถานที่ได้ไกลกว่าจึงจะทำให้เขาสามารถหาที่นั่นได้เจออย่างง่ายดาย ส่วนหยิ่นรั่วปิงก็นำคนมาด้วยสิบคนและมันจะปลอดภัยมากหากเดินทางไปกับพวกนาง ในเมื่อทุกคนกำลังมองหาทะเลสาบ ทำไมจึงไม่ร่วมมือกันล่ะ?
หยิ่นรั่วปิงยังจำเขาไม่ได้จนถึงตอนนี้ ทำให้เจียงอี้มั่นใจมากยิ่งขึ้น เขาได้พบกับหยิ่นรั่วปิงไม่กี่หนและหากนางไม่มีข้อสงสัยใดๆในตอนนี้ นางก็จะไม่มีความสงสัยอื่นอีกในภายหน้า
ชิ…
เมื่อได้ยินว่าเจียงอี้ต้องการร่วมมือ พี่ชิ่งก็เย้ยหยัน แต่นางก็เงียบปากไปทันทีเมื่อหยิ่นรั่วปิงมองมายังนาง หยิ่นรั่วปิงมองเจียงอี้และพูดว่า นายน้อยผู้นี้ เจ้าต้องการร่วมมืออย่างไร? เจ้าจะรับประกันได้อย่างไรว่าจะพบทะเลสาบนั้น?
ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้และเขาก็ไม่กังวลขณะที่พูดว่า ง่ายมาก สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ข้ามีพลังมากและสามารถสำรวจในรัศมีเกือบพันกิโลเมตรได้ วิธีนี้จะเพิ่มโอกาสในการเจอทะเลสาบนั้นได้มากไม่ใช่หรือ?
เกือบพันกิโลเมตร? เจ้าแน่ใจหรือ?
หยิ่นรั่วปิงตกใจขณะที่พี่ชิ่งและคนอื่นๆเผยท่าทีสงสัย พี่ชิ่งมีขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด และแม้ว่านางจะไปถึงระดับนี้ได้โดยเข้าถึงรูปแบบเต๋าระดับกลาง แต่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของนางก็ไม่ได้ไร้สามารถ ไม่จำเป็นต้องพูดเลยว่าดวงจิตของนางทรงพลังเพียงใดเมื่อนางเกิดในเก้าตระกูลจักรพรรดิ แต่ขนาดนางเองก็ยังสำรวจได้ในระยะสิบกิโลเมตรเท่านั้น
เจียงอี้ยักไหล่และพูดราวกับว่าเขาไม่ได้คิดอะไร มันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่าจะเชื่อหรือไม่!
หยิ่นรั่วปิงนิ่งไปชั่วขณะและก้มหน้าเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ แต่พี่ชิ่งที่อยู่ข้างๆนั้นเป็นคนใจร้อนและพูดอย่างหงุดหงิดว่า เจ้าต้องพิสูจน์มา ไม่เช่นนั้น เราจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร? เจ้าสอดแนมคนที่อยู่หลังเราได้ไหมล่ะ?
หยิ่นรั่วปิงไม่ได้พูดอะไรและเห็นได้ชัดว่านางยอมรับกับคำถามของพี่ชิ่งเงียบๆ เจียงอี้หันไปมองหยิ่นรั่วปิงและพูดว่า เช่นนั้นเจ้ารับประกันความปลอดภัยให้ข้าได้หรือไม่?
ข้ารับประกัน!
หยิ่นรั่วปิงพยักหน้าและกล่าวว่า ข้าขอสาบานด้วยฐานะของลูกหลานตระกูลหยิ่น ข้าจะรับประกันความปลอดภัยของนายน้อย
ข้าเชื่อเจ้า!
เมื่อมองไปยังดวงตาที่งดงามของหยิ่นรั่วปิง เจียงอี้ก็นั่งขัดสมาธิและปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขา ครู่ต่อมา เขาก็ลืมตาและพูดขึ้นว่า ข้างหลังพวกเจ้าออกไปหลายสิบกิโลเมตรคือกลุ่มจอมยุทธ อืมม…พวกเขาดูเหมือนคนจากตระกูลสือ?
เอ่อ?
หยิ่นรั่วปิงและคนอื่นๆมีท่าทีประหลาดใจขณะที่ดวงตาของพวกเขาสว่างขึ้นทันที จากนั้นหยิ่นรั่วปิงก็พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า นายน้อยมีทักษะที่ยอดเยี่ยมนัก แค่บอกข้ามาว่าเจ้าต้องการสิ่งใด!
เจียงอี้เตรียมคำตอบเอาไว้แล้วขณะที่เขาตอบว่า ข้าต้องการบัวดาวดินและกล้วยไม้เขี้ยวเพลิง ข้าต้องการให้เจ้ารับประกันความปลอดภัยของข้า หลังจากพบทะเลสาบและสมุนไพรวิญญาณแล้ว หากข้าต้องการจะจากไป เจ้าห้ามขัดขวางหรือไล่ล่าข้า! ระหว่างทางเมื่อเราค้นหาสมบัติ เจ้าห้ามปล้นสิ่งที่ข้าหาเจอ
หยิ่นรั่วปิงยิ้มจางๆและพูดว่า ตกลง! ตระกูลหยิ่นจะไม่คืนคำพูดของตัวเอง นายน้อยไม่ต้องกังวล ชื่อเสียงของรั่วปิงนั้นค่อนข้างดีนักในทวีป
แน่อยู่แล้ว!
เจียงอี้พยักหน้าและจ้องไปที่พี่ชิ่งและคนอื่นๆก่อนจะพูดอย่างเฉยเมยว่า อีกอย่าง คนของเจ้า…อย่ามายุ่งกับข้าเพราะข้าไม่ได้ชื่นชอบผู้หญิง
ช๊ะ!
พี่ชิ่งและคนอื่นๆต่างขนลุกไปทั่วร่าง ใบหน้าอันมีเสน่ห์ของหยิ่นรั่วปิงก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำและเมื่อนางเบือนหน้าหนี หูของนางเองก็ยังแดงด้วยเช่นกัน
ฮ่าฮ่า
ขณะที่เจียงอี้ค้นหาซากปรักหักพังของเมืองนี้เสร็จ เจียงอี้ก็ยิ้มและนั่งขัดสมาธิเพื่อปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง เขาโบกมือและพูดว่า ไปกันเถอะ ไม่กี่ร้อยกิโลเมตรมีเมืองใหญ่มากในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ หวังว่าจะยังไม่มีผู้ใดไปค้นที่นั่นนะ
ก็ได้ ใบหน้าของหยิ่นรั่วปิงเริ่มสงบลงขณะที่นางตะโกนออกมาอย่างอ่อนโยน ไปกันเถอะ พี่ชิ่งจะเปิดทางให้!
ร่างของพี่ชิ่งพุ่งออกไปทางเหนือ จากนั้นคนอื่นๆก็ล้อมรอบเจียงอี้และหยิ่นรั่วปิงไว้ตรงกลาง นางไม่กลัวเลยจริงๆว่าเจียงอี้อาจจะลอบสังหารนางและนางเพียงแค่ยืนข้างๆเขาและพูดว่า นายน้อย โปรดเดินไปพร้อมรั่วปิงด้วย
บรึฟ!
พี่ชิงที่อยู่ด้านหน้าเปล่งประกายแสงไปด้วยแสงสีเหลืองและโล่ศักดิ์สิทธิ์ของนางก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหม่น มันขยายตัวขึ้นเรื่อยๆราวกับรังไหมที่กำลังห่อหุ้มนางไว้หลายชั้น ร่างของนางกลายเป็นแสงสีรุ้งและรีบพุ่งออกไปจากซากเมืองขณะที่พุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
บรึฟ! บรึฟ! บรึฟ!
โล่ศักดิ์สิทธิ์สีเหลืองหม่นของนางสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากลมดาราที่อยู่ด้านหน้า แต่เจียงอี้ก็ตกตะลึงเพราะโล่ศักดิ์สิทธิ์ของนางหรี่ลงเล็กน้อยเท่านั้นและไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นอีก นางกำลังพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งและลมดาราทั้งหมดก็ถูกผลักออกไป มันจึงเป็นการเปิดทางให้ทุกคนเดินหน้าไปได้
สตรีทั้งเก้าคนเปิดโล่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกนางและคุ้มกันหยิ่นรั่วปิงกับเจียงอี้ แม้ว่าจะมีลมดาราที่ยังไม่ถูกปัดออกไป แต่มันก็ถูกกั้นโดยสตรีทั้งเก้าคนนี้และจะไม่มีโอกาสโจมตีถูกหยิ่นรั่วปิงและเจียงอี้เลย
นี่คือรูปแบบเต๋าธรณีหรือ? มันคือระดับอะไรกัน? เจียงอี้มองไปยังพี่ชิ่งที่ด้านหน้าและถามด้วยความสงสัย โล่ศักดิ์สิทธิ์นี้มีพลังป้องกันที่ทรงพลังเกินไปและแม้แต่อัสนีพิโรธของเขาก็ไม่อาจทำลายมันได้ใช่ไหม?
ฮิฮิ นี่ไม่ใช่รูปแบบเต๋าแต่มันเป็นสมบัติ
หยิ่นรั่วปิงอธิบาย พี่ชิ่งไม่ได้เข้าใจรูปแบบเต๋าที่ทรงพลังนัก นั่นเป็นสมบัติเชื่อมดวงจิตและสามารถใช้พร้อมกับโล่ศักดิ์สิทธิ์ได้ ทำให้การป้องกันค่อนข้างเหนียวแน่น ข้าเข้าใจแล้ว!
เจียงอี้พยักหน้าเงียบๆ พี่ชิ่งผู้นี้อายุยังไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ หากนางเข้าถึงรูปแบบเต๋าที่ทรงพลังเช่นนั้นได้ ชื่อของนางคงเลื่องลือไปทั่วแล้วในตอนนี้และคงไม่เป็นเพียงผู้พิทักษ์ของหยิ่นรั่วปิง
เจียงอี้ถามอย่างสงสัยอีกครั้ง แม่นางหยิ่น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะถูกลบความทรงจำหลังจากออกไปจากที่นี่หรือ? เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามีทะเลสาบอยู่ในนี้และมีสมุนไพรวิญญาณมากมายในทะเลสาบ?
เอ่อ….
ยามทั้งเก้าคนกลอกตาขณะที่หยิ่นรั่วปิงยิ้มอย่างขมขื่น นายน้อย ความทรงจำอาจถูกลบล้าง แต่…บางสิ่งมันก็สามารถเขียนเอาไว้ได้ใช่ไหม? ผู้คนมากมายของตระกูลหยิ่นเคยเข้ามาที่นี่ในอดีตและแน่นอนว่ามันมีข้อมูลบางอย่างที่ถูกทิ้งเอาไว้
เจียงอี้มีท่าทีที่รู้สึกอึดอัดขณะที่ลูบจมูกและหัวเราะอย่างเขินอาย ฮ่าฮ่า ข้าโง่เขลานัก ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย ข้าทำให้ตัวเองน่าขันเสียแล้ว
ฮุ้ฟ!
หยิ่นรั่วปิงหลุดขำออกมาและถามอย่างสงสัยทันทีว่า ชื่อตระกูลของนางน้อยคืออะไรกัน? แล้วตระกูลของเจ้าตั้งอยู่ที่ใด?
เจียงอี้เหลือบมองหยิ่นรั่วปิงและเห็นว่านางไม่มีเจตนาร้ายๆและมันเป็นคำถามทั่วไป เขาจึงพูดอย่างไม่ลังเล ตระกูลของข้าคือไป๋ ข้าคือไป๋อี ตระกูลข้าตั้งอยู่ในเขตแดนสวรรค์และเป็นเพียงตระกูลเล็กๆ
ไป๋อี?
หยิ่นรั่วปิงพึมพำครู่หนึ่งขณะที่คนอื่นๆไม่ได้สนใจเพราะพวกนางไม่ได้มีความสนใจในตระกูลไป๋เลย
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
การเดินทางอันราบรื่นถูกขัดจังหวะในหนึ่งชั่วโมงต่อมาขณะที่มีเสียงแหลมเสียดฟ้ามาจากด้านหน้าและพี่ชิ่งก็หยุดลง นางมีสีหน้าเคร่งเครียดขณะที่สตรีอีกเก้าคนซัดศาสตราวุธออกมาทันที ธนูสีขาวปรากฏขึ้นในมือของหยิ่นรั่วปิงและนางก็หมุนเวียนแก่นแท้พลังของนางและเตรียมการต่อสู้
เอ๊ะ?
เจียงอี้ได้กลิ่นหอมจางๆจากร่างกายของหยิ่นรั่วปิงเมื่อนางหมุนเวียนแก่นแท้พลัง กลิ่นหอมนั้นซึมเข้าไปในร่างของเจียงอี้และทำให้เขามึนเมา ทำให้ร่างกายของเขาสบายอย่างผิดปกติราวกับอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนในฤดูหนาวและดวงจิตของเขาก็ค่อยๆเติบโตขึ้น
เผ่านารีหอมหวน!
ดวงตาของเจียงอี้เป็นประกายและนึกถึงฉากที่หยิ่นรั่วปิงร่ายรำในลานเมืองผืนทรายซึ่งมีดอกไม้มากมายบานสะพรั่ง จากนั้นเขาก็ดมกลิ่นหอมจางๆบนร่างของนางและนึกบางอย่างขึ้นได้ หยิ่นรั่วปิงน่าจะเป็นเผ่าพันธุ์อันดับสองของเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์ เผ่านารีหอมหวน!