เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 910 ข้าเป็นพวกหลายเพศ
ส่วนที่สำคัญที่สุดของหนอนไหมมณีสวรรค์คือน้ำของมัน หลังจากขัดเกลาตัวไหมแล้ว น้ำนั้นจะซึมเข้าสู่ร่าง น้ำของหนอนไหมซึ่งเป็นแก่นสวรรค์และโลกามีหน้าที่หลักสามประการ ประการแรก มันสามารถเสริมแก่นแท้พลังและเพิ่มแก่นแท้พลังได้ไม่เลวเพราะมันจะเทียบเท่ากับจอมยุทธที่ฝึกฝนมาหลายปี นอกจากนี้จะไม่มีผลข้างเคียงเหมือนศิลาสวรรค์ ประการที่สอง มันเพิ่มพลังร่างกายและผลของมันค่อนข้างชัดเจน ผู้คนมักใช้หนอนไหมมณีสวรรค์เหล่านี้เพื่อวิวัฒนาการดวงจิตและทำให้มันแข็งแกร่งขึ้น หากเจ้ามีการโจมตีดวงจิตวิญญาณ มันจะเป็นการดีที่สุดที่จะวิวัฒนาการดวงจิตของเจ้าเพราะผลลัพธ์ของมันค่อนข้างดี
เสียงที่เย็นยะเยือกของอีฉานก้องอยู่ในหูเจียงอี้ เขาพยักหน้าและประหลาดใจเงียบๆเนื่องจากว่าหนอนไหมสวรรค์นี้ดำรงอยู่อย่างลึกลับและมีประโยชน์มากมาย แก่นแท้พลังนั้นค่อยๆบ่มเพาะไปเรื่อยๆได้ และมันไม่มีประโยชน์มากนักในการเสริมร่างกาย เจียงอี้จึงเตรียมจะใช้มันเสริมสร้างดวงจิตของเขา ไม่ใช่สิ…เขากำลังจะใช้มันเสริมความแข็งแกร่งของดาบวิญญาณของเขา!
เขามีดาบวิญญาณสิบสองเล่มที่วิวัฒนาการได้และพลังก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า หากเขาใช้มันเพื่อวิวัฒนาการต่ออีก มันคงมีพลังมหาศาลจนน่าตกตะลึงอย่างแน่นอน และมันจะกลายเป็นวิธีการโจมตีดวงจิตที่ทรงพลังอย่างหนึ่งเลย
เมื่อไม่สามารถใช้อัสนีพิโรธได้และทักษะเสียงสวรรค์จะต้องห้ามใช้ออกมา ดาบวิญญาณของเขาอาจเคยถูกเปิดเผยมาก่อนก็จริง แต่ตอนนี้รูปร่างมันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มันเปลี่ยนเป็นสีทองและแข็งแกร่งขึ้นมาก คนธรรมดาคงจะจำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?
ขณะที่เจียงอี้ใช้แก่นแท้พลังขัดเกลาหนอนไหมมณีสวรรค์ ของเหลวสีขาวก็ไหลออกมาจากหนอนไหมตามคาด เขารีบนำทางมันเข้าสู่ร่างกายผ่านเส้นลมปราณเพื่อมุ่งตรงไปยังทะเลแห่งดวงจิต
เป็นอย่างที่คาด!
ทันทีที่น้ำสีขาวเข้าสู่ทะเลดวงจิตแล้ว ดาบวิญญาณทั้งเจ็ดสิบสองเล่มก็บ้าคลั่งและบินไปรอบทะเลแห่งดวงจิตพร้อมกับพากันแห่ไปที่น้ำของหนอนไหม เจียงอี้จะไม่ยอมให้พวกมันทำอะไรอย่างประมาท เขาควบคุมและตรึงดาบวิญญาณที่เหลือให้เคลื่อนไหวไม่ได้และให้ดาบวิญญาณสีทองเพียงเล่มเดียวเท่านั้นที่จะเข้าไปดูดซับน้ำหนอนไหมนั่น
บรึฟ!
มีบางสิ่งเกิดขึ้นซึ่งทำให้เจียงอี้ตื่นเต้นจนร่างเขาสั่นเทา ดาบวิญญาณสีทองดูดซับน้ำนั้นและพัฒนาอีกครั้ง คราวนี้มันเปลี่ยนเป็นสีทองเข้มและขนาดของมันก็กะทัดรัดกว่าเดิมมาก อักขระไหลเวียนออกมาบนพื้นผิวของมันและมันดูไม่เหมือนดาบวิญญาณอีกต่อไป มันดูเหมือนสมบัติที่เชื่อมดวงจิตราวกับว่ามันมีร่างของมันแล้ว
เอาล่ะ!
เจียงอี้ตะโกนอยู่ในใจของเขาและควบคุมดาบวิญญาณเล่มที่สองเพื่อดูดซับน้ำอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ในขณะเดียวกันมันก็เปลี่ยนเป็นสีทองเข้มเช่นดาบวิญญาณเล่มแรก มันห้อยอยู่ในทะเลดวงจิตราวกับดาบที่ไม่มีผู้ใดเทียบเทียม
เล่มที่สาม!
เจียงอี้ไม่กล้าลีลาเพราะยิ่งน้ำหนอนไหมนิ่งอยู่ในร่างนานเท่าใด มันก็จะยิ่งเสียเปล่ามากขึ้นเท่านั้น เขาควบคุมดาบวิญญาณเล่มที่สามให้ดูดซับน้ำนั้นและหลังจากที่มันพัฒนา เขาก็กำลังจะควบคุมดาบเล่มที่สี่ แต่น่าเสียดายที่..น้ำหนอนไหมหมดลงแล้ว หนอนไหมมณีสวรรค์มีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือและมีน้ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เฮ้อ…จะดีเพียงใดหากข้าสามารถจับหนอนไหมมณีสวรรค์ได้สักหลายๆโหล! เจียงอี้ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา อีฉานและหยิ่นรั่วปิงก็ขัดเกลามันเสร็จแล้ว เจียงอี้คำนับให้อีฉานอย่างกตัญญู มันเป็นสมบัติล้ำค่าและอีฉานยินดีจะแบ่งมันให้เขา ซึ่งมันเหมือนการแบ่งสมบัติล้ำค่าให้กับเขาเลย
เมื่อซากปรักหักพังสลายบาปเป็นของตระกูลอี นางจะเข้ามาเมื่อใดก็ได้ หนอนไหมมณีสวรรค์นี้ไม่ถือว่ามีค่าสำหรับนาง แต่เจียงอี้ก็ยังรู้สึกซาบซึ้ง พวกเขาทั้งสองอาจถูกลิขิตให้เป็นศัตรูกันในภายภาคหน้า แต่เจียงอี้ก็สาบานในใจเงียบๆขณะที่เขาจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อสนองคำขอของอีฉานเพราะเขาเป็นหนี้นางมากมายจริงๆ
ไปกันเถอะ!
อีฉานมองเจียงอี้อย่างแน่นิ่งด้วยดวงตาที่สงบ นางย้ายร่างออกไปข้างนอกและย้ายทุกคนออกมาด้วย จากนั้นนางก็เปิดทางกับพี่ชิ่งต่อไป
คราวนี้ทั้งกลุ่มไม่โชคดีอีกต่อไปเมื่อพวกเขามาถึงทางออกของหุบเขา พวกเขาก็ไม่เจอลมดาราอีกต่อไปและไม่มีโอกาสเจอหนอนไหมมณีสวรรค์อีก อีฉานเหลือบมองไปแต่ไกลและหันกลับมาสั่งว่า สำรวจพื้นที่
เจียงอี้นั่งขัดสมาธิและปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาเพื่อสอดแนม หนึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็ลืมตาและพูดขึ้นด้วยดวงตาที่ลุกโชน ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ดินนั้นมีสีดำกว่ามากนักอาจเพราะมีอุณหภูมิสูง ทะเลสาบเพลิงลาวาอาจจะอยู่ที่นั่น!
ดินดำงั้นรึ? ไปกันเถอะ!
ดวงตาของอีฉานเป็นประกายและพุ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ขณะที่หยิ่นรั่วปิงและคนอื่นๆตามไปด้วยความตื่นเต้น นางวิ่งและส่งข้อความถึงเจียงอี้ นายน้อยไป๋อี รีบไปกันเถอะ ทุกครั้งที่ซากปรักหักพังเปิดขึ้น ทะเลสาบเพลิงลาวาจะเผยสมุนไพรวิญญาณออกมาประมาณยี่สิบชนิดเท่านั้นและทุกสิ่งล้วนเป็นสมุนไพรวิญญาณชั้นยอด หากมีใครพบพวกมันก่อน มันก็ไม่มีความหมายที่จะเข้ามาในซากปรักหักพังนี้
หากเจียงอี้ไม่สามารถนำกล้วยไม้เขี้ยวเพลิงออกไปได้ มันก็ไม่มีความหมายสำหรับเขาที่ได้เข้ามาที่นี่เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงรีบเร่งด้วยความเร็วสูงสุดและตามทุกคนไป หลังจากที่วิ่งมาทั้งวัน เขาก็สำรวจอีกครั้งและเห็นว่ามีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือไปราวๆหกร้อยกิโลเมตร ทะเลสาบนั้นเต็มไปด้วยเพลิงลาวาและไม่มีใครอยู่รอบๆนั้น
ไปกันเถอะ!
หลังจากที่ยืนยันแล้ว อีฉานและหยิ่นรั่วปิงก็รีบเดินทางไปอย่างไม่หยุดพัก ซากปรักหักพังสลายบาปนี้อาจเป็นของตระกูลอีและอีฉานไม่ได้ขาดแคลนสมุนไพรใดๆ แต่มันเป็นการแสดงความสามารถที่จะได้สมุนไพรวิญญาณมาในตอนที่แข่งขันกับนายน้อยและคุณหนูที่มีความสามารถมากมาย
ใจของอีฉานนั้นสูงเสียดฟ้าและนางมองดูทุกคนจากสวรรค์ นางจึงย่อมไม่เต็มใจที่จะอ่อนแอกว่าคนอื่นแน่นอน ปกติแล้วมันจะใช้เวลาราวๆหนึ่งวันด้วยความเร็วปกติกว่าจะมาถึง แต่ครั้งนี้พวกเขาใช้เวลาเพียงครึ่งวันก็มาถึงบริเวณทะเลสาบเพลิงลาวาแล้ว อุณหภูมิของมันสูงขึ้นเรื่อยๆและแม้ว่าทุกคนจะอยู่ในโล่ศักดิ์สิทธิ์แต่พวกเขาก็ยังเปียกโชกไปด้วยเหงื่อที่ค่อยๆผุดขึ้นมา
เจียงอี้ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย แต่หลังจากเดินทางไปได้ช่วงหนึ่งแล้ว เขาก็สังเกตว่าสตรีทั้งหลายต่างเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาตกใจมาก เขามีสมบัติป้องกันไฟติดตัวและมันเป็นสิ่งที่อีฉานและหยิ่นรั่วปิงรู้ หากเขาไม่มีปฏิกิริยากับความร้อนเลย เขาอาจจะทำให้พวกนางสงสัยได้
เจียงอี้กัดฟันและเก็บไข่มุกวิญญาณเพลิงเข้าไปในแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ มันไม่ได้ปกป้องเขาอีกต่อไปและจะไม่ส่งพลังงานลึกลับออกมาอีก ดังนั้นเจียงอี้จึงรู้สึกร้อนมากและแผ่นหลังของเขาก็เปียกโชก
โชคดีที่หยิ่นรั่วปิง, อีฉานและคนอื่นๆกำลังสอดแนมด้านหน้าอยู่และไม่ได้สนใจเขา และยิ่งเข้าไป มันก็ยิ่งร้อนขึ้น ในบรรดาทุกคนนั้น อีฉานแข็งแกร่งที่สุดแต่นางแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไปได้เพียงสิบกิโลเมตร ดังนั้นนางจึงยังมองไม่เห็นทะเลสาบเพลิงลาวาได้ ส่วนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาของเจียงอี้นั้นแย่ยิ่งกว่าเพราะเขาสำรวจได้เพียงดินสีดำที่ด้านหน้า
ฮู่ ฮู่!
เมื่อความร้อนสูงขึ้น ทุกคนก็หอบดังขึ้นและพวกเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ในที่สุดอีฉานก็พบทะเลสาบเพลิงลาวาแล้ว ชุดของนางเปียกโชกไปหมดซึ่งมันแนบเนื้อหนังของนางทำให้เรือนร่างที่งดงามของนางปรากฏขึ้นลางๆ
ส่วนหยิ่นรั่วปิงไม่ค่อยดีนัก และเนื่องจากมันร้อนมาก มันจึงพบว่าเป็นการยากที่จะปกปิดกลิ่นหอมของนางได้ และกลิ่นหอมของนางกระจายออกไปซึ่งทำให้เจียงอี้ที่อยู่ด้านหลังตกตะลึงไป อึก อึก!
เมื่อเจียงอี้เห็นอีฉานและหยิ่นรั่วปิงที่ทั้งมองเห็นเรือนร่างและได้กลิ่นหอมหวน เขาก็กลืนน้ำลายโดยสัญชาตญาณและมีปฏิกิริยาเล็กน้อย และเมื่ออีฉานและหยิ่นรั่วปิงได้ยินเสียงกลืนน้ำลาย พวกนางก็หันกลับมาพร้อมกันและมีความอับอายอยู่ในดวงตาของพวกนาง ใบหน้าของหยิ่นรั่วปิงแดงก่ำเนื่องจากอุณหภูมิที่สูงซึ่งมันน่าดึงดูดยิ่งขึ้นขณะนี้และมันสามารถดูดวิญญาณผู้คนได้เลย
เจ้ามองอะไรอยู่?
เมื่อพี่ชิ่งเห็นเจียงอี้จ้องใบหน้าที่มีเสน่ห์ของหยิ่นรั่วปิง อย่างโง่เขลา นางก็จ้องเขาและถามพร้อมขมวดคิ้ว เจ้าไม่ชอบผู้หญิงไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมเจ้าถึงมองนายหญิงของเราเช่นนี้?
เอ่อ…
ดวงตาหลายคู่กวาดมองไปกันหมดและเจียงอี้ก็หันมาอย่างรวดเร็วและสะบัดผมของเขาอย่างขบขันและพูดว่า อืมอันที่จริงแล้ว…ข้าเป็นคนหลายเพศ!
ฮุ๊ฟ!