เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 913 มันเป็นเจ้าอสูรปลอม!
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 913 มันเป็นเจ้าอสูรปลอม!
ข้าได้สมุนไพรมาสี่ชนิด แต่น่าเสียดายนักที่ไม่มีกล้วยไม้เขี้ยวเพลิง!
เจียงอี้ยืนอยู่ในเพลิงลาวาเงียบๆเพื่อรอการปะทุครั้งต่อไป ครู่ต่อมา เขาก็พบว่าดวงจิตของเขาสั่นเทาเล็กน้อยและสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของยอดฝีมือที่ทรงพลัง เขาพึมพำอย่างสงสัย ทำไมเสียเฟยและคนอื่นไม่ออกไปในครั้งนี้? มันกำลังจะปะทุ เหตุใดพวกเขาถึงไม่กลัวเพลิงลาวาล่ะ?
หรือพวกเขาสงสัย?
เจียงอี้อยู่ต่ำกว่าพื้นผิวสามร้อยเมตรและไม่สามารถปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์ได้ เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของยอดฝีมือเพราะสภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงตัดสินไม่ได้ว่าจริงๆแล้วมีใครอยู่บนนั้น
ข้าจะทำอย่างไรดี? หากเขาคว้าสมุนไพรวิญญาณ เขาจะถูกเพลิงเหล่านี้ปะทุขึ้นไปและคนเหล่านั้นจะเจอตัวเขา และมีความเป็นไปได้สูงที่ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผย โดยเฉพาะอีฉานและหยิ่นรั่วปิง
กู กู กู กู!
เพลิงเริ่มปะทุอีกครั้งซึ่งเจียงอี้ก็เริ่มผุดความคิดขึ้นได้ เขาใช้วิชาเทพพลางตาเปลี่ยนรูปลักษณ์อย่างรวดเร็ว จากนั้นเกล็ดสีแดงก็ปรากฏขึ้นบนหัวของเขา จากนั้นดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสามเหลี่ยมและกลายเป็นสัตว์อสูร กลิ่นอายของเขาเปลี่ยนไปมากเช่นกันและกลายเป็นเจ้าอสูรทั่วไป
สมุนไพรวิญญาณอีกอัน!
หลังจากที่เจียงอี้เปลี่ยนร่าง เปลวเพลิงก็ปะทุขึ้นเช่นกัน เขากลายเป็นสายฟ้าและคว้าสมุนไพรวิญญาณเอาไว้ จากนั้นร่างของเขาก็โผล่ขึ้นมาเช่นกัน
จริงด้วย! เมื่อเขาโผล่ขึ้นมา เจียงอี้ก็มองไปรอบๆและพบว่าเสียเฟยนำกลุ่มของเขามา อย่างไรก็ตาม เสียเฟยนำผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดมาด้วยเจ็ดคนและพวกนั้นสวมกะโหลกใหญ่ๆ ส่วนขอบเขตเทียนจุนคนอื่นๆก็ไม่กล้าเข้าใกล้พวกเขา
ในอีกฟากหนึ่ง หยิ่นรั่วปิง, อีฉานและพี่ชิ่งต่างก็อยู่ที่นั่น เจดีย์สีแดงของอีฉานอยู่ที่นั่น นางไม่ได้เก็บมันเข้าไป ซึ่งเห็นได้ชัดว่าอีฉานและคนอื่นๆซ่อนอยู่ในเจดีย์ที่ต้านทานความร้อนได้
นี่มัน….
ทุกคนต่างตะลึงกับสัตว์อสูรที่มีร่างเหมือนมนุษย์ที่เจียงอี้แปลงมา กลิ่นอายของมันแข็งแกร่งเกินไป อย่างน้อยก็เป็นเจ้าอสูร ตามที่เอ๋าหลูเคยบอกไว้ว่าเจ้าอสูรที่อ่อนแอที่สุดนั้นเปรียบได้กับมนุษย์ที่เป็นยอดฝีมือห้าดาว และพวกที่แข็งแกร่งกว่าจะเทียบได้กับกึ่งเทพ ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ไม่ไม่โอกาสต้านทานได้
นายน้อยเฟย หนีเร็ว! คุณหนู ถอยเร็วเจ้าค่ะ!
แม่นางอี ถอยกลับมาเถอะเจ้าค่ะ!
คนของเสียเฟย, พี่ชิ่งและคนอื่นๆต่างตะโกนออกมาอย่างสยองขวัญและรีบพุ่งมาที่ทะเลสาบและพร้อมจะเสี่ยงชีวิตเพื่อหยุดยั้งเจ้าอสูรเพื่อให้เสียเฟย, หยิ่นรั่วปิงและอีฉานหนีไป
เสียเฟยนั้นหวาดกลัวจริงๆ นี่เป็นเจ้าอสูร กะโหลกยักษ์เหนือศีรษะของเขากวัดแกว่งและกั้นอสูรที่อยู่ตรงหน้าเขาเอาไว้ จากนั้นเขาก็รีบถอยกลับไปและในไม่ช้าก็หยุดลงเหมือนคนอื่นๆ
ไสหัวไปซะ!
เจ้าอสูรในทะเลสาบชำเลืองพวกเขาอย่างเย็นชาและทิ้งคำพูดไว้เท่านี้ก่อนจะดำลงไป
อสูรและมนุษย์เป็นศัตรูกันมาช้านานโดยเฉพาะทายาทเก้าตระกูลจักรพรรดิ เจ้าอสูรตนนี้ไม่ทำอะไรกับเก้าตระกูลจักรพรรดิซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อนจนทุกคนไม่รู้ว่าจะต้องตอบสนองอย่างไรไปชั่วขณะ
หนีเร็ว!
พวกเขาเหม่อไปชั่วขณะก่อนจะรีบหนีไป และไม่กล้าอยู่ต่อไป แม้แต่อีฉานก็ยังเก็บเจดีย์ปฐมกาลและหนีไป กลิ่นอายของเจ้าอสูรนั้นน่าสยดสยองมาก
พวกนั้นไปแล้วหรือ?
หลังจากนั้น หัวของเจียงอี้ก็ผุดขึ้นมาและปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาก่อนจะสอดส่องทะเลสาบอีกครั้งและดำลงไปในทะเลสาบเพื่อรอการปะทุครั้งถัดไป
….
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง…
หลังจากวิ่งหนีไปได้หลายสิบกิโลเมตร อีฉานก็อุทานออกมา ซึ่งทำให้หยิ่นรั่วปิงและคนอื่นๆหยุดด้วยความสงสัย พี่ชิ่งมองไปยังอีฉานและถามว่า แม่นางอี เกิดอะไรขึ้น? หนีไปให้ไกลกว่านี้เถอะเจ้าค่ะ เจ้าอสูรตนนี้น่ากลัวเกินไป!
หยิ่นรั่วปิงมองดวงตาที่เป็นประกายของอีฉานก่อนจะตระหนักบางสิ่งได้ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็พูดว่า ผิดปกติจริงๆ เหตุใดจึงมีสัตว์อสูรอยู่ในซากปรักหักพังสลายบาป? ไม่เคยมีสัตว์อสูรอยู่ที่นี่มานับแสนปีแล้ว อย่าพูดถึงเจ้าอสูรเลย แม้ว่าซากปรักหักพังสลายบาปจะถูกปิดมาตลอด แต่เจ้าอสูรจะมีชีวิตถึงเจ็ดแสนปีหรือ?
ไม่มีทางแน่นอน!
อีฉานพูดอย่างมั่นใจ ที่นี่ถูกผนึกอย่างสมบูรณ์ สัตว์อสูรที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์มีอายุสูงสุดถึงหมื่นปีเท่านั้น ที่มีชีวิตอยู่ได้มากกว่าหมื่นปีคือเต่าลี้ลับ นั่นไม่ใช่เจ้าอสูรอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเราคงตายไปแล้ว
พี่ชิ่งและคนอื่นๆที่เหลือมองหน้ากันและรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เจ้าอสูรที่ไม่สังหารผู้คนนั้นแปลกยิ่งกว่าหมาป่าไม่กินเนื้ออีก หากมันมีเจ้าอสูรอยู่ที่นี่จริงๆ พวกนางคงได้ยินมาก่อน สมาชิกตระกูลอีเข้ามาในซากปรักหักพังสลายบาปนี้บ่อยมาก
ดังนั้น…มันจึงเป็นไปได้ว่านี่จะเป็นเจ้าอสูรปลอม!
แม้ว่าพวกเขาจะสรุปได้ แต่พวกเขาก็พากันมองหน้ากันและไม่มีใครกล้ากลับไป จะเกิดอะไรขึ้นหากเป็นเจ้าอสูรจริงๆล่ะ?
ผ่านไปชั่วครู่ สายตาที่มุ่งมั่นก็ปรากฏขึ้นในดวงตาอีฉาน นางพูดขึ้นว่า น้องรั่วปิง เจ้าไปหาที่อื่นก่อนเถอะ ข้าจะกลับไปยังทะเลสาบนั่น
แม่นางอี!
พี่ชิ่งกังวลและแสดงทีท่าเลื่อมใส พวกนางประทับใจในความมุ่งมั่นและความกล้าหาญของอีฉาน ไม่ใช่ทุกคนที่จะกล้าเช่นนี้ได้ แต่อีฉานก็ไม่ได้ขาดสมุนไพรวิญญาณเพราะที่นี่เป็นของตระกูลอี นางจึงไม่ต้องเสี่ยงเช่นนี้
ข้าจะไปด้วย!
หยิ่นรั่วปิงกัดฟันพูด ส่วนพี่ชิ่งและคนอื่นต่างตัวสั่นเทาด้วยความกลัว หยิ่นรั่วปิงชำเลืองมองพวกนางอย่างแน่วแน่และพูดว่า เก้าตระกูลจักรพรรดิมีเพียงวีรบุรุษที่ตายในสงคราม ไม่มีสมาชิกคนใดไม่กล้าเผชิญอันตราย
ไปกันเถอะ
อีฉานมองหยิ่นรั่วปิงและรีบกลับไปยังทะเลสาบเพลิงลาวาทันที หยิ่นรั่วปิงเองก็ตามไปด้วย ด้านพี่ชิ่งและคนอื่นๆก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตามพวกนางไป พวกนางรู้จักหยิ่นรั่วปิงดีเกินไป นางเหมือนจะใจดีกับทุกคนและเป็นคนสบายๆ แต่ลึกๆแล้ว นางเป็นคนเย็นชาและดื้อรั้น ไม่มีผู้ใดเปลี่ยนความคิดของนางได้
อีฉานและพี่ชิ่งนำทางคนอื่นๆไปยังทะเลสาบเพลิงลาวาอีกครั้ง
….
นี่มันไม่ถูกต้อง
เกือบจะในเวลาเดียวกัน เสียเฟยก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาโบกมือและให้ฝูงชนหยุด ดวงตาของเขาเป็นประกายครู่หนึ่งและตะโกนว่า กลับไปยังทะเลสาบเพลิงลาวา เราถูกหลอกแล้ว มันเป็นเจ้าอสูรปลอม!
นี่…
สมาชิกตระกูลเสียตกตะลึง มีคนพยายามหยุดเสียเฟยและพูดว่า นายน้อยเฟย อย่าประมาทไปขอรับ ไม่ว่าจะจริงหรือปลอม เราก็รับความเสี่ยงไม่ได้ หากเกิดอะไรขึ้นกับท่าน เราก็ต้องตายด้วย
เจ้าโง่!
เสียเฟยมองคนผู้นั้นอย่างเย็นชาและพูดว่า ซากปรักหักพังนี้ถูกผนึกหมดโดยมียอดฝีมือกึ่งเทพคอยดูแลอยู่ด้านนอก สัตว์อสูรไม่สามารถเข้ามาในนี้ได้ แล้วนอกจากนี้ เจ้าเคยเห็นสัตว์อสูรที่ไม่สังหารคนบ้างไหม?
อย่างไรเสีย มันก็อันตรายเกินไปขอรับ! ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดกล่าว นายน้อยเฟย มันไม่คุ้มเลย มันเป็นเพียงสมุนไพรวิญญาณและไม่คุ้มที่จะเสี่ยงนะขอรับ
มันไม่เกี่ยวกับสมุนไพรวิญญาณ!
เสียเฟยโบกมือและพูดอย่างเอาแต่ใจ การเข้ามาในซากปรักหักพังสลายบาปนั้นเป็นการผจญภัย หากข้าไม่กล้าเสี่ยง แล้วเราจะมาที่นี่ทำไมแต่แรก? เราอยู่แต่ในปราสาทแห่งหมู่มารและหลับนอนกับหญิงสาวไม่ดีกว่าหรือ ช่างมัน หากพวกเจ้าไม่ไป ข้าจะไปเอง!
ฟรึ่บ!
เสียเฟยบินกลับไปยังทะเลสาบเพลิงลาวา เมื่อมีกะโหลกยักษ์ที่คอยกวาดทางให้ ลมดาราทั้งหมดจึงถูกดึงดูดอยู่กับกะโหลกนั้นจึงทำให้เสียเฟยปลอดภัยอย่างสมบูรณ์
ไปกันเถอะ!
สมาชิกตระกูลเสียพากันถอนใจ หากเสียเฟยตาย พวกเขาทั้งหมดก็ต้องตายด้วย พวกเขาจึงไม่มีทางอื่นนอกจากตามเสียเฟยกลับไปยังทะเลสาบเพลิงลาวานั้น