เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 917 อย่าโลภมาก
มีบางอย่างที่หยิ่นรั่วปิงไม่ได้บอกเจียงอี้และก็จะไม่บอกเขาอยู่ดี อย่างเรื่องของอารามศักดิ์สิทธิ์ เรื่องพวกนี้เป็นความลับที่มีเพียงสมาชิกเก้าตระกูลจักรพรรดิเท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะรู้
อารามศักดิ์สิทธิ์นั้นอันตรายมากจริงๆ และในยี่สิบเก้าวันของซากปรักหักพังนั้น เทือกเขาจะเต็มไปด้วยลมดาราซึ่งรุนแรงกว่าภายนอกร้อยเท่า ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปได้และลมดาราจะน้อยลงในวันสุดท้ายเท่านั้นซึ่งทุกคนจะเข้าไปในใจกลางหุบเขาได้ตามปรารถนา
หลังจากเข้าไปในหุบเขาแล้ว มันจะปลอดภัยอย่างแน่นอน แต่แน่นอนว่า…ภายในอารามศักดิ์สิทธิ์นั้นอันตรายยิ่งกว่า ผู้ที่ไม่มีข้อมูลที่สมาชิกตระกูลเคยเข้ามาจะไม่กล้าเข้าไปในอารามศักดิ์สิทธิ์
ข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้ถูกแลกกับชีวิตของของคนรุ่นก่อนมานับไม่ถ้วน พวกเขารู้ว่าทางใดจะปลอดภัยกว่า พวกเขารู้กลไกมากมายและมีทางไปมากมาย ไม่อย่างนั้นเหตุใดพวกที่มีสถานะสูงถึงเพียงนี้จึงจะกล้าเสี่ยงล่ะ?
เจียงอี้วิ่งไปอย่างบ้าคลั่งและครึ่งวันต่อมา เขาก็อยู่ห่างจากกลุ่มของหวู่นี่ราวสามสิบกิโลมเตร และเจียงอี้ไม่กล้าเข้าไปใกล้กว่านี้อีกขณะที่เขาเกรงว่าจะมีคนมีสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังซึ่งอาจมองเห็นเขาได้
ทำไมพวกนั้นไม่เคลื่อนไหว?
เจียงอี้รออยู่ในถ้ำใต้ดินอยู่ครึ่งวันและเห็นว่าไม่มีใครเคลื่อนไหวเลย เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกๆแต่มันก็ไม่ได้มีประโยชน์ที่จะคิดต่อไป เขาจะไม่เคลื่อนไหวหากว่าศัตรูยังไม่ขยับ เขาจึงฝึกฝนอยู่ในหลุมและจะคอยตรวจสอบภายนอกทุกสองชั่วโมง
หนึ่งวัน, สองวัน….!
ไม่มีผู้ใดเคลื่อนไหวเลยและพวกเขาก็หลบอยู่ใต้เขาและพักผ่อนกัน เมื่อเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งวัน เจียงอี้ก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจมากกว่าเดิม นี่คนพวกนี้มาที่นี่เพียงเพื่อมาชมทิวทัศน์หรือ?
สองชั่วโมงต่อมา!
เจียงอี้สอดส่องอีกครั้งและสังเกตเห็นว่าพวกเขาหายไปแล้ว เมื่อเจียงอี้รีบแผ่ญาณศักดิ์สิทธิ์ไปบนภูเขา เขาก็เห็นว่าทุกคนรีบขึ้นไปเพื่อที่จะเข้าไปในหุบเขา
บัดซบ!
ร่างของเจียงอี้พุ่งขึ้นมาและเขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังหุบเขาอย่างเร็วที่สุด เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนยอดเขาแต่เขารู้ว่าทุกคนกำลังรีบไปที่นั่น อีฉานไม่ได้ปล่อยอัสนีและโล่ศักดิ์สิทธิ์ของพี่ชิ่งก็ไม่มีสีเหลืองหม่น ซึ่งหมายความว่าตอนนี้แถบภูเขาปลอดภัยมาก
รอบๆเทือกเขามีลมดาราอยู่เพียงเล็กน้อยและเจียงอี้สามารถหลบเลี่ยงพวกมันได้อย่างง่ายดายหลังจากเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ ความเร็วของเขาถึงขีดจำกัดแล้วและเขาใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงไปให้ถึงตีนเขาขณะที่อีฉานและคนอื่นๆน่าจะอยู่ในหุบเขากันแล้ว
ตีนเขามีลมดาราน้อยมากจริงๆ!
เจียงอี้สำรวจพื้นที่และรีบพุ่งไปยังอารามศักดิ์สิทธิ์ที่ด้านบนสุดของภูเขาทันที เส้นทางบนเขานั้นสูงชันมาก แรงโน้มถ่วงของซากปรักหักพังสลายบาปนั้นมีมากกว่าภายนอกถึงพันเท่าและยิ่งอยู่ห่างจากพื้นดินมากเท่าไหร่ แรงโน้มถ่วงก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่มีทางอื่นเลย เจียงอี้จึงไม่มีทางเลือกนอกจากกัดฟันมุ่งหน้าต่อไป
หุบเขานั้นอยู่ใจกลางเทือกเขา ห่างออกไปยี่สิบกิโลเมตร เจียงอี้ใช้เวลาสองชั่วโมงเพื่อเดินทางข้ามผ่านยี่สิบกิโลเมตร เขาพบที่ซ่อนเมื่อเขามาถึงบริเวณหุบเขาและปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
คนทั้งหมดอยู่ไหนกันนะ?
หลังจากที่ใช้ญาณศักดิ์สิทธิ์สอดส่อง เจียงอี้ก็ตะลึงเงียบๆ เขาเพ่งญาณศักดิ์สิทธิ์ไปยังอารามศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงกลางและในที่สุดก็พบผู้คุ้มกันคนหนึ่งของเสียเฟยที่ประตูด้านตะวันตก
พวกเขาทั้งหมดเข้าไปในอารามแล้ว?
เจียงอี้รู้สึกปวดหัวนัก ผู้คนมากมายเข้าไปในนั้นและอารามศักดิ์สิทธิ์มีประตูใหญ่แปดทิศ ใครจะรู้ว่าหวู่นี่และจีทิงยวี่เข้าไปทางไหน? แล้วหากเขาเข้าไปในนั้นและพบเสียเฟยหรือถูหลงเขาอาจถูกคนเหล่านั้นโจมตีมาที่เขาพร้อมกันก็ได้
ข้าเข้าไปในนั้นดีไหมนะ?
เจียงอี้กระพริบตาหลังจากที่รอมาชั่วโมงหนึ่ง เขาก็พบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาจึงกัดฟันวิ่งเข้าไปในนั้นและพุ่งเข้าไปที่ประตูบานใหญ่บานหนึ่ง!
มีเวลาเพียงสิบสี่ชั่วโมงก่อนที่จะครบกำหนดเวลาหนึ่งเดือน แม้ว่าตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผย เขาก็ต้องอดทนให้ได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงนี้และมันคงไม่เป็นอะไร เมื่อพวกเขาย้ายออกไปข้างนอกและเมื่อมันเต็มไปด้วยผู้คน จะไม่มีใครสังเกตเห็นเขา หากว่าเขาเพียงเปลี่ยนกลิ่นอายดวงจิตและรูปลักษณ์ในทันที?
หืม?
เมื่อผู้คุ้มกันของตระกูลเสียที่อยู่ประตูทางตะวันตกได้ยินเสียงจากที่นี่ เขาก็แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป แต่ความเร็วของเจียงอี้ค่อนข้างเร็วและเขาก็อยู่ใกล้ประตูทางตะวันออกของอารามศักดิ์สิทธิ์ เมื่อผู้คุ้มกันนั้นสอดส่อง เจียงอี้ก็เข้าไปในอารามศักดิ์สิทธิ์แล้ว
บรึฟ!
เมื่อเจียงอี้เข้าไปในอารามศักดิ์สิทธิ์ ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายไปด้วยแสงสีขาวและทิวทัศน์ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาเข้ามาอยู่ในห้องโถงใหญ่สีดำ
ห้องโถงนี้เป็นขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าและเขามองไม่เห็นจุดจบของห้องนี้จากทั้งด้านหน้า ด้านซ้ายและขวา และพื้นดินก็เต็มไปด้วยหินศิลาสีดำรูปทรงสี่เหลี่ยม ผนังถูกแขวนห้อยด้วยโคมไฟและแสงสลัวๆ เจียงอี้สามารถมองไปได้เพียงแค่หกร้อยเมตรเท่านั้นและเมื่อเขาต้องการแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป เขาก็พบว่ามันไม่สามารถใช้งานได้ในนี้
สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์!
เจียงอี้ไม่กล้าเคลื่อนไหวและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ทันที หยิ่นรั่วปิงเคยบอกว่ามีอาคมยับยั้งมากมายในที่แห่งนี้ และมันไม่สำคัญว่านางจะโกหกเขาหรือไม่ แต่เจียงอี้ก็ยังเลือกที่จะระมัดระวังอยู่ดี
อืม!
ที่นี่ไม่ได้จำกัดสภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์จึงทำให้เจียงอี้สัมผัสในระยะไม่กี่ร้อยเมตรได้อย่างชัดเจน ผนังมีระลอกคลื่นอาคมตามที่คาดเอาไว้และด้านหน้าสามร้อยเมตรก็มีกล่องหินขนาดเล็กที่มีระลอกคลื่นอาคมด้วย
ไปเถอะ!
เจียงอี้โล่งใจเล็กน้อย ตราบใดที่เขามองเห็นระลอกคลื่นมันก็ถือว่าเขายังปลอดภัย และตราบใดที่เขาไม่ได้ไปสัมผัสระลอกคลื่นเหล่านั้น เขาก็ไม่น่าจะตกอยู่ในอันตรายใดๆ เขาค่อยๆก้าวไปช้าๆและหยุดที่กล่องหินที่อยู่ห่างจากผนังเบื้องหน้าสามร้อยเมตร เขานำอาวุธระดับต่ำออกมาและโจมตีกล่องหินนั้น
บรึฟ!
กล่องหินสว่างไสวในทันทีและคลื่นอันน่าสยดสยองก็พุ่งออกมาและฝังลงไปที่ผนังฝั่งตรงข้าม ความเร็วของมันเร็วมากและกลิ่นอายก็น่ากลัวจนเจียงอี้พูดไม่ออก
มันอันตรายจริงๆ
เจียงอี้เดินช้าลงและค่อยๆสอดส่องสถานการณ์รอบๆอย่างระมัดระวังด้วยสภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ เขาไม่กล้าแตะต้องสถานที่ใดๆที่มีระลอกคลื่นอาคมและไม่กล้าเข้าไปใกล้ด้วยซ้ำ
เจียงอี้เดินหน้าต่อไป ห้องโถงนี้เหมือนตรอกขนาดใหญ่และหลังจากที่เดินมาครึ่งกิโลเมตร เจียงอี้ก็ยังไม่รู้สึกถึงจุดจบของห้องโถง เขาจึงไม่มีทางอื่นนอกจากต้องก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป เอ๊ะ? มีรูปปั้นหินเล็กๆอยู่ด้านหน้า?
ด้านขวาของกำแพงมีช่องอยู่และมีรูปสลักหินเล็กๆ มันมีสีเขียวเข้มและเปล่งแสงสีเขียวจางๆ รูปปั้นนั้นเป็นสาวงามที่สวมกระโปรงขนสัตว์ มันดูสดใสและเหมือนจริงมาก เพียงแค่ชำเลืองมองก็รู้แล้วว่ามันเป็นสมบัติ!
ข้าขยับมันไม่ได้ มันมีอาคมยับยั้ง!
หากเจียงอี้ไม่ได้อยู่ในสภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ เขาคงจะหาทางนำรูปปั้นแกะสลักนี้ออกมอย่างแน่นอน ตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นจากแสงสีเขียวที่ปล่อยออกมาจากรูปปั้น เขาไม่กล้าโลภมากเพราะเขาไม่ได้เข้ามาที่นี่เพื่อหาสมบัติ แต่เขามาที่นี่เพื่อจับหวู่นี่และจีทิงยวี่
ดังนั้นเจียงอี้จึงหยุดครู่หนึ่งและมุ่งหน้าต่อไป
หลังจากที่ผ่านไปได้หลายกิโลเมตร เจียงอี้ก็สังเกตเห็นรูปปั้นขนาดเล็กอีกชิ้น มันมีรูปลักษณ์ที่คล้ายๆกันกับรูปปั้นแกะสลักอันก่อนแต่ก็ต่างจากหญิงสาวก่อนหน้านี้ เจียงอี้ชื่นชมอย่างเงียบๆขณะที่เขาไม่มีความคิดโลภใดๆ เนื่องจากมีโครงกระดูกสองกองอยู่ใต้ประติมากรรมหินนี้และมีรูขนาดใหญ่อยู่บนโครงกระดูก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องถูกอะไรบางอย่างทะลวงอกแน่ๆ
ราชาผู้นี้จะมอบโอวาทแก่พวกเจ้าเรื่องหนึ่ง จงอย่าโลภจนเกินไป มีหลายสิ่งที่เจ้าสามารถทำความเข้าใจได้ในนั้น และสิ่งเหล่านั้นมีค่ายิ่งกว่าพวกสมบัติเสียอีก
เมื่อนึกถึงคำพูดราชาอรหัง เจียงอี้ก็ยิ่งรอบคอบมากขึ้น เขาค่อยๆเดินต่อไปหนึ่งชั่วโมงก่อนที่จะเห็นสมบัติบางอย่างบนกำแพงหินอย่างเช่น ประคำกระดูก, หอกหินและชิ้นส่วนของเกราะหนังสัตว์ซึ่งมันมีระลอกคลื่นอยู่บนพื้นผิวทั้งนั้น มีโครงกระดูกอยู่เบื้องหน้าสมบัติทั้งสามและเขาเพียงแค่ชำเลืองมองก่อนจะอ้อมไปและจะไม่ถูกสมบัติหลอกล่อได้
ข้ามาถึงทางออกแล้วหรือ?
ประตูสีดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นด้านหน้าและเจียงอี้ก็ไม่พบอาคมใดๆที่ประตู เขาจึงรีบวิ่งไปที่ประตูทันที จากนั้นดวงตาก็ส่องประกายสีขาวอีก เจียงอี้จึงรีบเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ในทันที
เหอ….โถงใหญ่นี้น่าสยดสยองนัก!
เจียงอี้เข้ามาในห้องโถงใหม่อีกที่และมันสว่างไสวมาก เขามองเห็นได้สูงหลายร้อยเมตร และหลังจากที่เจียงอี้สอดส่องไปมา เขาก็เห็นว่าพื้นทั้งหมดนั้นเต็มไปด้วยโครงกระดูกและมีคนตายอย่างน้อยหลายสิบคน