เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 920 อัจฉริยะรุ่นเยาว์
บรึฟ!
ลมดาราถูกผลกระทบอย่างที่คาดไว้ เมื่อโล่ศักดิ์สิทธิ์ของหยิ่นรั่วปิงและผู้คุ้มกันของนางลูกลมดาราโจมตีมันก็ส่องแสงระยิบระยับ และใบหน้าของหยิ่นรั่วปิงก็ซีดเผือด นางอุทานออกมาอย่างต่อเนื่อง ไป๋อี หยุดนะ รีบหยุดเดี๋ยวนี้!
เจียงอี้ไม่ได้หยุดขณะที่มือของเขาโบกเร็วขึ้นและรุนแรงขึ้น ลมดารานับไม่ถ้วนพัดผ่านร่างของเขาและหยิ่นรั่วปิงก็ตกตะลึงมาก เพราะว่า…..โล่ศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้ถูกทำลายลงไปอย่างง่ายดาย แต่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับร่างกายของเขา
นอกจากนี้เจียงอี้ยังหลับตาและก้าวไปข้างหน้าขณะที่เขายังคงโบกสะบัดมือด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นจนมาถึงบริเวณใกล้ๆกัน ลมดาราที่อยู่รอบๆเคลื่อนตัวเข้าหาเจียงอี้เนื่องจากมือที่โบกสะบัดของเขา ซึ่งมันทำให้ลมดาราที่โจมตีโล่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้คุ้มกันและของหยิ่นรั่วปิงอ่อนลง จนในที่สุดก็ไม่มีลมมาโจมตีพวกนาง
นี่มัน…
กลิ่นหอมบนร่างของหยิ่นรั่วปิงแผ่ออกไปและนางสังเกตเห็นบางสิ่งที่ทำให้นางตกตะลึง ลมดารารอบตัวนางถูกดึงดูดโดยเจียงอี้ และลมดาราเหล่านั้นก็มาบรรจบกันที่ฝ่ามือของเขาและในที่สุดก็หายลับไปในมือของเขา
เกิดอะไรขึ้นกัน?
ดวงตาของหยิ่นรั่วปิงเบิกกว้างขณะที่มันกระพริบไปมา ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของนางแดงระเรื่อขณะที่นางกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัวและมองไปที่เจียงอี้ราวกับว่านางกำลังมองดูสัตว์ประหลาด
ลมดารามีอยู่เสมอ มันจะปรากฏบนท้องฟ้าของทวีปในยามกลางคืนและเกิดขึ้นในตอนกลางวันเช่นกัน แต่พวกมันจะปรากฏบนฟ้าที่เหนือขึ้นไปหมื่นกิโลเมตรเท่านั้น อันที่จริงแล้ว น่าจะเป็นที่เข้าใจกันว่าลมดารามาจากท้องฟ้าด้านบน แต่มันจะลอยลงมาในยามกลางคืน ดังนั้นมันจึงน่ากลัวเป็นอย่างยิ่งในยามกลางคืนของทวีปจักรพรรดิบูรพาและแทบไม่มีผู้ใดกล้าเตร็ดเตร่ในยามกลางคืนเลย
ในช่วงหลายแสนปีที่ผ่านมา สมาชิกเก้าตระกูลจักรพรรดิหลายคนได้ศึกษาลมดารา แต่ไม่มีผู้ใดสามารถวิเคราะห์มันได้ ไม่มีใครเข้าใจว่าเหตุใดลมดาราจึงปรากฏบนฟ้าในยามกลางคืน แต่แน่นอนว่ามียอดฝีมือมากมายที่เข้าใจรูปแบบเต๋าวายุเมื่อศึกษาลมดารา รูปแบบเต๋าเหล่านั้นทำให้พวกเขาสามารถปัดเป่าลมดาราและทำให้พวกเขาบินได้อย่างอิสระในยามกลางคืน
อย่างไรก็ตามแต่ พวกเขาปัดเป่ามันออกไปแต่ไม่ได้ดูดซับมัน!
ในตอนนี้เจียงอี้กำลังดูดซับลมดาราอันน่าสยดสยองที่สามารถสังหารผู้คนได้โดยไม่มีสัญญาณใดๆ แม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตกึ่งเทพทั่วไปก็ยังไม่สามารถต้านลมดาราได้เลย แต่เจียงอี้กลับดูดซับมันได้จริงๆหรือ? หยิ่นรั่วปิงจะไม่ตกตะลึงได้อย่างไร? จะไม่ให้นางรู้สึกว่าเจียงอี้เป็นสัตว์ประหลาดได้อย่างไร?
ฮ่าฮ่า!
เจียงอี้ลืมตาขึ้นและยิ้ม แม่นางหยิ่น ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ไปกันเถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าสองคนออกจากโถงลมดาราเอง
รอเดี๋ยว!
หยิ่นรั่วปิงหายใจเข้าออกสองฟืดก่อนจะยับยั้งความตะลึงของนางและพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาเล็กน้อย ไป๋อี เจ้าทำมันได้อย่างไร? เจ้าดูดซับลมดาราหรือ?
เปล่า!
เจียงอี้ขมวดคิ้วและพูดอย่างจริงจังว่า ข้าเพียงแค่ทำลายลมดาราไป ข้าเข้าใจรูปแบบเต๋าพิเศษบางอย่างและสามารถรวบรวมลมดาราและใช้พลังงานพิเศษทำลายพวกมันได้ ทำลาย?
หยิ่นรั่วปิงไม่เชื่อเช่นนั้นเพราะนางเห็นว่าลมดาราเหล่านั้นหายไปในมือของเจียงอี้ หากเขาทำลายมัน ทำไมพวกมันถึงไม่มีความผันผวนล่ะ?
แต่เมื่อเจียงอี้อธิบายแบบนี้ นางจึงไม่ถามสิ่งใดมากไปกว่านี้ นางจ้องไปที่เจียงอี้อย่างว่างเปล่าขณะที่พูดอย่างเคร่งขรึมว่า ข้า หยิ่นรั่วปิงเป็นสตรีอันดับหนึ่งและตัวแทนรุ่นสามของตระกูลหยิ่นจะเรียนเชิญนายน้อยไป๋อีอย่างเป็นทางการ หากนายน้อยไป๋อีเต็มใจเข้าร่วมตระกูลหยิ่นของเรา ข้ารับประกันได้เลยว่าอย่างน้อยเจ้าจะได้อยู่ในตำแหน่งผู้อาวุโส หากนายน้อยไป๋อีมีคำขออื่น เจ้าสามารถบอกมาได้เลย เราสามารถต่อรองได้ทุกอย่าง
เอ่อ…
เจียงอี้หยุดฝีเท้าของเขาและเหลือบมองหยิ่นรั่วปิงเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้ม แม่นางหยิ่น ข้าซาบซึ้งในความตั้งใจของเจ้า ข้าต้องพิจารณาเรื่องนี้ เราค่อยมาคุยกันหลังจากที่ออกไปจากซากปรักหักพังสลายบาปเถอะ
การรับสมัครจากหยิ่นรั่วปิงมันกะทันหันมาก แต่มันก็ถือว่าอยู่ในความคาดหมายของเจียงอี้ แค่เพียงความสามารถของเขาเท่านี้มันก็เพียงพอที่จะทำให้เก้าตระกูลแย่งชิงตัวเขาแล้ว
ใช่แล้ว!
ในที่สุดเจียงอี้ก็เข้าถึงลมดาราได้ เขาไม่ได้เข้าใจรูปแบบเต๋าวายุใดๆ แต่เขาเข้าใจลมดาราได้อย่างสมบูรณ์ อย่างที่เขาพูดออกมา…ลมดาราไม่ใช่ลม แต่เป็นพลังงานพิเศษประเภทหนึ่ง ทุกสิ่งเป็นเรื่องเข้าใจผิดมาตลอดและสันนิษฐานกันเองว่าลมดาราเป็นลมจริงๆ เจียงอี้คิดว่าไม่มีผู้ใดเคยคิดจะลองดูดซับลมดาราเข้าไป
ใช่แล้ว ดูดซับ!
เจียงอี้หลอกหยิ่นรั่วปิง เขาไม่ได้ทำลายลมดาราแต่ดูดซับมันและเก็บมันไว้ในตำหนักดาวในตันเทียนของเขา! หากลมดาราเป็นหนึ่งในพลังงานพิเศษ แล้วทำไมเขาจะไม่ดูดซับมันล่ะ?
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของเจียงอี้ เขาก็หมุนเวียนศาสตร์นิรนามทันทีและดูดซับลมดาราราวกับดูดซับพลังงานฟ้าดิน เจียงอี้ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะสำเร็จจริงๆ แต่หลังจากที่เขาดูดซับลมดารา พวกมันก็ไม่ใช่ลมดาราอีกต่อไปและเป็นพลังงานที่มองไม่เห็นซึ่งเข้าสู้ตำหนักดาวในตันเทียนของเขาเอง!
ส่วนเรื่อง….
เหตุใดศาสตร์นิรนามถึงดูดซับลมดาราได้นั้น? ทำไมลมดาราถึงกลายเป็นพลังงานแปลกๆหลังจากเข้าสู่ร่างกายเขา? แล้วทำไมมันไม่สะสมอยู่ในตำหนักดาวดวงที่หกแต่ไปสะสมอยู่ในตำหนักดาวดวงที่เก้า?
เจียงอี้เองก็ยังไม่เข้าใจมันและเขาก็ไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้เมื่อหยิ่นรั่วปิงก็อยู่ที่นี่กับเขาด้วย ยังเหลือเวลาอีกหกชั่วโมงก่อนที่พวกเขาจะถูกย้ายออกไป เจียงอี้จึงตัดสินใจที่จะไม่คิดเรื่องนี้และผ่านโถงลมดาราไปก่อน เขาต้องการจะลองดูว่าจะหาหวู่นี่และคนอื่นๆเจอหรือไม่
เจียงอี้ค่อนข้างตื่นเต้นอยู่ในใจ บางที หลังจากที่เขาดูดซับลมดาราแล้ว มันอาจช่วยให้เขาทะลวงขอบเขตได้ครั้งใหญ่ แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาศึกษาและเขาคงจะคิดเรื่องนี้ หลังจากที่ได้ออกไปจากซากปรักหักพังสลายบาปแล้ว
อันที่จริง!
เจียงอี้ไม่รู้ว่าเขาไม่ใช่คนแรกที่ดูดซับลมดารา เพราะอย่างน้อย หนอนไหมมณีสวรรค์ที่หุบเขาลอยลมเองก็ดูดซับลมดาราได้ นี่คือสิ่งที่ไม่มีผู้ใดรู้ ย้อนไปในตอนนั้น เจียงอี้ไม่สามารถเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ได้ขณะที่กลิ่นหอมของหยิ่นรั่วปิงเองก็ไม่สามารถแผ่ออกไปจากเจดีย์ปฐมกาลได้ ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าหนอนไหมมณีสวรรค์ปรากฏขึ้นมาและดูดซับพลังงานในลมดารา
หยิ่นรั่วปิงรู้ว่านางจะต้องไม่กังวลเรื่องนี้ นางยิ้มออกมาและมองเจียงอี้ นายน้อยไป๋อีเจ้าคงสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่รั่วปิงมี หลังจากที่เราออกไปจากซากปรักหักพังสลายบาป รั่วปิงจะไปหาเจ้า
เจียงอี้พยักหน้าและเย้ยหยันในใจ หลังจากออกไปจากซากปรักหักพังแล้ว เขาจะเปลี่ยนกลิ่นอายดวงจิตและรูปลักษณ์ของเขาให้กลมกลืนไปในฝูงชนทันที เขาไม่สามารถเข้าตระกูลหยิ่นได้อยู่แล้ว เพราะหากตัวตนของเขาถูกเปิดเผย ตระกูลหยิ่นคงสังหารเขาแทนที่จะรับเขาเข้ามา แต่ถึงตระกูลหยิ่นจะไม่สังหารเขา แต่เขาก็คงไม่ร่วมตระกูลใดอยู่ดี
หยิ่นรั่วปิงปลุกผู้คุ้มกันข้างๆนาง จากนั้นฝ่ายหลังก็ตื่นขึ้นมาด้วยดวงตาที่พร่ามัว เจียงอี้ไม่ได้สนใจพวกนางและหลับตาลงเพื่อหมุนเวียนศาสตร์นิรนามต่อ เขาไม่ได้สนใจว่าลมดาราพวกนี้จะมีปัญหาใดๆหรือไม่เพราะเขาเพียงแค่ต้องการจะผ่านโถงลมดารานี้ไปให้ได้ก่อนที่จะมาคิดเรื่องอื่น
เอ่อ…ไป๋อี?
ผู้คุ้มกันจ้องไปที่เจียงอี้อย่างประหลาดใจ แต่หยิ่นรั่วปิงส่งข้อความเสียงถึงนางและขอให้ผู้คุ้มกันไม่ต้องพูดหรือถามอะไร ทั้งสองเพียงแค่ต้องตามหลังเจียงอี้ไปเท่านั้น
ความเร็วของเจียงอี้เร็วขึ้นเรื่อยๆขณะที่ลมดาราถูกดึงดูดเข้ามาและเขาก็ดูดซับมันเข้าไป เจียงอี้ควรนั่งลงและหมุนเวียนการฝึกฝนของเขา ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะบ้าระห่ำได้ง่ายๆ แต่เจียงอี้ก็ตระหนักได้ว่าเมื่อลมดาราเข้าสู่ร่างกายของเขา พวกมันจะไปอยู่ที่ดาวดวงที่เก้าเองและไม่จำเป็นต้องให้เขานำทางมันไปด้วยซ้ำ ดังนั้น เจียงอี้จึงเดินหน้าต่อไปอย่างสบายๆ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เจียงอี้ดูดซับลมดาราไปนับหมื่นสายและพวกเขาก็ได้มาถึงปลายทางห้องโถงแล้ว
แม่นางรั่วปิง ข้าขอตัวไปก่อน ข้าจะตามหาเจ้าหลังจากที่เราออกไปจากซากปรักหักพังสลายบาปแล้ว
เจียงอี้ต้องการตามล่าหวู่นี่และจีทิงยวี่ ดังนั้นมันคงไม่ดีหากหยิ่นรั่วปิงตามเขามา เขาหยุดอยู่ครู่หนึ่งและแจ้งหยิ่นรั่วปิงก่อนที่เขาจะเข้าไปในประตูหินและหายไปจากสายตาของหยิ่นรั่วปิงและผู้คุ้มกันของนาง
นายหญิง นี่มัน….
ในที่สุด ผู้คุ้มกันก็พูดออกมาด้วยความงุนงง หยิ่นรั่วปิงไม่ได้เข้าไปในประตูหินขณะที่นางก้มหัวและครุ่นคิด จากนั้นนางก็พูดออกมา หยิบกระดาษและพู่กันออกมาเขียนเรื่องไป๋อีและภาพเหมือนของเขา และบันทึกทักษะการสอดแนมไว้ด้วย เข้ามาในอารามศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างน่าอัศจรรย์และความสามารถในการดูดซับลมดาราของเขา ตระกูลหยิ่นต้องได้คนผู้นี้มา นี่เป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์และหากเขาไปถึงขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดและมีอุปนิสัยที่ดี ข้าจะพิจารณาในการแต่งงานกับเขา…
ความทรงจำทั้งหมดในซากปรักหักพังสลายบาปจะถูกล้างออกไป แต่ตราบใดที่มันถูกบันทึกไว้ หยิ่นรั่วปิงจะใช้ข้อมูลนี้ค้นหาเจียงอี้และหาทางทุกวิถีทางในการรับเขาเข้าตระกูลให้ได้ แต่งงานกับเขา?
ร่างของผู้คุ้มกันหญิงสั่นสะท้านขณะที่พูดอย่างประหลาดใจ ท่านจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร นายหญิง? แม้ว่าท่านจะยินยอม แต่ตระกูลคงไม่มีวันเห็นด้วยแน่เจ้าค่ะ!
เจ้าผิดแล้วล่ะ!
ดวงตาที่งดงามของหยิ่นรั่วปิงเป็นประกายขณะที่นางพูดอย่างหนักแน่น ตระกูลจะเห็นด้วยอย่างแน่นอน คนผู้นี้มีสิ่งที่ลึกลับมากเกินไปและอาจกลายเป็นจักรพรรดิลี้ลับคนต่อไปได้ เพราะว่า….จักรพรรดิลี้ลับเองก็สามารถดูดซับลมดาราได้เช่นกัน!
��