เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 921 ราชวังราชันเวหา
บรึฟ!
เจียงอี้รู้สึกได้ถึงแสงสีขาวที่สาดส่องและเขาก็ได้เข้ามาในห้องโถงใหม่แล้ว มันเป็นห้องโถงหลักที่แท้จริงและต่างจากห้องโถงก่อนหน้านี้ โถงนี้สว่างมากเนื่องจากมีไข่มุกเรืองแสงมากมายจึงทำให้มองเห็นได้ไกลถึงสามกิโลเมตร
โถงนี้น่าจะกว้างถึงสามกิโลเมตรและสูงสามร้อยเมตร ในทางเดินตรงกลางจะมีเสาหินขนาดยักษ์อยู่ในทุกไม่กี่เมตรซึ่งเอาไว้รองรับเพดาน เสาหินนี้เป็นหินแกะสลักของฉากที่ยักษ์ต่อสู้กับสัตว์อสูรราวกับงานแกะสลักนี้มีชีวิต
นี่คือที่ไหนกัน?
เจียงอี้ขมวดคิ้วและไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างประมาท เขามองไปรอบๆและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์เพื่อสำรวจพื้นที่ เขาสงสัยมากเพราะมันไม่มีคลื่นอาคมในห้องโถงนี้ แม้แต่เสาหินเองก็ไม่มีคลื่นอาคมใดๆ
ฟึ่บ!
แต่เจียงอี้ก็ยังไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างประมาทและหยิบอาวุธออกมาเพื่อขว้างไปตามทาง อาวุธได้เปล่งประกายไฟออกมาบนพื้นแต่ก็ไม่มีอาคมยับยั้งใดๆ
เจียงอี้ค่อยๆเคลื่อนไหวไปช้าๆ เขาหยิบอาวุธขึ้นมาและค่อยๆก้าวไปเรื่อยเพื่อทำให้มั่นใจว่ามันปลอดภัย เขาไม่กล้าเข้าไปใกล้ๆเสาหินและรีบพุ่งไปด้านหน้า คราวนี้มันใช้เวลาไม่นานก่อนที่จะถึงปลายทาง!
ราชวังแม่ทัพเวหา, ราชวังราชันเวหา, ราชวังเทพเวหา!
มันไม่มีทางเข้าที่เบื้องหน้าแต่มีประตูหินขนาดใหญ่สามบานแทน ที่ด้านบนของประตูมีข้อความขนาดใหญ่แต่อ่านยากซึ่งเจียงอี้ต้องพยายามอ่านมันอยู่ครู่หนึ่งถึงอ่านถ้อยคำได้ เขามองไปยังประตูบานใหญ่ทางด้านขวาและดวงตาของเขาก็เป็นประกาย เจี้ยนอู๋อิงบอกว่าหากเขาสามารถเข้าไปยังราชวังราชันเวหาได้ เขาจะได้สิ่งประดิษฐ์ที่มีรูปแบบเต๋า แล้วนี่ไม่ใช่ราชวังราชันเวหาหรอกหรือ? มันอาจเป็นครั้งแรกที่เจียงอี้ได้ยินเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์โบราณ แต่เนื่องจากเจี้ยนอู๋อิงบอกว่ามันถูกควบแน่นด้วยรูปแบบเต๋า มันจึงคงต้องน่าอัศจรรย์กว่าสมบัติเชื่อมดวงจิตเป็นแน่
อาวุธนั้นไร้ชีวิตและแม้แต่สมบัติเชื่อมดวงจิตเองก็ยังเพิ่มได้เพียงแค่พลังโจมตีเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นความแข็งแกร่งของผู้ที่ถือครองอยู่ดี หากจอมยุทธขอบเขตเสินโหยวใช้สมบัติเชื่อมดวงจิต มันคงทำให้สมบัติไร้ค่าจริงๆ
หากว่าสิ่งประดิษฐ์โบราณเหล่านี้มีรูปแบบเต๋าอยู่จริงๆก็คงจะน่าทึ่งไม่น้อย ผู้ครอบครองต้องเกลาสมบัติเพื่อเปิดใช้รูปแบบเต๋าที่อยู่ภายในนั้น และจะก่อการโจมตีอันน่าสยดสยอง หากสิ่งประดิษฐ์โบราณถูกอัดแน่นด้วยรูปแบบเต๋าเจ็ดหรือแปดดาว พลังที่ปล่อยออกมาคงน่าทึ่งเป็นอย่างมาก แต่แน่นอนว่ามันเป็นเพียงการคาดเดาของเจียงอี้เนื่องจากเขาฟังมาจากคำพูดของเจี้ยนอู๋อิงเพียงไม่กี่ประโยค
ข้าควรเข้าไปหรือไม่?
เจียงอี้ลังเลเมื่อมองไปยังประตูของราชวังราชันเวหา เขาเข้ามาที่นี่เพื่อตามหาศัตรูไม่ใช่เพื่อหาสมบัติ และหากเขาเสียเวลาไปกับการล่าสมบัติ มันก็คงไม่คุ้ม
นี่ข้าคิดอะไรอยู่เนี่ย?
ทันใดนั้นเจียงอี้ก็ตบหัวตัวเองและหัวเราะอย่างขมขื่น มันไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้นอกจากเข้าประตูทั้งสามบานนี้ แล้วเขาจะลังเลทำไม?
เจียงอี้ใช้สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์สำรวจดูและสังเกตเห็นว่าอีกสองประตูนั้นมีคลื่นอาคมยับยั้งขณะที่ราชวังราชันเวหาไม่มี เขาจึงยกมือขึ้นมาและปล่อยแก่นแท้พลังไปยังประตู ตูม!
ประตูสั่นเทาเล็กน้อย แต่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เขาจึงขมวดคิ้วและคิด ประตูไม่เปิด? เจียงอี้ลังเลและก้าวไปข้างหน้าแล้วผลักประตูบานใหญ่นั้น จากนั้น…ประตูนั้นก็เปิดขึ้นอย่างเงียบๆ
ไป!
มันไม่มีทางอื่นแล้วและเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกัดฟันก้าวเข้าไปข้างใน และเมื่อเขาเข้าไป ทิวทัศน์เบื้องหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้เขาเข้ามาในห้องโถงที่ใหญ่กว่าเดิมมากนักและเสาหินที่นี่ก็ใหญ่กว่ามาก รอยแกะสลักบนเสานี้ทำให้เกิดแรงกดดันเล็กน้อย
เจียงอี้ไม่กล้าขยับ และหลังจากที่ตรวจดูจนแน่ใจว่าไม่มีอันตรายใดๆ เขาก็เดินไปข้างหน้า
พรุ่บ!
เมื่อเจียงอี้ยกขาขึ้นมา เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่กดทับร่างของเขาไว้จนทำให้ต้องคุกเข่าลงไปกับพื้น เขาลืมตาขึ้นมามองรอบๆและแอบรู้สึกว่าที่นี่น่าสยดสยองเกินไป แรงโน้มถ่วงที่นี่แรงกว่าภายนอกถึงร้อยเท่าและการเดินไปมันคงยากมาก
ลุกขึ้น!
เจียงอี้พยายามกัดฟันลุกขึ้นมาแต่มันแปลกมากที่เขาไม่รู้สึกถึงแรงกดดันเมื่อยืนขึ้น แต่เมื่อเขายกขาขึ้น ความกดดันมันก็เริ่มส่งผลอีกครั้งทันที เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องค่อยๆก้าวไปช้าๆและไม่กล้ายกขาสูงเกินไป
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง…
หลังจากที่เดินไปได้กว่าสามร้อยเมตร ใจของเจียงอี้ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอันตรายอย่างรุนแรง เขานิ่งไปชั่วขณะก่อนเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ทันที มีคลื่นอาคมบนก้อนอิฐด้านหน้า หน้าผากของเจียงอี้เปียกไปด้วยเหงื่ออันเย็นเยียบที่เขาไม่เคยพบมาก่อน หากเขาก้าวไปตรงนั้น เขาอาจสลายไปเลยก็ได้ เจียงอี้ขยับไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและเดินหน้าต่อไปขณะที่อยู่ในสภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ เมื่อเขาเคลื่อนไหว เขาก็เริ่มเห็นว่าจำนวนอิฐที่มีอาคมยับยั้งนั้นมีมากขึ้นและเหมือนจะจงใจนำทางให้เขาค่อยๆเดินไปทางซ้าย
สิบห้านาทีต่อมา เจียงอี้ก็พบโถงทางเดินกว่าสิบที่เบื้องหน้าเขา แต่เขาเดินไปได้เพียงแค่โถงทางซ้ายสุดเนื่องจากทางอื่นมีอิฐที่มีคลื่นอาคมอยู่
นี่มันหมายความเช่นไรกัน? ตั้งใจจะให้ข้าเดินไปตามทางนี้หรือ?
เจียงอี้ลืมตาขึ้นมาและมองทางเดินสามร้อยเมตรนี้อย่างฉงนใจ โถงนี้ไม่ได้ยาวมากนักและมีโถงใหญ่อื่นอยู่ที่อีกฟากของโถง มันน่าจะเป็นโถงภายใน
โถงทางเดินนี้มีความลึกลับหรือเปล่า?
เจียงอี้หยุดไปครู่หนึ่งและสังเกตว่าโถงทางเดินไม่มีอันตรายใดๆ เขาพยายามค่อยๆขยับเข้าไปในโถงทางเดิน และทันทีที่เขาก้าวไปยังโถงทางเดินนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที!
โถงทางเดินที่แต่เดิมไม่มีอาคมยับยั้งใดๆกลับมีคลื่นแสงส่องสว่างออกมาและมีแรงกดดันที่หนักอึ้งกว่าสิบเท่า ร่างทั้งร่างของเจียงอี้ติดอยู่กับพื้นและรู้สึกเหมือนมีคนกำลังเหยียบหัวเขาอยู่!
บัดซบ อาคมยับยั้งของเผ่าพันธุ์โบราณนี้มันบ้าชัดๆ สมาชิกของพวกเขาเข้ามาในโถงแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ?
ด้วยแรงโน้มถ่วงที่ทรงพลังเช่นนี้ มันคงยากพอๆกับการทะลวงสู่สวรรค์หากแม้ว่าเขาอยากจะคลานผ่านโถงทางเดินนี้ก็ตาม หรือแม้ว่าเขาเสี่ยงชีวิตแต่เขาคงไม่สามารถคลานผ่านโถงทางเดินนี้ไปได้ภายในสองชั่วโมงแน่!
ถอยกลับ?
แม้ว่าเจียงอี้จะถอยกลับไป มันก็ไม่มีเส้นทางอื่นอีก อารามศักดิ์สิทธิ์นี้คล้ายกับโถงอื่นๆ มันไม่มีทางออกเลยนอกจากก้าวต่อไปและหาทางออกอื่น ข้าควรจะนอนอยู่ตรงนี้และรอถูกเคลื่อนย้ายออกไปดีไหม?
เจียงอี้ไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้ เขาผ่านความยากลำบากมาเพื่อมาที่นี่และรู้สึกว่ามันคงน่าเสียดายหากไม่ได้เข้าไปดูโถงด้านใน และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้สมบัติอะไรแต่อย่างน้อยเขาก็ควรเข้าไปดูโถงด้านใน นี่คือโถงราชวังของบุคคลสำคัญในเผ่าพันธุ์โบราณ
คลานแล้วกัน!
เจียงอี้กัดฟันและเริ่มคลานไป เขาใช้แรงทั้งหมดของเขาเพื่อคลานไปที่พื้น ด้วยแรงโน้มถ่วงอันทรงพลังนี้มันทำให้ความเร็วในการคลานของเขาเป็นเหมือนหอยทาก เดิมทีเขาต้องการจะผ่านโถงทางเดินนี้ไปให้ได้ในสองชั่วโมง แต่ดูท่าแล้วเจียงอี้คงไม่สามารถออกจากที่นี่ได้และอาจใช้เวลาเป็นอย่างต่ำสามชั่วโมง
คลาน! คลาน! คลาน!
เจียงอี้ไม่ได้สนใจอะไรอื่นขณะที่กัดฟันคลานไปเรื่อยๆ หนึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆจากเบื้องหลัง แต่ตอนนี้เขาผ่านโถงมากว่าหนึ่งกิโลเมตรแล้ว และเขาไม่สามารถแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปได้ สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ของเขาเองก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ไกลนัก มันจึงทำให้เขารู้ว่ามีคนเข้ามาที่นี่ แต่เขาไม่รู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร
ฮ่าฮ่า!
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากด้านหลัง และเขาก็รู้ทันทีว่านั่นเป็นใคร เสียเฟยพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่ดังก้องว่า พวกเจ้าทุกคนรอที่นี่แหละ ข้าจะผ่านเส้นทางศักดิ์สิทธิ์โบราณเพื่อไปเอาสิ่งประดิษฐ์โบราณมาให้ได้ หากมีคนเข้ามาที่นี่มากขึ้น แรงโน้มถ่วงจะยิ่งแกร่งขึ้น พวกเจ้าทั้งหมดอยู่ที่นี่ซะ
ฮ่าฮ่าฮ่า!
หลังจากที่เสียงของเสียเฟยดังก้องได้ไม่นาน ก็มีเสียงหัวเราะอีกเสียงสะท้อนขึ้นมาจากด้านหลังและดวงตาของเจียงอี้ก็เปล่งกลิ่นอายสังหารออกมา หวู่นี่เข้ามาที่นี่ด้วย? เสียงหัวเราะของหวู่นี่ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้และปกป้องทิงยวี่ซะ ดูไว้ซะว่าข้าจะผ่านเส้นทางศักดิ์สิทธิ์โบราณและได้สิ่งประดิษฐ์โบราณของราชันเวหามาได้อย่างไร! เสียเฟย…เจ้าอยากได้สิ่งประดิษฐ์โบราณหรือ? มาดูกันว่าใครจะเร็วกว่ากัน!
เสียเฟย? หวู่นี่? พวกเขาอยากได้สิ่งประดิษฐ์โบราณ?
เจียงอี้เผยความเย้ยหยันออกมาขณะที่ร่างของเขาหมุนไปรอบๆและพยายามคลานไปข้างหน้า ศัตรูตัวฉกาจทั้งสองคนอยู่ที่นี่กับเขา แล้วเขาจะให้คนเหล่านี้ได้สมบัติไปได้อย่างไร?