เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 930 เตาหลอมศักดิ์สิทธิ์
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 930 เตาหลอมศักดิ์สิทธิ์
เจียงอี้เป็นศัตรูกับตระกูลเสีย, ตระกูลหวู่, ตระกูลถูและตระกูลเจี้ยน สี่ตระกูลนี้ไม่ได้ต้องการไล่ล่าเจียงอี้เท่านั้น พวกเขายังตามล่าไป๋อีด้วย ดังนั้นภายในใจเขา เขาและเก้าตระกูลจักรพรรดิถือเป็นศัตรูตัวฉกาจ และแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นศัตรูกับตระกูลอี แต่ตระกูลอีก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปหากพวกเขารู้ถึงตัวตนของเจียงอี้
ดังนั้นเจียงอี้จึงไม่มีความคิดปรารถนาในอีฉานและหยิ่นรั่วปิง แม้ว่าพวกนางทั้งคู่จะเป็นสตรีอัจฉริยะก็ตาม แต่เขากลับทำทุกวิถีทางเพื่อไม่เข้าไปยุ่งกับพวกนาง
และหากเขาไม่อยากวุ่นวายกับพวกนางทั้งสองคน เขาต้องทำให้พวกนางเกลียดเขา!
ดังนั้นเจียงอี้จึงแข็งกร้าวต่ออีฉานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วนอีฉานก็เผยความรังเกียจออกมาทางสายตาแวบหนึ่ง นางแสดงความเห็นอย่างเย็นชาว่า นายน้อยไป๋อีสบายใจได้ อีฉานจะไม่ขอให้เจ้าแต่งงานเข้ามาในตระกูลข้า
นั่นเยี่ยมยอดมาก!
เจียงอี้พยักหน้าเหมือนลูกไก่จิก และเมื่อมองเขาดูโล่งใจมันยิ่งทำให้ความโกรธที่อีฉานเพิ่งจะยับยั้งไว้ได้กลับพุ่งขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? หญิงงามทุกนางบนโลกนี้จะอ้อนวอนให้เขาแต่งงานกับพวกนางหรือไง?
ฮู ฮู!
อีฉานสูดลมหายใจอย่างแผ่วเบาและทำให้ตัวเองสงบลง นางหยุดอยู่ครู่หนึ่งและต้องการจะดูว่าเจียงอี้จะพอเข้าร่วมตระกูลอีได้หรือไม่ แต่นางคาดไม่ถึงว่าเจียงอี้จะพูดขึ้นมาว่า แม่นางอี เจ้าไม่เบื่อที่จะสวมหน้ากากทั้งวันหรือ? ทำไมเจ้าไม่ถอดมันออกเพื่อให้ข้าได้เห็นว่าเจ้าหน้าตาเป็นเช่นไร? แต่ไม่ต้องคิดมาก มันเป็นเพียงแค่ความอยากรู้เท่านั้น เจ้าเองก็รู้ว่าข้าไม่ได้สนใจผู้หญิง
…. อีฉานหันศีรษะไปขณะที่นางขุ่นเคืองอยู่ในดวงตาของนาง ไป๋อีคนนี้ไม่มีมารยาทเลยจริงๆ เขาพูดแบบนี้ได้อย่างไร?
นางกลอกตาและตัดสินใจที่จะตอบโต้และหันกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงหนักหน่วงว่า นายน้อยไป๋อี เจ้าอยากเห็นจริงๆหรือ?
แน่นอน ทำไมล่ะ?
เจียงอี้ขมวดคิ้วและจ้องอีฉานอย่างสงสัย จากนั้นอีฉานก็ยิ้มอ่อนๆผ่านออกมาจากดวงตาของนาง ข้าเริ่มสวมหน้ากากตั้งแต่อายุได้สิบสองปี นอกจากครอบครัวข้าแล้วก็ไม่มีบุคคลภายนอกมีคุณสมบัติที่จะเห็นมัน ก่อนหน้านี้ข้าเคยสาบานไว้ว่านอกจากสามีของข้าแล้ว ข้าจะไม่ให้ผู้ใดเห็นมัน หากเจ้าเห็นหน้าข้า เช่นนั้นเจ้าจะต้องแต่งงานกับข้า
เจียงอี้หรี่ตาของเขาขณะที่สะบัดมือทันที ข้าไม่ดูแล้ว ไม่ดูแล้วก็ได้ ข้าไม่อยากแต่งงานกับเจ้า!โอ๊ย….
เจียงอี้ทำให้อาการบาดเจ็บของเขาแย่ลงจากการสะบัดมือของเขา มันเจ็บปวดมากจนเขาหน้าบูดบึ้งไปด้วยความเจ็บปวด ในตอนแรกอีฉานหงุดหงิดมากเมื่อนางได้ยินคำพูดของเจียงอี้ แต่เมื่อนางเห็นเช่นนี้ นางก็อดหัวเราะไม่ได้และคิดในใจเงียบๆว่าเขาเป็นคนไร้ยางอายที่ไม่มีผู้ใดในโลกเทียบได้เลยจริงๆ!
หลังจากนั้นไม่นาน อีฉานก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า นายน้อยไป๋อี เลิกล้อเล่นเถอะ ข้าเป็นตัวแทนตระกูลอีเพื่อเชิญชวนเจ้า เจ้าสนใจจะเข้าร่วมตระกูลอีของเราหรือไม่? อย่าลังเลที่จะบอกเงื่อนไขของเจ้า ข้าสามารถตัดสินใจแทนพวกเขาได้
ว่าแล้ว…
เจียงอี้ถอนหายใจ แต่ใจของเขาก็สับสนมากขึ้น มันเป็นไปได้ไหมว่าราชาอรหังจะมองไม่เห็นวิชาเทพพลางตา?
สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขณะที่ตอบโดยไม่สะทกสะท้าน แม่นางอี ข้าอยากรู้จริงๆว่าอะไรทำให้ตระกูลอีสนใจในตัวข้า? มีอะไรเป็นพิเศษไหม? แล้วมันคุ้มค่ากับเขาหน้าบูดบึ้งไปด้วยความเจ็บปวด ในตอนแรกอีฉานหงุดหงิดมากเมื่อนางได้ยินคำพูดของเจียงอี้ แต่เมื่อนางเห็นเช่นนี้ นางก็อดหัวเราะไม่ได้และคิดในใจเงียบๆว่าเขาเป็นคนไร้ยางอายที่ไม่มีผู้ใดในโลกเทียบได้เลยจริงๆ!
หลังจากนั้นไม่นาน อีฉานก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า นายน้อยไป๋อี เลิกล้อเล่นเถอะ ข้าเป็นตัวแทนตระกูลอีเพื่อเชิญชวนเจ้า เจ้าสนใจจะเข้าร่วมตระกูลอีของเราหรือไม่? อย่าลังเลที่จะบอกเงื่อนไขของเจ้า ข้าสามารถตัดสินใจแทนพวกเขาได้
ว่าแล้ว…
เจียงอี้ถอนหายใจ แต่ใจของเขาก็สับสนมากขึ้น มันเป็นไปได้ไหมว่าราชาอรหังจะมองไม่เห็นวิชาเทพพลางตา?
สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขณะที่ตอบโดยไม่สะทกสะท้าน แม่นางอี ข้าอยากรู้จริงๆว่าอะไรทำให้ตระกูลอีสนใจในตัวข้า? มีอะไรเป็นพิเศษไหม? แล้วมันคุ้มค่ากับตระกูลอีที่จะยอมจ่ายสิ่งที่มหาศาลเพื่อจ้างข้าหรือ?
ฝ่ามือของราชาอรหังนั้นได้ตบหน้าตระกูลเสียไป และในตอนนี้ เสียเฟยก็ไม่ได้อยู่ในเมืองจักรพรรดิอรหังและไม่มีความตั้งใจจะมาฉลองวันครบรอบจักรพรรดิอรหัง สิ่งนี้มันแสดงให้เห็นถึงทัศนคติของตระกูลเสียแล้ว และอาจกล่าวได้ว่าตระกูลอีจ่ายสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาลเพียงเพื่อรับเขาเข้าตระกูล
อีฉานเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า นายน้อยไป๋ เจ้าอาจลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในซากปรักหักพังสลายบาปไป แต่เราได้บันทึกไว้แล้ว เจ้าน่าจะเข้าใจถึงความสามารถที่น่าอัศจรรย์ที่สามารถดูดซับลมดาราได้และยังปล่อยลมดาราออกมาโจมตีศัตรูได้ด้วย เจ้าเป็นอัจฉริยะคนที่สองที่สามารถเข้าใจความสามารถนี้ได้ นอกจากนี้ เจ้ายังได้สิ่งประดิษฐ์โบราณของนายพลโบราณมาด้วย มันอาจน่าประทับใจอย่างปฏิเสธไม่ได้ และเจ้าน่าจะยังเด็กอยู่ใช่ไหม? ในการอยู่ขอบเขตเทียนจุนขั้นที่สามได้นั้น พรสวรรค์เช่นนี้ค่อนข้างดี ข้ารับประกันได้ว่าภายในสิบปี เจ้าน่าจะขึ้นเป็นยอดฝีมือห้าดาวได้ด้วยการช่วยเหลือด้านทรัพยากรจากตระกูลอี และแน่นอนว่า…ยังมีความเป็นไปได้ที่เจ้าจะทะลวงสู่ขอบเขตกึ่งเทพ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ตระกูลอีจะเมินต่อสิ่งที่ต้องจ่ายทุกประเภทเพื่อจะรับเจ้าเข้าตระกูลเนื่องจากเจ้าเป็นอัจฉริยะที่พิเศษ
คำพูดของอีฉานนั้นแข็งทื่อและตรงประเด็นมาก หากเป็นนายน้อยคนอื่นๆของตระกูลเล็กๆ พวกเขาคงหลั่งน้ำตาแห่งความซาบซึ้งอยู่นานขณะที่คงจะคุกเข่าลงเพื่อจะให้สัตย์สาบานว่าจะภักดีต่อตระกูลอีและจะรับใช้อีฉานตลอดไป
แต่เจียงอี้คงไม่ทำเช่นนั้น!
เขาเคยชินกับอิสระและการไร้ข้อจำกัดของเขา และไม่เคยคิดจะเข้าตระกูลใดเลย นอกจากนี้ ตัวตนที่แท้จริงของเขาทำให้เขาเข้าร่วมตระกูลอีไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงพึมพำกับตัวเองครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า แม่นางอี ข้าขอพิจารณาเรื่องนี้ก่อน ข้าจะให้คำตอบเจ้าหลังวันครบรอบจักรพรรดิอรหัง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าซาบซึ้งกับตระกูลอีของเจ้ามากและข้าก็เป็นหนี้บุญคุณเจ้าด้วย
ก็ได้!
อีฉานพยักหน้าและยืนขึ้น ตระกูลอีไม่เคยบังคับผู้ใดและจะไม่ปล้นสมบัติเจ้า เราจะรับประกันในความปลอดภัยของเจ้าในเมืองจักรพรรดิอรหังนี้ เจ้าจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับข้อจำกัดใดๆหลังเข้าร่วมตระกูลอี แต่ตรงกันข้าม เจ้าจะได้สิทธิพิเศษซึ่งไม่ด้อยไปกว่าผู้อาวุโสศักดิ์สิทธิ์เลย นี่คือคำสัญญาจากตระกูลอีของเรา
ขอบคุณ!
เจียงอี้คำนับเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กระพริบตาแล้วถามว่า แม่นางอี หากข้าเข้าร่วมตระกูลอีของเจ้า เจ้า…จะไม่บังคับให้ข้าแต่งเข้าตระกูลเจ้าใช่ไหม?
… อีฉานกลอกตาของนางและเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เจียงอี้ยิ้ม อย่างไรก็ตาม หัวของเขานึกถึงคำที่อีฉานพูด และในขณะเดียวกันเขาก็สอดส่องเข้าไปในตันเทียนของเขาและร่างของเขาก็สั่นเทาทันที
ลมดารา? นี่ข้าดูดซับลมดาราได้หรือ? พลังงานในตำหนักดาวดวงที่เก้าของข้าเป็นพลังลมดาราหรือ?
เจียงอี้พยายามหมุนเวียนพลังงานออกมาและพลังนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นลมดาราในทันทีขณะที่มันสะบั้นโต๊ะเหลี่ยมออกเป็นสองชิ้นทันที เขาควบคุมพลังนั้นด้วยความคิดอย่างรวดเร็วและลมดาราก็กลับมาที่ฝ่ามือของเขา ในที่สุดมันก็กลายเป็นพลังงานที่ไม่มีรูปร่างและกลับเข้าสู่ตำหนักดาวดวงที่เก้าของเขา
ลึกลับชะมัด!
เจียงอี้ตื่นเต้นมากจนร่างของเขาสั่นเทาเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเพิ่มเกี่ยวกับพลังของลมดาราเลย หากเขาเข้าใจมันได้อย่างสมบูรณ์ นี่ก็จะกลายเป็นหนึ่งในการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาในภายภาคหน้า และเขาอาจสังหารยอดฝีมือสี่ดาวหรือห้าดาวได้!
เจียงอี้จินตนาการถึงลมดาราที่โบยบินอยู่บนฟ้า แม้แต่ยอดฝีมือกึ่งเทพเองก็ไม่สามารถสกัดกั้นมันได้ใช่ไหม? และยอดฝีมือกึ่งเทพจะกล้าบินสูงขึ้นไปบนฟ้าถึงสามสิบกิโลเมตรหรือไม่?
เจียงอี้คิดไม่ออก ในตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะต้องศึกษาลมดารานี้ ท้ายที่สุดแล้วที่นี่คือศาลาหอมหวนอี เขาทำได้เพียงเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อนชั่วคราวจนกว่าเขาจะออกไปจากตระกูลอีได้
ใช่แล้ว!
ออกไปจากตระกูลอี แม้ว่าเขาจะสัญญากับอีฉานว่าเขาจะให้คำตอบหลังวันครบรอบของจักรพรรดิอรหัง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขายื้อเวลาในการให้คำตอบกับนางเพราะเขาจะไม่เข้าตระกูลใดๆทั้งนั้น
บึฟ!
แหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณของเจียงอี้สว่างวาบขึ้นมาและเตาหลอมหินขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา เตาหลอมนี้ใหญ่เท่าอ่างได้และมันมีฝาอยู่บนเตาซึ่งทำให้มันดูเหมือนก้อนหินก้อนหนึ่ง
นี่คือสิ่งประดิษฐ์โบราณ? สิ่งประดิษฐ์โบราณคืออะไร?
เจียงอี้จ้องไปที่เตาหลอมอย่างตั้งใจขณะที่ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ตรวจดูและค้นพบว่าสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถสอดส่องภายในเตาหลอมได้และเขาเห็นเพียงลวดลายมากมายที่อยู่บนเตาหลอม เขาไม่เข้าใจรูปแบบเหล่านั้นแต่เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่น่าเกรงขามจากพวกมัน
เตาหลอมศักดิ์สิทธิ์?
เจียงอี้พบว่ามีคำอยู่ด้านล่างเตาหลอมและเขายังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายจากตัวอักษรเหล่านี้ เตาหลอมนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนและแข็งแกร่งกว่าสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงอีกระดับอย่างแน่นอน
ตึก ตึก ตึก!
เขาพึมพำกับตัวเองครู่หนึ่งก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าจากภายนอก ตามมาด้วยเสียงรายงานของสาวใช้ นายน้อยไป๋อี แม่นางอีขอเข้าพบท่านเจ้าค่ะ