เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 338
บทที่ 338 ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป เวินเที๋ยนเที๋ยนก็จะเป็นคนของผม
จี้จิ่งเชินกัดฟันแน่น เพื่ออดกลั้นความเจ็บปวดที่มาจากหัว
“ยังมียาอยู่อีกไหม? ส่งมาให้ผมหน่อย แต่ครั้งนี้ส่งมาเยอะหน่อยนะ”
น้ำเสียงเป็นห่วงของหมอจางดังมาจากทางปลายสาย และพูดด้วยความตกใจ: “ยาที่เคยให้ไปก่อนหน้านี้ คุณกินมันหมดแล้วเหรอ?”
“อืม”
หมอจางจึงรีบพูด: “นั้นมันยาของสองเดือนนะ คุณกินหมดเร็วไปหรือเปล่า! ผมจะบอกอะไรคุณนะ เวลากินยาชนิดนี้ ไม่ควรกินครั้งละหลายๆเม็ดนะครับ!”
จี้จิ่งเชินยังคงบีบอยู่ตรงที่คิ้ว ความรู้สึกปวดหัวเพิ่มมากขึ้นจนหัวแทบจะระเบิดออกมา
เขากำหมัดแน่น และกดมือไว้บนโต๊ะ เพื่อข่มความเจ็บปวด
“คุณไม่ต้องยุ่งอะไรมากหรอก คุณแค่เอายามาให้ผมในวันพรุ่งนี้ก็พอ!”
พูดเสร็จ เขาก็วางสายไปเลย ข่มความเจ็บปวดไว้ และเปิดข้อมูลที่อยู่บนโต๊ะดู
เพิ่งจะเปิดได้ไม่ถึงนาที จี้จิ่งเชินก็ต้องเบิกตากว้างทันที เมื่อเห็นข้อมูลในกระดาษนั้น
เขาจึงรีบนั่งตัวตรง แล้วรีบเปิดดูหน้าถัดไป
ตระกูลหล่อน
ฉวีรีบเดินเข้ามาจากข้างนอก จนมาถึงห้องหนังสือของคุณนายหล่อน
เมื่อเห็นว่าคุณนายหล่อนกับเวินหงหยู้นั่งอยู่ข้างใน เขาก็ลังเลอยู่สักพัก แล้วค่อยพูดขึ้นมา
“คุณท่าน คุณนายครับ คุณจี้อยู่ข้างนอก เขาบอกอยากพบพวกท่านครับ”
คุณนายหล่อนเงยหน้าขึ้นจากเอกสาร ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเช่นกัน
หลายวันมานี้ เพราะเรื่องของเวินเที๋ยนเที๋ยน ใครก็ไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างดีๆ
เมื่อได้ยินว่าจี้จิ่งเชินมาหา หล่อนหลีก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
เพราะตั้งแต่กลับมาจากตระกูลเวิน จี้จิ่งเชินก็ไม่เคยมาที่ตระกูลหล่อนอีกเลย
เขาจะมาทำไมตอนนี้?
ในขณะที่คิด หล่อนหลีก็ยกมือขึ้นแล้วพูด: “ให้เขาเข้ามาสิ”
“ครับ คุณนายหล่อน”
เมื่อรอจนฉวีผิงเดินออกไปแล้ว คุณนายหล่อนก็ก้มหน้าดูเอกสารในมือต่อ แต่กลับดูไม่รู้เรื่อง
เธอจึงขมวดคิ้ว และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
เมื่อคนที่นั่งอยู่ข้างๆอย่าเวินหงหยู้ได้ยิน ก็เงยหน้าขึ้นมองเธอ ด้วยสายตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“หล่อนหลี คุณไม่ต้องกังวลขนาดนั้นก็ได้ เพราะอย่างน้อยตอนนี้เที๋ยนเที๋ยนก็ยังคงปลอดภัยอยู่”
“ฉันจะวางใจให้เขาอยู่ที่ตระกูลเวินได้ยังไงคะ?”
หล่อนหลีพูดด้วยความไม่ยินยอม
แต่ว่า……
แต่เธอกลัวว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะรู้ความจริงมากกว่า
เรื่องแบบนั้น ถ้าเขาได้รู้ความจริง เขาคงไปจากเธอแน่ๆใช่ไหม?
เวินหงหยู้ดูออกว่าในใจเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงเดินไปข้างๆของหล่อนหลี แล้วนำมือมาวางไว้บนไหล่ของเธอ
“ผมเชื่อว่า ถ้าเที๋ยนเที๋ยนได้รู้ความจริง เขาจะเข้าใจในสิ่งที่คุณได้ทำไปแน่นอน”
แต่หล่อนหลีกลับรู้สึกสงสัย
“เหรอคะ?”
เพราะขนาดตัวของเธอเอง ก็ไม่อาจจะให้อภัยตัวเองได้
แล้วนี่ยิ่งเป็นเวินเที๋ยนเที๋ยนล่ะ……
เวินหงหยู้พูดขึ้นมาเสียงเบา: “พวกเราปิดบังเขาไปตลอดไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? ยังไงซะเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ต้องได้รู้ความจริง”
เมื่อได้ฟังประโยคนี้ บนใบหน้าของหล่อนหลีก็มีอาการกลัวเกิดขึ้นมาทันที
เธอส่ายหน้าอย่างแน่วแน่
“ถึงฉันจะต้องปิดบังเขาไปตลอดชีวิต ฉันก็จะไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับเขาเด็ดขาด”
ในขณะที่กำลังพูดอยู่ จี้จิ่งเชินก็เดินตามฉวีผิงเข้ามาในห้องทันที
สีหน้าของเขาดูแห้งเหี่ยวกว่าสีหน้าของหล่อนหลี ดูแล้วเหมือนกับคนที่ไม่ได้พักผ่อนมาก่อน
และสายตาในตอนนี้ของเขาที่ใช้มองหล่อนหลีกับเวินหงหย้ กลับเป็นสายตาที่ไม่เป็นมิตรและดูอันตราย
“พวกคุณกำลังปิดบังผมกับเที๋ยนเที๋ยนเรื่องอะไรกันแน่?”
หล่อนหลีกับเวินหงหยู้หันไปสบตากัน แต่กลับไม่ตอบอะไรสักอย่าง
จี้จิ่งเชินจึงพูดออกไปตรงๆ: “ตกลงแล้ว เที๋ยนเที๋ยนเป็นลูกของพวกคุณหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของหล่อนหลีก็เปลี่ยนไปทันที
“คุณรู้ได้ยังไง?”
เมื่อเห็นหน้าของเธอ จี้จิ่งเชินก็ยิ่งมั่นใจในคำตอบที่ได้รับเมื่อสักครู่
เขาจึงกำหมัดแน่นขึ้น
“ไม่แปลกใจเลยที่ผมรู้สึกมาตลอดว่า การปฏิบัติต่อเที๋ยนเที๋ยนของพวกคุณมันดูแปลกเกินไป”
เขามองไปหาสองคนที่ยืนพูดอะไรไม่ออกอยู่ข้างหน้าของเขา แล้วถาม: “ผมจำได้ ว่ามีคนที่นำเที๋ยนเที๋ยนไปทิ้งไว้หน้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เป็นพวกคุณเองเหรอที่นำเธอไปทิ้งไว้”
“ไม่ใช่!”
สีหน้าของหล่อนหลีซีดลงทันที และพูดขัดเขาขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แหลมและเศร้ารันทด
คนที่ยืนอยู่ข้างหลังของเธออย่างเวินหงหย้ก็เข้ามาประคองหล่อนหลีไว้แน่น แล้วพูดกับจี้จิ่งเชิน: “เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิด และเพื่อปกป้องเที๋ยนเที๋ยนพวกเราจึงได้ส่งเธอไป”
“ปกป้องเธอ หรือว่าปกป้องตัวเองกันแน่?”
“แน่นอนว่า……”
คุณนายหล่อนพูดไปได้ครึ่งหนึ่ง น้ำเสียงก็หายไปทันที เพราะไม่รู้ว่าจะตอบกลับเขาไปยังไงดี
ในตอนนั้น เธอเพิ่งจะยี่สิบสามเอง
การเผชิญกับการต่อต้านของตระกูลหล่อนและตระกูลเวิน พวกเขาจะสามารถปกป้องลูกอย่างเที๋ยนเที๋ยนได้ยังไง?
และวิธีเดียวที่มีก็คือส่งเธอออกไป
ที่พวกเขาทำแบบนี้ก็เพื่อเที๋ยนเที๋ยน แต่ก็ทำเพื่อตัวเธอและเวินหงหยู้ด้วยเหมือนกัน
และด้วยเหตุนี้ หล่อนหลีจึงรู้สึกผิดต่อเวินเที๋ยนเที๋ยนตลอดมา และหลังจากที่เธอได้สืบทอดตระกูลต่อ เธอจึงแทบรอไม่ไหวที่จะรับเที๋ยนเที๋ยนกลับมาอยู่ด้วยกัน
เมื่อเห็นสีหน้าลังเลของเธอ สีหน้าของจี้จิ่งเชินก็ยิ่งดูไม่ได้ขึ้นไปอีก
สายตาของเขามองสลับไปมาอยู่ที่คุณนายหล่อนและเวินหงหยู้
“ดูเหมือนว่าเวินฉี่จะพูดถูกไปหนึ่งประโยค สำหรับพวกคุณแล้วการแต่งงานคือสิ่งเดียวที่พวกคุณต้องการ ส่วนเวินเที๋ยนเที๋ยนจะเป็นหรือจะตายนั้น มันไม่ได้สำคัญอะไรกับพวกคุณเลย”
“ไม่จริง!”
หล่อนหลีพูดขัดคำพูดของจี้จิ่งเชินขึ้นมาด้วยความโกรธ แล้วรีบยืนขึ้น
“ฉันก็อยากจะช่วยเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมา แต่จะทำยังไงได้ล่ะ? แล้วถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากจะเลี้ยงดูเที๋ยนเที๋ยนด้วยตัวเองเหมือนกัน!”
“แล้วทำไมคุณถึงไม่ทำ? ทำไมวันนั้นคุณถึงได้หนีล่ะ? ”
หล่อนหลีอึ้งทันที สีหน้าก็เริ่มซีดลง
“ฉัน……ฉันกลัว……”
เธอกลัว
กลัวเที๋ยนเที๋ยนจะรู้ว่าเธอเป็นคนทิ้งเขาไป
และยิ่งกลัวเขารู้ว่า ถึงแม้พวกเขาจะเป็นแม่ลูกกัน แต่เธอก็ไม่อาจเปิดเผยสถานะของเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ ทำได้เพียงรับมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม
เรื่องแบบนี้ แม้แต่เธอก็ไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ แล้วจะมาขอให้เวินเที๋ยนเที๋ยนอภัยให้กับเธอได้ยังไง?
ในตอนนั้น ไม่ง่ายกว่าที่เธอจะได้ลูกของตัวเองกลับมา แต่สุดท้ายก็จะจากเธอไปอีก
เธอพยายามคิดหาวิธีที่ดีที่สุด แต่ก็หาไม่เจอ
แต่ว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าของเธออย่างจี้จิ่งเชิน ก็คงไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกตอนนี้ของหล่อนหลีหรอก
น้ำเสียงของเขาเย็นราวกับน้ำแข็ง
“ในเมื่อพวกคุณไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของเที๋ยนเที๋ยน และไม่ได้สนใจว่าเธอจะเป็นหรือตาย งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะเป็นคนปกป้องเวินเที๋ยนเที๋ยนเอง”
เขาหันไปมองสองคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าของเขา แล้วพูดให้คำมั่นสัญญา: “ผมจะเป็นคนไปช่วยเธอออกมาเอง และตั้งแต่วันนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็จะเป็นคนของผมจี้จิ่งเชิน”
“คุณกล้าเหรอ!”
หล่อนหลีตบไปที่โต๊ะแล้วยืนขึ้น
แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่ได้รู้สึกถึงการถูกข่มขู่เลยสักนิด
“ผมกล้าแน่นอน นับตั้งแต่วันที่ผมจะช่วยเวินเที๋ยนเที๋ยนออกมา เธอก็จะเป็นคนของผมจี้จิ่งเชินเพียงคนเดียว”
พูดเสร็จ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป โดยไม่ได้สนใจความไม่พอใจของเวินหงหยู้กับหล่อนหลี
หลังจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกพากลับมาที่ห้องนอน เธอก็ถูกขังอยู่ในห้องเป็นเวลาหนึ่งวันเต็มๆ
จนวันที่สอง จึงได้ถูกปล่อยออกจากห้อง
แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว เธอก็ไม่กล้าทำอะไรตามใจตัวเองอีกแล้ว และกลับอยู่ในห้องและรอการมาของหลวนจื่อ
แต่จนถึงช่วงบ่าย หลวนจื่อก็ยังไม่มา
และเพราะเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่มีวิธี จึงทำได้แค่ไปถามจากคุณนายเหยา
เหยาเย้นจึงพูดเตือน:“วันนี้หลวนจื่อไม่มาหรอก”
“ทำไมล่ะคะ ไหนเมื่อวานบอกว่าวันนี้จะมาไม่ใช่เหรอ? ฉันยังมีเรื่องที่สำคัญมากๆจะบอกเธอ!”เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดอย่างกังวล
สีหน้าของเหยาเย้นแสดงออกถึงความรู้สึกขอโทษ
“ขอโทษนะ ฉันว่าน่าจะเกี่ยวกับการที่เธอคิดจะหนีเมื่อวาน หงไห่เลยออกคำสั่ง ไม่อนุญาตให้ใครมาหาเธออีก