เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 361
บทที่ 361 คำตอบของฉัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันมองไปรอบๆ เพราะตอนที่เธอออกมาจากตระกูลเวิน เธอยังตัวคนเดียว
เธอตัดสินใจแล้วว่า ถึงแม้เธอจะตัวคนเดียว แต่เธอก็จะต้องแบกบริษัทที่จี้จิ่งเชินเหลืออยู่ให้ได้
แต่เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าจะมีคนที่คอยสู้ไปกับเธอเยอะขนาดนี้
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงหันไปยิ้มให้กับพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นใน แล้วโค้งตัวเล็กน้อย
“ต่อไป ของฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนด้วยนะคะ”
เมื่อคุยกับผู้จัดการหยางอยู่สักพัก เวินเที๋ยนเที๋ยนก็นำเอกสารของจงหลีแล้วเดินออกไป ในขณะที่เดินอยู่นั้น เธอก็กดโทรหาเขาไปด้วย
แต่โทรไปเท่าไหร่ ก็ไม่มีคนรับสาย
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงทำได้แค่หาที่อยู่ของจงหลี แล้วขับรถไปหาเขา
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เวินเที๋ยนเที๋ยนได้เจอกับจี้จิ่งเชิน ก็มีจงหลีที่คอยอยู่ข้างกายของจี้จิ่งเชินตลอดมา
ผู้จัดการหยางได้เล่าว่า ถึงแม้อายุของจงหลีจะยังน้อย แต่เขาก็เป็นหนึ่งในคนที่ช่วยจี้จิ่งเชินก่อตั้งบริษัทเอ็มไอกรุ้ปขึ้นมา
และยิ่งสถานการณ์แบบนี้ เขายิ่งจะไม่ลาออกไปง่ายๆแน่นอน
เวินเที๋ยนเที๋ยนขับรถจนมาถึงที่อยู่ของจงหลี
เมื่อขึ้นตึกมา เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ตรวจสอบเอกสารที่อยู่ในมือ และหยุดอยู่ตรงหน้าประตูบานหนึ่ง แล้วยกมือขึ้นเคาะประตู
“จงหลี? จงหลี!”
เธอเรียกอยู่สักพัก ยังไม่ทันที่ประตูห้องจะได้เปิดออก ประตูห้องข้างๆก็เปิดออกมาเสียก่อน
มีผู้หญิงอายุประมาณห้าสิบต้นๆคนหนึ่งโผล่หน้าออกมา และมองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความระแวดระวัง
“คุณมาหาใครคะ?”
“สวัสดีค่ะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปหาเขา และถามขึ้นมา: “ขอถามหน่อยค่ะ จงหลีที่พักอยู่ห้องนี้เขาอยู่ไหมคะ?”
ผู้หญิงคนนั้นมองไปทางห้องของจงหลี แล้วพูด: “อ๋อ เขาออกไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะค่ะ แต่ยังไม่ได้กลับมาเลย คุณมาหาเขามีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า และในขณะที่เธอกำลังจะเดินออกไป จู่ๆผู้หญิงคนนั้นก็เรียกให้เธอหยุดเสียก่อน
“ฉันนึกออกแล้ว!คุณคือเวินเที๋ยนเที๋ยนใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอึ้งไปสักพัก ไม่คิดว่าจะยังมีคนรู้จักเธอด้วย
เมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าเธอคือใคร ก็รีบเปิดประตูออกมา แล้วมองเธอด้วยสายตาที่สำรวจ
“ฉันได้ยินมาว่าไม่กี่วันก่อนหน้านี้ที่ตระกูลจี้ได้เกิดไฟไหม้เหรอคะ แล้วเรื่องที่จี้จิ่งเชินถูกไฟคลอกตาย เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินประโยคนี้ ร่างของเธอก็สั่นขึ้นมาทันที
ผ่านไปสักพัก เธอถึงค่อยดึงสติกลับมาได้
“ไม่จริงค่ะ จี้จิ่งเชินเขาไม่ได้เป็นอะไร”
แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับพูดว่า: “จริงเหรอ? แต่ทำไมฉันได้ยินว่า ประธานของบริษัทเอ็มไอกรุ้ปไม่ได้ถูกช่วยออกมาล่ะ? ”
“อย่าไปเชื่อข่าวปลอมพวกนั้นเลยค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว และแกะมือของผู้หญิงคนนั้นที่จับแขนเธออยู่ออก
“ถ้าจงหลีกลับมา รบกวนให้เขาติดต่อฉันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ”
พูดเสร็จ เธอก็รีบหมุนตัวและเดินลงไปข้างล่างตึก
แต่ผู้หญิงคนนั้น กลับยังไม่ยอมให้เธอไป
“เดี๋ยวก่อน คุณยังเล่าไม่เสร็จเลย ไฟไหม้ครั้งใหญ่ขนาดนั้น ยังรอดชีวิตได้อีกเหรอ?”
ข้างหลังของเธอก็มีเสียงที่สงสัยของผู้หญิงคนนั้นลอยมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยุดเท้าลงทันที แล้วรีบหันหน้ากลับไป
“ก็เพราะว่าเขาคือจี้จิ่งเชินไงคะ”
น้ำเสียงที่หนักแน่นของเธอทำให้ผู้หญิงคนนั้นอึ้งไป และเงียบลงในทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงค่อยหมุนตัว ยืดหลังตรง แล้วเดินออกไป
ยังไม่ทันได้ขึ้นรถ จู่ๆก็ได้ยินเสียงของคนสองคน จากอีกฝั่งของถนน
“นี่ดื่มมาทั้งวันแล้วนะ และถ้าเกิดปัญหาขึ้น พวกฉันรับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ”
“ถ้ารับผิดชอบไม่ไหว ก็โทรแจ้งตำรวจเลยสิ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมอง ก็พบว่าตรงประตูของบ้านที่อยู่ข้างถนนหลังหนึ่ง มีคนสองสามคนยืนอยู่ข้างนอก และบนพื้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่
เธอมีความรู้สึกคุ้นตากับลักษณะท่าทางของคนที่นอนอยู่บนพื้น
เธอจึงเดินเข้าไปด้วยความสงสัย เพิ่งจะเดินเข้าไปได้เล็กน้อย ก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นมาทันที เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่นอนอยู่บนพื้น
จงหลี?
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงรีบเดินเข้าไป พอเข้าไปใกล้ ก็มีกลิ่นเหล้าตีขึ้นมาที่จมูกของเธอ
เธออยากพยุงจงหลีให้ลุกขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับเมาจนยืนไม่ไหว พร้อมกับหลับตาไว้ทั้งสองข้าง
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังโทรแจ้งตำรวจอยู่
“อย่าโทรแจ้งตำรวจเลยค่ะ พอดีฉันรู้จักกับเขา เดี๋ยวฉันจะเป็นคนพาเขาไปโรงพยาบาลเองค่ะ”
ผู้ชายคนนั้นมองมาที่เวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความสงสัย และอาจจะเพราะไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย เขาก็เลยพยักหน้า
“รีบพาเขาไปเลยนะ เพราะมันรบกวนการเปิดร้านของพวกผม”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงชันเข่าลง แล้วมองไปยังจงหลีที่นอนอยู่บนพื้น
สูทที่เขาสวมอยู่นั้นยับไปหมด และมีรอยเปื้อนเป็นคราบเขม่าบางๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเม้มปากและเงียบลงทันที เธอพยุงจงหลีขึ้นมาจากพื้น แล้วพาไปขึ้นรถอย่างยากลำบาก
เพราะพิษสุราเรื้อรังระดับกลาง
จงหลีจึงถูกส่งให้ไปล้างท้องที่โรงพยาบาล และทำการเติมน้ำเกลือ จนในสุดท้ายสีหน้าของเขาก็ค่อยๆดีขึ้นมาเล็กน้อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่ข้างๆเตียงคนไข้ และมองไปยังสูทของจงหลีที่ถูกเปลี่ยน แล้วนำมาพาดไว้บนเก้าอี้
คราบเขม่าบนเสื้อ เป็นร่องรอยจากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกิดที่ตระกูลจี้หรือเปล่า?
เธอจึงถอนหายใจออกมา
เมื่อน้ำเกลือหยดไปได้ครึ่งถุงแล้ว คนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างจงหลีจึงค่อยๆตื่นขึ้นมา
ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังไม่หมด จึงส่งผลต่อการทำงานของประสาท เขาจึงขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่สักพัก
และเมื่อมองเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“คุณเวิน……”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินเสียง ก็รีบหยุดความคิดต่างๆในหัว แล้วหันไปมองเขา
แต่วินาทีต่อมาก็เห็นว่าเขาลุกขึ้นนั่ง และพยายามลงมาจากเตียงคนไข้อย่างยากลำบาก
เธอกำลังจะยื่นมือเข้าไปขวางไว้ แต่กลับมีเสียงตูมขึ้นมา แล้วจงหลีก็ลงไปคุกเข่าอยู่ตรงพื้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยุดการกระทำทุกอย่างลงทันที และมองไปที่เขา
จงหลีก้มหน้า แล้วพูดน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“เป็นความผิดของผมเองครับ!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะผม บริษัทก็คงจะไม่เกิดปัญหา แล้วก็คงไม่เกิดเรื่องขึ้นกับประธานจี้ด้วย เป็นความผิดของผมเองครับ!”
เขากัดฟันแน่น และพูดด้วยความเสียใจ: “ถ้าตอนนั้นผมระวังอีกนิด ก็คงไม่ถูกหลอก และคงไม่เสียบริษัทไปแบบนี้ ผม…… ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนดึงมือกลับ และก้มหน้ามองเขาด้วยสายตาที่นิ่ง
“พูดเสร็จหรือยัง?”
จงหลีอึ้งไปสักพัก ก้มหน้า แล้วกัดฟันแน่น สองมือที่อยู่ข้างลำตัวก็กำหมัดไว้แน่นเหมือนกัน
“ผม……”
“ต้องอีกนานเท่าไหร่ คุณถึงจะกลับไปที่บริษัทได้?” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขึ้นมา
เมื่อจงหลีได้ยิน ก็เงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยความตกใจ
วินาทีนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นว่าขอบตาของเขาแดงขึ้น และมีน้ำตาคลอเบ้า
“ผม……ผมไม่สมควรที่จะกลับไป”
“เพราะฉะนั้นคุณจะทิ้งบริษัทไป แล้วไปแอบดื่มเหล้าต่ออย่างนั้นเหรอ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดเสียงเย็น
จงหลีพูดอะไรไม่ออก
“ผม……”
“จงหลี” จู่ๆเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เปิดปากเรียกชื่อเขาขึ้นมา“บริษัทยังอยู่”
น้ำเสียงของเธออ่อนลงเล็กน้อย แล้วพูดต่อ: “คุณคุ้นเคยกับบริษัทเอ็มไอกรุ้ปมากกว่าพวกฉันทุกคน แล้วถ้าตอนนี้จี้จิ่งเชินยืนอยู่ตรงนี้ คุณคิดเหรอว่าเขาจะยอมให้คุณเป็นแบบนี้ต่อไปเหรอ? ”
จงหลีรู้สึกจุกอยู่ตรงคอ
น้ำตาในเบ้าตาของเขายิ่งเพิ่มขึ้น มองเวินเที๋ยนเที๋ยน และเม้มปากไว้แน่น ราวกับกลัวตัวเองจะร้องไห้ออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้ามาหนึ่งก้าว แล้วพูดต่อ: “ฉันอยากรักษาสิ่งของของจี้จิ่งเชินไว้ ฉันอยากรักษาบ้านและบริษัทของเขาไว้ เพื่อรอจี้จิ่งเชินกลับมา”
“แต่ฉันทำคนเดียวไม่ได้”
จงหลีรู้สึกลังเล
“แล้วถ้าผม……”
“จี้จิ่งเชินเคยโทษคุณอย่างนั้นเหรอ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขัดคำพูดของเขาขึ้นมา แล้วถาม
จงหลีอึ้งไปสักพัก แล้วส่ายหน้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงยกมุมปาก แล้วค่อยๆยิ้มขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้น นี้ก็เป็นคำตอบของฉัน”
พูดเสร็จ เธอก็หมุนตัวและก้าวเดินออกไปสองก้าว
แล้วพูดขึ้นมาอีก: “ตำแหน่งผู้ช่วยพิเศษประธานของบริษัทเอ็มไอกรุ้ป ยังคงรอคุณอยู่เสมอนะ”
พูดเสร็จ เธอก็เปิดประตู และกำลังจะเดินออกไป
จงหลีที่คุกเข่าอยู่ตรงพื้น ก็ค่อยๆก้มหัวลง จนหน้าผากติดกับพื้น
ภายในห้องนั้นเงียบสนิท และเห็นได้แค่เพียงแสงจางๆ ที่ลอดเข้ามาจากร่องนิ้วของเขา
“คุณเวิน!”
อยู่ๆ เขาก็พูดเสียงดังขึ้นมา ราวกับพูดออกมาจากแรงที่เขามีทั้งหมด
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงได้หยุดการกระทำลงทันที
จงหลีจึงได้พูดต่อ: “พรุ่งนี้ ผู้ช่วยพิเศษของท่านประธานจะไปรายงานตัวที่บริษัทให้ตรงเวลาครับ!”
เขาตะโกนพูดเสียงดังไปด้วย และยังร้องไห้ไปด้วย
“อืม”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตอบกลับไปเบาๆ และเปิดประตูเดินออกไปทันที