เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 364
บทที่ 364 การประมูล
เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งจะก้าวเท้าออกจากตระกูลหล่อน ก็มีคนนำความเคลื่อนไหวของเธอไปบอกกับเวินหงไห่แล้ว
“เธอปฏิเสธการช่วยเหลือจากหล่อนหลีอย่างนั้นเหรอ?” เวินหงไห่ถามด้วยความไม่แน่ใจ
“ใช่แล้วครับ และเมื่อสักครู่เธอก็เข้าไปในตระกูลหล่อนได้ไม่ถึงสามสิบนาที ก็รีบออกไปเลยครับ”
ในขณะที่เวินหงไห่กำลังฟังอยู่นั้น ก็หลุบสายตาลง และครุ่นคิดอยู่สักพัก
ผ่านไปสักพัก ถึงได้พูดขึ้นมา: “คอยจับตาดูเธอต่อไป อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันประมูลแล้ว ห้ามให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมาในระหว่างนี้เด็ดขาด”
“ครับ”
ชายคนนั้นจึงยืนตัวตรง และก้มศีรษะเล็กน้อย
เวินหงไห่ลุกขึ้นมา เดินไปข้างหน้าสองก้าว และลูบวอลนัทในมือ แล้วถามขึ้นอีก: “แล้วทางจี้จิ่งเชินล่ะ? มีเบาะแสอะไรเพิ่มไหม”
“ตอนนี้ก็ยังหาเบาะแสไม่เจอเลยครับ”
“ไอ้คนไร้ประโยชน์”
เวินหงไห่ทุบไปบนโต๊ะ แล้วพูดด้วยความโกรธ : “หาต่อไป! ไม่ว่าจะเป็นศพ หรือว่าเถ้ากระดูก ก็ต้องหามาให้ฉัน! ”
เมื่อชายคนนั้นฟังเสร็จ ก็รู้สึกลำบากใจขึ้นมาทันที
“นายท่าน ถ้าตามที่ตำรวจได้สันนิษฐานไว้ ด้วยไฟที่มันแรงขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จี้จิ่งเชินจะยังมีชีวิตอยู่ ”
“แล้วศพล่ะ?”
เวินหงไห่ขึ้นเสียงขึ้นมาทันที แล้วก็พูดดุ: “ในเมื่อยังไม่สามารถหาศพของเขาเจอ ฉันก็ไม่สามารถวางใจได้!”
ถึงแม้ทุกคนจะเห็นพ้องกันว่า จี้จิ่งเชินไม่มีโอกาสที่จะได้รอดชีวิต แม้แต่ทางตำรวจเองก็พร้อมที่จะประกาศข่าวการเสียชีวิตของเขาแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าทำไม เวินหงไห่กลับรู้สึกไม่สบายใจ คิดแค่ว่าไม่สามารถปล่อยไปได้
“ยังไงซะก็ต้องหาเขาให้เจอ! ถึงแม้จะเป็นศพ ก็ต้องหาให้เจอ!”เขาพูดสั่งออกไปอีกครั้ง
“ครับ ผมจะรีบสั่งให้พวกเขาออกไปจัดการเดี๋ยวนี้ครับ”
พูดเสร็จ ชายคนนั้นก็เดินออกไป
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมาถึงตระกูลเวิน และยังไม่ทันได้เข้าไปในห้อง ก็เจอเข้ากับเหยาเย้นที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก
เธอลังเลอยู่สักพัก ไม่รู้ว่าควรคุยหรือไม่ควรคุย
ก่อนหน้านี้เพราะเธอเป็นเหตุ จึงทำให้เหยาเย้นต้องมาพัวพันกับเรื่องนี้ด้วย เธอเองก็รู้สึกผิดในใจมาตลอด
แล้วถ้าตอนนี้ถูกเวินหงไห่เห็นว่าเธอกับเขาคุยกัน ก็อาจจะมีความเข้าใจผิดเกิดขึ้นอีก?
เธอคิดอยู่สักพัก จนสุดท้ายเลือกที่จะหมุนตัวเดินออกไป
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เดินขึ้นบันได กลับถูกเหยาเย้นเรียกหยุดไว้เสียก่อน
“เที๋ยนเที๋ยน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยุดเดินลงทันที เมื่อเธอหันกลับไปก็เห็นเหยาเย้นขมวดคิ้วอยู่ ราวกับมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ
“คุณนายเหยา มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”
เหยาเย้นไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดยังไงดี
หลังจากได้รู้ข่าวของจี้จิ่งเชิน เธอก็จมอยู่กับการโทษตัวเองมาตลอด
เพราะถ้าไม่ใช่เธอที่นำเรื่องของจี้จิ่งเชินไปบอกกับเวินฉี่และเวินหงไห่ ก็อาจจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับจี้จิ่งเชิน
มันเหมือนเป็นการฆ่าจี้จิ่งเชินทางอ้อม
แต่เธอกลับไม่กล้าบอกเวินเที๋ยนเที๋ยน
เธอขมวดคิ้ว และครุ่นคิดอยู่สักพัก สายตาก็เหลือบไปมองบนมือของเวินเที๋ยนเที๋ยน
บนมือของเขายังคงมีรอยแผลจากการถูกไฟคลอก ผ่านมานานขนาดนี้แล้วยังไม่หายอีกเหรอ เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่ได้ดูแลรักษามันดีๆ
ในใจของเหยาเย้นก็ยิ่งรู้สึกผิดขึ้นไปอีก จึงพูดขึ้นมาเสียงเบา“มือของคุณได้รับบาดเจ็บนี่ ทำไมไม่รักษาดีๆละ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยกมือขึ้นมาระดับเอว และหันไปมองเขา
ฝ่ามือ และนิ้วมือของทั้งสองข้าง เต็มไปด้วยรอยแผลเล็กๆเต็มไปหมด
รอยแผลทั้งหมดนี้ได้มาการไปช่วยชีวิตของจี้จิ่งเชินในวันที่ไฟไหม้
และจะมีความเจ็บเกิดขึ้นตรงมือบ่อยๆ ทำให้เธอนึกถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า
เธอยังไม่ทันจะพูดขึ้นมา ก็ถูกสองมือของเขากุมไว้เสียก่อน
เหยาเย้นพาเธอไปนั่งบนเก้าอี้ แล้วลุกไปหากล่องปฐมพยาบาล หยิบยาออกมาจากในกล่อง
และพูดขึ้นมา: “ถ้าหากไม่รักษารอยแผลที่ถูกไฟไหม้ดีๆ ก็จะเจ็บไปหลายวันนะ และรอยแผลก็จะหายช้าด้วย”
เมื่อนำน้ำเกลือมาเช็ดบนมือ เธอก็รู้สึกแสบขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ความเจ็บปวดในครั้งนี้ สำหรับเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วเป็นอะไรที่เธอคุ้นชินแล้ว
“ขอโทษนะคะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขึ้นมา
เหยาเย้นหยุดการกระทำลงทันที และร่างกายของเธอก็สั่นขึ้นมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงพูดต่อ: “ก่อนหน้านี้เป็นเพราะฉันเองที่ขอให้คุณช่วยติดต่อจี้จิ่งเชินให้ จนทำให้คุณต้องมาเกี่ยวข้องเรื่องนี้ด้วย ”
เหยาเย้นก็ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปอีก
เธอช่วยเวินเที๋ยนเที่ยนทายาอย่างเบามือ แล้วพูดเสียงต่ำ: “ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องขอโทษเธอถึงจะถูก”
เมื่อเธอได้ยินประโยคนี้ ก็รู้สึกไม่เข้าใจ แต่เหยาเย้นกลับไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่กลับยืนขึ้น
“ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไรให้ฉันช่วย ก็บอกฉันได้เลยนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้าขึ้นมาทันที
“ไม่เป็นไรค่ะ ต่อไปคุณ……”
เธอยังไม่ทันพูดจบ อยู่ๆเหยาเย้นก็จับมือเธอไว้ แล้วพูดด้วยความจริงจัง: “ถึงแม้ฉันจะช่วยอะไรเธอได้ไม่มาก แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆฉันอาจจะช่วยเธอได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูตาของเขา และลังเลอยู่สักพัก จนในสุดท้ายก็พยักหน้า
เมื่อเห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนยอมรับความช่วยเหลือจากเธอ เหยาเย้นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที แล้วเธอก็ยกยิ้มมุมปาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนมองเขาที่เดินออกไปด้วยความสงสัย แล้วจึงค่อยหมุนตัวกลับเข้าห้องไป
หลังจากสามวัน ก็ถึงวันจัดการประมูลครั้งใหญ่
และของที่นำเอามาประมูลทั้งหมด ก็เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่อยู่ภายใต้ชื่อของจี้จิ่งเชิน ตั้งแต่ขนาดใหญ่อย่างบริษัท จนถึงทรัพย์สินขนาดเล็กอย่างปราสาท ทั้งหมดนี้จะทำการประมูลในราคาพิเศษ
ผู้คนที่จะเข้าร่วมในการประมูลครั้งนี้ ก็เป็นคนที่ถือโอกาสนี้เพื่อได้บริษัทนี้ไป
ทรัพย์สินที่ไม่มีคนถือครองต่อ ก็จะถูกเก็บเป็นทรัพย์สินของส่วนกลาง และจะถูกนำออกขายไป
ถ้าทรัพย์สินขนาดใหญ่อย่างบริษัทถูกขายออกไป จะเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
โดยปกติแล้วสถานการณ์แบบนี้ ต้องผ่านการตรวจสอบและทำสถิติอยู่หลายปี แต่ครั้งนี้มันเร็วมากจนทุกคนตกใจ
ใครๆก็ดูออก ว่ามีคนคอยบงการอยู่ด้านหลัง
เพราะตั้งแต่บริษัทของจี้จิ่งเชินได้เกิดปัญหาขึ้น ก็ถูกผู้คนจับจ้องอยู่แล้ว
แต่สำหรับคนอื่นแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้กระทบต่อผลประโยชน์ของพวกเขา พวกเขาถึงขั้นพูดว่ายอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นได้
เวินหงไห่นั่งอยู่ตรงแถวแรก
วันนี้เวินฉี่ไม่ได้มาร่วมงานกับเขาด้วย จากในตอนแรกที่มีความมั่นใจมาก แต่หลังจากหันมองไปรอบๆแล้วกลับไม่เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที จึงได้ค่อยเช็คความเคลื่อนไหวของเวินเที๋ยนเที๋ยนจากลูกน้องครั้งแล้วครั้งเล่า
หลังจากล่าสุดที่ไปตระกูลเวิน เธอก็ราวกับนำเรื่องการประมูลทิ้งไป แต่เธอเริ่มเตรียมโครงการความร่วมมือของบริษัทกับจงหลี
เรื่องมันมีความแปลก แต่เขากลับมองไม่ออก ว่าในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นต้องการจะทำอะไรกันแน่
ตอนแรกเธอสาบานต่อหน้าศาล ว่าจะรักษาบริษัทเอ็มไอกรุ้ปไว้ แต่ตอนนี้ทำไมถึงไม่มีความเคลื่อนไหวเลยล่ะ?
แล้วยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เธอกำลังยุ่งอยู่กับการแก้ปัญหาโครงการความร่วมมือ ราวกับเธอกำลังทำชุดแต่งงานให้กับพวกเขาเองเท่านั้น
เขาบอกกับตัวเองในใจ ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนอาจจะยอมแพ้กะทันหันแล้วก็ได้
หรืออาจจะกลัวก็ได้……
ในขณะที่กำลังคิดอยู่ การประมูลก็ได้เริ่มขึ้น
เขาจึงหันไปมองอีกรอบ แต่ก็ยังไม่เจอแม้แต่เงาของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินหงไห่ยกยิ้มด้วยความพอใจ และจัดระเบียบของคอเสื้อสูท แล้วนั่งตัวตรง
ดูเหมือนเธอจะยอมแพ้แล้วจริงๆ
บนเวทีของการประมูล พิธีกรกำลังแนะนำความเป็นมาของสินค้าที่นำมาประมูลอย่างเป็นระเบียบ
“ของประมูลชิ้นแรกที่เราจะนำออกมาประมูลในวันนี้ คือปราสาทที่อยู่ภายใต้ชื่อของจี้จิ่งเชิน เนื้อที่ประมาณสามพันสี่ร้อยตารางเมตร คุณจะได้พื้นที่โดยรอบทั้งหมดรวมแล้วมากกว่าห้าพันตารางเมตร รวมภูเขา ถนน แล้วยังมีร้านค้า ราคาเริ่มต้นที่ ห้าสิบล้านหยวนครับ”
ทันทีที่พิธีกรทุบค้อน ผู้คนที่อยู่ข้างล่างก็เริ่มแย่งกันประมูลขึ้นมา
ราคาแบบนี้ ราวกับนำมาแจกฟรีๆ ใครจะไม่ชอบ?
เวินหงไห่นั่งมองปฏิกิริยาของทุกคน แล้วยกป้ายตัวเลขในมือขึ้นมา
“หนึ่งร้อยห้าสิบล้าน”
เมื่อเขาพูดขึ้นมา ทุกคนในห้องก็เงียบลงทันที
ไม่ใช่เพราะไม่มีคนที่ให้ราคาสูงกว่านี้ แต่เป็นเพราะไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับเวินหงไห่ต่างหาก
เมื่อพิธีกรจับทางได้ จึงยิ้มและยกมือขึ้น
แล้วพูด: “หนึ่งร้อยห้าสิบล้าน ครั้งที่หนึ่ง! หนึ่งร้อยห้าสิบล้าน ครั้งที่สอง! หนึ่งร้อยห้าสิบล้าน……”
เขายกค้อนที่อยู่ในมือ แล้วกำลังจะเคาะลงไป
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงของผู้หญิงดังขึ้น จนทุกคนในห้องได้ยิน
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ทุกคนก็หันกลับไปมองพร้อมกัน สีหน้าของทุกคนทั้งตกใจ และทั้งไม่เข้าใจ
เมื่อเวินหงไห่มองเห็นเธอ ความรู้สึกไม่สบายใจที่มีอยู่กลับเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม!