เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 365
บทที่ 365 ปราสาทของใคร
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่หน้าประตู และในขณะที่เวินหงไห่หันมามอง สายตาของเธอก็มองอยู่ที่ร่างของเขาอยู่แล้ว
เมื่อทุกคนได้เห็นเธอ ก็มองเธอด้วยความประหลาดใจ และคิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนคงจะมาก่อความวุ่นวายในงานเป็นแน่
เวินหงไห่เองก็รู้สึกกังวลใจอยู่เหมือนกัน
เขาขมวดคิ้ว มองไปทางเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ยืนอยู่ข้างหน้าและดูนิ่งมาก ความไม่สบายใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก
ถ้าตามการตรวจสอบของเขาในไม่กี่วันมานี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนมีทรัพย์สินไม่เพียงพอที่จะซื้อทรัพย์สินพวกนี้แน่นอน
แค่บริษัทเอ็มไอกรุ้ปก็จะรับผิดชอบตัวเองไม่ไหวแล้ว แล้วนับประสาอะไรกับการนำเงินหลักร้อยล้านมาซื้อปราสาท
เมื่อปฏิเสธความช่วยเหลือจากหล่อนหลีแล้ว ก็ถือได้ว่าในมือของเธอนั้นไม่มีเงินแม้แต่หยวนเดียว แล้วเธอจะทำอะไรได้?
เวินหงไห่สงบจิตใจของตัวเอง แล้วหันกลับไปมองพิธีกรที่อยู่บนเวที แล้วขยิบตาให้เขา
เมื่อพิธีกรเห็น ก็พยักหน้าเล็กน้อย แล้วมองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยน
“คุณเวิน คุณจะประมูลด้วยไหมครับ? ราคาประมูลในตอนนี้อยู่ที่หนึ่งร้อยห้าสิบล้านครับ คุณสามารถให้ราคาประมูลที่สูงกว่านี้ไหมครับ?”
ยังไม่ทันที่เวินเที๋ยนเที๋ยนจะได้ตอบกลับไป เขาก็พูดขึ้นมาอีก: “แต่ผมอยากจะเตือนคุณสักนิดนะครับ ว่าการประมูลในวันนี้ ต้องจ่ายสดทันทีนะครับ”
ประโยคนี้ หมายความชัดเจนว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนมีเงินไม่เพียงพอ
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังตั้งใจทำให้เธออับอาย
การประมูลตกอยู่ในความเงียบทั้งงาน ทุกคนกำลังรอคอยการเคลื่อนไหวต่อไปของเวินเที๋ยนเที๋ยน
แต่เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนฟังคำพูดของพิธีกรเสร็จ เธอกลับยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
ไม่ยอมพูดอะไร แต่กลับก้าวเดินเข้าไปหา
ทีละก้าวๆ เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นแอบให้ความรู้สึกบีบรัด
จนเธอเดินขึ้นไปบนเวที แล้วเปิดปากพูดขึ้นมา: “ฉันไม่ได้มาเพื่อร่วมประมูลค่ะ แต่มาเพื่อปิดการประมูลในวันนี้”
เมื่อเธอพูดคำพูดนี้ได้พูดออกไป ทุกคนก็ตกใจทันที และข้างล่างก็มีเสียงดังขึ้นมาทันที
เวินหงไห่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
ปิดการประมูลเหรอ?
หมายความว่ายังไง?
อย่าบอกนะ ว่าเธอจะซื้อทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ชื่อของจี้จิ่งเชินนะ?
เป็นไปไม่ได้!
เมื่อในใจมีความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นมา เวินหงไห่กลับรีบปฏิเสธทันที
เธอจะมีเงินมากมายมหาศาลขนาดนั้นได้ยังไง
เมื่อพิธีกรได้ฟังคำพูดของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็อึ้งไปเหมือนกัน สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นดูไม่ได้ทันที แต่ก็ยังคงทำตัวมีมารยาท
จึงพูดถามขึ้นมา: “อยากทราบว่า คุณจะออกจำนวนเงินเท่าไหร่เป็นการประมูลทรัพย์สินทุกชิ้นครับ?”
“ฉันไม่มีเงินค่ะ ” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดออกมาตรงๆ
เมื่อพิธีกรได้ฟังเสร็จ ก็ยิ้มขึ้นมา
“คุณเวินครับ ได้โปรดอย่ามาก่อกวนระเบียบการประมูลนะครับ ไม่อย่างนั้นผมมีสิทธิ์ที่จะไม่ให้คุณเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ได้นะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ยอมขยับเขยื้อน แต่กลับเลื่อนสายตาไปมองใบรับรองที่วางอยู่ข้างๆ ในนั้นเป็นข้อมูลการแนะนำปราสาทของจี้จิ่งเชิน
เธอหลุบสายตาลง สายตาเปลี่ยนเป็นแคบลงทันที
“แล้วคุณมีสิทธิ์อะไร นำทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้ชื่อของฉันออกมาขาย?”
เมื่อพิธีกรได้ยิน ก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
“คุณเวิน นี้คือทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้ชื่อของจี้จิ่งเชิน พวกเราได้ผ่านการอนุมัติแล้ว จึงค่อยได้นำออกมาประมูลครับ”
“ใครบอกว่านี่เป็นทรัพย์สินของจี้จิ่งเชินคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถามย้อนกลับไป แล้วนำเอกสารที่อยู่ในแฟ้มออกมา และเปิดให้ทุกคนดู
“นี้คือหนังสือยินยอมโอนทรัพย์สินของจี้จิ่งเชิน นับตั้งแต่เขาเซ็นชื่อ ทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ชื่อของจี้จิ่งเชิน ก็จะกลายเป็นทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้ชื่อของฉันทันที”
เธอเงยหน้าขึ้น และมองไปทางผู้คนที่อยู่ข้างล่างเวทีด้วยสายตาที่เฉียบคม และพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดังและชัดเจน
“พวกคุณนำทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้ชื่อของฉัน มาจัดการประมูลเอง แล้วยังจะกล้ามาถามฉันอีกเหรอว่าฉันมาทำอะไร?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนนำเอกสารที่อยู่ในมือตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง เสียงที่ดังกระหึ่ม ทำให้ทุกคนที่อยู่ในงานสั่นไปหมด
พิธีกรในงานประมูลอึ้งไป แล้วสายตาก็เหลือบไปมองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ
เธอไม่ทันได้พูดเสร็จ เวินหงไห่ก็ตะโกนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่โกรธจากข้างล่าง
“เป็นไปไม่ได้!”
เขาลุกขึ้นมา พูดเสียงดุ ด้วยสีหน้าที่ดูไม่ได้
“บริษัทใหญ่ขนาดนี้ ไม่ใช่เธอจะพูดว่าเป็นบริษัทของเธอ ก็เป็นของเธอนะ”
“ใช่หรือไม่ใช่ของฉัน ในสัญญาก็เขียนไว้อย่างชัดเจน คุณก็มาดูเองสิคะ”เธอพูดด้วยเสียงเย็น
เวินหงไห่เม้มปากแน่น หันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆแล้วขยิบตา
ผู้ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ช่วยจึงรีบเดินขึ้นมาข้างหน้า แล้วหยิบเอกสารขึ้นมาดู
ยิ่งเปิดหน้าถัดไป สีหน้าของเขาก็ยิ่งแย่ลง
เมื่อดูเอกสารเสร็จแล้ว เขาก็หันไปหา เวินหงไห่ แล้วพูดกับเขา: “ในเอกสารเขียนไว้ว่า จี้จิ่งเชินได้โอนทรัพย์สินทั้งหมดให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน ตั้งแต่เดือนเก้าเมื่อปีที่แล้วครับ…… ”
เมื่อเวินหงไห่ได้ฟัง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“เป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าได้โอนย้ายเรียบร้อยแล้ว เมื่ออาทิตย์ก่อนตอนตรวจสอบทรัพย์สิน ทำไมถึงตรวจไม่เจอล่ะ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหัวเราะขึ้นมา แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
แต่กลับเป็นผู้ช่วยคนนั้นที่กำลังขมวดคิ้วอยู่ พิจารณาเรื่องราวและพูดขึ้นมา
“ในสัญญาระบุว่า จี้จิ่งเชินได้เซ็นเอกสารไว้ก่อนเรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนจะเซ็นเอกสาร สัญญาฉบับนี้จะไม่มีกำหนดเวลา และเมื่อทั้งสองฝ่ายได้เซ็นเรียบร้อยแล้ว สัญญาฉบับนี้ก็จะมีผลบังคับใช้ทันที”
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
“และดูเหมือนคุณเวินจะเพิ่งเซ็นเอกสารไปในไม่กี่วันนี้เองครับ”
เมื่อเวินหงไห่ ได้ฟัง ก็มีความรู้สึกทั้งโกรธและทั้งตกใจ
“ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลยล่ะ!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยิบสัญญาที่อยู่ในมือของผู้ช่วย แล้วพูดขึ้นมา: “เอาจริงๆแล้ว ฉันก็ต้องขอบคุณคุณนะ เพราะถ้าไม่ได้คุณเตือนฉัน ฉันก็คงคิดไม่ถึงสัญญาฉบับนี้”
เธอลดสายตาลง และนิ้วมือก็คลำหาปกของสัญญา
ในตอนแรกนี้เป็นข้อตกลงระหว่างจี้จิ่งเชินกับคุณนายหล่อน ทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ชื่อของจี้จิ่งเชิน ถูกโอนเป็นของเวินเที๋ยนเที๋ยนตั้งนานแล้ว
แต่เพียงแค่เธอไม่ยินยอมรับไว้ก็เท่านั้นเอง
วันนั้นหลังจากเธอได้ฟังคำพูดของเวินหงไห่ ก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังเก็บสัญญาฉบับนั้นไว้อยู่ จึงได้ไปเอาสัญญาฉบับนั้นกลับมาจากตระกูลหล่อนด้วยตัวเอง
แต่การประมูลในครั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเสียชีวิตของจี้จิ่งเชิน และไม่มีคนมาสืบทอดทรัพย์สินต่อ จึงได้นำทรัพย์สินทั้งหมดออกมาประมูล
และเมื่อถูกรับรองว่าทรัพย์สินทั้งหมดไม่ใช่ของจี้จิ่งเชิน แต่เป็นของเวินเที๋ยนเที๋ยนเอง เพราะฉะนั้นการประมูลในครั้งนี้ก็ต้องถูกยกเลิก
ทุกเรื่องที่ตระกูลเวินเคยพยายามทำ ก็จะไม่มีผลอะไรแล้ว
และการประมูลในวันนี้ มันก็แค่หนังตลกเรื่องหนึ่ง และเป็นฉากที่น่าตลกขบขันก็เท่านั้น
ผู้คนที่อยู่ในงานทั้งหมดเมื่อเห็นสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ก็รู้สึกไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
สีหน้าของเวินหงไห่ ก็ดูแย่มาก
เพราะกว่าที่พวกเขาจะทำให้จี้จิ่งเชินตายได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เดิมทีคิดว่าจะเอาบริษัทที่อยู่ภายใต้ชื่อของเขาทั้งหมดมาเป็นของตัวเอง
แต่ตอนนี้ เพราะเอกสารแค่ฉบับเดียว ทุกอย่างที่วางแผนไว้ก็พังไม่เป็นท่า
เวินหงไห่กัดฟันกรอด จนได้รสจางๆของเลือด
เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่บนเวที ด้วยสายตาอาฆาตแค้น
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับยิ้มออกมา
“คุณเวินรอง ถ้าหากคุณคิดว่าสัญญาฉบับนี้ไม่ถูกต้อง ฉันสามารถให้ทนายความมาคุยกับคุณด้วยตัวเองได้นะคะ”
“ไม่ต้อง!”
เวินหงไห่พูดขึ้นมาด้วยเสียงดุ และเต็มไปด้วยความโกรธ
เขาจ้องมองเวินเที๋ยนเที๋ยน โดยไม่ปกปิดการประชดประชันในคำพูดของเขา
“ฉันหวังว่าเธอจะจัดการความยุ่งเหยินนี้ได้ และคงไม่ทำให้มันแย่ไปมากกว่านี้นะ”
พูดเสร็จ เขาฮึมเสียงเย็น แล้วหมุนตัวออกไป
ไม่มีใครในงานที่กล้าเปิดปากพูดขึ้นมา
จนเมื่อ เวินหงไห่ออกไปแล้ว แต่ทุกคนในงานก็ยังคงดึงสติกลับมาไม่ได้