เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 383
บทที่ 383 พี่เชื่อฉันไหม
เวินเที๋ยนเที๋ยนฝืนยิ้มออกมา ที่จี้จิ่งเชินถามมาแบบนี้เห็นได้ชัดว่าเขายังคงสงสัยในคำพูดของเธออยู่
“เพราะพี่เคยบอกไว้ ว่าทุกอย่างของพี่ สร้างขึ้นมาเพื่อฉัน”
เธอเอ่ยพูดไปพลางใบหน้าของเธอก็ค่อยๆปรากฏรอยยิ้มบางๆออกมา
จี้จิ่งเชินอดที่จะถูกท่าทางนี้ของเธอดึงดูดไปเสียไม่ได้ เห็นดวงตาที่ใสสะอาดของเวินเที๋ยนเที๋ยน ทั้งยังสะท้อนตัวเองออกมา ในใจของเขานั้นตกตะลึงเล็กน้อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนยื่นมือออกมา ราวกับว่าต้องการจะดึงเขาเอาไว้ แต่ยกขึ้นมาได้เพียงครึ่งเดียวนั้นกลับค่อยๆวางมือลงไป
สายตาของจี้จิ่งเชินมองมาที่มือของเธอแวบหนึ่ง แล้วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เล่าเรื่องก่อนหน้านี้ให้ผมฟังได้ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลง แล้วค่อยๆเล่าทั้งหมดออกมา
ตั้งแต่ที่พวกเขาพบกันครั้งแรกที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เรื่องเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์ เล่าตั้งแต่ความเย็นชาไร้ความรู้สึกของจี้จิ่งเชิน ไปจนถึงการเผชิญกับความเป็นความตาย
ทุกอย่างลอยวนเวียนอยู่ในหัวของเวินเที๋ยนเที๋ยนทีละนิดๆ
จนกระทั่งรถมาจอดอยู่ตรงด้านหน้าคฤหาสน์ ในที่สุดเวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้พูดจบ
“พี่นึกอะไรออกบ้างไหมคะ?”
สีหน้าของเธอแดงขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจี้จิ่งเชินจะเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่เมื่อต้องเล่าเรื่องระหว่างตัวเองกับจี้จิ่งเชินออกมาเองนั้นทำให้เธอรู้สึกอายขึ้นมาอยู่บ้าง
แต่จี้จิ่งเชินกลับส่ายหน้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นแล้วนั้น ดวงตาของเธอปรากฏถึงความผิดหวังออกมา จึงก้มหน้าลงเล็กน้อย
“แต่” จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดขึ้นมาต่อ : “เรื่องที่คุณกับเจียงหยู่เทียนบอกกับผมนั้นเหมือนกันเสียเป็นส่วนมาก แต่มีบางที่ที่มันตรงกันข้ามกันเลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอึ้งไป นิ้วพันกันไปหมดด้วยความตื่นเต้น
“ถ้าอย่างนั้น พี่เชื่อฉันไหมคะ?”
จี้จิ่งเชินมองดูอาการสั่นไหวของเธอ ในใจราวกับมีอะไรบางอย่างมาอุดตันอยู่ตรงนั้น ทั้งเกินคาดทั้งคลุมเครือ
“ไม่รู้ครับ” เขาว่า
เดิมทีคิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะผิดหวังเสียใจ จนแม้กระทั่งได้เตรียมตัวที่จะรับมือกับน้ำตาของเธอเอาไว้แล้วเสียด้วยซ้ำ
แต่ผ่านไปสักพักหนึ่ง เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เขา
“ไม่เป็นไรค่ะ รอให้พี่นึกขึ้นได้ก่อน”
ว่าแล้วนั้น เธอก็เปิดประตูแล้วเดินลงไป
ด้านนอกรถ พ่อบ้านและแม่ครัวกำลังรออยู่แล้ว
เมื่อพวกเขาได้ยินว่าหาตัวจี้จิ่งเชินเจอแล้วนั้น ก็หยุดงานที่อยู่ในมือด้วยความดีใจ แล้วพากันวิ่งออกมาต้อนรับ
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เวินเที๋ยนเที๋ยนจะได้เตือนพวกเขาไว้แล้วถึงสถานการณ์ในตอนนี้ แต่เมื่อเห็นจี้จิ่งเชินที่ลงมาจากรถด้วยการนั่งรถเข็นเช่นนั้นแล้ว ทั้งสองคนต่างก็พากันเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจ
พ่อบ้านหัวใจแทบร่วงไปอยู่ตรงตาตุ่ม
“คุณผู้ชาย เกิดอะไรขึ้นกันครับ?”
เขารีบเดินเข้าไปทางด้านหน้า ดูกระตือรือร้นและเจ็บปวดมากกว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเสียอีก
“พระเจ้าเถอะ รีบแจ้งหมอจางให้รีบมาเร็วเข้า”
เขาหันไปเรียกคนอื่นๆ พลางจะช่วยจี้จิ่งเชินเข็นรถเข็นนั้น
แต่กลับถูกเขาเบี่ยงตัวออกไป
“ไม่ต้อง ฉันจัดการเองได้”
น้ำเสียงที่ดูเย็นชา ทำให้พ่อบ้านรู้สึกอึ้งไป
เขานึกถึงที่เวินเที๋ยนเที๋ยนบอกเอาไว้ ว่าคุณผู้ชายของเขาราวกับจะลืมเรื่องราวหลายๆอย่างไป
“คุณผู้ชาย จำผมได้ไหมครับ?”
“จำไม่ได้” จี้จิ่งเชินเอ่ยขึ้น
ใบหน้าของพ่อบ้านที่มีรอยย่นจนกลายเป็นฟักทองไปแล้วนั้น จึงรีบดึงตัวของแม่ครัวเข้ามายืนข้างๆ
“แล้วคุณจำเธอได้ไหมครับ? แม่ครัวของคฤหาสน์เรา”
จี้จิ่งเชินส่ายหน้าอย่างเฉยชา
ไม่กี่คนที่กำลังตื่นเต้นดีใจอยู่นั้นเปลี่ยนเป็นรู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันที พวกเขามองจี้จิ่งเชินด้วยความผิดหวัง ราวกับว่าเหมือนกำลังตำหนิเขาโดยไม่ได้ส่งเสียงออกมา ว่าลืมพวกเขาไปกันหมดแล้ว
จี้จิ่งเชินที่ถูกพวกเขามองด้วยสายตาเช่นนี้แล้วรู้สึกไม่สบายใจเท่าไรนัก จึงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
หากว่ากันตามหลักการแล้ว ทุกคนที่นี่ มีเพียงแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ดูจะสนิทกับเขามากที่สุด พ่อบ้านและแม่ครัวพวกนี้เป็นเพียงแค่คนรับใช้เพียงเท่านั้น
แต่ทำไมดูแล้วพวกเขาถึงได้ดูผิดหวังมากกว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเสียอีกกัน?
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้าไป แล้วเอ่ยพูดกับพ่อบ้าน : “ไปทำงานกันก่อนเถอะค่ะ ฉันกับจี้จิ่งเชินจะเดินเข้าไปก่อน”
พ่อบ้านพยักหน้า แล้วมองโลกในแง่ดีอีกครั้งเพื่อเป็นการปลอบใจตัวเอง
“คุณผู้ชายกลับมาได้ก็ดีแล้วครับ เดี๋ยวต่อไปจะต้องจำได้อย่างแน่นอน รอให้หมอจางมาดูก่อน ว่าจะสามารถผ่าตัดได้หรือเปล่า…..”
เขาว่าไปพลาง แล้วหันหลังกลับออกไปกับแม่ครัว
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้วเปลือกตากระตุกขึ้นมา จนกระทั่งทุกคนออกไปกันหมดแล้ว
แล้วจึงเอ่ยถามเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมา : “พวกเขาเป็นคนใช้ของที่คฤหาสน์นี้จริงๆหรือ?”
“หืม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเอ่ยถามเธอเช่นนี้ จึงเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปยังทิศทางที่พวกพ่อบ้านเดินไป
“จะว่าเป็นคนใช้ก็ได้ค่ะ แต่จริงๆแล้วพวกเขาเป็นยิ่งกว่าครอบครัวเสียอีกมั้งคะ? พ่อบ้านอยู่กับพี่มาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว ส่วนคนอื่นๆก็อยู่ข้างๆพี่มาตลอดเหมือนกัน”
เธอเดินเข้าไปยังด้านใน แล้วพลางเอ่ยพูดไปด้วย : “ตอนหลังจากที่พี่เกิดเรื่อง พวกเขาก็กลับมาที่นี่ เพื่อรอให้พี่กลับมา”
พูดแล้วนั้น กลับเห็นจี้จิ่งเชินหยุดชะงักลง แล้วขมวดคิ้วขึ้น ดูเหมือนจะไม่เข้าใจ
“ผมคิดว่าพวกเขาควรจะเกลียดจี้จิ่งเชินคนนี้ไปแล้วเสียอีก”
นึกถึงข้อมูลเมื่อวานที่ค้นหาในอินเตอร์เน็ต จี้จิ่งเชินคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร คำวิพากษ์วิจารณ์จากทางด้านนอกที่มีต่อเขานั้นก็ค่อนข้างแย่มาโดยตลอด
จินตนาการได้ยากมาก ที่คนในคฤหาสน์นี้จะไม่กลัวเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
ถ้าหากเขาเดาไม่ผิด เมื่อครู่ที่เห็นพ่อบ้านคนนั้นแวบแรกนั้น เกือบจะพุ่งตรงเข้ามากอดเขาอยู่แล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินประโยคนี้ของเขาแล้วรู้สึกอึ้งไป แล้วจึงเข้าใจขึ้นมาในทันที
“พี่ไม่ใช่คนไม่ดีนี่คะ” เธอทำได้เพียงพูดออกมาด้วยความมั่นใจเช่นนี้
แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายลงเลย แล้วเขาก็นึกไปถึงอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมา
“ก่อนหน้านี้ผมไปสืบหาเรื่องของจี้จิ่งเชินมา แต่รูปถ่ายที่สามารถหาได้ในอินเตอร์เน็ต ล้วนแต่ถูกลบออกไปหมดแล้ว คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนทำ?”
“ลบออกไปแล้ว?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาด้วยความตกตะลึง
มิน่าล่ะ จากความสามารถของจี้จิ่งเชินนั้น ต่อให้สูญเสียความทรงจำ แต่ไม่นานก็คงจะต้องค้นพบแล้วว่าตัวเองกับจี้จิ่งเชินของบริษัทเอ็มไอกรุ้ปมีหน้าตาและชื่อเหมือนกัน เขาจะต้องหาเจออย่างแน่นอน
ที่แท้รูปถ่ายก็หายไปแล้วนี่เอง…..
เธอขมวดคิ้วขึ้น แล้วคิดพิจารณา
“คนที่สามารถจะลบรูปทั้งหมดได้อย่างเงียบๆ และยังสามารถระงับข่าวลือเอาไว้ได้ คงจะมีเพียงแค่ตระกูลเวินเท่านั้น”
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้ว จึงหันมามองเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนฝืนยิ้มออกมา
“ขอโทษนะคะ”
“ไม่ต้องขอโทษผมหรอก” จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดออกไปอย่างไม่รู้ตัว
แต่กลับทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอึ้ง และมองเขาด้วยความตกใจ
“พี่ พี่นึกออกแล้วหรือคะ?”
จี้จิ่งเชินรู้สึกไม่เข้าใจ ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบจับตัวเขาไว้อย่างรวดเร็วแบบนี้
“ทุกครั้งที่ฉันทำผิด แล้วขอโทษพี่ พี่มักจะตอบฉันแบบนี้ พี่จำได้แล้วใช่ไหมคะ?”
ดวงตาของเธอเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย ราวกับว่าเจอความหวังใหม่อีกครั้ง
จี้จิ่งเชินพูดไม่ออก แล้วส่ายหน้าออกมาในที่สุด
“ผมเพียงแค่คิดอยากจะพูดแบบนี้ออกมาเท่านั้นเองครับ”
ได้ยินเช่นนี้แล้ว แสงจากดวงตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ดับลงในทันที
เธอปล่อยจี้จิ่งเชิน แล้วกลับมาสงบนิ่งเช่นเดิม
“ฉันรู้แล้วค่ะ ขอโทษนะคะ”
มือของจี้จิ่งเชินนั้นยังคงทิ้งความรู้สึกตอนที่ถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนจับเอาไว้ แล้วได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยพูดขอโทษขึ้นมาอีก
เขาเกือบจะเปิดปากเอ่ยพูดออกมาอีกครั้ง แต่ทนเก็บเอาไว้ได้ในที่สุด
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในคฤหาสน์ เวินเที๋ยนเที๋ยนพาเขามาที่ห้องหนังสือ และห้องนอนของพวกเขาทั้งสองคน แต่กลับไม่สามารถเรียกความทรงจำใดๆของจี้จิ่งเชินกลับมาได้เลย
เธอยืนอยู่ในสวนดอกไม้ ชี้ไปยังกิ่งก้านที่ตายแล้ว
“เมื่อก่อนที่นี่เป็นกำแพงดอกกุหลาบ รอจนช่วงฤดูร้อน ดอกกุหลาบทั้งหมดก็จะบานออก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง อาการที่แสดงออกมาทางใบหน้านั้นราวกับกำลังเปล่งประกายออกมา แต่ท่าทางของจี้จิ่งเชินนั้นดูแล้วกลับนิ่งเงียบ ราวกับไม่ได้สนใจสิ่งของพวกนี้เลยเสียด้วยซ้ำ