เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 386
บทที่ 386 ทำไมถึงชักมือกลับไป
“ประภาคาร….” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดออกมาเบาๆ
จี้จิ่งเชินหันกลับมา เขาได้ยินไม่ชัด
“อะไรนะ?”
“มันคือประภาคารค่ะ”
เธอกำมือทั้งสองข้างเอาไว้แน่น แล้วเดินไปด้านหน้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมั่นเป็นอย่างมาก
“ชาวประมงที่ทะเล กลัวว่าลูกเรือของพวกเขาจะหาทางกลับบ้านตอนดึกๆไม่เจอ จึงสร้างประภาคารขึ้นมาริมชายหาด แสงสว่างจากไฟสามารถส่งแทรกความมืดออกมา นำทางให้คนที่ยังไม่กลับมาได้ ฉันเองก็อยากจะสร้างประภาคารแห่งนี้ขึ้นมา เพื่อที่จะนำพี่กลับมาเหมือนกัน”
จี้จิ่งเชินมองเธอ เห็นใบหน้าที่เด็ดเดี่ยวของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เขาหันกลับมามองไปยังชิงช้าสวรรค์อีกครั้ง
และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หัวเราะเยาะขึ้นมา
“ของเด็กๆแบบนี้ มีความหมายอะไรกัน?”
พูดจบแล้วนั้น เขาก็หมุนรถเข็น เพื่อจะมุ่งหน้าออกไปทางด้านนอก
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบตามไป ยื่นมือออกมาจับไหล่ของเขาเอาไว้
จี้จิ่งเชินหยุดลง ราวกับว่าเธอถูกอะไรลวกอย่างไรอย่างนั้น ถึงได้ชักมือกลับไปอย่างรวดเร็ว
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้นมาทันใดด้วยความไม่พอใจและความรู้สึกโมโห
“ทำไมถึงชักเก็บมือไปแบบนั้น?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างอธิบายไม่ถูก
จี้จิ่งเชินหันกลับมา ดวงตายังคงมีความโมโหอยู่
“ทำไมถึงไม่กล้าสัมผัสตัวผม? ผมไม่ได้เป็นสัตว์ร้ายแล้วร่างกายของผมก็ไม่ได้มีหนามออกมาด้วย?”
หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมาแล้วนั้น เจียงหยู่เทียนก็คอยแต่พยายามจะเข้าใกล้เขาตลอด ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ก็พยายามจะปีนขึ้นเตียงมาหาเขาหลายต่อหลายครั้งจนนับครั้งไม่ถ้วน
โดยปกติแล้วก็มักจะเอามือของตัวเองมาอยู่บนร่างกายของเขา
เจียงหยู่เทียนบอกว่าเพราะเธอคือภรรยาของเขา เพราะฉะนั้นจึงมีสิทธิ์ทำแบบนี้
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ตรงหน้าเขา ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่หาจากอินเตอร์เน็ต หรือดูจากเบาะแสร่องรอยรอบๆนี้ เห็นได้ว่าเมื่อก่อนความสัมพันธ์ของเขากับเธอนั้นมีความสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก
แต่ทำไม แม้แต่จะสัมผัสตัวเขาเธอยังไม่กล้าเลยเสียด้วยซ้ำ?
ถึงแม้จะเป็นการสัมผัสโดยไม่ทันได้ระวัง ก็จะหลีกเลี่ยงออกไปอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน
นี่จะเป็นคนรักกันได้อย่างไร?
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว และเมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่ตัวเองรู้สึกโมโหนั้นเป็นเพราะอีกฝ่ายหนึ่งไม่สัมผัสโดนตัวเขา ในใจนั้นก็รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของตัวเองมากขึ้นด้วยเช่นกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจี้จิ่งเชินจะคิดแบบนี้……
“เปล่าค่ะ…ฉันเพียงแค่…..”
เพียงแค่ทุกครั้งที่จะสัมผัสตัวจี้จิ่งเชิน เห็นแววตาที่ดูห่างเหินของเขาแล้ว เธอก็ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้
ตอนนี้สำหรับจี้จิ่งเชินแล้ว ตัวเองก็คงเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าเพียงเท่านั้นหรือเปล่า?
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว เธอก็ไม่สามารถใช้ท่าทางเหมือนเมื่อก่อนมาเผชิญหน้ากับจี้จิ่งเชินได้เลย
จี้จิ่งเชินเห็นเธอก้มหน้าลง ในใจยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น จึงหันหลังกลับไป
แล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างโมโห : “ผมเริ่มจะสงสัยแล้ว ว่าสิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ทำไมผมเห็นอะไรมามากมายขนาดนี้แล้ว แต่ยังกลับนึกอะไรไม่ออกเลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน
ถึงแม้จะวินิจฉัยออกมาแล้วว่าจี้จิ่งเชินเพียงแค่ความจำเสื่อมชั่วคราว แต่เป็นเพราะเกิดจากระบบทางประสาท ยาจึงสามารถช่วยได้เพียงประคับประคองเพียงเท่านั้น อาจจะได้ผลช้า
จี้จิ่งเชินรออยู่สักพักหนึ่ง เห็นเธอไม่ได้เอ่ยพูดออกมา จึงบังคับรถเข็นของตัวเองออกไปอีกทางด้านหนึ่ง
“ผมกลับแล้วนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนมองเขาจากไปอยู่ตรงที่เดิม และไม่ได้ตามเขาไปอีกด้วย
ตอนพลบค่ำ พ่อบ้านและคนอีกสองสามคนที่กำลังรออยู่ทางด้านนอกคฤหาสน์นั้นเมื่อเห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมาเพียงคนเดียวนั้น จึงมองตามไปทางด้านหลังอย่างงงๆ
“คุณเวินครับ แล้วคุณผู้ชายล่ะครับ?”
หลังจากที่จี้จิ่งเชินกลับไปแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็นั่งอยู่ตรงด้านล่างของชิงช้าสวรรค์นั้นเป็นเวลานาน ถึงได้กลับออกมา โดยที่จี้จิ่งเชินไม่ได้กลับมาอีกเลย
“เขามีธุระน่ะค่ะ ก็เลยกลับไปก่อน” เธอหลบตาลงเล็กน้อย
แต่พ่อบ้านก็ยังคงมองออกถึงใบหน้าที่ดูหงอยเหงานี้ของเธอ
“คุณผู้ชายยังนึกอะไรไม่ออกเลยหรือครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
“หมอจางเคยบอกเอาไว้ จะรอให้จี้จิ่งเชินจำได้นั้นอาจจะใช้เวลาไม่นาน หรือไม่ก็อาจจะใช้เวลานานกว่านั้น เราจะรีบร้อนไม่ได้”
เธอถอนหายใจออกมาอย่างไม่มีเสียง ถึงแม้ว่าหมอจางจะพูดเช่นนี้ แต่เธอก็ยังคงเป็นกังวลอยู่ดี
ใบหน้าของพ่อบ้านนั้นขมวดเข้าหากันเสียจนดูเหี่ยวย่น
“ถึงแม้จะยังจำไม่ได้ ก็ไม่สามารถที่จะอยู่กับเจียงหยู่เทียนไปตลอดแบบนี้ได้ คุณเวินครับ คุณก็ใช่ว่าจะไม่รู้ถึงการปฏิบัติตัวของเจียงหยู่เทียน ถ้าหากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะทำอย่างไรครับ? คฤหาสน์นี่ต่างหากที่เป็นบ้านของคุณผู้ชาย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น ทุกครั้งที่เห็นจี้จิ่งเชินเลือกที่จะอยู่กับเจียงหยู่เทียน ในใจของเธอเองก็รู้สึกเจ็บปวด
“ฉันจะทำอย่างไรได้ล่ะคะ”
เธอถอนหายใจออกมาพลางเอ่ยขึ้นมาด้วยความเศร้าใจ
พ่อบ้านมองตามเบื้องหลังของเวินเที๋ยนเที๋ยนไปอย่างเป็นทุกข์
กลางดึก
หลังจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนหลับไปแล้วนั้น ภายในห้องรับแขก พ่อบ้านและแม่ครัวกำลังรวมตัวอยู่ด้วยกัน
“เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่” พ่อบ้านเอ่ยขึ้นมา : “วันนี้ตอนที่คุณเวินกลับมา พวกเธอก็คงจะเห็นกันหมดแล้วใช่ไหม?”
สองสามคนนั้นพยักหน้าลง
“คุณผู้ชายยังคงจำไม่ได้ใช่ไหม? วันนี้คุณเวินทานอะไรไปน้อยมากเลย”
ใบหน้าของพ่อบ้านเคร่งขรึม แล้วโบกแขนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“ไม่เพียงแค่นั้นสิ จนถึงตอนนี้คุณผู้ชายยังพักอยู่กับเจียงหยู่เทียนอยู่เลย!”
“อ๊า?”
“ไม่น่ามั้ง?”
เมื่อได้ยินพ่อบ้านพูดเช่นนี้แล้ว ทุกคนต่างก็พากันมองมาด้วยความประหลาดใจ
“ไปอยู่กับเจียงหยู่เทียนผู้หญิงคนนั้นได้อย่างไรกัน?”
“คฤหาสน์นี่ต่างหากถึงเป็นบ้านของคุณผู้ชาย คุณเวินรอเขามานานขนาดนี้ ทำไมเขาถึงไม่ย้ายเข้ามาล่ะ?”
“คุณผู้ชายไม่ได้โดนเจียงหยู่เทียนแย่งไปจริงๆหรอกใช่ไหม?”
สองสามคนนั้นพากันแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมา
พ่อบ้านพยักหน้า
“พวกเราจะให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว คุณเวินไม่ชอบการแย่งชิง แต่ฉันทนเห็นไม่ได้แล้ว ถ้าหากปล่อยให้คุณผู้ชายอยู่กับเจียงหยู่เทียนต่อไปล่ะก็ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำอะไรอีก”
“แต่พวกเราจะทำอย่างไรล่ะ?” แม่ครัวเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่เป็นทุกข์ : “คงจะไปลักพาตัวคุณผู้ชายมาไม่ได้หรอกนะ?”
พูดจบแล้วนั้นกลับมองเห็นรอยยิ้มของพ่อบ้าน จึงทำให้แม่ครัวเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจ
“นี่อย่าบอกนะว่าจะ…..”
พ่อบ้านพยักหน้า แล้วตัดสินใจพูดขึ้นมา : “ที่นี่เป็นบ้านของคุณผู้ชาย ถ้าหากมาอยู่ที่นี่ จะมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูความทรงจำของเขา”
“แต่…..”พวกเขายังคงรู้สึกลังเลอยู่บ้าง “นิสัยของคุณผู้ชาย พวกเราจะไปบังคับให้เขาอยู่ได้อย่างไรกันล่ะ?”
“เมื่อก่อนไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้จะไม่ได้นี่….ตอนนี้ไม่ใช่ว่าคุณผู้ชายเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวกหรอกหรือ?”
“อา?” คนสวนมีสีหน้าลำบากใจ “หมายถึงว่า จะอาศัยช่วงที่คุณผู้ชายเป็นอัมพาตขยับไม่ได้ตอนนี้…..”
เขาเพิ่งจะพูดมาถึงตรงนี้นั้น ก็ถูกแม่ครัวถลึงตาใส่เข้าเสียก่อน
“พูดถึงคุณผู้ชายแบบนี้ไม่ดีมั้ง?”
“ใช่ คุณผู้ชายจะเสียใจขนาดไหนกัน”
คนกลุ่มหนึ่งที่กำลังแอบกระซิบกระซาบกันท่ามกลางแสงสลัวๆภายในห้องรับแขก และไม่นานก็กำหนดวิธีการที่จะจัดการกับจี้จิ่งเชินเอาไว้
วันรุ่งขึ้น จี้จิ่งเชินยังคงมาที่คฤหาสน์ตามปกติ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้รับผลกระทบมาจากเรื่องเมื่อวานหรือเปล่า สีหน้าของเขานั้นจึงดูแย่ไปอยู่บ้าง เข้ามาด้วยใบหน้าที่ง้ำงอ
พ่อบ้านและอีกสองสามคนนั้นยืนอยู่ข้าง มองเขาด้วยรอยยิ้มที่ “สุภาพอ่อนโยน”
เห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะพาเขาออกไปข้างนอกอีกนั้น จึงเสนอขึ้นมา : “คุณเวินครับ พวกเราเองก็เตรียมของบางอย่างเอาไว้เหมือนกัน หวังว่าจะสามารถช่วยคุณผู้ชายได้”