เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 390
บทที่ 390 ของเล่นอะไรกัน
จี้จิ่งเชินอึ้งไป สีหน้ายุ่งขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“ออกไปเถอะ”
พ่อบ้านเอารถเข็นคันที่พังอยู่ในห้องออกมา
“ผมจะหาคนซ่อมให้นะครับ”
จี้จิ่งเชินมองดูท่าทางของเขา กังวลว่าเขาจะทำอะไรกับรถเข็นของเขาอีก
แต่กำลังจะพูดออกมานั้น กลับหยุดลงไปอีก
ต่อให้จะไม่ให้พ่อบ้านเอาไปทำ เขาจะทำอย่างไรได้อีก?
คนคอยช่วยเหลือที่อยู่ข้างๆเขาก็ไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ส่วนทุกคนที่อยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ก็ล้วนแต่สมคบคิดร่วมกันทั้งนั้น
ถึงแม้จะเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คงเหมือนกัน
ความรู้สึกของการถูกบีบคั้นเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกแย่มากยิ่งไปกว่าเดิมเสียอีก
“หวังว่าจะไม่ซ่อมจนถึงปีหน้าหรอกนะ”
พ่อบ้านยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงปัญหานี้ : “คุณผู้ชาย ตอนนี้เพิ่งจะเดือนสามเองครับ ไม่ถึงปีหน้าหรอก แต่อาจจะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็ไม่แน่นะครับ”
พูดจบแล้ว จี้จิ่งเชินจึงมองเขาแวบหนึ่ง
พ่อบ้านยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร แล้วหันกลับเพื่อจะเดินออกไป
เมื่อเพิ่งจะเปิดประตูออกนั้น เห็นแม่ครัวที่ยืนอยู่ทางด้านนอกเข้าพอดี
ในมือของเขาถือชามข้าวต้มปลาเอาไว้อยู่ชามหนึ่ง
เมื่อครู่นี้เป็นเพราะจี้จิ่งเชินถูกพ่อบ้านเล่นงานตามแผนเข้าเสียก่อน ถึงแม้จะเห็นข้าวต้มที่เวินเที๋ยนเที๋ยนทำเสร็จแล้วนั้น ก็ปฏิเสธออกมาด้วยความไม่พอใจไปเสียเลย
แม่บ้านคิดแล้วนั้น จึงเอาข้าวต้มมาส่งให้เขา
“คุณผู้ชายคะ ตอนเย็นคุณยังไม่ทานอะไรเลย ทานข้าวต้มสักหน่อยดีกว่านะคะ พรุ่งนี้ส่วนประกอบของอาหารก็ส่งมาให้เราแล้วค่ะ”
จี้จิ่งเชินได้ยินเสียงเธอแล้วนั้น จึงหันหน้ามา แล้วเห็นแม่ครัวเดินเข้ามา
เขาเอ่ยพูดขึ้นอย่างไม่พอใจด้วยคำพูดที่เฉียบคม : “คฤหาสน์ใหญ่ขนาดนี้ แต่ในห้องครัวกลับไม่ส่วนประกอบของอาหารเลย พวกเธอเจตนาให้มันเป็นแบบนี้ใช่ไหม?”
แม่ครัวไม่ได้ใจกล้าเหมือนกับพ่อบ้าน จึงรู้สึกกลัวขึ้นมาในทันที
พ่อบ้านเดินเข้ามาแล้วเอาข้าวต้มจากมือของเธอมา วางลงตรงหน้าของจี้จิ่งเชิน
“คุณผู้ชายครับ เรื่องวันนี้ เป็นเพียงแค่วิธีที่คิดไม่ออกของพวกเรา ถ้าหากคุณจะโกรธ ต่อไปจะลงโทษพวกเราอย่างไรก็ได้ครับ แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณเวินเลย”
“แต่ฉันไม่รู้สึกว่าเธอจะไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ”
เขาเคยเห็นสถานการณ์ในตอนนั้นของบริษัทเอ็มไอกรุ้ป ตอนที่เขาเกิดเรื่องตอนนั้น สามารถพูดได้ว่าบริษัทได้พังทลายลงอย่างถึงที่สุดก็ว่าได้
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับสามารถถอยกลับไปตั้งหลัก และพลิกกระแสคลื่นนี้กลับมาได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
กลยุทธ์วิธีการของผู้หญิงคนนี้นั้นเก่งมาก ไม่ได้ดูบริสุทธิ์ใสๆเหมือนกับที่เธอแสดงออกมา
พ่อบ้านถอนหายใจออกมาพลางเอ่ยขึ้น : “คุณผู้ชายครับ อาจจะเป็นไปได้ที่คุณมองคุณเวินซับซ้อนเกินไปนะครับ”
พูดจบแล้วนั้น เห็นว่าจี้จิ่งเชินไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงหันหลังแล้วเดินกลับออกไป
ประตูห้องถูกปิดลงมาอีกครั้ง จี้จิ่งเชินมองข้าวต้มปลาที่วางอยู่บนโต๊ะชามนั้น
ปลา……
เขาไม่เคยทานปลามาก่อนเลย
อย่างน้อยๆในความทรงจำที่มีอยู่ของเขา ก็เป็นแบบนี้
ถึงแม้ว่าจะคิดเช่นนี้แล้ว จี้จิ่งเชินกลับอดที่จะยื่นมือออกมาไม่ได้ แล้วหยิบเอาชามข้าวต้มปลาขึ้นมา
ผ่านไปไม่กี่นาที ก็ยังคงร้อนกรุ่นอยู่
เขาเขี่ยดู แล้วท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นก็ลอยเข้ามาในหัวของเขา แล้วจึงตักขึ้นมาชิม
ข้าวต้มมีรสชาติหอมหวานอ่อนๆ รสเค็มของเนื้อปลานั้นแทบจะไม่รู้สึกถึงรสนั้นเลยเสียด้วยซ้ำ
จี้จิ่งเชินรู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย ราวกับว่าเมื่อก่อนเขาเคยได้ลิ้มรสอะไรแบบนี้
ความรู้สึกนี้…..
ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบ
ด้วยความไม่รู้ตัวนี้ เขากลับทานข้าวต้มชามนี้จนหมด
จี้จิ่งเชินมองชามที่ว่างเปล่าตรงหน้าเขาใบนี้
เดิมทีไม่ใช่ว่าจะไม่ทาน แต่ที่เคยทานเมื่อก่อนนั้น จะใช่คนคนนี้ทำหรือเปล่า
เขาถอนหายใจออกมาอย่างช้าๆ แล้วขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
วันรุ่งขึ้น จี้จิ่งเชินที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมานั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น เป็นพ่อบ้านที่เดินเข้ามา
เขาเข็นรถเข็นเข้ามาข้างๆจี้จิ่งเชิน
“คุณผู้ชายครับ รถเข็นของคุณผู้ชายส่งไปซ่อมอยู่ครับ ช่วงสองสามวันนี้คุณผู้ชายใช้คันนี้ไปก่อนนะครับ”
ว่าแล้ว เขาก็เอาของเล่นในมือนั้น เข็นมาทางด้านหน้า
หลังจากนั้นจี้จิ่งเชินจึงได้เห็นของที่อยู่ในมือเขาชัดเจนขึ้น
หากจะบอกว่าเป็นรถเข็น สู้เอาเก้าอี้หักๆพังๆมาให้จะดีเสียกว่า
แล้วก็ไม่รู้ว่าพ่อบ้านไปหามาจากซอกมุมไหน เริ่มผุไปแล้วกว่าครึ่งขา
ในศตวรรษที่21ที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนี้ ไม่คิดว่าจะยังมีของแบบนี้อยู่อีก
รถเข็นที่ทำมาจากไม้ แม้แต่ล้อนั้นก็ยังทำมาจากไม้ด้วยเช่นกัน ฝีมือดูเรียบง่ายมากเสียจนจี้จิ่งเชินเริ่มสงสัยว่าจะใช่พ่อบ้านเป็นคนลงมือทำมันขึ้นมาเองหรือเปล่า
“นี่คืออะไร?” แววตาของจี้จิ่งเชินปกปิดความรังเกียจที่แสดงออกมาไม่มิด
พ่อบ้านเอ่ยบอกเขา : “รถเข็นไงครับ คุณผู้ชาย นี่พวกเราหาทั่วคฤหาสน์เลยนะครับ ถึงได้หากันเจอ สองสามวันนี้คุณใช้อันนี้ชั่วคราวไปก่อนนะครับ”
เขายิ้มด้วยใบหน้าที่ดูใจดี
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้นแล้วมองไปยังรถเข็นคันนั้น เห็นได้ชัดว่านี่ก็เป็นสิ่งที่พ่อบ้านมีเจตนาทำแบบนี้
รถเข็นแบบนี้ไม่สามารถใช้กลไกควบคุมได้เลยด้วยซ้ำ หรือแม้กระทั่งคนที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็ไม่สามารถจะขยับได้เลย จะต้องมีคนคอยช่วยอยู่ทางด้านหลังอีกด้วย
หากเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่สามารถออกไปไกลจากคฤหาสน์นี้ได้เลย
เพื่อที่จะให้เขาอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ พวกเขาทำได้ทุกอย่างเสียจริงๆ
เห็นใบหน้าที่ดูพอใจของพ่อบ้านแล้ว จี้จิ่งเชินจึงทำได้เพียงกดความโมโหและความไม่พอใจนี้เอาไว้ในใจเพียงเท่านั้น
ออกมาจากห้องแล้วมายังห้องอาหาร เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นจี้จิ่งเชินที่นั่งอยู่บนรถเข็นแล้วนั้น จึงหยุดชะงักการเคลื่อนไหวในมือของตัวเองลงด้วยความตกใจ
“นี่คือ…..”
เธอเบิกตาโต ไม่รู้ว่ารถเข็นนี้หามาจากที่ไหน
ดูแล้วช่างเก่ามากเหลือเกิน จี้จิ่งเชินนั่งอยู่บนรถเข็นด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจสักเท่าไรนัก
พ่อบ้านเอ่ยขึ้น : “คุณเวินครับ ในคฤหาสน์มีเพียงอันนี้เท่านั้น ให้คุณผู้ชายใช้ไปก่อนนะครับ รอให้รถเข็นคันนั้นซ่อมเสร็จแล้วค่อยเอามาเปลี่ยน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเชื่อใจพ่อบ้านเป็นอย่างมาก จึงเอ่ยขึ้นมา : “รถเข็นคันเมื่อวาน เมื่อไหร่ถึงจะซ่อมเสร็จหรือคะ?”
“เมื่อวานตอนที่เอารถเข็นไปส่ง ล้ออีกฝั่งนึงก็พังแล้วเหมือนกันครับ คงจะต้องใช้เวลาหน่อยถึงจะซ่อมเสร็จครับ”
จี้จิ่งเชินได้ยินมาถึงตรงนี้แล้ว เปลือกตาของเขาก็กระตุกขึ้นมา
อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ ตอนระหว่างทางที่พวกเขาส่งไปซ่อมนั้น จะต้องทำให้ล้ออีกข้างเป็นรูอีกอย่างแน่นอน!
ถึงแม้ว่าในใจนั้นจะรู้สึกไม่พอใจ แต่เขากลับไม่ได้พูดออกมา แล้วมายังโต๊ะอาหารด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง
จี้จิ่งเชินเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้มาโดยตลอด และยิ่งจะไม่แสดงด้านที่อ่อนแอของตัวเองออกมาให้คนอื่นได้เห็นอีกด้วย
ถึงแม้จะถูกพ่อบ้านที่มีเจตนากลั่นแกล้งเอารถเข็นแบบนี้มาให้ เขาเองก็ไม่ยินยอมรับความช่วยเหลือจากเขา และยังคงมุ่งมั่นที่จะเคลื่อนย้ายตัวเองด้วยท่าทางที่เงอะงะนั่นโดยรถเข็นคันนั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินตามหลังเขามา
จริงๆแล้วพวกเทคนิคเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ของพวกพ่อบ้านนั้นดูออกได้ง่ายมาก
รูผลุๆของรถเข็นคันนี้เห็นได้อย่างชัดเจน รถเข็นแปลกๆคันนี้ มีแต่ข้อบกพร่องเต็มไปหมด
ถึงแม้ว่าในคฤหาสน์นี้จะหาไม่เจอ เพียงแค่ออกไปหาข้างนอกก็หาได้อยู่แล้ว
แต่ทั้งๆที่เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้ว่าเป็นแบบนี้ กลับไม่ยอมทำ หรือแม้กระทั่งให้ท้ายการกระทำพวกเขาอีกเสียด้วยซ้ำ
นั่นเป็นเพราะว่าเธอเองก็หวังที่จะให้จี้จิ่งเชินสามารถอยู่ที่นี่ได้เช่นกัน
บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารที่หลากหลาย ล้วนแต่เป็นสิ่งที่แม่ครัวเตรียมเอาไว้เพื่อเป็นการชดเชยให้กับจี้จิ่งเชินทั้งสิ้น
ทั้งสองคนทานข้าวกันแล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนกังวลว่าจี้จิ่งเชินจะยังคิดเป็นห่วงเรื่องของบริษัทอยู่
“เรื่องที่บริษัทถ้าหากพี่ไม่วางใจ ก็สามารถให้พวกเขาเตรียมประชุมออนไลน์มาก็ได้นะคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ”
จี้จิ่งเชินปฏิเสธ : “ถึงแม้ว่าจะไม่มีผม พวกเขาเองก็สามารถทำหน้าที่ในตอนนี้ได้สำเร็จอยู่แล้ว”
ว่าแล้วนั้น เขาก็หันกลับมามองที่เวินเที๋ยนเที๋ยน
“ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะให้บริษัทเอ็มไอกรุ้ป ร่วมงานกับบริษัทจีนเซินหรือครับ? จะเริ่มเมื่อไหร่?”