เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 395
บทที่ 395 คุณมีผู้ชายกี่คนกันแน่
สองชั่วโมงผ่านไป หลังจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนส่งหมินอันเกอและหลวนจื่อเรียบร้อยแล้ว จึงค่อยได้เห็นจี้จิ่งเชินที่นั่งอยู่ข้างหลังของปราสาท
บนท้องฟ้ามีก้อนเมฆสีดำปกคลุมเต็มไปหมด อยู่ๆฝนในฤดูร้อนก็ทำราวกับจะตกลงมาอย่างกะทันหัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเดินเข้าไปหา และพูดด้วยความกังวล: “ฝนกำลังจะตกแล้วนะคะ พวกเรากลับก่อนดีกว่า”
แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่มีการตอบสนองใดๆกลับมา
เมื่อเธอจึงเดินไปข้างหน้าอีกสองก้าว อยู่ๆ จี้จิ่งเชินก็พูดขึ้นมา
“ก่อนหน้านี้ก็จงหลี ตอนนี้ยังมีหมินอันเกออีก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนฟังคำพูดของเขาด้วยความไม่เข้าใจ จนสุดท้ายจี้จิ่งเชินก็หันหน้ากลับมา แล้วจ้องมองที่เธอ
“เวินเที๋ยนเที๋ยน คุณมีผู้ชายกี่คนกันแน่? แล้วผมเป็นคนที่เท่าไหร่ล่ะ?”
เมื่อลมพัดผ่านมา ทันใดนั้น ทั้งสองคนราวกับถูกแยกออกจากกันด้วยภูเขาและน้ำ
ความรักถูกกั้นด้วยภูเขาและทะเล และเป็นความรักที่ไม่มีวันมาบรรจบกัน
“พวกเขาเป็นแค่เพื่อนสมัยก่อนของฉันเท่านั้นเอง……”เวินเที๋ยนเที๋ยนตอบกลับไป
“ใช่เหรอ?”
จี้จิ่งเชินจึงพูดออกมาตรงๆ: “ก่อนหน้านี้ที่บริษัทเอ็มไอกรุ้ปเจอปัญหาเรื่องเงิน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขามีใจให้กับเธอ หมินอันเกอจะนำเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาให้เธอง่ายๆขนาดนั้นเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอึ้งขึ้นมา และค่อยๆก้มหน้าลงไป
“หมินอันเกอได้ยื่นมือมาช่วยฉันจริงๆค่ะ”
ด้วยลมที่กำลังพัด น้ำเสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยนจึงค่อยๆดังขึ้นมา
“เรื่องนี้ ใครก็สามารถที่จะด่าจะว่าฉันได้ แต่ต้องไม่ใช่คุณ”
น้ำเสียงของเธอถูกเสียงลมพัดรบกวน จนจี้จิ่งเชินได้ยินไม่ชัดเจน เขาจึงเข้าใกล้เธอเล็กน้อย
และในขณะนั้นเอง เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เงยหน้าขึ้นมา น้ำเสียงก็ดังขึ้นมาทันที
ทันทีที่ได้เห็นหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน ร่างของจี้จิ่งเชินก็สั่นไปหมด
เพราะว่าดวงตาคู่นั้นของเธอ กลับมีน้ำตาคลอเบ้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังร้องไห้
เธอมองไปที่จี้จิ่งเชิน แล้วพูดเน้นคำขึ้นมา: “จี้จิ่งเชิน มีเพียงคุณคนเดียวที่ไม่ควรมาด่ามาว่าฉัน”
เธอทำเพื่อรักษาบริษัทของจี้จิ่งเชินไว้ ทำเพื่อรักษาบ้านของเขาไว้ ทุกสิ่งที่เธอทำ
คนนอกเขาจะมองเธอเป็นยังไง เธอไม่สนใจ
แต่ต้องไม่ใช่จี้จิ่งเชิน
เวินเที๋ยนเที๋ยนยกมือขึ้นมา แล้วเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มของเธอ
จี้จิ่งเชินยังคงมองเธอด้วยความอึ้งอยู่ที่เดิม
ไฟแห่งความโกรธและความอิจฉา ถูกลมเย็นและน้ำตาที่อยู่ข้างหน้าของเขา ค่อยๆทำให้ดับลง
เหลือไว้แต่เพียงความเสียใจ
ทำไมเขาต้องโกรธเธอด้วย?
เขาก็รู้อยู่แก่ใจไม่ใช่เหรอ ว่านี้ไม่ใช่ความผิดของเวินเที๋ยนเที๋ยน?
คนคนหนึ่งประคองบริษัทที่มีขนาดใหญ่ขนาดนี้มันลำบากมากแค่ไหน เขารู้ดีกว่าใครๆ
นอกจากนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนจงใจปฏิเสธหมินอันเกอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
แม้แต่ดอกกุหลาบสีขาวที่เขานำมาให้ในวันนี้ เธอก็ไม่ได้เก็บเอาไว้ แต่กลับวางไว้ในห้องรับแขก
ถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์บีบบังคับ เธอจะไปขอร้องให้คนอื่นช่วยได้ยังไงกัน?
แล้วเขามีสิทธิ์อะไรที่จะด่าว่าเธอ?
สายตาอันโหดเหี้ยมของจี้จิ่งเชินค่อยๆจางหายไป แม้แต่มือที่จับไว้แน่น ก็ผ่อนคลายลง
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเช็ดน้ำตาบนใบหน้าแบบลวกๆ
แล้วรีบพูดขึ้นมา: “ฉันจะกลับไปเรียกพ่อบ้านให้มาพาคุณกลับไปนะคะ”
พูดเสร็จ เธอจึงรีบหมุนตัว
แต่เพิ่งจะก้าวไปได้ก้าวเดียว ก็ถูกจี้จิ่งเชินจับไว้เสียก่อน
“ผมขอโทษ”
ลมที่พัดอยู่ค่อยๆสงบลง น้ำเสียงที่เขาพูดออกมาไม่ได้ดังมากนัก แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับได้ยินอย่างชัดเจน
มือของจี้จิ่งเชินที่จับมือของเธอไว้เย็นขึ้นมาเล็กน้อย ไม่เหมือนกับเสียงอู้อี้เมื่อสักครู่ และมือของเขาก็จับมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้แน่น
ราวกับกลัวว่าเธอจะสะบัดมือของเขาออก
“ผมโกรธมากไปหน่อยนะ ผมขอโทษนะ” เขาพูดต่ออีก
เมื่อเห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่ยอมพูด เขาจึงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย แล้วพูด: “ถ้าคุณโกรธผมจริงๆ คุณก็ทิ้งผมไว้ที่นี่ได้นะ”
“ทิ้งคุณไว้ที่นี่ทำไม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับมามองเขาด้วยความไม่เข้าใน
จี้จิ่งเชินจึงหลุบสายตาลงเล็กน้อย และแสดงท่าทางของความรู้สึกผิดออกมา
“เดี๋ยวฝนก็จะตกแล้ว และถ้าหากมันจะทำให้คุณสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย คุณก็ทิ้งผมไว้ที่นี่เถอะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอึ้งไปสักพัก และเข้าใจขึ้นมาทันที จึงได้มองเขาด้วยความตกใจ
สถานที่ที่จี้จิ่งเชินอยู่ในตอนนี้ เป็นลานบ้านพอดี และข้างบนไม่มีสิ่งที่จะสามารถกันฝนได้ แล้วถ้าฝนตกลงมา เขาจะต้องเปียกชุ่มไปทั้งตัวแน่นอน
ถ้าเธอได้เห็นเขาตากฝน คิดว่าเธอจะหายโกรธอย่างนั้นเหรอ?
จี้จิ่งเชิน……
หัวของเขาถูกชนจนเสียไปแล้วหรือยังไง?
มีคำถามหนึ่งเกิดขึ้นในหัวของเธอ แถมยังมีภาพของจี้จิ่งเชินนั่งอยู่กลางสายฝนฉายขึ้นมาในหัวอย่างบังคับไม่ได้ ความหดหู่ในใจของเธอก็หายไปในทันที
แต่เธอกลับไม่แสดงอาการออกมาบนใบหน้า
เธอสะบัดมือของเขาออก ไม่ยอมพูดอะไร และเดินเข้าไปในบ้าน
จี้จิ่งเชินมองเธอที่เดินออกไปไกล คิ้วที่ขมวดไว้ค่อยๆคลายออก และเมื่อเห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ยอมหันกลับมา ก็รู้สึกอ้างว้างขึ้นมาทันที
เขานั่งอยู่ตรงลานบ้าน และไม่ได้กลับไปจริงๆ
ลมยิ่งพัดแรงขึ้น ไม่นาน สายฝนก็ตกลงมาจากท้องฟ้า
จี้จิ่งเชินยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ไม่ได้ขยับแม้แต่ก้าวเดียว ราวกับจะนำบทลงโทษที่เขาพูดกับเวินเที๋ยนเที๋ยนมาทำโทษตัวเองจริงๆ
ฝนค่อยๆตกหนักขึ้นมาเรื่อยๆ แต่อยู่ๆเม็ดฝนที่ตกลงมา ก็ถูกบดบังทันที
จี้จิ่งเชินจึงเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นว่าบนหัวของเขานั้นมีร่มที่กางอยู่
เมื่อเลื่อนสายตาไป ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ยืนอยู่ข้างหลังของเขา
“กลับกันเถอะค่ะ”
เธอนำร่มที่อยู่ในมือส่งให้กับจี้จิ่งเชิน สองมือจึงจับที่เก้าอี้รถเข็น และดันไปด้วยความไม่คล่องตัว
เพิ่งจะเคลื่อนไปได้สักพัก เก้าอี้รถเข็นไม้ที่มีน้ำหนักมาก ก็ติดอยู่ในโคลน จนไม่สามารถขยับได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนดันอยู่หลายรอบ แต่ก็ไม่มีการขยับเขยื้อน
เมื่อจี้จิ่งเชินรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากในตอนนี้
ฝนก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตก แถมยังตกหนักกว่าเดิมอีก
และร่มที่เวินเที๋ยนเที๋ยนนำมาก็เล็ก จนบังฝนได้แค่สองคนพอดี แต่ถ้ามีการกระทำที่ใหญ่ ร่มนี้ก็ไม่มีประโยชน์
เมื่อจี้จิ่งเชินเห็นว่าไหล่ของเธอนั้นเปียกแล้ว จึงนำร่มในมือของเขาเข้าใกล้ทางเวินเที๋ยนเที๋ยน และในขณะที่กางร่มให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน ร่างของเขาก็เปียกไปแล้วครึ่งหนึ่ง
“คุณกลับไปก่อนเถอะ แล้วพ่อบ้านกับคนขับรถล่ะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนใช้แรงแล้วดันเก้าอี้รถเข็น แต่ยิ่งดันก็ยิ่งทำให้ล้อของเก้าอี้รถเข็นจมลึกลงไปในโคลน
“พวกเขามีธุระ ไม่สามารถมาได้คะ”
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าได้ถามทุกคนในปราสาทแล้ว ไม่งั้นเธอไม่มาหรอก เวินเที๋ยนเที๋ยนแอบซ่อนอยู่ข้างๆสักพัก และเพราะเห็นว่าจี้จิ่งเชินยังนั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน ไม่งั้นเธอไม่มาหรอก?
เมื่อจี้จิ่งเชินได้ฟัง ก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้น
“ฝนมันยิ่งตกก็ยิ่งหนัก คุณกลับไปก่อนเถอะ ผมไม่เป็นไร ให้พวกพ่อบ้านเขามาหาผมก็พอแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่าเสื้อผ้าของจี้จิ่งเชินนั้นเปียกไปหมดแล้ว จึงได้ดันร่มกลับไปทางเขา
แต่จี้จิ่งเชินก็ดันกลับมาทางเธอ
ทั้งสองคนยืนดันร่มไปมาอยู่ที่เดิม
ในขณะที่ถกเถียงกันอยู่นั้น ร่างของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เปียกไปทั้งตัว
สีหน้าของจี้จิ่งเชินก็นิ่งขึ้นมาเล็กน้อย แล้วนำร่มส่งให้กับเธอ
“ถือไว้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกบังไว้ด้วยร่ม และสายฝนก็บดบังการมองเห็นของเธอด้วย แต่ก็ยังสามารถมองเห็นว่าร่างของจี้จิ่งเชินนั้นเปลี่ยนเปียกชุ่มทันที
ใบหน้าของเธอมีความไม่พอใจเล็กน้อย แล้วนำร่มส่งกลับไปให้กับจี้จิ่งเชินอีกครั้ง
“คุณถือไว้เถอะ”
จี้จิ่งเชินจึงนำมือมาบังไว้ แต่กลับไปชนเข้ากับร่มที่อยู่ในมือของเธอ จึงทำให้ร่มตกลงไปบนพื้น
ทันใดนั้น ทั้งสองคนที่ยืนอยู่กลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ ก็อึ้งทันที
พวกเขาสบตากัน วินาทีต่อมา ก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้าไปใกล้กับเก้าอี้รถเข็น แล้วโค้งตัวเล็กน้อย
ไม่นาน ทั้งสองคนก็เปียกปอนไปทั้งตัว
เมื่อแม่ครัวทำธุระของตัวเองเสร็จ ก็นึกเรื่องที่เวินเที๋ยนเที๋ยนมาหาเธอขึ้นมาได้ คุณเวินพูดว่าคุณจี้อยู่สวนหลังบ้านไม่ใช่เหรอ?
เธอเพิ่งจะเดินมาถึง ทันใดนั้น ก็เจอกับพ่อบ้านที่กำลังซ่อนอยู่ในมุมมุมหนึ่ง