เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 398
บทที่ 398 ไม่เจียมตัว
และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา ถึงได้ลืมของสำคัญขนาดนี้ไว้ในห้องรับแขก
ถ้าหากถูกคุณนายหล่อนรู้เข้า เขาจะทำยังไงดี?
หล่อนหลีมองดูการกระทำของพ่อบ้าน ก็ยกมือขึ้นแบบไม่ได้เร่งรีบ แล้วชี้นิ้วไปที่อีกมุมหนึ่ง
“ของสิ่งนั้น……”
พ่อบ้านจึงรีบหันมองไป ก็เห็นว่าตรงมุมของห้องรับแขก ก็มีกระเป๋าสตางค์ใบหนึ่งที่เป็นของผู้ชายตกอยู่!
ตอนนี้เขารู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาทันที
ในช่วงไม่กี่วันมานี้เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่สบาย คนทั้งปราสาทก็เลยยุ่งเหยิงไปหมด แม้แต่ห้องก็ทำความสะอาดไว้แบบไม่เรียบร้อย
“ของชิ้นนี้ ฉันคิดว่า น่าจะเป็นของคนขับรถใช่ไหม?”
เขาจึงรีบเดินเข้าไป เพิ่งจะเก็บกระเป๋าสตางค์ที่อยู่บนพื้นขึ้นมาได้ จู่ๆก็ได้ยินเสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยนดังขึ้นมา
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณพ่อบ้าน คุณปิดบังพวกเขาไม่ได้หรอกค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมายืนอยู่ตรงหน้าประตู อาการไม่สบายของเธอเพิ่งจะดีขึ้น สีหน้าเลยยังคงซีดอยู่เล็กน้อย
เมื่อพ่อบ้านเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็รีบเดินเข้าไปหา
“คุณเวิน คุณลงมาทำไมครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยกมือขึ้นมาโบก
“ฉันไม่เป็นไร นอนอยู่บนเตียงตั้งหลายวัน ที่จริงแล้วอาการของฉันดีขึ้นตั้งนานแล้วล่ะ”
พูดเสร็จ เธอก็หันมามองหล่อนหลีและเวินหงหยู้ แล้วพูด: “คุณปิดบังพวกเขาไม่ได้หรอกค่ะ”
แค่หล่อนหลีเดินเข้ามาเธอก็มองดูไปรอบ ราวกับกำลังหาใครสักคนอยู่
ถึงแม้เธอจะให้ทุกคนปิดเรื่องที่จี้จิ่งเชินอยู่ในปราสาทไว้เป็นความลับ และพวกเขาก็ปิดได้ดี แต่ถ้าสังเกตอย่างละเอียด ก็สามารถพบเบาะแสได้เหมือนกัน
“เที๋ยนเที๋ยน หนูไม่สบายเหรอ?”
เมื่อคุณนายหล่อนได้เห็นท่าทีของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็เดินเข้ามาหาด้วยความกังวล
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ แค่ก่อนหน้านี้ได้ตากฝนมานิดหน่อยก็เท่านั้นเองค่ะ”
ในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น อยู่ๆก็มีเสียงดังราวกับฟ้าผ่าดังขึ้นมา
“คุณทำอะไรของคุณเนี่ย? ไม่กลัวว่าจะตกลงมาจากบันไดหรือยังไง?”
เสียงของจี้จิ่งเชินดังขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ และในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ
เขาออกไปแค่แป๊บเดียว พอกลับเข้ามาก็ไม่เจอคนที่ควรจะนอนอยู่บนเตียงแล้ว
ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อได้ยินว่าเธอลงไปข้างล่าง จี้จิ่งเชินก็เริ่มคิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะตกจากบันไดหรือเปล่า ราวกับว่าเมื่อก่อนได้เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
กว่าที่เขาจะลงมาจากทางพิเศษที่ออกแบบโดยเฉพาะได้นั้นมันไม่ง่ายเลย แต่เมื่อได้เห็นว่าบรรยากาศในห้องมีความอึดอัดเล็กน้อย
สายตาของเขาก็มองไปหาสองคนที่กำลังยืนอยู่กลางห้องรับแขก ด้วยสายตาที่ระแวดระวังทันที
อีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อหล่อนหลีและเวินหงหยู้ได้เจอกับจี้จิ่งเชิน ถึงแม้พวกเขาพอจะเดาออกบ้างแล้วก็ตาม แต่เมื่อได้เจอกับจี้จิ่งเชินมาปรากฏอยู่ตรงหน้าของพวกเขาจริงๆ พวกเขาก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน
“คุณยังมี……”
หล่อนหลีพูดไปได้ครึ่งประโยค ก็กลืนคำที่อยู่ในปากกลับไป แล้วมองเขาด้วยสายตาของความสับสน
จี้จิ่งเชินหยุดอยู่หน้าประตูสักพัก จึงเคลื่อนเก้าอี้รถเข็นเข้ามาอยู่ข้างๆของเวินเที๋ยนเที๋ยน
ทำราวกับว่าสองคนที่ยืนอยู่ข้างหน้านั้นไม่ได้อยู่ด้วย ขมวดคิ้วและพูดกับเวินเที๋ยนเที๋ยน: “คุณลงมาทำไม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงหันไปพูดกับจี้จิ่งเชิน: “ฉันยังไม่ได้แนะนำให้คุณรู้จักเลย”
เธอกำลังจะพูดขึ้นมา แต่จี้จิ่งเชินกลับพูดขึ้นมาเสียก่อน: “ผมรู้จักพวกเขา”
เขาหันมองไปทางเวินหงหยู้
“คุณคนนี้น่าจะเป็นทายาทของตระกูลเวิน คุณชายเวิน”ในขณะที่พูด ก็หันไปทางหล่อนหลี“งั้นคุณคนนี้ก็เป็นคุณนายหล่อน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปที่เขาด้วยความตกใจ “คุณรู้ได้ยังไงคะ?”
คุณนายหล่อนไม่เคยเปิดเผยหน้าตาต่อหน้าสาธารณะ แล้วทำไมจี้จิ่งเชินถึงได้รู้จักพวกเขาล่ะ?
“ใครๆก็รู้เรื่องการแต่งงานของตระกูลเวินกับตระกูลหล่อน ในเมื่อคุณชายเวินมาแล้วคนที่อยู่ข้างกายของเขาก็เดาได้ง่ายนะสิ”
และบวกกับเมื่อสักครู่ตอนเขาเข้ามา การกระทำที่ดูสนิทสนมของทั้งสองคน และเมื่อมองดูความสัมพันธ์ของพวกเขากับเวินเที๋ยนเที๋ยน คำตอบมันชัดเจนอยู่แล้ว
และในช่วงเวลานี้เขาก็เริ่มจำเรื่องราวในอดีตได้บ้างแล้ว
สายตาของจี้จิ่งเชินมีความระแวดระวังอยู่ในนั้น
“คุณทั้งสองคนตั้งใจที่จะมาหาผมใช่ไหม?”
หล่อนหลีและเวินหงหยู้มองหน้ากันนิดหนึ่ง แล้วถามเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมา: “นี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเล่าเรื่องของจี้จิ่งเชินทั้งหมดให้พวกเขาทั้งสองคนฟัง พูดว่า: “ก่อนที่ความทรงจำของเขาจะกลับมา ฉันไม่อยากให้คนของตระกูลเวินเจอเขา”
หล่อนหลีมองไปที่เธอ แล้วขมวดคิ้ว
“หนูปิดไม่ได้นานขนาดนั้นหรอกนะ”
ข่าวนี้ต้องไปถึงหูของพวกเขาแน่นอน และแน่นอนก็ต้องไปถึงหูของคนอื่นด้วย
การจะถูกตระกูลเวินพบนั้น ก็เป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น
“ฉันรู้ค่ะ แต่ฉันก็อยากจะถ่วงเวลาอีกสักพัก”
หล่อนหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย และมองไปทางจี้จิ่งเชินที่มีสายตาของความจับผิดอยู่
จี้จิ่งเชินทำราวกับมองไม่เห็นสายตาของเธอ แล้วหันหน้าไปมองทางเวินเที๋ยนเที๋ยน
“คุยเสร็จแล้วใช่ไหม? ถ้าไม่มีอะไรแล้วคุณก็กลับไปพักผ่อนที่ห้อง”
น้ำเสียงของจี้จิ่งเชินมีความหงุดหงิดเล็กน้อย เขาใช้น้ำเสียงที่ร้อนรนและการกระทำที่ไม่พอใจปกปิดความห่วงใยของตัวเองไว้
เมื่อหล่อนหลีได้ยิน ก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจทันที
อาจจะเป็นเพราะว่าเขาลืมความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ไปหมดแล้ว ท่าทีของจี้จิ่งเชินที่มีต่อเวินเที๋ยนเที๋ยนในตอนนี้ จึงเหมือนกับท่าทีในตอนแรกๆที่เขามีต่อเวินเที๋ยนเที๋ยน
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับพูดกับเขาดีๆ: “ฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะคุณ อีกสักพัก เดี๋ยว……”
“ผมบอกให้คุณไปพักผ่อน”
จี้จิ่งเชินพูดขัดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ แล้วขมวดคิ้วพูด: “ถ้ามีเรื่องอะไรอีกเดี๋ยวผมจะเป็นคนบอกพวกเขาเอง”
พูดเสร็จ เขาก็หันไปทางพ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆของเขา แล้วกำชับขึ้นมา
“ส่งเธอไปพักผ่อน ก่อนหน้านี้คุณหมอพูดยังไง ลืมกันไปหมดแล้วเหรอ?”
พ่อบ้านตกใจจนแทบจะกระโดดขึ้นมาจากพื้น เมื่อเห็นว่าสีหน้าของจี้จิ่งเชินไม่ดี เขาก็ไม่กล้าเมินเฉย จึงรีบเข้าไปประคองเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วพากลับไปพักผ่อนที่ห้อง
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงกังวลอยู่ แต่หล่อนหลีกลับพยักหน้าให้กับเธอ เป็นการบอกว่าตัวเองจะไม่ทำให้ลำบากใจ เธอจึงได้ยอมเดินออกไป
เมื่อจี้จิ่งเชินที่เห็นการกระทำระหว่างพวกเขาสองคน ก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม แล้วหันไปถลึงตาให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
ในใจของผู้หญิงคนนี้ เขาไม่มีประโยชน์ขนาดนั้นเลยเหรอ?
ถึงได้ขอให้อีกฝ่ายเห็นใจเขา
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินออกไป ภายในห้องรับแขกก็เงียบลงทันที
จี้จิ่งเชินบังคับเก้าอี้รถเข็น แล้วหันมามองหล่อนหลีและเวินหงหยู้
“คุณสองคนมาหาผม มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”
“คุณรู้ไหมว่าตอนนี้คุณตกอยู่ในสถานภาพไหน?”หล่อนหลีเปิดปากพูดขึ้นมา
จี้จิ่งเชินลดสายตาลงเล็กน้อย แล้วหัวเราะขึ้นมา
“คุณหมายถึงคนที่ทำให้ผมกลายเป็นแบบนี้เหรอ?”
“คือตระกูลเวิน”หล่อนหลีพูดต่อ: “ในเมื่อคุณรู้จักหงหยู้ คุณก็น่าจะรู้จักกับตระกูลเวินเหมือนกัน และน่าจะรู้จักอิทธิพลของพวกเขาดี คุณในตอนนี้ถ้าถูกพวกเขารู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ สำหรับพวกเขาแล้วคุณก็เป็นแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น ”
“แล้ว?”จี้จิ่งเชินพูดอย่างใจเย็น
หล่อนหลีขมวดคิ้วขึ้นมา เวินหงหยู้ที่ยืนอยู่ข้างๆของเธอจึงพูดขึ้นมา
“ถ้าดูจากสภาพของคุณในตอนนี้ คุณก็น่าจะรู้ดีถึงอำนาจของตระกูลเวิน มันง่ายเหรอ?”
“แล้วพวกคุณคิดจะทำยังไง?”
“ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือว่าเที๋ยนเที๋ยน ทางที่ดีก็ควรอยู่อย่างเงียบๆก่อน”หล่อนหลีพูด: “ถือโอกาสที่ตระกูลเวินยังไม่รู้ว่าคุณยังมีชีวิตอยู่ หลังจากที่พวกคุณพร้อมเต็มที่แล้ว…… ”
“ผมไม่ไป”ยังไม่ทันพูดเสร็จ จี้จิ่งเชินก็พูดขึ้นมาก่อน
เขาเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปยังสองคนที่อยู่ข้างหน้าของเขา
“ถ้าพวกคุณกังวล พวกคุณสามารถส่งเวินเที๋ยนเที๋ยนออกไปได้”
“ถ้าคุณยังอยู่ที่นี่ต่อ แล้วเธอจะยอมไปได้ยังไง? ”หล่อนหลีจึงรีบพูด:
เรื่องแบบนี้ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยถามมาก่อน แต่กลับถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า
ขอแค่จี้จิ่งเชินไป เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ต้องไปด้วยแน่นอน
เมื่อเห็นว่าจี้จิ่งเชินยังคงงมงายอยู่กับความคิดของตัวเอง หล่อนหลีก็ยิ่งกังวลขึ้นมาอีก
เธอเดินเข้าไปหนึ่งก้าว และอดไม่ได้ที่จะพูดเสียงดังขึ้นมา
“คุณคิดว่าจากสภาพของคุณในตอนนี้ คุณจะทำอะไรได้? ยังไม่ทันที่คุณจะเดินไปถึงข้างหน้าของพวกเขา คุณก็ถูกฝังกลับไปในดินอีกครั้งแน่”