เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 416
บทที่ 416 ออกไปจากปราสาทของผม
พ่อบ้านโกรธจนกระทืบเท้า หมุนตัวตามเวินเที๋ยนเที๋ยนออกไป
กลางห้องจึงเหลือจี้จิ่งเชินแค่คนเดียว
เขานั่งที่เตียงผู้ป่วย สายตามองที่นอกหน้าต่าง
ใครต่างไม่เห็นว่า จากมุมของเขา สามารถมองเห็นท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่กระจกได้พอดี
พอในห้องเงียบลง มือเขาที่วางอยู่บนขาก็จับไว้แน่น
ในห้องมีเสียงถอนหายใจ แต่ไม่มีใครได้ยิน
สองสามวันถัดมา ถึงเวินเที๋ยนเที๋ยนจะมาหาเขาทุกวัน ท่าทีของจี้จิ่งเชินก็ยังเฉยเมย
และทุกครั้งต่างทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนโกรธจนหน้าซีด
พวกพ่อบ้านที่อยู่ข้างๆก็ยิ่งรู้สึกไม่ยุติธรรม แต่ว่าทำอะไรไม่ได้กับจี้จิ่งเชิน
ผ่านการตรวจของหมอ พอมั่นใจว่าจี้จิ่งเชินไม่มีอาการบาดเจ็บภายนอก ไม่เกินสองวันก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว
ส่วนครั้งนี้ เขากลับที่ปราสาทโดยตรง
ถึงแม้ทั้งสองวันทั้งสองจะอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน แค่ท่าทีที่เขาปฏิบัติต่อเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่เปลี่ยน ยังคงมองเธอเป็นอากาศ
แค่ไม่กี่วัน คนทั้งปราสาทก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนไปของพวกเขา
เดิมทีคิดว่าหลังจากผ่านเรื่องราวครั้งที่แล้ว ความสัมพันธ์ทั้งสองก็จะแนบชิดยิ่งขึ้น
แต่ไม่คาดคิดว่ามันจะกลับมาอีกครั้ง
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นท่าทางเวินเที๋ยนเที๋ยนดูแย่ แม่ครัวโน้มน้าวอย่างทนไม่ไหว:“คุณหนู คุณชายจะต้องมีอะไรที่ยากลำบากแน่……”
เห็นสีหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนยังดูแย่ แม่ครัวได้แต่ออกความเห็น
“แบบนี้ดีไหมคะ งั้นพรุ่งนี้เช้าก็ให้คุณหนูมาทำอาหารเช้าเอง ไม่ใช่ว่าคุณชายชอบกินโจ๊กปลาที่คุณทำมากเหรอคะ?”
“ให้เขาลองดู จะต้องฟื้นความสัมพันธ์ของพวกคุณได้แน่ แบบนี้ได้ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยิน ก็ลังเล
“แบบนี้ได้ไหม?”
แม่ครัวบอกรับประกัน
“ได้สิ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขา ในที่สุดก็พยักหน้า
“โอเค งั้นเราก็ลองดู”
วันถัดมา เวินเที๋ยนเที๋ยนตั้งใจตื่นแต่เช้า เข้าไปเตรียมอาหารเช้าในครัว
จนฟ้าสว่าง ตอนที่จี้จิ่งเชินตื่น เธอก็ยังทำไม่เสร็จ แต่บนโต๊ะวางอาหารเช้าสองสามอย่างที่ทำเสร็จแล้ว
สีหน้าจี้จิ่งเชินไม่แสดงใดๆ นั่งลงที่โต๊ะอาหาร
แม่ครัวที่ยืนข้างๆ เห็นเขาถือโจ๊กปลานั้น ก็ยิ้มอย่างพอใจ
อย่างที่เธอคิดไว้เลย คุณชายแค่ไม่เก่งที่จะแสดงความรู้สึกตัวเอง
รอเขา……
“นี่ใครทำ?”
เสียงไม่พอใจของจี้จิ่งเชินกลับเข้ามา
เขายกชามในมือขึ้นมา ชิมไปแค่หนึ่งคำ คิ้วก็ขมวด
แอบรู้สึกถึงบางอย่าง เงยหน้ามอง ไม่เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็โกรธ
แม่ครัวได้สติอย่างรวดเร็ว ตอบไป:“คุณชาย คุณเวินยังอยู่ในครัวค่ะ เดี๋ยวจะทำเสร็จแล้ว”
คิดไม่ถึงว่าจี้จิ่งเชินจะขมวดคิ้วแน่นขึ้น เอาโจ๊กปลาที่ถืออยู่ในมือวางลงที่โต๊ะ ก้นชามวางลงที่โต๊ะ ส่งเสียงออกมา
บรรยากาศทั้งห้องอาหารเหมือนจะเงียบลง
แม่ครัวมองการเปลี่ยนแปลงของเขา ตกใจ ไม่รู้จี้จิ่งเชินจะทำอะไรอีก
ใครจะรู้ว่าแป๊บเดียว เขาก็ควบคุมรถเข็น ออกไปโดยไม่หันกลับมา
แม่ครัวตกใจจนตามเข้าไป
“คุณชาย คุณจะไปไหนคะ?ยังกินไม่เสร็จเลย”
จี้จิ่งเชินเคลื่อนไหวไม่มาก พูดเสียงเย็นชา:“ไม่อยากกิน”
พูดจบก็ออกไปจากปราสาท
แม่ครัวตะลึงอยู่ที่เดิม คิดไม่ถึงว่าจี้จิ่งเชินจะตอบโต้แบบนี้
“ทำไมเป็นแบบนี้……”
เธอบ่นพึมพำ ก็เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินออกมาจากครัวพอดี ผ้ากันเปื้อนที่เอวยังไม่ถอดออก
เธอยืนอยู่ตรงนั้น เหมือนจะได้ยินที่จี้จิ่งเชินพูดเมื่อกี๊แล้ว มองที่เขาออกไป หน้าซีด สายตาผิดหวัง
แม่ครัวมองท่าทางของเขา เจ็บปวด รีบเข้าไป
“คุณหนู คุณไม่เป็นไรนะ?คุณชายจะต้อง……เขาจะต้อง……”
เธอพยายามคิดหาเหตุผลให้อภัยจี้จิ่งเชิน แต่คิดยังไงก็ไม่ออก แต่กระวนกระวายจนเหงื่อออกที่หน้าผาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้ม ส่ายหน้า
“ไม่เป็นไร ในเมื่อเขาไม่กิน ที่เหลือคุณกับฉันก็กินด้วยกันเถอะ”
พูดจบ ก็หมุนตัวเข้าไปในห้องทานข้าว พูดไปว่า:“เรียกให้พ่อบ้านกับคนขับรถมาด้วย ยังไงก็ทำซะเยอะ ต้องกินให้หมด ……”
พูดถึงคำสุดท้าย เสียงเธอก็ค่อยๆลดลง ดูเหงาหงอย จนคนฟังก็สงสาร
ตอนบ่าย พอพ่อบ้านได้ยินเรื่องนี้ ก็โกรธจนยกมือขึ้นกลางอากาศ
“จะให้คุณชายกับคุณหนูเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว จะต้องให้คุณชายคิดเรื่องเมื่อก่อนให้ได้”
เขารีบพูด:“วันนี้ผมจะให้หมอจางมา ตรวจคุณชายดู”
คนขับรถกับแม่ครัวต่างพยักหน้า
“ดีแล้ว ก็ทำได้แค่นี้แหละ”
ตอนค่ำ ตอนที่จี้จิ่งเชินกลับมาจากบริษัท ก็มองเห็นหมอจางที่ตอนนี้รออยู่ในห้องรับแขก
พอเห็นเขา จี้จิ่งเชินก็ขมวดคิ้ว
น้ำเสียงไม่โอเค:“คุณมาทำอะไร?”
หมอจางรีบยืนขึ้น
“คุณจี้ คุณไม่ได้ตรวจนานแล้ว ได้ยินว่าเมื่อก่อนคุณเกิดเรื่องแล้วผมมาตรวจดูไม่มีปัญหาอะไร ……”
“ไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้คุณก็ไปได้แล้ว”จี้จิ่งเชินพูดไล่ตรงๆ
หมอจางตะลึง หันไปมองที่พ่อบ้าน
พ่อบ้านจึงพูด:“คุณชาย การป่วยของคุณไม่คืบหน้า ผมเลยเรียกหมอจางมาช่วยตรวจคุณ อาจจะช่วยได้”
“ไม่ต้องตรวจหรอก”จี้จิ่งเชินปฏิเสธไปอีกครั้ง:“คิดได้ไม่ได้ ไม่มีความหมายอะไรกับผม”
ท่าทางที่เย็นชาไม่เหมือนเมื่อก่อน ทำให้คนรับมือไม่ทัน
“คุณชาย……”
พ่อบ้านกำลังจะพูด จี้จิ่งเชินกลับควบคุมรถเข็น แล้วหมุนตัวออกไป
พร้อมกำชับไปว่า:“ส่งเขากลับไป ถ้าใครแอบเชิญเขามาอีก ผมจะไล่ออก!”
พอเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยิน ไม่เข้าใจมากขึ้น
สองสามวันนี้จี้จิ่งเชินดูผิดปกติ ทำให้เธอกระสับกระส่าย
ก่อนหน้านี้ที่เขาปฏิบัติต่อตัวเองยังทนได้ แต่เรื่องนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่ยอม
เธอคิด แล้วจึงไปที่ห้องทำงาน
จี้จิ่งเชินกำลังดูเอกสารที่โต๊ะทำงาน ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่ประตู ก็เงยหน้ามอง
มองเห็นเป็นเธอ ก็เย็นชาขึ้นมา
“มีอะไรไหม?”
น้ำเสียงเย็นชา ทำให้ในใจเวินเที๋ยนเที๋ยนเยือกเย็น แต่ก็เดินเข้าไป
“ทำไมคุณไล่หมอจางไปล่ะ?”
“เมื่อก่อนคุณเคยบอกไม่ใช่เหรอ จะร่วมมือรักษาฟื้นคืนความจำเรื่องเมื่อก่อนน่ะ?”
จี้จิ่งเชินวางปากกาในมือ เงยมองเธอ
“เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน ตอนนี้ผมไม่อยากแล้ว”
“แต่ว่า……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้าไป อยากจะโน้มน้าวเขา
เสียงของจี้จิ่งเชินเย็นชาเล็กน้อย
“เรื่องของผม คงไม่ต้องให้คุณเวิน มาดูหรอก?”
ฝีเท้าเวินเที๋ยนเที๋ยนหยุดลง มองเขาอย่างตกใจ
“คุณพูดอะไร?”
จี้จิ่งเชินบังคับรถเข็น จากด้านหลังโต๊ะหนังสือมาที่ข้างหน้าต่าง
“ตามกฎหมายผมกับคุณไม่เกี่ยวข้องใดๆกัน เมื่อก่อนคุณเคยบอก บริษัทเอ็มไอกรุ้ปกับปราสาท คุณรับช่วงไปเพราะถูกบังคับ ถ้าผมต้องการ คุณสามารถคืนกลับให้ผมได้เสมอ”
เสียงของเขาเย็นชาและแข็งกร้าว ราวกับไม่มีความรู้สึก
“ตอนนี้ คุณสามารถเอาทุกอย่างคืนให้ผม ออกไปจากปราสาทผมได้ไหม?