เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 431
บทที่ 431 กลัวแล้วหรือยัง
ครั้งนี้เจียงหยู่เทียนได้ยินอย่างชัดเจน นั้นเป็นเสียงร้องไห้ของเด็ก!
เด็กคนนั้นร้องจนรู้สึกเจ็บปวด ชวนให้คนตกใจ!
เธอใจเต้นแรง นึกขึ้นได้อย่างกะทันหันว่าตัวเองนั้น ก็คงถือได้ว่าเป็นเด็กในกำมือของเวินหงไห่เหมือนกัน
ผ่านมาตั้งนานแล้ว เด็กคนนั้นก็คงจะตายไปตั้งนานแล้ว
ตอนที่เวินหงไห่ลงมือ เด็กคนนั้นก็คงจะร้องตะโกนเหมือนกับตอนนี้?
เจียงหยู่เทียนตกใจจนมือเย็นเฉียบ ตัวของเธอกำลังสั่นเทา สีหน้าของเธอก็เริ่มขาวซีด รูม่านตารัดแน่นจนเหลือนิดเดียว เธอมองไปรอบๆอย่างหวาดกลัว
“ ใคร? ใครกำลังแสร้งทำเป็นหลอกผีอยู่กันแน่? ”
“ แม่…… ”
ร่างที่กำลังสั่นเทาของเจียงหยู่เทียนได้หยุดนิ่งทันที
“ เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้! ”
เธอส่งเสียงร้องออกมา
ไฟในห้องได้กระพริบขึ้นอีกครั้ง จะสว่างก็ไม่สว่าง จะมืดก็ไม่มืด ปะปนไปกับเสียงร้องของเด็กทารก และเสียงนั้นยิ่งอยู่ก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ
เธอก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่อง และไปขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง
โทรศัพท์ของเธอร่วงตกลงไปที่พื้น แต่เจียงหยู่เทียนกลับไม่มีกะจิตกะใจก้มลงไปเก็บมันขึ้นมา
เธอถูกความกลัวครอบงำไปแล้ว เธอนั่งขดตัวเอามือจับหัว และตัวสั่นอย่างไม่หยุดหย่อน
“ แกไม่ต้องมาหาฉัน……ไม่ต้องมาหาฉัน……ไม่ใช่ฉัน……ไม่ใช่ฉัน…… ”
“ เวินหงไห่เป็นคนฆ่าแก เป็นเขา! ถ้าแกจะไปหา ก็ไปหาเขานู่น! ”
“ แม่ ทำไมแม่ถึงต้องทำแบบนี้ล่ะ? ”
ในความมืดมีเสียงอ่อนวัยดังขึ้น เหมือนผีที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
เจียงหยู่เทียนหวีดร้องขึ้นมาทันที
“ ไม่ใช่ฉัน! เป็นเวินหงไห่ที่ทำ! เป็นเขา! ”
“ เขาให้ฉันทำแบบนี้! เขาบอกว่าถ้าทำแบบนี้ ก็จะสามารถทำให้จี้จิ่งเชินไม่มีวันลุกขึ้นมาได้อีกต่อไป……แกไม่ต้องมาหาฉันนะ!…… ”
“ ขอโทษ……ขอโทษ…… ”
เธอเบิกตากว้าง น้ำตาไหลทะลักลงมาจากเบ้าตา
สีหน้าของเธอขาวซีด ไม่มีสีเลือดเลยสักนิดเดียว และตัวก็ยิ่งสั่นเทาขึ้นเรื่อยๆ
“ อย่ามาหาฉัน ไม่ต้องมาหาฉัน……ถ้าแกจะหา ก็ไปหาเวินหงไห่นู่น…… ”
แสงไฟในห้องยังคงกระพริบอย่างต่อเนื่อง
เจียงหยู่เทียนขดตัวอยู่ในมุมห้อง และตะโกนร้องออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ไฟในห้องก็ค่อยๆกลับมาเป็นปกติ แต่เธอไม่กล้ายืนขึ้น และยังนั่งจับหัวอยู่ที่พื้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่ด้านนอกประตู ได้ยินเสียงร้องตะโกนกับเสียงร้องไห้ของเจียงหยู่เทียนดังออกมาจากด้านใน
พ่อบ้านกับจงหลีก็ยืนอยู่ข้างๆเธอ ในมือกำลังถือเครื่องบันทึกเสียงเอาไว้อยู่ คำพูดที่เจียงหยู่เทียนพูดออกมาเมื่อสักครู่ได้ถูกบันทึกไว้แล้ว
“ คุณผู้หญิงครับ บันทึกเรียบร้อยแล้วครับ ” พ่อบ้านพูดบอก
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า แต่สายตากลับไปหยุดอยู่ที่ประตูบานนั้น
“ เมื่อก่อน เจียงหยู่เทียนไม่เคยกลัวผี ”
ก็เพราะแบบนี้ ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ที่สถานเด็กกำพร้าถึงได้ถูกเธอทำให้ตกใจกลัวอยู่บ่อยๆ
ทุกคืน เจียงหยู่เทียนจะขังเธอไว้ในห้อง และแกล้งหลอกผีทำให้เธอตกใจกลัว ถ้าเธอไม่ร้องไห้ หล่อนก็จะไม่เลิกรา
ถึงตอนนั้น เจียงหยู่เทียนก็จะกระโดดออกมาหัวเราะเยาะเธอ
แต่ตอนนี้ คนในห้องกลับตกใจจนจิตหลุด และหวาดกลัวไปสะหมด
หรืออาจเป็นเพราะกำลังคิดเรื่องร้ายอยู่ ถึงได้รู้สึกกลัวถึงขนาดนี้
ผลักลูกของตัวเองไปที่เตียงอิฐที่มีไฟ ต่อให้เป็นเจียงหยู่เทียน ก็คงจะรู้สึกกลัว?
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้าไปมา หมุนตัวและพูดถามขึ้น: “ เด็กละ? ”
“ พวกแม่ครัวกำลังดูแลอยู่ที่ปราสาท ปลอดภัยดีครับ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรับเครื่องบันทึกเสียงมาจากมือของเขา
“ เรากลับกันเถอะ รอให้นักข่าวของวันพรุ่งนี้เปิดเผยเรื่องทั้งหมด ก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ”
เธอกำเครื่องบันทึกเสียงในมือแน่น และเริ่มมีกะจิตกะใจขึ้นอีกครั้ง
“ มีของเหล่านี้ อาจจะสามารถเชื่อมโยงกับเรื่องที่เวินหงไห่ได้เคยทำไว้ ถ้าเป็นแบบนั้นก็จะได้คิดบัญชีพร้อมกันเลย ”
พูดจบ คนเหล่านั้นก็หมุนตัวเดินจากไป เหลือไว้แค่เจียงหยู่เทียนกับประตูที่ถูกปิดอย่างแน่นหนาบานนั้น
และยังมีเสียงหวีดร้องอย่างหวาดกลัวที่ดังออกมาจากข้างในอย่างต่อเนื่อง และดังอยู่แบบนี้ตลอดทั้งคืน
ตอนเช้าของวันต่อมา จี้จิ่งเชินได้แจ้งกับนักข่าวทุกสื่อมวลชน ว่าจะแถลงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
งานได้จัดก่อนหนึ่งวันจากเวลาสามวันที่นัดกันไว้ ทำให้เวินหงไห่รู้สึกคาดไม่ถึงนิดหน่อย
ตอนที่เขากับเจียงหยู่เทียนมาถึง ในห้องโถงก็มีนักข่าวหลายสำนักมารวมตัวกันก่อนแล้ว ในขณะเดียวกัน กล้องถ่ายภาพก็ได้จับภาพไปที่จี้จิ่งเชินที่นั่งอยู่ด้านบน
เห็นจี้จิ่งเชินหาคนมากมายมาที่นี่ และสร้างสนามรบที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ก็ทำให้เวินหงไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ไม่เข้าใจว่าจี้จิ่งเชินถือไพ่อะไรไว้อยู่ในมือ ถึงได้มีความมั่นใจได้ถึงขนาดนี้?
เขาหันกลับมามองเจียงหยู่เทียนที่อยู่ด้านหลังนิดหน่อย
กลับเห็นเธอมีสีหน้าขาวซีด ใต้ตามีรอยคล้ำขนาดใหญ่ ดูแล้วเหมือนจิตกำลังหลุด และจนตรอกเป็นอย่างมาก
เวินหงไห่ขมวดคิ้วทันที
“ เจียงหยู่เทียน เธอเป็นอะไร? จัดการเรื่องเด็กเรียบร้อยดีแล้วใช่ไหม? ”
“ เด็ก……เด็ก? ”
เจียงหยู่เทียนตกใจ รีบดึงสติกลับมา และมองไปที่เวินหงไห่
แต่ในตาของเธอกลับสะท้อนความหวาดกลัวขึ้น รูม่านตาของเธอค่อยๆรัดกันแน่น บนใบหน้าของเธอแสดงอาการตื่นตระหนกออกมา
“ วิญญาณของเด็กคนนั้น……เมื่อคืน วิญญาณนั้นมันมาหาฉัน! ”
เธอจับเวินหงไห่ไว้แน่น
“ เป็นเพราะนาย! ถ้าไม่ใช่นาย…… ”
น้ำเสียงของเจียงหยู่เทียนเพิ่มขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ จึงทำให้ดึงดูดสายตาของนักข่าวที่อยู่รอบๆทันที
เวินหงไห่มีสีหน้าเปลี่ยนไป เขารีบดึงเธอไว้ และใช้มือปิดปากเธออย่างรวดเร็ว
“ เธอกำลังพูดไร้สาระอะไร! ไม่รู้หรอว่าที่นี่ที่ไหน? ”
เห็นเจียงหยู่เทียนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คล้ายกับฟังที่เขาพูดไม่รู้เรื่องเลยสักนิด
เวินหงไห่พูดเตือนอย่างไม่ไว้ใจ: “ เดี๋ยวอีกสักครู่เธอหุบปากของตัวเองสะ ไม่ต้องพูดออกมาแม้แต่คำเดียว ”
แต่พอคิดอีกที ที่เจียงหยู่เทียนตกใจจนเป็นแบบนี้ คงเป็นเพราะสุดท้ายเธอก็ได้ลงมือกับเด็กไปแล้ว
ดูแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์สักทีเดียว
เวินหงไห่คิดในใจ สีหน้าของเขาตอนนี้ดูไม่ได้เป็นอย่างมาก
เขาพูดตำหนิ: “ เธอมันโง่! วิญญาณอะไร? อย่าคิดมาก วันนี้เพียงแค่เราทำตามแผนที่วางไว้ ก็จะไม่เกิดความผิดพลาดอะไร ”
เจียงหยู่เทียนไม่กล้าโต้แย้ง เธอจึงรีบพยักหน้า
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้องโถง เวินหงไห่เห็นจี้จิ่งเชินที่นั่งอยู่ด้านบน ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
คนยังไม่ถึง แต่เสียงถึงก่อนคน
“ ประธานจี้ ไม่คิดว่าคุณจะเรียกคนมาเยอะขนาดนี้ หรือว่าคุณมีความมั่นใจแล้ว? ”
วัยรุ่นชอบใจร้อน ถ้าผมเป็นคุณ ก็คงจะไม่ใช้แรงที่มีอยู่ทั้งหมดแบบนี้ ถ้าอีกสักครู่เกิดพลาดไปนิดเดียว ก็คงต้องจบจริงๆ ” เขาพูดอย่างเย้ยหยัน
จี้จิ่งเชินกลับไม่กระวนกระวายใจใดๆ เขาพูดขึ้น: “ เหมือนกันครับ ผมก็อยากส่งคืนประโยคนี้กลับไปให้คุณเช่นกัน ”
เขาชำเลืองมองเจียงหยู่เทียนที่อยู่ด้านหลังเวินหงไห่เล็กน้อย
ฝ่ายนั้นพอเห็นเขา ก็ตัวสั่นเทาขึ้นมาทันที
มุมปากของจี้จิ่งเชินยกขึ้นเล็กน้อย เผยรอยยิ้มที่แทบจะไม่มีใครสังเกตได้ออกมา
“ ในเมื่อมาถึงแล้วก็อย่าเสียเวลาเลย เริ่มกันดีกว่า ”
“ ได้สิ ผมก็จะรอดูเหมือนกันว่าคุณจะพูดอะไร ”
พูดจบ เวินหงไห่กับเจียงหยู่เทียนก็เดินเข้ามาใกล้
ทั้งสองคนเพิ่งจะได้นั่ง
จี้จิ่งเชินก็พูดขึ้น: “ เจียงหยู่เทียน เมื่อก่อนคุณเคยบอกว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นผมที่จุดเพลิงใช่ไหม? ”
เจียงหยู่เทียนหันไปมองเวินหงไห่อย่างเป็นกังวล พอได้รับความยินยอมของเขา เธอถึงค่อยพยักหน้า
“ ใช่ ”
“ ใช่หรอ? ”
จี้จิ่งเชินกลับไม่กระวนกระวายใจใดๆ และพูดออกมาอย่างช้าๆ: “ ตอนนั้นคุณบอกว่าผมขังคุณไว้ในบ้านตระกูลจี้ หลังจากที่คุณทนไม่ไหวและหนีออกมาได้แล้ว ผมถึงค่อยจุดไฟเผาบ้าน แต่ที่ผมสงสัย ในเมื่อคุณหนีออกมาได้แล้ว แล้วคุณเห็นผมจุดไฟได้ยังไงล่ะ?