เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 447
บทที่ 447 ตั้งใจยุแหย่
แต่ไม่คิดว่าหลีเจียเวยจะฝากพนักงานกลับไปบอกพวกอาจารย์ใหญ่นั้น
ว่าเธอกำลังเติมเครื่องสำอาง ไม่ว่างไป ถ้ามีธุระอะไรก็ให้พวกเขาเดินมาหาเธอเอง
พวกอาจารย์ใหญ่ได้ฟังก็โกรธจนหน้าคร่ำครึ สุดท้ายกลับไม่มีทางเลือก จึงทำได้เพียงเป็นฝ่ายเดินไปหาเธอเอง
หลีเจียเวยกำลังเติมเครื่องสำอางอยู่ในห้องแต่งหน้า เธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะ และเงยหน้ามองพวกอาจารย์ใหญ่สองสามคนรวมถึงเวินเที๋ยนเที๋ยนที่เดินผ่านประตูเข้ามาจากทางกระจก
เธอไม่ได้ยืนขึ้น
“ พวกอาจารย์ใหญ่มีธุระอะไรหรอ? ”
พวกเขามีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก และไม่สนว่าเวลานี้จะยังมีคนอื่นอยู่ในห้องแต่งหน้า
จึงได้พูดขึ้น: “หลีเจียเวยเมื่อกี้เธอทำอะไร? ”
“ อะไรคือทำอะไร? เมื่อสักครู่ไม่ใช่ว่ากำลังถ่ายรายการหรอกหรอ? ผิดตรงไหนไม่ทราบ? ”
“ ผิดแน่นอน! เมื่อสักครู่ ก็เห็นอยู่ว่าพิธีกรพูดถามฉัน ทำไมเธอต้องแย่งฉันพูด? ตั้งแต่เริ่มถ่ายรายการมา ฉันยังไม่ได้พูดเลยแม้แต่คำเดียว! ไม่ใช่แค่ฉัน คนอื่นๆก็ไม่ได้พูดเหมือนกัน หน้าตาทุกอย่างถูกเธอแย่งไปจนหมด ”
“ ใช่ สายงานของพวกเราให้ความสำคัญกับอะไร? นั่นก็คือรุ่น! ”
“ เธอเป็นแค่รุ่นเด็ก อย่าคิดแต่จะชูหน้าชูตา! ”
“ วัยรุ่น ถ้าเธอเป็นแบบนี้มันอาจจะส่งผลไม่ดีกับตัวเธอเองนะ ”
“ไม่รู้ว่าอาจารย์ฟ่านสอนเธอแบบไหนเลยจริงๆ ยังบอกว่าเป็นดาวดวงใหม่ของวงการโบราณวัตถุอะไรนั่นอีก เธอดูเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นตัวอย่าง เอาอย่างเธอหน่อยสิ ”
เดิมที เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนดูอยู่ข้างๆ ไม่คิดจะเข้าร่วมแต่อย่างใด
กลับไม่คิดว่า อยู่ๆพวกเขาจะเอาไฟแห่งสงครามมาใส่บนตัวเธอสะอย่างนั้น
เธอยิ้มอย่างจนปัญญา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเหมือนเดิม
ตอนนี้หลีเจียเวยที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะก็ได้เงยหน้าขึ้นมามอง
“ หรือว่าฉันทำผิดหรอ? แต่เมื่อก่อน ท่านอาจารย์เคยบอกกับฉันว่า พวกท่านเป็นอาจารย์ใหญ่ที่รักความสงบ ทำอะไรอย่างสัตย์ซื่อ ไม่สนใจเงินทองกับชื่อเสียง และก็ไม่ชอบออกหน้านี่น่า ”
“ ก็เพราะแบบนี้ ฉันถึงได้หวังดีมาช่วยพวกท่าน ให้พวกท่านได้หลบหลีกโอกาสที่จะได้ออกหน้าบนโทรทัศน์ หรือว่าฉันทำผิดไปหรอ? ”
เธอหันกลับไป และยืนขึ้น
เท้าของเธอเหยียบลงไปบนรองเท้าส้นสูงที่แหลมคม เพื่อให้เธออยู่สูงกว่าพวกอาจารย์ใหญ่ถึงครึ่งหัว
เธอก้มลงมองอาจารย์ใหญ่พวกนั้น มุมปากของเธอยกขึ้นจนได้รัศมี แต่กลับมองไม่เห็นรอยยิ้ม
“ หรือที่พวกอาจารย์ใหญ่พูดว่าพวกท่านมีคุณธรรมเป็นเรื่องโกหก? ที่แท้พวกท่านก็เป็นแค่คนธรรมดา ที่ชอบเงินกับอำนาจ และยังชอบออกหน้าออกตาต่อหน้าผู้คน? ถ้าเป็นแบบนั้นก็พูดกันง่ายหน่อย อีกเดี๋ยว ฉันจะไม่ช่วยพวกท่านตอบแล้วล่ะ ”
เธอพูดไม่ชัดเจน พอพูดประโยคนี้ สีหน้าของพวกอาจารย์ใหญ่ก็ดูไม่สู้ดียิ่งกว่าเดิม
คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดโกรธจนหน้าขาวซีด เขาหอบหายใจอย่างรุนแรง ใช้มือกดที่ทรวงอก และจ้องเธอเขม็ง
“ เธอ เธอพูดอะไรออกมา? เธอยังไม่รู้จักเคารพรุ่นอาวุโสหรอ? มีอย่างเธอที่ไหนที่พูดกับพวกฉันแบบนี้? ”
“ รุ่นอาวุโส? ”
หลีเจียเวยหัวเราะเยาะ “ แค่เข้ามาในสายงานนี้ก่อนฉันสิบกว่าปีก็เท่านั้น รุ่นอาวุโสอะไรกันล่ะ? ”
“ โบราณวัตถุระดับแรกเมื่อครั้งก่อน หาคนมาบูรณะแล้วก็ยังบูรณะไม่ได้ สุดท้าย ไม่ใช่ว่าต้องรอให้ฉันลงมือเองหรอกหรอ? ถ้าดูจากเวลา พวกท่านก็เป็นรุ่นอาวุโสจริงๆ แต่ถ้าอิงจากทักษะกับชื่อเสียงแล้ว ฉันอยู่เหนือกว่าพวกท่านทุกคน! ”
เธอพูดอย่างเย่อหยิ่ง พวกอาจารย์ใหญ่โมโหจนพูดไม่ออก
ต่อมา สายตาของหลีเจียเวยก็ไปหยุดอยู่ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ยืนอยู่แถวสุดท้าย และเธอก็ได้พูดยุแหย่ขึ้น: “ หรือว่าเธอเองก็มาแสดงความไม่พอใจล่ะ? ”
พูดจบ ไม่รอให้เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดตอบ เธอก็ได้พูดต่อ: “ โอ้ ใช่แล้ว ก่อนฉันมา เธอเป็นแค่แจกันดอกไม้ที่ตั้งโชว์ สวยแต่ไร้ความสามารถไม่ใช่หรอ? ”
เธอมองเวินเที๋ยนเที๋ยนตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ บอกว่าเธอเป็นแจกันดอกไม้ แต่ถ้าดูจากระยะห่างของตอนนี้ สมญานามนี้อาจจะยังใช้กับเธอไม่ได้นะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว และได้พูดขึ้น: “หลีเจียเวยเธอควรขอโทษอาจารย์ใหญ่พวกนี้นะ ”
วงการโบราณวัตถุ คนส่วนมากมาทุ่มเทกับสายงานนี้ก็เพราะพวกเขาชอบ
อาจารย์ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าพวกนี้มีชื่อเสียงกับประสบการณ์ในด้านการพินิจกับด้านการบูรณะมาก และยังสามารถใช้ความคิดได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกด้วย
แต่ถึงอย่างไร สุดท้ายคนก็ต้องกินข้าว ต่อให้อาจารย์ใหญ่พวกนี้จะมีความสุจริต คิดว่าเงินเป็นสิ่งนอกกาย ชื่อเสียงเป็นเมฆที่จับต้องไม่ได้
แต่ถ้าไม่มีเงินเลยก็ไม่ได้ พวกเขาก็อยากถูกคนยอมรับกับต้องดำรงชีวิตเหมือนกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ใครไม่ชอบถูกคนชื่นชมกับให้ความสำคัญกันล่ะ?
หลีเจียเวยกลับไม่ยอมเลิกรา เธอแสดงเจตนาอย่างชัดเจนว่าต้องการทำให้อาจารย์ใหญ่พวกนี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
แต่หลีเจียเวยได้ยินคำพูดของเวินเที๋ยนเที๋ยน เธอกลับหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
“ ขอโทษ? ฉันไม่ได้ทำผิดอะไร ทำไมต้องขอโทษด้วย? ”
พูดจบ เธอเงยหน้ามองเวลา
“ ใกล้จะถ่ายรายการต่อล่ะ อีกสักครู่ฉันต้องออกไปคุยเรื่องเนื้อหารายการกับผู้กำกับอีก ไม่มีเวลามาสิ้นเปลืองกับพวกคุณต่อแล้วล่ะ ”
เธอเดินไปได้สองก้าว เดินเพิ่งถึงหน้าประตู เธอก็หันกลับมา
“ ใช่ล่ะ ถ้าพวกคุณอยากออกหน้าจริงๆ อีกเดี๋ยว ฉันจะหลีกทางให้พวกคุณก็ได้ ”
พูดจบ เธอก็หัวเราะ และเดินบิดสะโพกออกไป
พอเธอเดินออกไป อาจารย์ใหญ่พวกนี้ก็โมโหจนพูดแช่งออกมา บางคนถึงกับยืนไม่อยู่ จนต้องนั่งลงไปบนโซฟา และหอบหายใจกันยกใหญ่
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วหลีเจียเวยเผด็จการแบบนี้ ทำอะไรไม่เหลือทางหนีทีไล่ จึงทำให้ล่วงเกินคนอื่นได้ง่าย
สิบนาทีผ่านไป รายการช่วงหลังก็ได้ถ่ายต่อ
บรรยากาศระหว่างพวกอาจารย์ใหญ่กับหลีเจียเวยยิ่งเก้อเขินขึ้นไปอีก เหมือนกับที่เธอบอกไว้ในห้องแต่งหน้าเลย และเธอก็ตั้งใจเรียกคนอื่นให้พูดอธิบาย
แต่พวกอาจารย์ใหญ่ล้วนเป็นคนที่เย่อหยิ่ง พวกเขามีสีหน้าไม่สู้ดีนัก จึงตอบปฏิเสธไป และไม่พูดอะไร
พิธีกรเห็นความขัดแย้งที่มีอยู่ระหว่างพวกเขา จึงให้สิทธิพูดกับหลีเจียเวยอย่างลำบากใจ
จนกระทั่งนำของล้ำค่าขึ้นมาเหมือนเดิม พิธีกรได้เชิญให้หลีเจียเวยทำการวิเคราะห์ แต่เธอกลับไม่พูด แต่อยู่ๆเธอก็โยนหัวข้อไปให้เวินเที๋ยนเที๋ยน และเรียกให้เวินเที๋ยนเที๋ยนวิเคราะห์แทน
พอเธอพูด พวกอาจารย์อีกสองสามท่านก็หันมามองทันที
พวกเขาดึงหลีเจียเวยลงมาต่อต้านไม่ได้ แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนรุ่นเดียวกับเธอ และไม่กังวลเรื่องศักดิ์ศรี พวกเขาจึงแอบใช้สายตาส่งกำลังใจให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นสายตาของทุกคน เธอก็รู้สึกจนปัญญาทันที
เดิมที เธออยากถ่ายรายการให้เสร็จไปอย่างเงียบๆ แต่ไม่คิดว่าสุดท้ายตัวเองจะต้องพูดอีก
หลีเจียเวยเหมือนกำลังตั้งใจรอเธออยู่ เธอไม่สามารถหยุดได้ จึงทำได้เพียงรับไมโครโฟนมา และสังเกตโบราณวัตถุที่พนักงานนำขึ้นมาอย่างละเอียด
เธอแยกแยะอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ถึงแม้ว่าในเวลาครึ่งปีที่ผ่านมา เธอจะไม่ได้ออกงานกับท่านเปิงต่อ แต่เบื้องหลังเธอกลับไม่เคยหยุดเรียนความรู้และทักษะด้านต่างๆจากท่านเปิงเลย
เพียงแต่วัตถุโบราณที่อยู่ตรงหน้าชิ้นนี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่เธอคุ้นเคย เธอจึงสังเกตอยู่สักครู่
และในตอนนี้หลีเจียเวยที่นั่งอยู่ด้านหน้ากลับพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ ไอยา ฉันลืมไปสนิทเลย ทำไมถึงให้เธอดูของชิ้นนี้นะ? เธอไม่คุ้นเคยต่อของชิ้นนี้นี่นา ถ้าพูดผิดก็คงแย่เลยน่ะสิ ”
เธอพูดกับตัวเอง และก็ได้หันไปพูดกับพิธีกร: “ แต่ไม่เป็นไร ให้คุณเวินเธอดูไปก่อน ถ้าเธอพูดผิดก็ค่อยตัดออก ไม่ต้องออกอากาศ อีกเดี๋ยว ฉันค่อยพูดแก้ให้ใหม่ก็ได้ค่ะ ”