เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 450
บทที่ 450 ออกหน้าให้เธอ
หลีเจียเวยเดินเข้ามาในห้องโถงของบริษัทเอ็มไอกรุ้ปอย่างไม่สนใจใคร เธอขึ้นลิฟท์มายังชั้นที่มีห้องทำงานของประธานบริษัทตั้งอยู่ จึงทำให้ดึงดูดความสนใจจากคนอื่นไม่น้อย
สองสามวันนี้ ความขัดแย้งของเธอกับเวินเที๋ยนเที๋ยนในอินเตอร์เน็ต คนในบริษัททุกคนได้เห็นแล้ว
ตอนนี้เห็นเธอกล้ามาที่บริษัท ดูก็รู้ว่าเธอต้องการมาชำระสิ่งสกปรก ทุกคนคาดเดาในใจอย่างอดไม่ได้
ข่าวลือแพร่ขยายไปทั่วในเวลาสั้นๆ ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เดิมที ช่วงนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนก็มาที่บริษัทน้อยครั้งมาก ถ้าตอนนี้กลับถูกหลีเจียเวยเข้าไปแทรกกลาง จะทำยังไงล่ะ?
อารมณ์ของจี้จิ่งเชินเดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย ทุกคนเห็นมาหมดแล้ว มีแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนคนเดียวที่สามารถทำให้เขาเชื่องได้ หลีเจียเวยจะไปทำได้ยังไงกันล่ะ?
เลขาที่นั่งอยู่หน้าประตูห้องทำงานของประธานบริษัทเห็นหลีเจียเวยเดินเข้ามา เธอก็ชะงักไปนิดหน่อย
ประธานจี้กับผู้ช่วยจงไม่เห็นเตือนเธอก่อนว่าหลีเจียเวยจะเข้ามา
ครั้งที่แล้ว เลขายังทำสงครามกับพวกแฟนคลับของหลีเจียเวยอยู่เลย พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าตัวปัญหาของเรื่องอยู่ตรงหน้าตัวเองสะแล้ว จึงทำให้เธอรู้สึกงุนงงนิดหน่อย
“ คุณหลี มีธุระอะไรหรอคะ? ”
หลีเจียเวยชำเลืองเมืองเธอเล็กน้อย หลังจากนั้นก็พูดขึ้น: “ ฉันมาตามคำเชิญของประธานจี้ ”
เลขาอยู่ฝั่งเวินเที๋ยนเที๋ยนมาตั้งแต่เริ่ม ตอนนี้เห็นหล่อนเย่อหยิ่งถึงขนาดนี้ เธอจึงดูถูกหล่อนอยู่ในใจ แต่ใบหน้ากลับมีมารยาท และไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา
“ คุณรอสักครู่ค่ะ ”
เธอเคาะประตูห้องทำงานของท่านประธาน หลังจากนั้นก็พูดแจ้งจี้จิ่งเชินที่อยู่ด้านใน
ในห้องทำงานกำลังจัดประชุมเล็กๆกับพวกผู้จัดการ และกำลังปรึกษาหารือทิศทางเกี่ยวกับการประกอบกิจการในครึ่งปีหลัง
ได้ยินว่าหลีเจียเวยมาถึงแล้ว จี้จิ่งเชินก็ได้สิ้นสุดการประชุมลงกลางคัน และให้พวกผู้จัดการออกไป
การกระทำเคร่งขรึมแบบนี้ ทำให้เลขาเกิดคำถามขึ้นในใจอย่างอดไม่ได้ และเธอก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
คงไม่เกิดการแยกทางจริงๆหรอกนะ?
หลีเจียเวยเดินเข้าไป พอเธอเห็นจี้จิ่งเชิน ใบหน้าของเธอก็ได้ปรากฏรอยยิ้มสวยขึ้นทันที
นี่เป็นการกระทำที่เธอฝึกฝนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน มีเพื่อนในอินเตอร์เน็ตจำนวนไม่น้อยเคยบอกว่ารอยยิ้มของเธอสวยมาก เห็นแล้วทำให้คนตกหลุมรักได้ในหนึ่งวินาทีเลยทีเดียว
แต่จี้จิ่งเชินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ เขามองเธออย่างเยือกเย็น
เขาพูดขึ้นอย่างไม่อ้อมค้อม: “ ที่เรียกคุณมาวันนี้ก็เพราะอยากถามคุณเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ถ่ายรายการ 《ล่าสมบัติ》 เมื่อสองวันก่อน ”
ถึงแม้ว่าก่อนมาเธอรู้อยู่แล้วว่าที่จี้จิ่งเชินเรียกเธอมาหาก็เพราะเรื่องนี้ แต่เห็นจี้จิ่งเชินไม่มีปฏิกิริยาใดๆแม้แต่นิดเดียว ก็ทำให้หลีเจียเวยเกิดความรู้สึกไม่พอใจอยู่ในใจ
แต่ตอนนี้กลับเกิดความรู้สึกชื่นชมกับยกย่อง
เธอจำได้ว่าตอนนี้จี้จิ่งเชินเป็นอัมพาตไปแล้วนี่นา?
สองขาเดินไม่ได้ ทำได้เพียงพึ่งรถเข็นในการเคลื่อนที่
แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ ก็ปกปิดอวัยวะบนใบหน้าที่หล่อเหลากับเสน่ห์ที่มีแรงดึงดูดไม่ได้
เธอทำงานในสายงานนี้ มักจะคบค้าสมาคมกับบุคคลที่มีชื่อเสียงอยู่บ่อยๆ แต่คนอายุเท่านี้ที่สามารถนั่งอยู่บนตำแหน่งนี้ได้ มีเพียงจี้จิ่งเชินคนเดียวเท่านั้น
ยิ่งผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าหล่อจนเกินไปขนาดนี้ มิน่าล่ะ ต่อให้ความรู้สึกของเขากับเวินเที๋ยนเที๋ยนจะมีแยกทางกันบ้าง แต่ก็มีคนจำนวนมากที่พร้อมจะเอียงมาหาเขา
เวินเที๋ยนเที๋ยน ผู้หญิงคนนั้น ไม่คู่ควรกับเขาเลยสักนิด
มีแค่ตัวเธอคนเดียว ที่เกิดมาคู่กับจี้จิ่งเชิน
เลขาเห็นหลีเจียเวยเดินเข้าไปด้วยตาของตัวเอง หลังจากที่เลขานั่งลงที่โต๊ะทำงานแล้ว สุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหว จึงหยิบโทรศัพท์ออกมา และกดโทรหาใครบางคน
อีกฝั่งนึง เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ที่บ้านของท่านเปิง
รอจนเธอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นเสร็จ ท่านเปิงไม่ได้ตำหนิอะไร กลับตบมือและพูดว่าดี!
“ ใช่! ต้องแบบนี้! ”
“ ฟ่านฉิน ผู้หญิงคนนั้นน่ะ ปรกติก็ตั้งใจเป็นศัตรูกับข้าอยู่แล้ว ลูกศิษย์ที่หล่อนสอนออกมาก็เหมือนตัวหล่อนนั่นแหละ! เจ้าหนู ข้าจะบอกเจ้าให้ ต่อไปถ้าเจ้าเห็นพวกเขาลงไม้ลงมือ เจ้าไม่ต้องเกรงใจข้าเด็ดขาด เกิดเรื่องอะไรขึ้น ข้ารับผิดชอบให้เจ้าเอง! ”
ท่านเปิงตบหน้าอก อยู่ๆเขาก็นึกถึงคำวิจารณ์ที่เพิ่งเห็นในอินเตอร์เน็ตวันนี้ และได้ขมวดคิ้วนิดหน่อย
เห็นทีว่าเจ้าหนูจัดการเรื่องด้านนี้ไม่ค่อยเป็นฟ่านฉินกับลูกศิษย์ของหล่อนคนนั้นเป็นผู้มีฝีมือ
ตอนนี้ คนที่อยู่ข้างนอกยังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด จึงโยนความผิดมาให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
เขาจะมองเวินเที๋ยนเที๋ยนได้รับความไม่เป็นธรรมได้ยังไงล่ะ?
“ เรื่องในอินเตอร์เน็ต ไม่ตอบกลับไปหน่อยหรอ? บอกเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้กับทุกคนได้รู้ เหตุการณ์ตอนถ่ายรายการในวันนั้นคงจะถูกบันทึกภาพไว้แล้วแหละ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้าไปมา
“ วันนี้หนูถามแล้วค่ะ เมื่อวานมีคนมาเอาเทปบันทึกภาพวันนั้นไปแล้ว รายการไม่ยอมบอกหนูถึงสถานะของฝ่ายนั้น หนูจึงไม่มีทางอื่นแล้วค่ะ ”
“ น่าเสียดาย ”
ท่านเปิงขมวดคิ้ว เขาคิดสักพัก หลังจากนั้นก็ได้พูดเสนอขึ้น: “ ไม่อย่างนั้น เจ้าก็จ้างคนมาด่าสิอย่างน้อยก็ไม่ทำให้เจ้าเป็นฝ่ายถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว ให้คนพวกนั้นด่าหล่อนให้เลือดสาดเลย! ”
เขาโบกแขนไปมาอย่างตื่นเต้น แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับสงบนิ่ง
“ ต่อให้ด่าชนะ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพียงแค่รอให้เวลาผ่านไปสักสองสามวัน พวกคนในอินเตอร์เน็ตก็คงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ”
ท่านเปิงเห็นเธอมีท่าทีไม่ทุกข์ร้อน แต่คนที่อยู่รอบข้างอย่างเขากลับร้อนรนเสียเอง
“ เจ้าไม่ร้อนรนสักหน่อยหรอ? นี่มันเกี่ยวกับชื่อเสียงของเจ้านะ เจ้าหนู วันนั้นฝ่ายนั้นแย่งของไปจากเจ้า เจ้าจะทำยังไง? ”
“ของของหนู? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดสักพัก หลังจากนั้นก็พูดขึ้น: “ ไม่เป็นไรค่ะ ขอเพียงแค่เป็นเขาก็พอ ”
ท่านเปิงได้ฟัง ก็รู้แล้วว่าเขาที่เธอบอกนั้นคือใคร ทั้งโมโห ทั้งจนปัญญา
แต่ไม่นาน ตาของเขาก็หมุนไปมา และเกิดความคิดใหม่ขึ้นทันที
“ ไม่อย่างนั้น เจ้าก็ถามจี้จิ่งเชินสิ เขาต้องมีวิธีอย่างแน่นอน ”
ได้ยินชื่อนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ชะงักไปนิดหน่อย
“ ตอนนี้จี้จิ่งเชินหลบหนูยังไม่ทันเลยค่ะ เขาจะช่วยหนูได้ยังไงล่ะคะ? ”
“ ว่าไงนะ? ” ท่านเปิงมองเธออย่างตกตะลึง “ พวกเธอเป็นอะไรไป หรือว่าเจ้าบ้านั้นรังแกเจ้า? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“ ครั้งนี้คงเป็นหนูเองที่คอยตามเขามั้งคะ? ”
เมื่อก่อนรับปากแล้วว่าจะไม่ไปหาเขาอีก แต่ตัวเองกลับจับช่องโหว่ของจี้จิ่งเชินได้
เมื่อก่อนเธอคงไม่ทำเรื่องแบบนี้อย่างเด็ดขาด?
กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย อยู่ๆโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยิบออกมาดู ไม่คิดว่าจะเป็นเลขาของจี้จิ่งเชินที่เป็นคนโทรมา
นี่เป็นครั้งแรกที่รับสาย
“ คุณเวินคะ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกตื่นเต้น พอเห็นว่าเป็นเลขา เธอก็นึกถึงของขวัญที่ตัวเองส่งไปให้จี้จิ่งเชินอยู่บ่อยครั้ง
“ ฉันเองค่ะ หรือว่าจี้จิ่งเชินรู้แล้วว่าเป็นฉัน? ”
“ ไม่ใช่ค่ะ คุณเวิน มีอีกเรื่อง ” พูดจบ เลขาก็ลดเสียงลงนิดหน่อย
“ คุณกับหลีเจียเวยมีเรื่องกันใช่ไหมคะ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ฟังก็คิดว่าเธอคงเห็นคำวิจารณ์ในอินเตอร์เน็ตแล้ว
“ ก็มีนิดหน่อยค่ะ มีอะไรหรือเปล่า? ”
“ ฉันเดาถูกเห็นไหม! ”
เลขาพูดขึ้น: “ เมื่อสักครู่หลีเจียเวยมาที่บริษัท และเดินเข้าไปในห้องทำงานของท่านประธานค่ะ ได้ยินเธอบอกว่าประธานจี้เป็นคนเชิญเธอมาหาค่ะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ฟัง ก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย เธอลังเลไปสักพัก
เลขาเห็นเธอไม่พูดอะไร ก็ได้พูดต่อ: “ ฉันหมายถึง คุณไม่มาดูหน่อยหรอคะ? ”
น้ำเสียงของเธอมีความขัดแย้งกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่คิดว่าจี้จิ่งเชินกับหลีเจียเวยจะมีอะไรกันจริงๆ
เหตุผลเดียวที่คิดออก ที่จี้จิ่งเชินเรียกให้หล่อนมาหาคงเป็นเรื่องอุบัติเหตุการถ่ายรายการเมื่อครั้งก่อนสะมากกว่า?
หรือว่าจี้จิ่งเชินจะออกหน้าให้เธอ?