เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 451
บทที่ 451 ผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ
พอคิดมาถึงตรงนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกดีใจขึ้นมา
หรือว่าจี้จิ่งเชินดูรายการของเธอมาตลอด
เธออดกลั้นความสงสัยที่อยู่ในใจไม่ได้ เธออยากจะไปดูว่าตกลงแล้วจี้จิ่งเชินเขาพูดอะไรกันแน่
“ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ คุณอย่าบอกจี้จิ่งเชินนะคะ ”
“ ไม่มีปัญหาค่ะ ”
พอได้ยินว่าเธอจะมา เลขาก็รีบพูดรับปากทันที: “ เหมือนครั้งก่อนๆ ฉันเข้าใจค่ะ แต่คุณต้องรีบมาหน่อยนะคะ ถ้าหลีเจียเวยกลับไปแล้ว คุณก็มาไม่ทันหล่อนนะคะ ”
“ ทราบแล้วค่ะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนวางสาย หลังจากนั้นเธอก็หันไปพูดกับท่านเปิง: “ อาจารย์คะ หนูจะไปที่บริษัทเอ็มไอกรุ้ปสักหน่อย ครั้งหน้าหนูค่อยเข้ามาบอกเนื้อหารายการให้อาจารย์ทราบนะคะ ”
“ ไปหาจี้จิ่งเชินหรอ? ”
นึกถึงที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งพูดเมื่อสักครู่ เขาก็พูดขึ้นอย่างสงสัย: “ ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอและจี้จิ่งเชินกันแน่? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้ม เธอหยิบกระเป๋าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาสะพาย
และพูดขึ้น: “ เรื่องมันยาว ไว้หนูค่อยบอกอาจารย์คราวหลังนะคะ หนูขอตัวก่อน ใกล้ไม่ทันเวลาแล้วค่ะ ”
พูดจบ เธอก็รีบออกจากตระกูลจางอย่างรวดเร็ว ไม่นานเธอก็มาถึงใต้ตึกบริษัทเอ็มไอกรุ้ป
เดินอ้อมพนักงานที่อยู่ที่แผนกต้อนรับ เหมือนครั้งก่อนๆ เธอขึ้นลิฟท์ทางประตูหลัง และมาถึงห้องทำงานที่อยู่ชั้นบนสุด
พอประตูลิฟท์เปิด เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังจะเดินออกไปด้านนอก แต่กลับเผชิญหน้ากับหลีเจียเวยที่ยืนอยู่ด้านนอกเสียก่อน
สีหน้าของหล่อนไม่ค่อยสู้ดีนัก ไม่รู้ว่าหล่อนพูดอะไรกับจี้จิ่งเชินบ้าง
พอเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ด้านใน สีหน้าของหล่อนก็เปลี่ยนไปทันที
“ ตามมาเร็วขนาดนี้เลยหรอ? ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นแหละ ”
พูดจบ หล่อนก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปในลิฟท์ ตอนที่เดินผ่านตัวเวินเที๋ยนเที๋ยน หล่อนก็พูดขึ้น: “ คนที่มีคนอยู่เบื้องหลังนี่ดีจังเลยนะ ไม่ต้องออกหน้าเอง ก็มีคนมากมายคอยช่วยเหลือ ตอนนี้ แม้แต่จี้จิ่งเชินก็ยังออกปากให้เธอ ต่อให้ฉันไม่ได้รับความเป็นธรรมมากขนาดไหน ก็ทำได้แค่กลืนมันลงไปเท่านั้น ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว เธอเอียงตัวและหันไปขวางหน้า หลีเจียเวย
การกระทำของหลีเจียเวยถูกขวางทางอย่างคนถูกบีบบังคับ หล่อนจึงมองเธอกลับอย่างยั่วยุ
“ เธอจะทำอะไร? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขึ้น: “ ถ้าสิ่งที่เธอพูดคือเรื่องที่เกิดขึ้นตอนอัดรายการเมื่อวาน คำว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมคำนี้ ไม่ใช่เธอที่ควรพูดมันนะ ”
“ ความจริงของเรื่องทั้งหมดเป็นยังไง? ฉันว่าเธอคงรู้และเข้าใจมากกว่าคนอื่นๆนะ ฉันสามารถไม่สนใจเรื่องในอินเตอร์เน็ต แต่อยู่ต่อหน้าฉัน เธอไม่จำเป็นต้องเล่นละครตบตาต่อแล้วก็ได้นะ ”
สีหน้าของหลีเจียเวยเปลี่ยนไปทันที
“ พวกคุณมีทั้งอำนาจ ทั้งตำแหน่ง อยากพูดยังไงก็ถูกหมด คนที่ไม่มีคนที่อยู่เบื้องหลัง แถมไม่มีคนค่อยช่วยเหลือแบบฉัน ก็ทำได้เพียงฟังพวกคุณ ไม่ว่าคุณจะพูดอะไรก็ดีไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ”
หล่อนพูดเสียงดัง เสียงแหลมของหล่อนทิ่มแทงจนเวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกปวดหู
“ คุณกำลังพูดอะไร? ”
คำพูดของหลีเจียเวยเพิ่งพูดจบ อยู่ๆเสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
พอเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินเสียงเสียงนี้ เธอก็รีบหันไปมองอย่างลืมตัว
เป็นจี้จิ่งเชิน
ไม่รู้ว่าเขามาถึงที่ทางเดินอีกฝั่งตอนไหน และเขาก็กำลังมองพวกเธออยู่
หลีเจียเวย หันกลับไปมอง หล่อนยิ้มให้เธอ และพูดขึ้นนิ่งๆ: “ ก็แค่ทักทายกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรหรอก แต่ประธานจี้ คุณก็อย่าลืมสัญญาระหว่างเราแล้วกันล่ะ ”
พูดจบ หล่อนก็กระพริบตาให้จี้จิ่งเชิน หลังจากนั้นก็หมุนตัว และเดินเข้าลิฟท์
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ฟังดังนั้น เธอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจี้จิ่งเชินกับหล่อนทำสัญญาอะไรไว้กันแน่
เธอหันกลับไปมองอย่างสงสัย แล้วก็เห็นสายตาของจี้จิ่งเชินมองมาที่เธอพอดี เธอจึงรู้สึกตกใจ
เธอมองซ้ายมองขวา รีบเข้าไปหลบด้านหลังแจกันดอกไม้ขนาดใหญ่ทันที และยังใช้ใบไม้บังหน้าตัวเองไว้อย่างขาดความมั่นใจอีกด้วย
จี้จิ่งเชินเห็นท่าทีของเธอ เขาก็ชะงักไปเล็กน้อย หลังจากนั้นถึงได้เข้าใจสาเหตุที่เวินเที๋ยนเที๋ยนทำแบบนี้ มุมปากของเขาจึงยกขึ้นอย่างอดไม่ได้
เดิมที สีหน้าที่ตั้งใจจะแสร้งทำเป็นเคร่งขรึมก็ได้หายไปทันที
“ คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”
แม้แต่น้ำเสียงก็ยังมีความขี้เล่นผสมอยู่ในนั้นอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
ผู้หญิงคนนี้น่ารักเกินไปแล้ว
หรือเธอคิดว่าตัวเองหลบอยู่ที่ด้านหลังดอกไม้ต้นนั้น แล้วเขาจะมองไม่เห็นเธอจริงๆ
หรือว่าเธอลืมเรื่องเมื่อไม่กี่นาทีก่อนแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งตระหนักถึงจุดนี้ แต่เพราะเธอกลัวว่าจะถูกจี้จิ่งเชินไล่กลับ จึงทำเรื่องโง่ๆลงไปอย่างไม่ระวัง
เธอรู้สึกหงุดหงิดในใจ ทำได้เพียงโผล่หัวออกมาจากหลังใบไม้
และโบกมือให้เขา
“ จี้จิ่งเชิน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ”
“ คุณมาที่นี่มีธุระอะไรหรือเปล่า? ” จี้จิ่งเชินพูดถามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับไปมองทางลิฟท์เล็กน้อย กลับพบว่าหลีเจียเวยที่อยู่ด้านในได้กลับไปแล้ว
แต่เธอไม่สามารถบอกจี้จิ่งเชินได้ว่าเธอตั้งใจมาเพื่อคุ้มครองตัวเธอเองนี่นา?
“ ฉันมีธุระนิดหน่อย ผ่านมาเฉยๆน่ะ…… ”
จี้จิ่งเชินเลิกคิ้วเล็กน้อย
“ ผ่านมาทางประตูห้องทำงานของผม? ”
“ ใช่ ” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขึ้น: “ ได้ยินพอดี จึงเดินมาดูเสียเลย ”
“ ตอนนี้ดูเสร็จแล้ว ก็กลับไปได้แล้วหนิ? ”
ได้ยินคำพูดของจี้จิ่งเชิน เวินเที๋ยนเที๋ยนก็สองจิตสองใจ ไม่อยากไป
แต่หลังจากที่จี้จิ่งเชินพูดเสร็จแล้ว เขาก็ควบคุมรถเข็นเตรียมจะจากไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนจะเลิกราได้ยังไงล่ะ?
กว่าจะเจอหน้าได้สักครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เธอจึงรีบเดินตามหลังเขาไป
รอจนจี้จิ่งเชินเข้าไปในห้องทำงานแล้ว เธอถึงได้พูดถามขึ้นอย่างอดไม่ได้: “ นายคุยอะไรกับหลีเจียเวย เพราะเรื่องรายการเมื่อครั้งก่อนหรือเปล่า? ”
การกระทำของจี้จิ่งเชินหยุดลงทันที บนใบหน้าของเขาปรากฏสีหน้าที่ไม่เป็นตัวเองขึ้นมา
แต่เพราะเขาหันหลังให้เวินเที๋ยนเที๋ยน ฝ่ายนั้นจึงไม่เห็น
“ รายการอะไร? ผมไม่รู้เรื่อง ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเดินขึ้นไป หวังจะตามเขาให้ทัน
แต่จี้จิ่งเชินไปถึงหลังโต๊ะทำงานเสียก่อน
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว และพูดขึ้นอย่างโมโห: “ งั้นนายเรียกหลีเจียเวยมามีธุระอะไร? เพราะอะไร? ”
“ เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับคุณ ” จี้จิ่งเชินพูดตอบ
เขานั่งมองเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่บนเก้าอี้
“ ครั้งก่อน ตอนที่รับปากคุณไปที่ชิงช้าสวรรค์ คุณเคยบอกกับผมว่าครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้าย แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องถามแบบนี้ เธอจึงมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย และพูดอธิบายอย่างเสียไม่ได้: “ ครั้งก่อนที่ฉันบอกว่าครั้งสุดท้าย แต่ฉันหมายความว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะส่งอาหารกลางวันให้นาย…… ”
เธอแอบมองจี้จิ่งเชินเล็กน้อย หลังจากนั้นก็พูดขึ้น: “ หลังจากวันนั้น ฉันก็ไม่ได้มาส่งอาหารกลางวันอีก ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนแบกหน้าจนพูดจบ จี้จิ่งเชินได้ฟังก็ตกตะลึงไป
นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนแสดงท่าทีที่พูดได้ว่ากำลังเถียงข้างๆคูๆ
แต่ท่าทางนั้น ทำไมดูแล้วกลับรู้สึกว่าน่ารักล่ะ?
ให้ตายเถอะ เห็นอยู่ว่าไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน ทำไมผู้หญิงคนนี้กลับยิ่งอยู่ยิ่งชวนให้คนหลงรัก ยิ่งอยู่ยิ่งทำให้คนใจสั่นได้ล่ะ? ”
ต่อให้มองอยู่ที่ไกลๆแบบนี้ แต่ใจของจี้จิ่งเชินกำลังสั่น
เขาควบคุมตัวเองไม่ให้แสดงสีหน้าลุ่มหลงออกมา และก็ควบคุมไม่ให้ปากของตัวเองยกขึ้น
ยิ่งต้องควบคุมไม่ให้ตัวเองอ้าปากพูดความรู้สึกที่อยู่ในใจออกมา กอดเอย จูบเอย รักเอย
ทำได้เพียงแสดงท่าทีห่างเหิน
“ ผมไม่เคยรู้ว่าคุณเล่นเล่ห์เหลี่ยมแบบนี้เป็นด้วย ”
ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนแดงเป็นเลือดฝาด เธอพูดขึ้นอย่างลำบากใจ: “ ก็ฉันไม่มีวิธีอื่นนี่นา…… ”
ถ้าไม่ทำแบบนี้ จี้จิ่งเชินก็อาจจะไปจากเธอจริงๆ
เพราะฉะนั้น เธอจึงคิดว่าต่อให้ต้องเสียเกียรติ เธอก็จะไม่ปล่อยผู้ชายคนนี้ไปเด็ดขาด
ผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ ในขณะเดียวกันเขาก็รักเธอมากที่สุดเหมือนกัน